เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระองค์ได้ประกาศคำสอนของพระองค์ และพระองค์ได้สั่งให้พวกท่านทำตามคำสอนเหล่านั้น ซึ่งก็คือบัญญัติสิบประการ และพระองค์ได้เขียนมันไว้บนแผ่นหินสองแผ่น เวลานั้นพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เราสอนพวกท่าน ถึงกฎและข้อบังคับต่างๆเพื่อพวกท่านจะได้ทำตามคำสอนเหล่านั้นในดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเป็นเจ้าของ ในวันนั้นที่พระยาห์เวห์พูดกับพวกท่านบนภูเขาซีนาย ตอนที่พระองค์พูดออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น เพราะพวกท่านไม่ได้เห็นรูปร่างอะไรเลย ก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ทำลายตัวเอง ด้วยการไปสร้างรูปเคารพให้กับตัวเอง เป็นรูปร่างต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นของชายหรือหญิง หรือรูปปั้นของสัตว์ต่างๆที่อยู่บนบก หรือรูปปั้นของนกต่างๆที่บินอยู่ในท้องฟ้า หรือรูปปั้นของพวกสัตว์เลื้อยคลานบนดิน หรือรูปปั้นของพวกปลาที่อยู่ในน้ำ ให้ระวังตัวให้ดี เวลาที่ท่านมองดูท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในท้องฟ้าแล้ว อย่าให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นมาทำให้ท่านหลงผิด แล้วไปกราบไหว้และรับใช้พวกมัน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้จัดสรรสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้กับทุกๆชนชาติทั่วใต้ฟ้านี้ แต่พระยาห์เวห์ได้รับพวกท่านและนำพวกท่านออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกมาจากอียิปต์ เพื่อมาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เป็นเพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธเรามาก พระองค์จึงได้สาบานไว้ว่า เราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่ดีแห่งนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้ท่านเป็นเจ้าของ เพราะเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกท่านจะได้ข้ามแม่น้ำสายนั้น และจะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีแห่งนั้น ระวังตัวให้ดี เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ลืมข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำไว้กับท่าน และเพื่อพวกท่านจะได้ไม่สร้างรูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆสำหรับตัวเอง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งห้ามไว้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือไฟที่เผาผลาญและเป็นพระเจ้าที่หึงหวง เมื่อพวกท่านมีลูกมีหลานและอยู่บนแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน ถ้าพวกท่านทำตัวไม่ดีและสร้างรูปเคารพที่เป็นรูปอะไรก็แล้วแต่ และทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเห็นว่าชั่วร้าย เป็นการยั่วยุให้พระองค์โกรธ เราขอเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อต้านท่านในวันนี้ว่า พวกท่านจะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วไปจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของนั้น พวกท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนานหรอก เพราะพวกท่านจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติอื่นๆและพวกท่านก็จะเหลืออยู่แค่ไม่กี่คนในท่ามกลางชนชาตินั้นๆที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ให้พวกท่านเข้าไปอยู่ ที่นั่นพวกท่านจะรับใช้พระต่างๆที่มือของคนทำขึ้นมา มีทั้งพระที่ทำจากไม้และหิน ที่มองก็ไม่เห็น ฟังก็ไม่ได้ยิน กินหรือดมกลิ่นก็ไม่ได้ จากชนชาตินั้นๆพวกท่านจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะได้พบพระองค์ ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน เมื่อท่านตกอยู่ในความทุกข์ยาก และเจอกับเรื่องต่างๆพวกนี้ ท่านก็จะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนั้นเป็นพระเจ้าที่มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่านและพระองค์ก็จะไม่ทำลายท่าน พระองค์จะไม่ลืมข้อตกลงที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน ไปถามดูสิ เกี่ยวกับวันเวลาที่ผ่านมา ที่มีมาก่อนท่านนานแสนนาน นับตั้งแต่วันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้ ไปถามดูได้เลยจากสุดปลายฟ้าข้างนี้ไปถึงข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า หรือเคยได้ยินเรื่องอะไรอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า เคยมีชนชาติไหนบ้างที่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูดออกมาจากเปลวไฟเหมือนที่ท่านได้ยิน แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หรือเคยมีพระองค์ไหนบ้าง ที่พยายามเอาชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ใช้การทดลองต่างๆ เหตุการณ์พิเศษต่างๆ การอัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งสงคราม มือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนอันแข็งแกร่งที่ยื่นออก และการกระทำที่น่ากลัวต่างๆ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อท่าน และทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านในประเทศอียิปต์ พระองค์ทำอย่างนี้ให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้รู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริง และไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วนอกจากพระองค์ พระองค์ทำให้ท่านได้ยินเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อจะสั่งสอนท่าน และในโลกนี้ พระองค์ก็ทำให้ท่านเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ถึงได้เลือกพวกท่านลูกหลานของพวกเขา และพระองค์เองที่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ขับไล่ชนชาติอื่นที่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าท่านออกไปจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วจะได้นำเอาท่านเข้าไปอยู่และยกแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้ท่านเป็นเจ้าของ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นในวันนี้ให้รับรู้และจำใส่ใจไว้เลยว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริงที่อยู่บนสวรรค์และบนโลกนี้ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก ท่านต้องเชื่อฟังกฎและคำสั่งของพระองค์ที่เราได้สั่งกับท่านในวันนี้ เพื่อว่าท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และเพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้กับท่านตลอดไป” แล้วโมเสสได้เลือกเมืองสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เอาไว้เป็นที่ลี้ภัยของคนที่ไปฆ่าคนอื่นมาโดยไม่ได้เจตนา และไม่เคยเกลียดคนที่ถูกฆ่ามาก่อน คนๆนั้นสามารถที่จะหนีไปอยู่ในเมืองเหล่านั้นได้ และมีชีวิตต่อไป สามเมืองที่โมเสสเลือกคือ เมืองเบเซอร์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งกลางที่ราบสูงสำหรับชาวรูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับชาวกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับชาวมนัสเสห์ นี่คือคำสั่งสอนที่โมเสสได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอล สิ่งเหล่านี้คือคำสั่งสอน กฎและข้อบังคับที่โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ โมเสสได้ให้กฎต่างๆเหล่านี้กับพวกเขา ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในหุบเขาที่อยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ บนดินแดนของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ที่ปกครองเฮชโบน และถูกโมเสสกับชาวอิสราเอลโจมตีจนพ่ายแพ้เมื่อครั้งที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ชาวอิสราเอลได้ยึดเอาแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ทั้งสององค์นี้เป็นกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่ในดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ดินแดนแห่งนี้เริ่มจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ติดหุบเขาอารโนนไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือภูเขาเฮอร์โมน) รวมทั้งหุบเขาจอร์แดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ลงไปทางใต้จนถึงทะเลตาย และไปทางตะวันออกถึงตีนเขาปิสกาห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์ต่อท่าน ซึ่งทรงบัญชาท่านทั้งหลายให้ปฏิบัติตามคือ พระบัญญัติสิบประการ และพระองค์ทรงจารึกลงบนศิลาสองแผ่น ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะได้ทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น “ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพราะในวันนั้นท่านไม่เห็นสัณฐานใดๆ เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านที่โฮเรบจากท่ามกลางไฟ จงระวังเถิด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพแกะสลักสำหรับตัวเอง เป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย เหมือนสัตว์ใดๆ ในโลก เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ เหมือนสิ่งใดๆ ที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาใดๆ ที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน และจงระวังให้ดี เกรงว่าเมื่อท่านเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าและท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า แล้วท่านจะถูกชักนำให้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงแบ่งสรรแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า แต่พระยาห์เวห์ทรงเลือกท่านทั้งหลายและทรงนำท่านออกมาจากเตาเหล็กคือจากอียิปต์ ให้เป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งกว่านั้น เพราะท่านทั้งหลายเป็นเหตุ พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า และทรงปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนและจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินดี ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเป็นมรดก แต่ข้าพเจ้าจะตายเสียในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่ท่านทั้งหลายจะได้ข้ามไปและยึดครองแผ่นดินดีนั้น จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งทรงทำไว้กับท่าน และสร้างรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงห้ามไว้นั้น เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ ทรงเป็นพระเจ้าที่หวงแหน “เมื่อท่านมีลูกและมีหลานและได้อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน และถ้าท่านหลงทำรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด และทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นที่ขัดเคืองพระทัยพระองค์ ข้าพเจ้าขออัญเชิญฟ้าและดินมาเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น ท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนาน แต่ท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และท่านจะเหลือจำนวนน้อยในท่ามกลางประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงขับไล่ท่านให้เข้าไปอยู่นั้น ณ ที่นั่นท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติพระที่คนทำขึ้นด้วยไม้และหิน ซึ่งไม่สามารถมอง หรือฟัง หรือรับประทาน หรือดมกลิ่นได้ แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ ท่านจะพบพระองค์ เมื่อท่านมีความทุกข์ลำบาก และทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่าน ในกาลภายหน้า ท่านจะกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งท่านหรือทำลายท่านหรือลืมพันธสัญญา ซึ่งทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ “เพราะบัดนี้จงถามดูเถิดว่าในอดีตกาล คือวันที่อยู่ก่อนท่าน ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนโลก และถามดูจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม? หรือเคยได้ยินถึงเรื่องอย่างนี้บ้างไหม? มีชนชาติใดได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากกลางเพลิง ดังที่ท่านได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ หรือมีพระเจ้าองค์ใดได้ทรงพยายามไปนำชนชาติหนึ่งจากท่ามกลางอีกชนชาติหนึ่งด้วยการลองใจ ด้วยหมายสำคัญ ด้วยการอัศจรรย์ ด้วยสงคราม ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์และด้วยพระกรที่เหยียดออกและด้วยเหตุน่ากลัวอย่างยิ่ง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน? ที่ได้ทรงสำแดงแก่ท่านนั้นก็เพื่อท่านจะทราบว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย พระองค์ทรงให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้า เพื่อให้ท่านมีวินัย พระองค์ทรงให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกลางเพลิง และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน และทรงเลือกเชื้อสายของเขา และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่านเสียให้พ้นหน้าท่าน และนำท่านเข้ามา และประทานแผ่นดินของพวกเขาให้ท่านเป็นมรดกดังทุกวันนี้ ดังนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย ฉะนั้น ท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป” แล้วโมเสสแยกเมืองทางทิศตะวันออกฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นไว้สามเมือง เพื่อผู้ที่ฆ่าคนจะได้หนีไปที่นั่น คือผู้ที่ฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่เจตนา โดยไม่ได้เป็นศัตรูกันมาก่อน และเมื่อหนีไปเมืองใดเมืองหนึ่งในเมืองเหล่านี้ก็จะรอดชีวิต เมืองเหล่านี้คือ เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสำหรับเผ่ารูเบน และเมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับเผ่ามนัสเสห์ ต่อไปนี้เป็นธรรมบัญญัติที่โมเสสได้ตั้งไว้ต่อคนอิสราเอล เหล่านี้เป็นพระโอวาท เป็นกฎเกณฑ์และกฎหมาย ซึ่งโมเสสกล่าวกับคนอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากอียิปต์ ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้ประทับที่เฮชโบนซึ่งโมเสสและคนอิสราเอลได้ตีพ่ายไปเมื่อออกจากอียิปต์ คนอิสราเอลได้เข้ายึดครองแผ่นดินของท่านและแผ่นดินของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน กษัตริย์สองพระองค์ของคนอาโมไรต์ ผู้อยู่ทางทิศตะวันออกฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ตั้งแต่อาโรเออร์ที่อยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) รวมกับที่ราบทั้งหมด ซึ่งอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนไกลไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ ใต้ที่ราบแถบเนินเขาปิสกาห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์แก่ท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติตามคือ พระบัญญัติสิบประการ และพระองค์ทรงจารึกพระบัญญัตินั้นไว้บนศิลาสองแผ่น ในครั้งนั้นพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และคำตัดสินแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้กระทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพราะในวันนั้นพวกท่านไม่เห็นสัณฐานอันใด เมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสกับท่านทั้งหลายที่โฮเรบจากท่ามกลางเพลิง เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพแกะสลักสำหรับตัวท่านทั้งหลายเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย เหมือนสัตว์เดียรัจฉานอย่างใดในโลก เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ เหมือนสิ่งใดๆที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาอย่างใดที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดินโลก เกรงว่าพวกท่านเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าและเมื่อท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า พวกท่านจะถูกเหนี่ยวรั้งให้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านทรงแบ่งแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้าทั้งสิ้น แต่พระเยโฮวาห์ทรงเลือกท่านทั้งหลายและนำท่านออกมาจากเตาเหล็ก คือจากอียิปต์ ให้เป็นประชาชนในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งกว่านั้น เพราะท่านทั้งหลายเป็นเหตุ พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า และทรงปฏิญาณว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และข้าพเจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินดีซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายประทานแก่ท่านให้เป็นมรดก แต่ข้าพเจ้าจะตายเสียในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่ท่านทั้งหลายจะได้ข้ามไป และถือแผ่นดินดีนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้แก่ท่าน และสร้างรูปเคารพสลักเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงห้ามไว้นั้น เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นเพลิงที่เผาผลาญ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน เมื่อพวกท่านมีลูกและมีหลานและได้อยู่ในแผ่นดินนั้นมาช้านาน และท่านกระทำตัวให้เสื่อมทรามโดยการทำรูปเคารพสลักเป็นสัญฐานสิ่งใด และกระทำชั่วในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระองค์ทรงกริ้วโกรธ ข้าพเจ้าขออัญเชิญฟ้าและดินมาเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น ท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนาน แต่ท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และท่านทั้งหลายจะเหลือจำนวนน้อยในท่ามกลางประชาชาติซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงขับไล่ให้ท่านเข้าไปอยู่นั้น ณ ที่นั่นท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติพระที่ทำด้วยไม้และศิลา เป็นงานที่มือคนทำไว้ ซึ่งไม่ดู ไม่ฟัง ไม่รับประทาน ไม่ดมกลิ่น แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ พวกท่านจะพบพระองค์ เมื่อพวกท่านมีความทุกข์ลำบาก ซึ่งสิ่งสารพัดเหล่านี้มาถึงท่าน ในกาลภายหลัง ถ้าพวกท่านจะกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ (เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระเมตตา) พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งหรือทำลายท่านทั้งหลาย หรือลืมพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ เพราะบัดนี้จงถามดูเถอะว่า ในกาลวันที่ล่วงมาแล้วนั้น คือวันที่อยู่ก่อนท่านทั้งหลาย ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนโลก และถามดูจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องใหญ่โตอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างหรือ หรือเคยได้ยินถึงเรื่องอย่างนี้บ้างหรือ มีชนชาติใดได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากท่ามกลางเพลิง ดังที่ท่านได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ หรือมีพระเจ้าองค์ใดได้ทรงเพียรพยายามไปนำประชาชาติหนึ่งจากท่ามกลางอีกประชาชาติหนึ่งด้วยการลองใจ ด้วยการทำหมายสำคัญ ด้วยการมหัศจรรย์ ด้วยการสงคราม ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรที่ทรงเหยียดออก และด้วยเหตุน่ากลัวยิ่ง ตามสิ่งสารพัดซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน ที่ได้ทรงสำแดงแก่ท่านทั้งหลายนั้นก็เพื่อท่านจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย พระองค์ทรงโปรดให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้าสวรรค์ เพื่อว่าท่านจะอยู่ในวินัยปกครอง พระองค์ทรงโปรดให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และพวกท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกองเพลิง และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของพวกท่าน จึงทรงเลือกเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขา และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ท่ามกลางสายพระเนตรของพระองค์ ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าพวกท่านเสียให้พ้นหน้าท่าน และนำท่านเข้ามา และทรงประทานแผ่นดินของเขาให้แก่ท่านเป็นมรดกดังทุกวันนี้ เหตุฉะนั้นจงทราบเสียในวันนี้และตรึกตรองอยู่ในใจว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง หามีพระเจ้าอื่นใดอีกไม่เลย เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านประทานแก่ท่านเป็นนิตย์นั้น” แล้วโมเสสกำหนดหัวเมืองทางดวงอาทิตย์ขึ้นฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้สามหัวเมือง เพื่อผู้ใดที่ฆ่าคนจะได้หลบหนีไปอยู่ที่นั่น คือผู้ที่ฆ่าเพื่อนบ้านโดยมิได้เจตนา โดยมิได้เกลียดชังเขาแต่ก่อน และเมื่อหนีไปอยู่ในเมืองนี้เมืองใดเมืองหนึ่งก็จะรอดชีวิต หัวเมืองเหล่านี้คือเมืองเบเซอร์อยู่ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูงสำหรับคนรูเบน และเมืองราโมทที่กิเลอาดสำหรับคนกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับคนมนัสเสห์ ต่อไปนี้เป็นพระราชบัญญัติที่โมเสสได้ตั้งไว้ต่อหน้าคนอิสราเอล เหล่านี้เป็นพระโอวาท เป็นกฎเกณฑ์และคำตัดสินซึ่งโมเสสกล่าวแก่คนอิสราเอลเมื่อเขาออกจากอียิปต์แล้ว ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ที่หุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้อยู่ที่เฮชโบนซึ่งโมเสสและคนอิสราเอลได้ตีพ่ายไปครั้งเมื่อออกมาจากอียิปต์แล้ว คนอิสราเอลได้เข้ายึดแผ่นดินของท่านและแผ่นดินของโอกกษัตริย์เมืองบาชาน เป็นกษัตริย์สององค์ของคนอาโมไรต์ ผู้อยู่ทางดวงอาทิตย์ขึ้นฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ ตั้งแต่อาโรเออร์ที่อยู่ริมลุ่มแม่น้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสีออน คือเฮอร์โมน รวมกับที่ราบทั้งหมด ซึ่งอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ จนถึงทะเลแห่งที่ราบ ที่น้ำพุแห่งปิสกาห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์แก่ท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติตามคือ พระบัญญัติสิบประการ และพระองค์ทรงจารึกไว้บนศิลาสองแผ่น ในครั้งนั้นพระเจ้าทรงบัญชาให้ข้าพเจ้า สั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้กระทำตาม ในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น <<เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพราะในวันนั้นพวกท่านไม่เห็นสัณฐาน อันใดเมื่อพระเจ้าตรัสกับท่านทั้งหลายที่ โฮเรบจากท่ามกลางเพลิง จงระวังเถิด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพ แกะสลักสำหรับ ตัวท่านทั้งหลาย เป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย เหมือนสัตว์เดียรัจฉานอย่างใดในโลก เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ เหมือนสิ่งใดๆที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาอย่างใดที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดินโลก และจงระวังให้ดีเกรงว่าพวกท่านเงยหน้าขึ้นดู ท้องฟ้าและเมื่อท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า พวกท่านจะถูกเหนี่ยวรั้งให้นมัสการและปรนนิบัติ สิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านทรงแบ่งแก่ชนชาติทั้งหลาย ทั่วใต้ฟ้าทั้งสิ้น แต่พระเจ้าทรงเลือกท่านทั้งหลายและ นำท่านออกมาจากเตาเหล็กคือจากอียิปต์ ให้เป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของ พระองค์ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งกว่านั้น เพราะท่านทั้งหลายเป็นเหตุ พระเจ้าทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า และทรงปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนและข้าพเจ้า จะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินดี ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ประทานแก่ท่านให้เป็นมรดก แต่ข้าพเจ้าจะตายเสียในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนแต่ ท่านทั้งหลายจะได้ข้ามไปและถือแผ่นดินดีนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญา ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย ซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้แก่ท่าน และสร้างรูปเคารพเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงห้ามไว้นั้น เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเป็นเพลิงที่ เผาผลาญ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน <<เมื่อพวกท่านมีลูกและมีหลานและได้อยู่ใน แผ่นดินนั้นช้านาน และถ้าท่านหลงกระทำรูปเคารพเป็นสัณฐานสิ่งใด และกระทำชั่วในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของท่านทั้งหลาย เป็นที่ขัดเคืองพระทัยพระองค์ ข้าพเจ้าขออัญเชิญฟ้าและดินมาเป็น พยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากแผ่นดิน ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น ท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนาน แต่ท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และพระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายกระจัดกระจาย ไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และท่านทั้งหลายจะเหลือจำนวนน้อยในท่ามกลางประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าทรงขับไล่ให้ท่านเข้าไปอยู่นั้น ณ ที่นั่นท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติพระที่ทำด้วยไม้ และศิลา เป็นงานที่มือคนทำไว้ ซึ่งไม่ดู ไม่ฟัง ไม่รับประทาน ไม่ดมกลิ่น แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหา พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ พวกท่านจะพบพระองค์ เมื่อพวกท่านมีความทุกข์ลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มาถึงท่าน ในกาลภายหลัง พวกท่านจะกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระเมตตา พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งหรือทำลายท่านทั้งหลายหรือลืม พันธสัญญา ซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ <<เพราะบัดนี้จงถามดูเถอะว่าในกาลวันที่ล่วงมาแล้วนั้น คือวันที่อยู่ก่อนท่านทั้งหลาย ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนโลก และถามดูจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องใหญ่โตอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างหรือ หรือเคยได้ยินถึงเรื่องอย่างนี้บ้างหรือ มีชนชาติใดได้ยินพระสุรเสียง ของพระเจ้าตรัสออกมาจากกลางเพลิง ดังที่ท่านได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ หรือมีพระเจ้าองค์ใดได้ทรงเพียรพยายามไปนำประชาชาติ หนึ่งจากท่ามกลางอีกประชาชาติหนึ่งด้วยการลองใจ ด้วยการทำหมายสำคัญ ด้วยการอัศจรรย์ ด้วยการสงคราม ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์และด้วยพระกรที่ทรงเหยียดออกและ ด้วยเหตุน่ากลัวยิ่ง ตามซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงกระทำ เพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน ที่ได้ทรงสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย นั้นก็เพื่อท่านจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย พระองค์ทรงโปรดให้พวกท่าน ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้า เพื่อว่าท่านจะอยู่ในวินัยปกครอง พระองค์ทรงโปรดให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และพวกท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกองเพลิง และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของพวกท่าน และทรงเลือกพงศ์พันธุ์ของเขาทั้งหลาย และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่า และมีกำลังมากกว่าพวกท่าน เสียให้พ้นหน้าท่านและนำท่านเข้ามา และทรงประทานแผ่นดินของเขาให้ แก่ท่านเป็นมรดกดังทุกวันนี้ เหตุฉะนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าในฟ้า สวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่างหามีพระเจ้า อื่นใดอีกไม่เลย เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักษากฎเกณฑ์ และพระราชบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านประทาน แก่ท่านเป็นนิตย์นั้น>> แล้วโมเสสกำหนดหัวเมืองทางทิศตะวันออก ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นสามหัวเมือง เพื่อผู้ใดที่ฆ่าคนจะได้หลบหนีไปอยู่ที่นั่น คือผู้ที่ฆ่าเพื่อนบ้านโดยมิได้เจตนา โดยมิได้เป็นศัตรูกันมาแต่ก่อน และเมื่อหนีไปอยู่ในเมืองนี้เมืองใดเมืองหนึ่งก็จะรอดชีวิต หัวเมืองเหล่านี้คือเมืองเบเซอร์อยู่ในถิ่นทุรกันดาร บนที่ราบสูงสำหรับคนเผ่ารูเบน และเมืองราโมทที่กิเลอาดสำหรับคนเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับคนเผ่ามนัสเสห์ ต่อไปนี้เป็นธรรมบัญญัติที่โมเสสได้ตั้งไว้ต่อคนอิสราเอล เหล่านี้เป็นพระโอวาท เป็นกฎเกณฑ์และกฎหมาย ซึ่งโมเสสกล่าวแก่คนอิสราเอลเมื่อเขาออกจากอียิปต์ ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้าม เบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้อยู่ที่เฮชโบนซึ่งโมเสสและคนอิสราเอล ได้ตีพ่ายไปครั้งเมื่อออกมาจากอียิปต์ คนอิสราเอลได้เข้ายึดแผ่นดินของ ท่านและแผ่นดินของโอกกษัตริย์เมืองบาชาน เป็นกษัตริย์สองพระองค์ของคนอาโมไรต์ ผู้อยู่ทางทิศตะวันออกฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ตั้งแต่อาโรเออร์ ที่อยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) รวมกับอาราบาห์ทั้งหมด ซึ่งอยู่ฟากตะวันออกของ แม่น้ำจอร์แดนไกลไปจนถึงทะเลอาราบาห์ ที่ราบแถบเนินเขาปิสกาห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
พระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์ คือบัญญัติสิบประการซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านปฏิบัติตาม แล้วทรงจารึกบัญญัตินั้นไว้บนศิลาสองแผ่น ครั้งนั้นเององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสอนกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งท่านจะต้องปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครอง พวกท่านไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานใดๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในวันที่พระองค์ตรัสกับท่านจากไฟที่ภูเขาโฮเรบ ฉะนั้นจงระวังตัวให้ดี เพื่อท่านจะไม่พินาศ โดยสร้างรูปจำลองของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพในลักษณะใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะมีลักษณะเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิง เหมือนสัตว์ต่างๆ ในแผ่นดินหรือนกในอากาศ เหมือนสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์น้ำ และเมื่อท่านเงยหน้าดูท้องฟ้าและเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวอันเป็นวัตถุในท้องฟ้าทั้งปวง อย่าปล่อยใจไปกราบไหว้สิ่งเหล่านั้น และนมัสการสิ่งต่างๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงปล่อยให้ชนชาติอื่นๆ ทั้งปวงทั่วใต้ฟ้าปฏิบัติ แต่ส่วนท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกจากอียิปต์เพื่อเป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์อย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธข้าพเจ้าเพราะพวกท่านและทรงสัญญาอย่างหนักแน่นว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะประทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน ข้าพเจ้าจะต้องตายในดินแดนฟากนี้ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป ส่วนท่านจะข้ามไปยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นั้น จงระวัง อย่าลืมพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงกระทำไว้กับท่าน อย่าสร้างรูปเคารพเป็นรูปทรงใดๆ ให้กับตนตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงห้ามไว้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นไฟอันเผาผลาญ เป็นพระเจ้าผู้ทรงหึงหวง ในอนาคตเมื่อท่านลงหลักปักฐานในดินแดนนั้นและมีลูกมีหลาน หากท่านเสื่อมทรามจนสร้างรูปเคารพใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ วันนี้ข้าพเจ้าขอให้ฟ้าดินเป็นพยานว่าไม่ช้าท่านจะพินาศย่อยยับจากดินแดนซึ่งพวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปครอบครอง ท่านจะอยู่ที่นั่นได้ไม่นานและจะพินาศไปอย่างแน่นอน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงขับไล่ท่านให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ท่านจะเหลือรอดเพียงไม่กี่คนท่ามกลางประชาชาติเหล่านั้น ที่นั่นท่านจะนมัสการบรรดาเทพเจ้าที่มนุษย์สร้างขึ้นจากไม้และหิน ซึ่งมองก็ไม่เห็น ฟัง กิน หรือดมอะไรก็ไม่ได้ แต่หากท่านแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านที่นั่น ท่านจะพบพระองค์หากท่านแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ เมื่อท่านทุกข์ลำเค็ญเพราะสิ่งทั้งปวงนี้เกิดขึ้นแก่ท่านในเวลาต่อมา ท่านจะหวนกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้ง หรือทำลายท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่านซึ่งพระองค์ทรงยืนยันกับพวกเขาโดยคำปฏิญาณ จงมองย้อนดูประวัติศาสตร์ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้ในโลก มองจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้น เคยมีอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือ? มีใครเคยได้ยินอะไรอย่างนี้ด้วยหรือ? มีคนชาติใดบ้างที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากไฟเหมือนที่ท่านได้ประสบมา? มีพระใดเล่าที่นำชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่งมาเป็นของพระองค์เองโดยการทดสอบ โดยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ โดยสงคราม โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก โดยพระราชกิจอันยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม เหมือนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน? พระองค์ทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด จากฟ้าสวรรค์พระองค์ทรงให้ท่านได้ยินพระสุรเสียงเพื่อท่านจะอยู่ในโอวาท ในโลกพระองค์ทรงโปรดให้ท่านเห็นไฟมหึมาของพระองค์ และท่านได้ยินพระดำรัสจากไฟนั้น ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่านและทรงเลือกสรรวงศ์วานของเขาเหล่านั้น พระองค์จึงทรงนำท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เองและด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ซึ่งยิ่งใหญ่และเข้มแข็งกว่าท่านมากนัก และประทานดินแดนของพวกเขาเหล่านั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านดังเช่นทุกวันนี้ ในวันนี้จงรับรู้และจำใส่ใจว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าทั้งในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินโลกเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใด จงปฏิบัติตามกฎหมายและพระบัญชาของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ เพื่อท่านกับลูกหลานจะอยู่เย็นเป็นสุข และอาศัยอยู่ยาวนานในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป จากนั้นโมเสสกำหนดเมืองสามเมืองทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน สำหรับเป็นเมืองลี้ภัยของผู้ที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาและไม่ได้วางแผนการร้ายไว้ล่วงหน้า เขาจะได้หนีไปเมืองลี้ภัยเมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ โดยให้เผ่ารูเบนลี้ภัยไปเมืองเบเซอร์บนที่ราบสูงในถิ่นกันดาร ให้เผ่ากาดไปเมืองราโมทในกิเลอาด และให้เผ่ามนัสเสห์ไปเมืองโกลานในบาชาน ต่อไปนี้คือบทบัญญัติซึ่งโมเสสมอบให้ชนอิสราเอล เป็นข้อกำหนด กฎหมาย และบทบัญญัติซึ่งโมเสสให้ไว้เมื่อพวกเขาออกจากอียิปต์ และมาอยู่ที่หุบเขาใกล้เบธเปโอร์ ด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ในดินแดนซึ่งเคยเป็นของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ครอบครองในเฮชโบน โมเสสและชนชาติอิสราเอลได้พิชิตเขาขณะออกมาจากอียิปต์ และยึดครองดินแดนของเขาและของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน กษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ดินแดนนี้เริ่มจากอาโรเออร์ตรงริมโกรกธารอารโนนจดภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) รวมทั้งดินแดนอาราบาห์ทั้งหมดทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลตายแถบลาดเขาปิสกาห์
เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระองค์ประกาศพันธสัญญาแก่ท่าน และให้ท่านปฏิบัติตามคือบัญญัติสิบประการ แล้วพระองค์เขียนไว้บนศิลา 2 แผ่น ในครั้งนั้นพระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้เราสอนกฎเกณฑ์และคำสั่งแก่พวกท่าน เพื่อให้ท่านปฏิบัติตามในแผ่นดินที่พวกท่านกำลังข้ามไปยึดครอง ดังนั้น พวกท่านจงระวังชีวิตของท่านเองให้ดี ในเมื่อท่านไม่เห็นรูปลักษณ์ใดในวันที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพวกท่านที่ภูเขาโฮเรบจากกลางเพลิง จงระวังไว้ มิฉะนั้นพวกท่านจะประพฤติอย่างเสื่อมทรามด้วยการสร้างรูปเคารพให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในรูปใด ในลักษณะของชายหรือหญิงก็ตาม จะเป็นสัตว์บกในโลก หรือเป็นนกบินได้ในอากาศ เป็นเหมือนสิ่งที่เลื้อยคลานบนดิน หรือเหมือนปลาที่แหวกว่ายในน้ำใต้แผ่นดิน และจงระวังเถิด มิฉะนั้นเวลาที่ท่านเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และสิ่งทั้งปวงที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วพวกท่านอาจจะถูกชักจูงให้หันไปก้มกราบและบูชาสิ่งเหล่านั้น อันเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ชนชาติทั้งปวงที่อยู่ใต้ฟ้าทั่วทั้งโลก แต่พระผู้เป็นเจ้าได้พาท่านไป และนำท่านออกจากประเทศอียิปต์ที่เป็นเสมือนเตาผิงเหล็ก เพื่อให้เป็นชนชาติซึ่งเป็นมรดกสำหรับพระองค์เอง อย่างที่ท่านเป็นอยู่ทุกวันนี้ พระผู้เป็นเจ้าโกรธกริ้วเราก็เพราะพวกท่าน พระองค์ปฏิญาณว่าเราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน เราจะไม่ได้ก้าวเข้าไปยังแผ่นดินอันอุดมที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านให้ท่านได้รับเป็นมรดก เพราะเราจะต้องตายในดินแดนนี้ เราจะต้องไม่ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป แต่ท่านจะเป็นผู้ข้าม และยึดครองแผ่นดินอันอุดมนั้น พวกท่านจงระวังเถิด มิฉะนั้นท่านจะลืมพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ที่พระองค์ได้ทำไว้กับท่าน ท่านอาจจะสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ห้ามไว้แล้ว พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นดั่งไฟเผาผลาญ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน เมื่อพวกท่านมีลูกหลานและอาศัยอยู่ในแผ่นดินจนแก่เฒ่า หากว่าท่านประพฤติอย่างเสื่อมทรามโดยการสร้างรูปเคารพในรูปลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด และกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ซึ่งเป็นการยั่วโทสะของพระองค์ เราขอให้ทั้งฟ้าและดินเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านจะตายสาบสูญไปจากดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครอง ท่านจะอยู่ที่นั่นไม่ได้นาน และจะถูกฆ่าล้างจนไม่เหลือแม้แต่ซาก พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางบรรดาชนชาติ จะมีเหลืออยู่ก็เพียงไม่กี่คนที่พระองค์ขับไล่ให้ไปอยู่กับบรรดาประชาชาติ และท่านจะบูชาเทพเจ้าที่สลักจากไม้และหิน ทำด้วยมือมนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน กิน หรือดมกลิ่น แต่ท่านจะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจากสถานที่นั้น ท่านก็จะพบพระองค์ หากว่าท่านแสวงหาพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิตของท่าน ยามที่ท่านตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก และสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่านในวันข้างหน้า ท่านจะกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระองค์ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าผู้มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งและไม่กำจัดท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่าน จงถามดูเถิดว่า วันที่ล่วงมาในสมัยดึกดำบรรพ์ นับจากวันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ในโลก และจงถามจากสุดฟากฟ้าด้านหนึ่งจนถึงอีกด้านหนึ่งเถิดว่า เคยมีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นบ้างไหม หรือเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้างหรือไม่ มีชาติใดที่เคยได้ยินเสียงเทพเจ้าเอ่ยจากเพลิงไฟดังที่ท่านได้ยิน และยังมีชีวิตอยู่ได้ หรือมีเทพเจ้าใดที่พยายามนำประชาชาติหนึ่งที่อยู่ภายใต้การนำของอีกประชาชาติหนึ่งออกมาให้เป็นของเทพเจ้าเอง โดยใช้วิธีทดสอบโดยปรากฏการณ์อัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์ โดยการสงคราม โดยอานุภาพและพลานุภาพ และโดยเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัว เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำเพื่อท่านในอียิปต์ ให้เห็นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน สิ่งเหล่านี้ปรากฏให้พวกท่านเห็น เพื่อให้ท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดอีกนอกจากพระองค์ พระองค์ให้ท่านได้ยินพระองค์จากสวรรค์ เพื่อสอนท่านให้รู้จักวินัย ให้ท่านเห็นเพลิงไฟบนแผ่นดินโลก และให้ท่านได้ยินเสียงพระองค์กล่าวจากใจกลางเพลิงนั้น เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน และได้เลือกบรรดาผู้สืบเชื้อสายต่อมา พระองค์นำพวกท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เองและด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกท่านเอง เพื่อนำท่านเข้าไป และให้แผ่นดินแก่ท่านเป็นมรดกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ จงรู้ไว้เสียในวันนี้เถิด และจารึกไว้ในใจของท่านว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบนและในโลกเบื้องล่าง ไม่มีผู้ใดอื่นอีกแล้ว ฉะนั้นท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ตามที่เราสั่งท่านในวันนี้ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่านและลูกหลานของท่าน และท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้ไว้ตลอดกาล” แล้วโมเสสเลือกเมืองที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 3 เมือง เพื่อให้คนไปหลบซ่อนอยู่ได้ในกรณีฆ่าคนโดยไม่มีเจตนา เพราะไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เขาจะหนีไปอยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูงสำหรับคนจากเผ่ารูเบน เมืองราโมทในแคว้นกิเลอาดสำหรับคนจากเผ่ากาด เมืองโกลานในแคว้นบาชานสำหรับคนจากเผ่ามนัสเสห์ ต่อไปนี้เป็นกฎบัญญัติที่โมเสสวางไว้สำหรับชาวอิสราเอล นี่คือพันธสัญญา คำสั่ง และกฎเกณฑ์ที่โมเสสกล่าวกับชาวอิสราเอลในยามที่พวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้ามกับเมืองเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์ผู้อาศัยอยู่ที่เมืองเฮชโบน แต่โมเสสและชาวอิสราเอลรบชนะพวกเขาครั้งที่ออกจากอียิปต์ พวกเขายึดแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนและของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน ทั้งสองเป็นกษัตริย์ของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน นับจากเมืองอาโรเออร์ซึ่งอยู่ที่ชายลุ่มน้ำอาร์โนนจนจรดภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) รวมทั้งที่ราบอาราบาห์ทั้งหมดทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนจรดทะเลอาราบาห์ ทางตะวันออกจรดเชิงเขาปิสกาห์