อิสยาห์ 38:1-22
อิสยาห์ 38:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ในช่วงนั้นเฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตายแล้ว อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสก็ได้มาหาท่านและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ให้สั่งเสียคนในครัวเรือนของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะไม่หายหรอก’” แล้วเฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ท่านพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดอย่าลืมว่าข้าพเจ้านั้นได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดี” แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง แล้วอิสยาห์ก็ได้รับข้อความจากพระยาห์เวห์ว่า “ไปหาเฮเซคียาห์และบอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน พูดว่าอย่างนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และได้เห็นน้ำตาของเจ้า เราจะต่อชีวิตให้กับเจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และเราก็จะป้องกันเมืองนี้ไว้’” แล้วนี่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า พระยาห์เวห์จะทำในสิ่งที่พระองค์ได้บอก พระยาห์เวห์พูดว่า “คอยดูนะ เราจะทำให้เงาที่ทอดยาวไปบนขั้นบันไดของอาหัส ย้อนถอยหลังกลับไปสิบขั้น” แล้วเงาของดวงอาทิตย์ที่ได้ทอดยาวไปแล้วนั้น ก็ได้ถอยหลังกลับไปสิบขั้น ต่อไปนี้คือสิ่งที่เฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์เขียนขึ้นมา หลังจากที่ท่านป่วยและหายดีแล้ว ตอนนั้นข้าพูดว่า “ในช่วงกลางคน ข้าจะต้องไปซะแล้ว แล้วใช้วันปีที่เหลือข้างในประตูแห่งแดนผู้ตาย” ตอนนั้นข้าพูดว่า “ข้าจะไม่ได้เห็นพระยาห์เวห์ในแดนของคนเป็นอีกแล้ว ข้าจะไม่ได้เห็นคนหรืออยู่กับคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ชั่วชีวิตของข้าก็ถูกรื้อลงและเอาไปจากข้าเหมือนเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ชีวิตของข้าถูกม้วนเก็บเหมือนกับคนทอผ้าม้วนผ้า พระองค์ตัดข้าออกจากหูกทอผ้า พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว ข้าร้องขอความช่วยเหลือจนถึงเช้า พระองค์หักกระดูกทั้งหมดของข้าเหมือนสิงโต พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว ข้าร้องเหมือนกับนกนางแอ่นและนกกระเรียน ข้าร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขา ตาของข้าเมื่อยล้าจากการมองขึ้นไปบนสวรรค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าถูกกดขี่ข่มเหง ช่วยประกันตัวข้าออกไปด้วยเถิด เมื่อพระเจ้าบอกว่าจะทำอะไร ข้าจะทำอะไรได้ และพระองค์เป็นผู้ทำมันเอง ข้านอนไม่หลับ เพราะความทุกข์ในใจ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เราอยู่ได้เพราะสิ่งที่พระองค์พูดและทำ สิ่งทั้งหมดนั้นทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต ขอคืนสุขภาพที่แข็งแรงให้กับข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถิด” ดูเถอะ ที่ข้ามีความทุกข์มากนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อข้า พระองค์ได้ไว้ชีวิตของข้าไม่ให้ตกลงไปในหลุมแห่งความพินาศ พระองค์ได้เอาความบาปทั้งหมดของข้าเหวี่ยงทิ้งไปด้านหลังพระองค์ คนในแดนคนตายไม่สามารถขอบคุณพระองค์ได้ คนตายก็ไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ได้ คนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมก็ไม่สามารถหวังพึ่งในความสัตย์ซื่อของพระองค์ได้ มีแต่คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์ได้เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ พวกพ่อจะสอนลูกๆของเขาเกี่ยวกับความสัตย์ซื่อของพระองค์ พระยาห์เวห์พร้อมที่จะช่วยกู้ข้าพเจ้าเสมอ ดังนั้น พวกเราจะเล่นเครื่องสายตลอดชีวิตของพวกเราที่วิหารของพระยาห์เวห์ อิสยาห์ได้บอกพวกคนรับใช้ของกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ให้เอามะเดื่อมาอัดกันเป็นก้อนแล้วโปะเข้าไปที่แผลเปื่อยของเขา แล้วเขาก็จะหาย” เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “จะมีอะไรพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์อีก”
อิสยาห์ 38:1-22 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ครั้งนั้น เฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า <<พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการการบ้านการเมืองให้เรียบร้อย เจ้าจะต้องตาย เจ้าจะไม่ฟื้น>> แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า <<ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และสิ้นสุดใจ และได้กระทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์>> และเฮเซคียาห์ทรงกันแสงมากยิ่ง แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงอิสยาห์ว่า <<จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือของพระราชาอัสซีเรีย และป้องกันเมืองนี้ไว้ นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระเจ้า ที่พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ ดูเถิด เราจะกระทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น>> ดวงอาทิตย์ก็ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น ตามขั้นที่ได้ตกไป บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ได้ทรงประชวร และทรงฟื้นจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า ข้าพเจ้าว่า เมื่อชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงกลางคน ข้าพเจ้าจะต้องพรากไป ข้าพเจ้าถูกมอบไว้ที่ประตูแดนคนตาย ตลอดชีวิตบั้นปลายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระเจ้า ในแผ่นดินของผู้มีชีวิต ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์อีก ที่ในหมู่ชาวแผ่นดินโลก ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อถอนออกไปจากข้าพเจ้า อย่างกับเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าได้ม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าได้ถ่อมตัวลงจนรุ่งเช้า พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงห์ พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นหรือนกกรอด ข้าพเจ้าพิลาปอย่างนกพิราบ ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนด้วยมองขึ้นข้างบน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอพระองค์ทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองได้ทรงกระทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ดำเนินไปด้วยความสงบเสงี่ยมตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นแห่งจิตใจของข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ และชีวิตแห่งวิญญาณของข้าพระองค์ก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้ ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและขอทรงทำให้ข้าพระองค์มีชีวิต นี่แน่ะ เพราะเห็นแก่สวัสดิภาพของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นมากยิ่ง แต่พระองค์ทรงรักชีวิตของข้าพระองค์ ไม่ให้ตกหลุมแห่งความพินาศ เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ไว้เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระองค์ เพราะแดนคนตายโมทนาพระคุณพระองค์ไม่ได้ ความมรณาสรรเสริญพระองค์ไม่ได้ บรรดาคนที่ลงไปยังปากแดนคนตายนั้น จะหวังในสัจธรรมของพระองค์ไม่ได้ คนเป็น คนเป็น เขาโมทนาพระคุณพระองค์ อย่างที่ข้าพระองค์กระทำในวันนี้ บิดาได้สำแดง ถึงสัจธรรมของพระองค์แก่ลูกของเขา พระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเล่นเครื่องสายของข้าพเจ้า ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่พระนิเวศของพระเจ้า ฝ่ายอิสยาห์ได้กล่าวว่า <<ให้เขาเอาขนมมะเดื่อมาแผ่นหนึ่ง และแปะไว้ที่พระยอด เพื่อพระองค์จะฟื้น>> เฮเซคียาห์ได้ตรัสด้วยว่า <<อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่า ข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า>>
อิสยาห์ 38:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ในช่วงนั้นเฮเซคียาห์ป่วยใกล้ตายแล้ว อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสก็ได้มาหาท่านและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ให้สั่งเสียคนในครัวเรือนของเจ้าให้เรียบร้อย เพราะเจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะไม่หายหรอก’” แล้วเฮเซคียาห์ก็หันหน้าเข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ท่านพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดอย่าลืมว่าข้าพเจ้านั้นได้รับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อด้วยสุดหัวใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดี” แล้วเฮเซคียาห์ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง แล้วอิสยาห์ก็ได้รับข้อความจากพระยาห์เวห์ว่า “ไปหาเฮเซคียาห์และบอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์ พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน พูดว่าอย่างนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และได้เห็นน้ำตาของเจ้า เราจะต่อชีวิตให้กับเจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และเราก็จะป้องกันเมืองนี้ไว้’” แล้วนี่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า พระยาห์เวห์จะทำในสิ่งที่พระองค์ได้บอก พระยาห์เวห์พูดว่า “คอยดูนะ เราจะทำให้เงาที่ทอดยาวไปบนขั้นบันไดของอาหัส ย้อนถอยหลังกลับไปสิบขั้น” แล้วเงาของดวงอาทิตย์ที่ได้ทอดยาวไปแล้วนั้น ก็ได้ถอยหลังกลับไปสิบขั้น ต่อไปนี้คือสิ่งที่เฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์เขียนขึ้นมา หลังจากที่ท่านป่วยและหายดีแล้ว ตอนนั้นข้าพูดว่า “ในช่วงกลางคน ข้าจะต้องไปซะแล้ว แล้วใช้วันปีที่เหลือข้างในประตูแห่งแดนผู้ตาย” ตอนนั้นข้าพูดว่า “ข้าจะไม่ได้เห็นพระยาห์เวห์ในแดนของคนเป็นอีกแล้ว ข้าจะไม่ได้เห็นคนหรืออยู่กับคนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ชั่วชีวิตของข้าก็ถูกรื้อลงและเอาไปจากข้าเหมือนเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ชีวิตของข้าถูกม้วนเก็บเหมือนกับคนทอผ้าม้วนผ้า พระองค์ตัดข้าออกจากหูกทอผ้า พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว ข้าร้องขอความช่วยเหลือจนถึงเช้า พระองค์หักกระดูกทั้งหมดของข้าเหมือนสิงโต พระองค์จบชีวิตของข้าในวันเดียว ข้าร้องเหมือนกับนกนางแอ่นและนกกระเรียน ข้าร้องคร่ำครวญเหมือนนกเขา ตาของข้าเมื่อยล้าจากการมองขึ้นไปบนสวรรค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าถูกกดขี่ข่มเหง ช่วยประกันตัวข้าออกไปด้วยเถิด เมื่อพระเจ้าบอกว่าจะทำอะไร ข้าจะทำอะไรได้ และพระองค์เป็นผู้ทำมันเอง ข้านอนไม่หลับ เพราะความทุกข์ในใจ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เราอยู่ได้เพราะสิ่งที่พระองค์พูดและทำ สิ่งทั้งหมดนั้นทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิต ขอคืนสุขภาพที่แข็งแรงให้กับข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเถิด” ดูเถอะ ที่ข้ามีความทุกข์มากนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อข้า พระองค์ได้ไว้ชีวิตของข้าไม่ให้ตกลงไปในหลุมแห่งความพินาศ พระองค์ได้เอาความบาปทั้งหมดของข้าเหวี่ยงทิ้งไปด้านหลังพระองค์ คนในแดนคนตายไม่สามารถขอบคุณพระองค์ได้ คนตายก็ไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ได้ คนเหล่านั้นที่ลงไปยังหลุมก็ไม่สามารถหวังพึ่งในความสัตย์ซื่อของพระองค์ได้ มีแต่คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์ได้เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ พวกพ่อจะสอนลูกๆของเขาเกี่ยวกับความสัตย์ซื่อของพระองค์ พระยาห์เวห์พร้อมที่จะช่วยกู้ข้าพเจ้าเสมอ ดังนั้น พวกเราจะเล่นเครื่องสายตลอดชีวิตของพวกเราที่วิหารของพระยาห์เวห์ อิสยาห์ได้บอกพวกคนรับใช้ของกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “ให้เอามะเดื่อมาอัดกันเป็นก้อนแล้วโปะเข้าไปที่แผลเปื่อยของเขา แล้วเขาก็จะหาย” เฮเซคียาห์ถามอิสยาห์ว่า “จะมีอะไรพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์อีก”
อิสยาห์ 38:1-22 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เวลานั้น เฮเซคียาห์ประชวรใกล้สิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘จงจัดการบ้านเรือนให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะตาย จะไม่มีชีวิตอยู่’ ” แล้วเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าข้างฝา และทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ขอวิงวอนพระองค์ให้ระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยสิ้นสุดใจ ทั้งได้ทำสิ่งดีในสายพระเนตรของพระองค์” แล้วเฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างมาก และพระวจนะของพระยาห์เวห์ก็มาถึงอิสยาห์ว่า “จงไปและบอกเฮเซคียาห์ว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิด บรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า เราเห็นน้ำตาของเจ้า นี่แน่ะ เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าอีกสิบห้าปี และเราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือพระราชาของอัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้ไว้’ ” “นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระยาห์เวห์ ที่พระยาห์เวห์จะทรงทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า ‘ดูสิ เราจะทำให้เงาจากดวงอาทิตย์ที่ทอดลงไปเป็นขั้นๆ บนนาฬิกาแดดของอาหัสนั้นย้อนกลับขึ้นมาสิบขั้น’ ” ดวงอาทิตย์ก็ย้อนกลับมาสิบขั้นบนนาฬิกาแดดตามขั้นที่มันได้ผ่านไปแล้ว บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ หลังจากประชวร และทรงมีชีวิตรอดจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า ข้าพเจ้าว่า เมื่อวันเวลามาถึงวัยฉกรรจ์ ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ยังประตูแดนคนตาย ข้าพเจ้าถูกตัดขาดจากวันเวลาที่เหลือของชีวิต ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระยาห์เวห์ คือไม่เห็นพระยาห์เวห์ในแผ่นดินของคนเป็น ข้าพเจ้าจะไม่ได้มองดูมนุษย์อีก หรืออยู่กับผู้อาศัยในที่ไม่ยั่งยืน ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อและถอนออกไปจากข้าพเจ้า เหมือนอย่างเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก จากกลางวันถึงกลางคืน พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสาน ข้าพเจ้าคิดคำนึง จนรุ่งเช้า เหมือนอย่างสิงโต พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งหมดของข้าพเจ้า จากกลางวันถึงกลางคืน พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสาน ข้าพเจ้าร้องเหมือนนกนางแอ่น เหมือนนกกระเรียน ข้าพเจ้าพิลาปเหมือนนกพิราบ ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าด้วยการมองขึ้นเบื้องบน ข้าแต่องค์เจ้านาย ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอทรงเป็นหลักประกันของข้าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองทรงทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าดำเนินอย่างสงบเสงี่ยมตลอดปีเดือนของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นในใจของข้าพเจ้า ข้าแต่องค์เจ้านาย มนุษย์ดำรงชีพด้วยสิ่งเหล่านี้ และวิญญาณจิตของข้าพระองค์ก็มีชีวิตด้วยสิ่งทั้งหมดนี้ ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ นี่แน่ะ เพื่อสวัสดิภาพของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นอย่างยิ่ง แต่พระองค์ทรงฉุดชีวิตของข้าพระองค์ ออกจากหลุมของความพินาศ เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งหมดของข้าพระองค์ ไว้ข้างหลังของพระองค์ เพราะแดนคนตายขอบพระคุณพระองค์ไม่ได้ ความมรณาก็สรรเสริญพระองค์ไม่ได้ บรรดาคนที่ลงไปยังหลุมนั้น จะหวังในความซื่อสัตย์ของพระองค์ไม่ได้ คนมีชีวิต คนมีชีวิต เขาขอบพระคุณพระองค์ เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ทำอยู่ในเวลานี้ บิดาจะบอกบุตรทั้งหลายให้รู้ ถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ พระยาห์เวห์จะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด และพวกเราจะบรรเลงเพลงด้วยเครื่องสาย ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของพวกเรา ที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ และอิสยาห์กล่าวว่า “ให้เอามะเดื่อก้อนมา และแปะไว้ที่พระยอด เพื่อพระองค์จะหายประชวร” เฮเซคียาห์ตรัสด้วยว่า “อะไรเป็นหมายสำคัญที่ ข้าพเจ้าจะขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์? ”
อิสยาห์ 38:1-22 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ในวันเหล่านั้นเฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และอิสยาห์ผู้พยากรณ์บุตรชายของอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า จงจัดการการบ้านการเมืองของเจ้าให้เรียบร้อย เจ้าจะต้องตาย เจ้าจะไม่ฟื้น” แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ ว่า “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์ขอวิงวอนต่อพระองค์ ขอทรงระลึกว่า ข้าพระองค์ดำเนินอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ด้วยความจริงและด้วยใจที่เพียบพร้อม และได้กระทำสิ่งที่ประเสริฐในสายพระเนตรของพระองค์มาอย่างไร” และเฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างปวดร้าว แล้วพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงอิสยาห์ว่า “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยเจ้าและเมืองนี้ให้พ้นจากมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และจะป้องกันเมืองนี้ไว้ นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพระองค์จากพระเยโฮวาห์ ที่พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ ดูเถิด เราจะกระทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น” ดวงอาทิตย์ก็ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น ตามขั้นที่ได้ตกไป บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ได้ทรงประชวรและทรงฟื้นจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า ข้าพเจ้าว่า เมื่อชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงกลางคน ข้าพเจ้าจะไปยังประตูแดนคนตาย ข้าพเจ้าต้องถูกตัดขาดจากปีที่เหลืออยู่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระเยโฮวาห์ คือพระเยโฮวาห์ ในแผ่นดินของคนเป็น ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์อีก ที่ในหมู่ชาวแผ่นดินโลก อายุของข้าพเจ้าก็ถูกพรากและถูกถอนออกไปจากข้าพเจ้า อย่างกับเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าได้ตัดชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์จะทรงตัดข้าพเจ้าด้วยโรคตรอมใจ พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าได้คิดจนรุ่งเช้าว่า พระองค์จะทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงโต พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นหรือนกกรอด ข้าพเจ้าพิลาปอย่างนกเขา ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนด้วยมองขึ้นข้างบน โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอพระองค์ทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองได้ทรงกระทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็จะดำเนินไปด้วยความสงบเสงี่ยมตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นแห่งจิตใจของข้าพเจ้า โอ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ และชีวิตแห่งวิญญาณของข้าพระองค์ก็อยู่ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์หายดีและทรงทำให้ข้าพระองค์มีชีวิต ดูเถิด เพราะเห็นแก่สันติภาพ ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นมากยิ่ง แต่พระองค์ทรงรักชีวิตของข้าพระองค์จึงได้ทรงช่วยให้พ้นจากหลุมแห่งความพินาศ เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ไว้เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระองค์ เพราะแดนคนตายสรรเสริญพระองค์ไม่ได้ ความมรณายกย่องพระองค์ไม่ได้ บรรดาคนที่ลงไปยังปากแดนคนตายนั้น จะหวังในความจริงของพระองค์ไม่ได้ คนเป็น คนเป็น เขาจะสรรเสริญพระองค์ อย่างที่ข้าพระองค์กระทำในวันนี้ บิดาจะได้สำแดงความจริงของพระองค์แก่ลูกของเขา พระเยโฮวาห์ได้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายจะร้องเพลงและเล่นเครื่องสายของข้าพเจ้า ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลายที่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์” ฝ่ายอิสยาห์ได้กล่าวว่า “ให้เขาเอาขนมมะเดื่อมาแผ่นหนึ่ง และแปะไว้ที่พระยอดเพื่อพระองค์จะฟื้น” เฮเซคียาห์ได้ตรัสด้วยว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่า ข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเยโฮวาห์”
อิสยาห์ 38:1-22 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ครั้งนั้น เฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า <<พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการการบ้านการเมืองให้เรียบร้อย เจ้าจะต้องตาย เจ้าจะไม่ฟื้น>> แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า <<ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และสิ้นสุดใจ และได้กระทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์>> และเฮเซคียาห์ทรงกันแสงมากยิ่ง แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงอิสยาห์ว่า <<จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าสิบห้าปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือของพระราชาอัสซีเรีย และป้องกันเมืองนี้ไว้ นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระเจ้า ที่พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ ดูเถิด เราจะกระทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น>> ดวงอาทิตย์ก็ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น ตามขั้นที่ได้ตกไป บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ได้ทรงประชวร และทรงฟื้นจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า ข้าพเจ้าว่า เมื่อชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงกลางคน ข้าพเจ้าจะต้องพรากไป ข้าพเจ้าถูกมอบไว้ที่ประตูแดนคนตาย ตลอดชีวิตบั้นปลายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระเจ้า ในแผ่นดินของผู้มีชีวิต ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์อีก ที่ในหมู่ชาวแผ่นดินโลก ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อถอนออกไปจากข้าพเจ้า อย่างกับเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าได้ม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าได้ถ่อมตัวลงจนรุ่งเช้า พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงห์ พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นหรือนกกรอด ข้าพเจ้าพิลาปอย่างนกพิราบ ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนด้วยมองขึ้นข้างบน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอพระองค์ทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองได้ทรงกระทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ดำเนินไปด้วยความสงบเสงี่ยมตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นแห่งจิตใจของข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ และชีวิตแห่งวิญญาณของข้าพระองค์ก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้ ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและขอทรงทำให้ข้าพระองค์มีชีวิต นี่แน่ะ เพราะเห็นแก่สวัสดิภาพของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นมากยิ่ง แต่พระองค์ทรงรักชีวิตของข้าพระองค์ ไม่ให้ตกหลุมแห่งความพินาศ เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ไว้เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระองค์ เพราะแดนคนตายโมทนาพระคุณพระองค์ไม่ได้ ความมรณาสรรเสริญพระองค์ไม่ได้ บรรดาคนที่ลงไปยังปากแดนคนตายนั้น จะหวังในสัจธรรมของพระองค์ไม่ได้ คนเป็น คนเป็น เขาโมทนาพระคุณพระองค์ อย่างที่ข้าพระองค์กระทำในวันนี้ บิดาได้สำแดง ถึงสัจธรรมของพระองค์แก่ลูกของเขา พระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเล่นเครื่องสายของข้าพเจ้า ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่พระนิเวศของพระเจ้า ฝ่ายอิสยาห์ได้กล่าวว่า <<ให้เขาเอาขนมมะเดื่อมาแผ่นหนึ่ง และแปะไว้ที่พระยอด เพื่อพระองค์จะฟื้น>> เฮเซคียาห์ได้ตรัสด้วยว่า <<อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่า ข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า>>
อิสยาห์ 38:1-22 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศมาเข้าเฝ้าพระองค์และทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเพราะเจ้าจะไม่หายป่วย แต่เจ้ากำลังจะตาย” เฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าหากำแพง และอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในทางของพระองค์อย่างซื่อสัตย์ ยอมอุทิศตนอย่างสิ้นสุดใจ และทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์อย่างไร” แล้วเฮเซคียาห์ก็ทรงกันแสงอย่างขมขื่น แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงอิสยาห์ความว่า “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานและได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว เราจะต่ออายุให้เจ้าอีกสิบห้าปี เราจะช่วยเจ้ากับเมืองนี้ให้พ้นจากมือกษัตริย์อัสซีเรีย เราจะปกป้องเมืองนี้ไว้ “ ‘นี่เป็นหมายสำคัญที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้แก่ท่านเพื่อแสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้คือ “เราจะทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดลงมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสเคลื่อนถอยหลังไปสิบขั้น” ’ ” ดังนั้นแสงอาทิตย์จึงถอยหลังกลับไปจากที่เดิมสิบขั้น เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์หายประชวร พระองค์ทรงเขียนไว้ว่า ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “บัดนี้ชีวิตของข้าพเจ้าได้มาถึงช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด ก็จะต้องผ่านเข้าประตูแห่งความตาย และปีเดือนที่เหลืออยู่ก็จะต้องถูกฉกฉวยไปหรือ?” ข้าพเจ้าได้พูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อีก จะไม่เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ในแดนผู้มีชีวิตอีกต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่ได้เห็นมนุษยชาติอีกแล้ว และจะไม่ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ในโลกนี้อีกต่อไป เรือนของข้าพเจ้าถูกรื้อและนำไปจากข้าพเจ้า เหมือนเต็นท์ของคนเลี้ยงแกะถูกถอนออกไป ข้าพเจ้าม้วนเก็บชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนช่างทอ และพระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก ทั้งวันทั้งคืนพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ ข้าพเจ้าอดทนรอคอยตราบจนรุ่งสาง แต่พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าประหนึ่งสิงโต ทั้งวันทั้งคืนพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นและนกเดินดง ข้าพเจ้าครวญครางเหมือนนกเขา ดวงตาของข้าพเจ้าหมองช้ำเมื่อเพ่งมองฟ้าสวรรค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นทุกข์ยิ่งนัก โปรดเสด็จมาช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด!” แต่ข้าพเจ้าจะทูลอะไรได้? พระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้า และเป็นพระองค์เองที่ทรงทำการนี้ ข้าพเจ้าจะดำเนินด้วยความถ่อมใจตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เพราะความร้าวรานในวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ และจิตวิญญาณของข้าพระองค์พบชีวิตในสิ่งเหล่านี้ด้วย พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์หายป่วย และให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ แน่นอน ที่ข้าพระองค์ทุกข์ทรมานเช่นนี้ ก็เป็นผลดีแก่ข้าพระองค์เอง โดยความรักของพระองค์ พระองค์ทรงปกป้องข้าพระองค์ ให้พ้นจากห้วงหายนะ พระองค์ทรงนำบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ไปไว้ข้างหลังพระองค์ เพราะหลุมฝังศพไม่สามารถสรรเสริญพระองค์ ความตายไม่สามารถร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ ผู้ที่ลงไปสู่เหวลึก ไม่สามารถหวังในความซื่อสัตย์ของพระองค์ ผู้มีชีวิตเท่านั้นสามารถสรรเสริญพระองค์ เหมือนที่ข้าพระองค์กำลังทำอยู่ในวันนี้ บิดาทั้งหลายบอกถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ แก่ลูกๆ ของพวกเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด และพวกเราจะร้องเพลงคลอด้วยเครื่องสาย ตลอดวันคืนชีวิตของพวกเรา ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า อิสยาห์ได้กล่าวว่า “จงเตรียมยาพอกจากมะเดื่อ แล้วนำไปพอกที่ฝีนั้น พระองค์จะหายประชวร” เฮเซคียาห์ได้ตรัสถามว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญให้รู้ว่าเราจะขึ้นไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้อีก?”
อิสยาห์ 38:1-22 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ในครั้งนั้น เฮเซคียาห์ล้มป่วยใกล้สิ้นใจ อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า บุตรของอามอสมาเยี่ยมท่าน และพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ ‘จงจัดการสั่งเสียให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะตาย เจ้าจะไม่หายป่วย’” แล้วเฮเซคียาห์หันหน้าเข้าฝาผนัง และอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ระลึกว่า ข้าพเจ้าดำเนินชีวิต ณ เบื้องหน้าพระองค์ด้วยความภักดีและด้วยสุดจิตสุดใจอย่างไร และข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งที่ดีในสายตาของพระองค์” และเฮเซคียาห์ก็ร้องไห้อย่างขมขื่น ครั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอิสยาห์ดังนี้ “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้ากล่าวดังนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราเห็นน้ำตาของเจ้า ดูเถิด เราจะให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีก 15 ปี เราจะช่วยเจ้าและเมืองนี้ให้พ้นจากมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และเราจะปกป้องเมืองนี้ นี่คือหมายสำคัญสำหรับเจ้า ซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าคือ พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ดูเถิด เราจะทำให้เงาทอดลงจากแสงอาทิตย์ย้อนหลัง 10 ขั้นบนนาฬิกาแดดของอาหัส’” ดังนั้นเงาที่ทอดลงบนนาฬิกาแดดจึงย้อนหลัง 10 ขั้น หลังจากที่เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ล้มป่วยและหายดีแล้ว ท่านเขียนข้อความดังต่อไปนี้คือ “เราพูดว่า เมื่อเรามีอายุเพียงครึ่งของชีวิต เราจะต้องจากไป เราถูกกำหนดให้ไปใช้ชีวิตที่เหลือ ที่ประตูแดนคนตาย เราพูดว่า เราจะไม่เห็นพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าในดินแดนของคนเป็น เราจะไม่เห็นมนุษย์ หรืออยู่ในหมู่ผู้อยู่อาศัยในโลกอีกต่อไป ที่อยู่ของเราถูกถอนและยึดไป อย่างกระโจมของผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ เราม้วนชีวิตของเราเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์ตัดข้าพเจ้าหลุดออกจากกี่ พระองค์ทำให้ชีวิตข้าพเจ้า ต้องจบลงในช่วงเวลาอันสั้น เราสงบนิ่งจนถึงรุ่งเช้า พระองค์หักกระดูกข้าพเจ้าทุกชิ้นอย่างสิงโต พระองค์ทำให้ชีวิตข้าพเจ้า ต้องจบลงในช่วงเวลาอันสั้น เราร้องเจี๊ยบจ๊าบเหมือนนกนางแอ่นหรือนกกระสา เราร้องคร่ำครวญเหมือนนกพิราบ ตาของเรามองสู่เบื้องบนด้วยความอ่อนล้า โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากลัดกลุ้ม ขอพระองค์สัญญาให้ความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าเถิด เราจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ได้กล่าวกับเรา และพระองค์เป็นผู้ที่กระทำ เราดำเนินชีวิตด้วยความหดหู่ใจตลอดชีวิต เพราะจิตวิญญาณของเราขมขื่น โอ พระผู้เป็นเจ้า คนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้ และวิญญาณข้าพเจ้าพบชีวิตในสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ขอพระองค์เสริมสร้างสุขภาพของข้าพเจ้า และทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิตเถิด ดูเถิด ความขมขื่นมากที่ข้าพเจ้าได้รับ เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้า และด้วยความรักของพระองค์ พระองค์ได้ช่วยชีวิตข้าพเจ้าจากหลุมแห่งความพินาศ เพราะพระองค์ได้กำจัดบาปทั้งปวงของข้าพเจ้า ไว้เบื้องหลังของพระองค์แล้ว ด้วยว่า แดนคนตายไม่ขอบคุณพระองค์ ความตายไม่สรรเสริญพระองค์ บรรดาผู้ที่ลงไปยังหลุมลึกแห่งแดนคนตาย ไม่มีความหวังในความสัตย์จริงของพระองค์ คนมีชีวิต คนมีชีวิตขอบคุณพระองค์ เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้ พ่อบอกลูกๆ ถึงความสัตย์จริงของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยชีวิตข้าพเจ้า และพวกเราจะบรรเลงเพลงด้วยเครื่องสายจนชั่วชีวิต ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า” อิสยาห์ได้พูดว่า “ให้พวกเขาเอามะเดื่อแห้ง 1 ก้อนมาแปะฝี เพื่อให้ท่านหายจากโรค” เฮเซคียาห์ถามว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญที่เราจะรู้ว่า เราจะขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าได้อีก”