เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49

เฉลยธรรมบัญญัติ 4:13-49 THSV11

และพระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์ต่อท่าน ซึ่งทรงบัญชาท่านทั้งหลายให้ปฏิบัติตามคือ พระบัญญัติสิบประการ และพระองค์ทรงจารึกลงบนศิลาสองแผ่น ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะได้ทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น “ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพราะในวันนั้นท่านไม่เห็นสัณฐานใดๆ เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านที่โฮเรบจากท่ามกลางไฟ จงระวังเถิด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพแกะสลักสำหรับตัวเอง เป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย เหมือนสัตว์ใดๆ ในโลก เหมือนนกที่มีปีกบินไปในอากาศ เหมือนสิ่งใดๆ ที่คลานอยู่บนดิน เหมือนปลาใดๆ ที่อยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน และจงระวังให้ดี เกรงว่าเมื่อท่านเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าและท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า แล้วท่านจะถูกชักนำให้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงแบ่งสรรแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า แต่พระยาห์เวห์ทรงเลือกท่านทั้งหลายและทรงนำท่านออกมาจากเตาเหล็กคือจากอียิปต์ ให้เป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งกว่านั้น เพราะท่านทั้งหลายเป็นเหตุ พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า และทรงปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนและจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินดี ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเป็นมรดก แต่ข้าพเจ้าจะตายเสียในแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่ท่านทั้งหลายจะได้ข้ามไปและยึดครองแผ่นดินดีนั้น จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งทรงทำไว้กับท่าน และสร้างรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงห้ามไว้นั้น เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ ทรงเป็นพระเจ้าที่หวงแหน “เมื่อท่านมีลูกและมีหลานและได้อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน และถ้าท่านหลงทำรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด และทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นที่ขัดเคืองพระทัยพระองค์ ข้าพเจ้าขออัญเชิญฟ้าและดินมาเป็นพยานกล่าวโทษท่านในวันนี้ว่า ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างสิ้นเชิงจากแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยึดครองนั้น ท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนาน แต่ท่านจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย และท่านจะเหลือจำนวนน้อยในท่ามกลางประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงขับไล่ท่านให้เข้าไปอยู่นั้น ณ ที่นั่นท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติพระที่คนทำขึ้นด้วยไม้และหิน ซึ่งไม่สามารถมอง หรือฟัง หรือรับประทาน หรือดมกลิ่นได้ แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ ท่านจะพบพระองค์ เมื่อท่านมีความทุกข์ลำบาก และทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่าน ในกาลภายหน้า ท่านจะกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา พระองค์จะไม่ทรงละทิ้งท่านหรือทำลายท่านหรือลืมพันธสัญญา ซึ่งทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของท่านโดยการปฏิญาณ “เพราะบัดนี้จงถามดูเถิดว่าในอดีตกาล คือวันที่อยู่ก่อนท่าน ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนโลก และถามดูจากฟ้าข้างนี้ถึงฟ้าข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม? หรือเคยได้ยินถึงเรื่องอย่างนี้บ้างไหม? มีชนชาติใดได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสออกมาจากกลางเพลิง ดังที่ท่านได้ยินและยังมีชีวิตอยู่ได้ หรือมีพระเจ้าองค์ใดได้ทรงพยายามไปนำชนชาติหนึ่งจากท่ามกลางอีกชนชาติหนึ่งด้วยการลองใจ ด้วยหมายสำคัญ ด้วยการอัศจรรย์ ด้วยสงคราม ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์และด้วยพระกรที่เหยียดออกและด้วยเหตุน่ากลัวอย่างยิ่ง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงทำเพื่อท่านในอียิปต์ต่อหน้าต่อตาท่าน? ที่ได้ทรงสำแดงแก่ท่านนั้นก็เพื่อท่านจะทราบว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย พระองค์ทรงให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้า เพื่อให้ท่านมีวินัย พระองค์ทรงให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกลางเพลิง และเพราะพระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน และทรงเลือกเชื้อสายของเขา และทรงพาท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่านเสียให้พ้นหน้าท่าน และนำท่านเข้ามา และประทานแผ่นดินของพวกเขาให้ท่านเป็นมรดกดังทุกวันนี้ ดังนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย ฉะนั้น ท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป” แล้วโมเสสแยกเมืองทางทิศตะวันออกฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นไว้สามเมือง เพื่อผู้ที่ฆ่าคนจะได้หนีไปที่นั่น คือผู้ที่ฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่เจตนา โดยไม่ได้เป็นศัตรูกันมาก่อน และเมื่อหนีไปเมืองใดเมืองหนึ่งในเมืองเหล่านี้ก็จะรอดชีวิต เมืองเหล่านี้คือ เมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสำหรับเผ่ารูเบน และเมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับเผ่ามนัสเสห์ ต่อไปนี้เป็นธรรมบัญญัติที่โมเสสได้ตั้งไว้ต่อคนอิสราเอล เหล่านี้เป็นพระโอวาท เป็นกฎเกณฑ์และกฎหมาย ซึ่งโมเสสกล่าวกับคนอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากอียิปต์ ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนที่หุบเขาตรงข้ามเบธเปโอร์ ในแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์คนอาโมไรต์ ผู้ประทับที่เฮชโบนซึ่งโมเสสและคนอิสราเอลได้ตีพ่ายไปเมื่อออกจากอียิปต์ คนอิสราเอลได้เข้ายึดครองแผ่นดินของท่านและแผ่นดินของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน กษัตริย์สองพระองค์ของคนอาโมไรต์ ผู้อยู่ทางทิศตะวันออกฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ตั้งแต่อาโรเออร์ที่อยู่ริมลุ่มน้ำอารโนน ไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือเฮอร์โมน) รวมกับที่ราบทั้งหมด ซึ่งอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนไกลไปจนถึงทะเลแห่งอาราบาห์ ใต้ที่ราบแถบเนินเขาปิสกาห์