1 ซามูเอล 30:4-31

1 ซามูเอล 30:4-31 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แล้วดาวิดกับพวกทหารที่อยู่กับท่านก็ร้องไห้เสียงดังจนเขาไม่มีกำลังจะร้องไห้อีก นางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และนางอาบีกายิลแม่ม่ายของนาบาลชาวคารเมล ภรรยาทั้งสองของดาวิดก็ถูกจับไปเป็นเชลยด้วย และดาวิดก็เป็นทุกข์หนักเพราะพวกทหารพูดกันว่าจะขว้างท่านให้ตายด้วยก้อนหิน เพราะจิตใจของพวกทหารทุกคนขมขื่น เพราะเรื่องพวกบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา แต่ดาวิดก็มีกำลังขึ้นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดาวิดจึงพูดกับอาบียาธาร์ปุโรหิตบุตรของอาหิเมเลคว่า “นำเอโฟดมาให้ข้าพเจ้า” อาบียาธาร์ก็นำเอโฟดมาให้ดาวิด และดาวิดทูลถามพระยาห์เวห์ว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะไล่ตามกองปล้นนี้หรือ? ข้าพระองค์จะไปทันพวกเขาหรือ?” พระองค์ทรงตอบท่านว่า “จงไล่ตามเถิด เพราะเจ้าจะไปทันพวกเขาแน่ และจะช่วยกู้ได้แน่” ดาวิดออกไปพร้อมกับชายที่อยู่กับท่าน 600 คนนั้น และเขามาถึงลำธารเบโสร์ คนที่ล้าหลังก็หยุดอยู่ที่นั่น แต่ดาวิดไล่ตามต่อไป ทั้งตัวท่านและชาย 400 คน ส่วนชาย 200 คนที่อ่อนเพลียเกินที่จะข้ามลำธารเบโสร์ก็หยุดพักอยู่ พวกเขาพบชาวอียิปต์คนหนึ่งอยู่ในทุ่งนา จึงนำเขามาหาดาวิด พวกเขาให้ขนมปังและเขาก็รับประทานและให้น้ำเขาดื่ม และให้ขนมมะเดื่อชิ้นหนึ่งกับลูกเกดสองพวง เมื่อเขารับประทานแล้ว จิตใจของเขาก็ฟื้นขึ้น เพราะเขาไม่ได้รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำมาสามวันสามคืนแล้ว และดาวิดถามเขาว่า “เจ้าเป็นคนของใคร? และเจ้ามาจากไหน?” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนหนุ่มชาวอียิปต์ เป็นคนใช้ของคนอามาเลขคนหนึ่ง เมื่อสามวันมาแล้วนายของข้าพเจ้าทิ้งข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าป่วย พวกเรามาปล้นที่เนเกบของคนเคเรธี และปล้นที่ของยูดาห์ และที่เนเกบของคาเลบ และพวกเราเผาเมืองศิกลากเสียด้วยไฟ” ดาวิดถามเขาว่า “เจ้าจะพาเราลงไปถึงกองปล้นนี้หรือไม่?” เขาตอบว่า “ขอปฏิญาณแก่ข้าพเจ้าในพระนามของพระเจ้าว่าจะไม่ฆ่าข้าพเจ้า และท่านจะไม่มอบข้าพเจ้าไว้ในมือนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะพาท่านไปที่กองปล้นนั้น” เมื่อเขาพาท่านลงไปแล้ว ดูเถิด ก็พบพวกเขากระจายกันอยู่เต็มทั่วพื้นดิน ต่างกินและดื่มและเต้นรำเพราะของที่ปล้นได้มากมายซึ่งพวกเขาเอามาจากแผ่นดินฟีลิสเตียและจากแผ่นดินยูดาห์ และดาวิดก็ฆ่าฟันเขาตั้งแต่โพล้เพล้จนถึงเวลาเย็นของวันรุ่งขึ้น ไม่มีชายคนใดหนีรอดจากพวกเขาไปได้สักคน ยกเว้นพวกคนหนุ่ม 400 คนซึ่งขี่อูฐหนีไป ดาวิดกู้สิ่งของ ที่คนอามาเลขนำไปมาได้ทั้งหมด และดาวิดช่วยกู้ภรรยาทั้งสองของท่านมาได้ ไม่มีอะไรของพวกเขาที่ขาดไปเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บุตรชายหรือบุตรหญิง ในสิ่งที่ถูกปล้นไปหรือทุกสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นเอาไปเป็นของพวกเขา ดาวิดได้คืนมาหมด ดาวิดยังยึดฝูงแพะแกะ ฝูงโคทั้งหมด ซึ่งพวกเขาไล่ต้อนไปข้างหน้าฝูงสัตว์ฝูงอื่น พวกเขากล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ดาวิดยึดมา” แล้วดาวิดกลับมายังชาย 200 คนผู้ที่อ่อนเพลียเกินที่จะตามดาวิดไป ซึ่งให้พักอยู่ที่ลำธารเบโสร์ พวกเขาออกไปพบดาวิดและพวกทหารที่อยู่กับท่าน เมื่อดาวิดเข้ามาใกล้คนหมู่นั้น ท่านก็ทักทายพวกเขา คนอธรรมและคนก่อกวนทั้งสิ้นในพวกคนที่ติดตามดาวิดไปกล่าวว่า “เพราะพวกเขาไม่ไปกับเรา เราจะไม่ให้สิ่งที่เรายึดมาได้แก่พวกเขา นอกจากที่เราช่วยกู้มาให้ชายทุกคน คือภรรยาของเขาและพวกบุตรชายของเขา ให้พวกเขาไปได้” แต่ดาวิดกล่าวว่า “พวกพี่น้องของข้าพเจ้า พวกท่านอย่าทำอย่างนั้นกับสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงมอบแก่พวกเรา ผู้ได้ทรงพิทักษ์รักษาพวกเราไว้และทรงมอบกองปล้นซึ่งมาต่อสู้กับพวกเราไว้ในมือของพวกเรา ในเรื่องนี้ใครจะฟังพวกท่าน เพราะคนที่ลงไปในสงครามได้ส่วนแบ่งของพวกเขาอย่างไร คนที่อยู่กับกองสัมภาระก็จะได้รับส่วนแบ่งอย่างนั้นเหมือนกัน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป ดาวิดก็ตั้งข้อนี้ให้เป็นกฎและหลักปฏิบัติแก่อิสราเอลจนทุกวันนี้ เมื่อดาวิดมาถึงเมืองศิกลากแล้ว ก็ส่งของที่ยึดได้นั้นส่วนหนึ่งไปให้เพื่อนๆ ซึ่งเป็นพวกผู้ใหญ่ในยูดาห์กล่าวว่า “นี่เป็นของขวัญสำหรับพวกท่านจากของที่ยึดจากพวกศัตรูของพระยาห์เวห์” คือแก่คนที่อยู่ในเบธเอล ในราโมท ที่เนเกบ ในยาททีร์ ในอาโรเออร์ ในสิฟโมท ในเอชเทโมอา ในราคาล ในบรรดาเมืองของคนเยราเมเอล ในบรรดาเมืองของคนเคไนต์ ในโฮเรมาห์ ในโบราชาน ในอาธาค ในเฮโบรน คือให้แก่ทุกตำบลที่ดาวิดเองกับพวกของท่านเคยไป

1 ซามูเอล 30:4-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ทั้งดาวิดและพวกก็ร้องไห้เสียงดังจนไม่เหลือแรงที่จะร้องไห้อีก ภรรยาทั้งสองคนของดาวิดก็ตกเป็นเชลยด้วยคืออาหิโนอัมแห่งยิสเรเอล และอาบีกายิลภรรยาม่ายของนาบาลแห่งคารเมล ดาวิดทุกข์ใจมากเพราะพรรคพวกพูดกันว่าจะเอาหินขว้างดาวิด พวกเขาต่างก็ขมขื่นรันทดใจด้วยเรื่องบุตรชายบุตรสาว แต่ดาวิดได้รับกำลังในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ดาวิดจึงพูดกับปุโรหิตอาบียาธาร์บุตรอาหิเมเลคว่า “โปรดนำเอโฟดมา” อาบียาธาร์ก็นำมา ดาวิดทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรไล่ตามกองโจรนี้ไปหรือไม่? จะตามทันหรือไม่?” พระเจ้าตรัสว่า “จงตามพวกเขาไปเถิด เจ้าจะตามทันและช่วยผู้คนได้สำเร็จ” ดาวิดกับพรรคพวกหกร้อยคนมาถึงลำธารเบโสร์ ซึ่งบางคนหยุดพักอยู่ที่นั่น เพราะมีสองร้อยคนหมดแรง ข้ามลำธารไปไม่ไหว แต่ดาวิดกับอีกสี่ร้อยคนยังคงตามล่าต่อไป พวกเขาพบชายอียิปต์คนหนึ่งกลางทุ่ง จึงนำตัวมาพบดาวิด พวกเขาเอาน้ำดื่มและอาหารมาให้คนนั้น คือมะเดื่ออัดจำนวนเล็กน้อยและขนมลูกเกดสองก้อน เขารับประทานแล้วค่อยมีกำลังวังชาขึ้นเพราะไม่ได้กินดื่มอะไรมาสามวันสามคืนแล้ว ดาวิดถามว่า “เจ้าเป็นคนของใครและมาจากไหน?” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวอียิปต์ เป็นทาสของชาวอามาเลขคนหนึ่ง นายทิ้งข้าพเจ้าไว้สามวันแล้วเพราะข้าพเจ้าไม่สบาย เราได้ปล้นเนเกบของพวกเคเรธีกับพรมแดนที่เป็นของยูดาห์ และเนเกบของคาเลบ แล้วเราเผาเมืองศิกลาก” ดาวิดถามว่า “เจ้านำทางเราลงไปถึงกองโจรนั้นได้หรือไม่?” เขาตอบว่า “หากท่านสาบานในพระนามของพระเจ้าว่าจะไม่ฆ่าข้าพเจ้าหรือส่งตัวกลับไปให้นาย ข้าพเจ้าจะนำทางท่านไปหาพวกนั้น” เขานำดาวิดลงไปที่นั่น พวกอามาเลขกระจายกันอยู่เต็มทุ่ง กินดื่มกันอย่างสนุกสนาน และชื่นชมกับทรัพย์มากมายที่ยึดมาได้จากแดนฟีลิสเตียและจากยูดาห์ เย็นวันนั้นดาวิดสู้รบกับพวกเขาจนถึงเย็นวันรุ่งขึ้น ไม่มีใครหนีรอดไปได้เว้นแต่ชายหนุ่มสี่ร้อยคนซึ่งขี่อูฐหนีไป ดาวิดได้ของทุกอย่างที่พวกอามาเลขริบไปคืนมาทั้งหมด รวมทั้งภรรยาสองคน ไม่มีสิ่งใดขาดหายไป ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เด็กชายเด็กหญิง ของที่ถูกปล้นหรือสิ่งที่ถูกริบไป ดาวิดได้คืนมาทั้งหมด เขายึดฝูงสัตว์ทั้งหมดและคนของเขาก็กวาดต้อนมาข้างหน้าอีกฝูงหนึ่งบอกว่า “นี่เป็นของที่ดาวิดยึดมา” แล้วดาวิดกลับมาหาสองร้อยคนที่หมดแรงติดตามไปไม่ไหว ซึ่งรออยู่ที่ลำธารเบโสร์ พวกเขาออกมาพบดาวิดกับพวก แต่บรรดาอันธพาลและคนชั่วในหมู่ผู้ติดตามของดาวิดกล่าวว่า “เราจะไม่แบ่งของที่ยึดคืนมาได้ให้พวกเขา เพราะเขา ไม่ได้ไปกับเรา แต่ให้เขาเอาภรรยาเอาลูกคืนไป แล้วไปเสีย” ดาวิดตอบว่า “อย่าเลยพี่น้องเอ๋ย พวกท่านอย่าทำเช่นนั้นกับสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เรา พระองค์ทรงปกป้องเราและทรงมอบกองกำลังต่างๆ ที่มาโจมตีเรานั้นแก่เรา ใครจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด? เราจะแบ่งให้เท่าๆ กัน ทั้งคนที่ออกรบและคนที่คอยดูแลสัมภาระ” ดาวิดจึงตั้งเป็นกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติสำหรับอิสราเอลตั้งแต่วันนั้นจนถึงบัดนี้ เมื่อดาวิดมาถึงเมืองศิกลาก ก็ส่งของที่ยึดมาได้บางส่วนไปให้บรรดาผู้อาวุโสของยูดาห์ที่เป็นสหายของเขาและแจ้งว่า “นี่คือของกำนัลสำหรับท่าน ได้มาจากการปล้นศัตรูขององค์พระผู้เป็นเจ้า” เขาส่งของกำนัลเหล่านี้ไปยังบรรดาผู้นำในเบธเอล ราโมท เนเกบ และยัททีร์ ในอาโรเออร์ สิฟโมท เอชเทโมอา และราคาล ในหัวเมืองต่างๆ ของวงศ์เยราห์เมเอลและวงศ์เคไนต์ ในโฮรมาห์ โบร์อาชาน อาธาค และเฮโบรน และในที่ต่างๆ ซึ่งดาวิดกับคนของเขาเคยเดินทางไปมา

1 ซามูเอล 30:4-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ดังนั้น​ดาวิด​และ​พวก​จึง​ร้องไห้​เสียง​ดัง​จน​หมด​เรี่ยวแรง​ไม่​สามารถ​ร้อง​ต่อ​ไป​ได้​อีก เมีย​ทั้ง​สอง​คน​ของ​ดาวิด​คือ​นาง​อาหิโนอัม​ชาว​ยิสเรเอล​และ​นาง​อาบีกายิล เมีย​ม่าย​ของ​นาบาล​ชาว​คารเมล ก็​ถูก​จับ​ไป​ด้วย ดาวิด​ตก​อยู่​ใน​อันตราย​เป็น​อย่าง​มาก เพราะ​ผู้คน​พูด​กัน​ว่า​จะ​เอา​หิน​ขว้าง​เขา แต่​ละ​คน​รู้สึก​ขมขื่น​ใจ เพราะ​ลูกชาย​ลูกสาว​ของ​พวก​เขา​ถูก​จับ​ไป แต่​ดาวิด​ก็​มี​ความ​กล้า​ขึ้น​ใน​พระยาห์เวห์​พระเจ้า​ของ​เขา ดาวิด​พูด​กับ​นักบวช​อาบียาธาร์​ลูกชาย​ของ​อาหิเมเลค​ว่า “เอา​เอโฟด​มา​ให้​เรา​หน่อย” อาบียาธาร์​ก็​เอา​มา​ให้​เขา และ​ดาวิด​ก็​ร้อง​ถาม​พระยาห์เวห์​ว่า “ข้าพเจ้า​ควร​จะ​ตาม​โจร​กลุ่ม​นี้​ไป​หรือ​ไม่ และ​ข้าพเจ้า​จะ​ไล่​พวก​มัน​ทัน​หรือ​เปล่า” พระองค์​ตอบ​ว่า “ตาม​ล่า​มัน​ไป เจ้า​จะ​ไล่​พวก​มัน​ทัน และ​ช่วย​เหลือ​คน​ได้​สำเร็จ” ดาวิด​และ​ชาย​หนุ่ม​หก​ร้อย​คน ได้​ออก​ติดตาม​โจร​กลุ่ม​นั้น​ไป​จน​ถึง​ลุ่ม​แม่น้ำ​เบโสร์ ที่นั่น​เขา​ได้​ทิ้ง​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ไว้ เพราะ​มี​สอง​ร้อย​คน​ที่​เหน็ด​เหนื่อย​มาก​จน​ไม่​สามารถ​ข้าม​ลุ่ม​แม่น้ำ​ไป​ได้ จึง​หยุดพัก​อยู่​ที่​นั่น ส่วน​ดาวิด​และ​คน​อีก​สี่​ร้อย​คน​ยัง​คง​ไล่​ตาม​ต่อ​ไป พวก​เขา​พบ​คน​อียิปต์​คน​หนึ่ง​ใน​ท้องทุ่ง จึง​พา​มา​พบ​ดาวิด เขา​ให้​น้ำ​กับ​คน​อียิปต์​นั้น​ดื่ม ให้​อาหาร​เขา​กิน เขา​ให้​ผล​มะเดื่อ​แห้ง​และ​เค้ก​องุ่น​แห้ง​สอง​ชิ้น เมื่อ​เขา​กิน​แล้ว​เขา​ก็ดี​ขึ้น เพราะ​เขา​ไม่​ได้​กิน​และ​ดื่ม​อะไร​เลย​มา​สาม​วัน​สาม​คืน​แล้ว ดาวิด​ถาม​คน​อียิปต์​นั้น​ว่า “เจ้า​เป็น​คน​ของ​ใคร และ​เจ้า​มา​จาก​ไหน” คน​อียิปต์​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​เป็น​คน​อียิปต์ เป็น​ทาส​ของ​คน​อามาเลค นาย​ของ​ข้าพเจ้า​ทิ้ง​ข้าพเจ้า​ไว้ เพราะ​ข้าพเจ้า​ป่วย​เมื่อ​สาม​วัน​ก่อน พวก​เรา​ได้​เข้า​ปล้น​เขต​แดน​เนเกบ ที่​คน​เคเรธี อาศัย​อยู่ และ​ดินแดน​ที่​เป็น​ของ​ยูดาห์ รวมทั้ง​เขต​แดน​เนเกบ​ที่​ตระกูล​คาเลบ​อาศัย​อยู่ และ​พวก​เรา​ก็​เผา​ศิกลาก​ทิ้ง” ดาวิด​ถาม​คน​อียิปต์​ว่า “เจ้า​ช่วย​พา​เรา​ลง​ไป​ถึง​โจร​กลุ่ม​นี้​ได้​หรือ​เปล่า” คน​อียิปต์​ตอบ​ว่า “สาบาน​ต่อหน้า​พระเจ้า​ก่อน​ว่า ท่าน​จะ​ไม่​ฆ่า​ข้าพเจ้า หรือ​ส่ง​ข้าพเจ้า​กลับ​คืน​ไปหา​นาย​ข้าพเจ้า แล้ว​ข้าพเจ้า​จะ​พา​ท่าน​ลง​ไป​ถึง​โจร​กลุ่ม​นี้” คน​อียิปต์​พา​ดาวิด​ไป​หา​อามาเลค และ​ที่​นั่น ดาวิด​ก็​ได้​พบ​กับ​คน​เหล่า​นั้น อยู่​กัน​อย่าง​กระจัด​กระจาย​ใน​แถบ​ชนบท กำลัง​กิน ดื่ม และ​เฉลิม​ฉลอง​กัน​อย่าง​สนุก​สนาน เพราะ​ได้​ปล้น​ของ​มา​เป็น​จำนวน​มาก​จาก​แผ่นดิน​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​และ​จาก​ยูดาห์ ดาวิด​สู้รบ​กับ​พวก​โจร​ตั้งแต่​ตอนค่ำ​จน​ถึง​เย็น​ของ​อีก​วัน​หนึ่ง และ​ไม่​มี​ใคร​หนี​รอด​ไป​ได้​เลย นอก​จาก​ชาย​หนุ่ม​สี่​ร้อย​คน​ที่​ขี่​อูฐ​หนี​ไป​ได้ ดาวิด​เอา​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ที่​ชาว​อามาเลค​ยึด​มา รวม​ถึง​เมีย​ทั้งสอง​ของ​เขา​ด้วย ดาวิด​ยึด​เอา​ทุกสิ่ง​ทุกอย่าง​กลับ​มา​หมด ไม่​มี​อะไร​ขาด​เลย ทั้ง​คนหนุ่ม คนแก่ เด็กชาย​เด็กหญิง ของ​ที่​โจร​ปล้น​เอา​มา หรือ​อะไร​ก็​ตาม​ที่​พวก​โจร​ได้​ปล้น​เอา​ไป​นั้น ดาวิด​เอา​กลับ​มา​หมด ดาวิด​ยึด​ฝูง​แพะแกะ​และ​ฝูง​โค​มา​ได้ และ​คน​ของ​เขา​ก็​ต้อน​ฝูง​สัตว์​ไป​ข้างหน้า​แล้ว​พูด​ว่า “นี่​คือ​ของ​ที่​ดาวิด​ปล้น​มา​ได้” เมื่อ​ดาวิด​มา​ถึง​บริเวณ​ที่​คน​สอง​ร้อย​คน ที่​เหนื่อย​เกิน​ไป​ที่​จะ​ตาม​ดาวิด และ​ถูก​ทิ้ง​ไว้​ที่​ลุ่ม​แม่น้ำ​เบโสร์ พวก​เขา​ออก​มา​พบ​ดาวิด​กับ​พวก​ที่​มา​กับ​ดาวิด เมื่อ​ดาวิด​กับ​พวก​ของ​เขา​มา​ถึง พวก​นั้น​ก็​ออก​มา​ถาม​ทุกข์สุข​ของ​ดาวิด​และ​พรรคพวก แต่​มี​บางคน​ใน​พวก​ที่​ติดตาม​ดาวิด​ไป ที่​เป็น​คน​ชั่วร้าย​และ​ชอบ​สร้างปัญหา พูด​ขึ้น​ว่า “คน​พวก​นี้​ไม่​ได้​ออก​ไป​กับ​พวก​เรา ก็​ไม่​ควร​ได้รับ​ส่วนแบ่ง​ใน​ของ​ที่​เรา​ยึด​มา​ได้ นอกจาก​ลูกเมีย​ของ​พวก​เขา​เท่านั้น” ดาวิด​พูด​ขึ้น​ว่า “พี่น้อง​ทั้งหลาย อย่า​ให้​เป็น​อย่าง​นั้น​เลย พวก​ท่าน​ต้อง​ไม่​ทำ​อย่าง​นั้น​กับ​สิ่ง​ที่​พระยาห์เวห์​ให้​กับ​พวก​เรา และ​ได้​มอบ​พวก​โจร​กลุ่ม​นี้​ที่​ได้​สู้รบ​กับ​พวก​เรา​ให้​ตก​อยู่​ใน​กำมือ​ของ​พวก​เรา ใคร​จะ​ฟัง​เจ้า​ใน​เรื่อง​นี้ ทุก​คน​จะ​ได้รับ​ส่วน​แบ่ง​เท่าๆ​กัน​หมด ไม่​ว่า​จะ​เป็น​คน​ที่​เฝ้า​สัมภาระ​อยู่​ที่​นี่ หรือ​คน​ที่​ลง​ไป​สู้รบ” ดาวิด​ทำ​ให้​เรื่อง​นี้​เป็น​กฏ​ระเบียบ​ของ​ชาว​อิสราเอล มา​จน​ถึง​ทุก​วันนี้ เมื่อ​ดาวิด​มา​ถึง​ศิกลาก เขา​ได้​ส่ง​ของ​ที่​ยึด​มา​ได้​บาง​ส่วน​ไป​ให้​กับ​ผู้นำ​อาวุโส​ใน​ยูดาห์ ที่​เป็น​เพื่อน​กับ​ดาวิด แล้ว​บอก​ว่า “นี่​คือ​ของขวัญ​สำหรับ​ท่าน​จาก​สิ่ง​ที่​ยึด​มา​ได้​จาก​พวก​ศัตรู​ของ​พระยาห์เวห์” ดาวิด​ส่ง​ของ​ที่​ยึด​มา​ได้​บาง​ส่วน ไป​ให้​ผู้นำ​ที่​อยู่​ใน​เบธเอล ราโมท​ใน​เนเกบ และ​ยาททีร์ ไป​ยัง​ผู้นำ​ที่​อยู่​ที่​อาโรเออร์ สิฟโมท เอชเทโมอา ไป​ยัง​ราคาล ไป​ยัง​หมู่บ้าน​ต่างๆ​ของ​คน​เยราเมเอล และ​หมู่บ้าน​ต่างๆ​ของ​คน​เคไนต์ ไป​ยัง​คน​ที่​อยู่​ใน​โฮรมาห์ โบราชาน อาธาค และ​เฮโบรน และ​ไป​ยัง​ทุกๆ​ที่​ที่​ดาวิด​และ​พวก​เคย​อาศัย​มา​ก่อน

1 ซามูเอล 30:4-31 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แล​้วดาวิ​ดก​ับประชาชนที่​อยู่​กั​บท​่านก็​ร้องไห้​เสียงดังจนเขาไม่​มี​กำลังจะร้องไห้​อีก อาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และอาบี​กาย​ิลภรรยาของนาบาลชาวคารเมล ภรรยาทั้งสองของดาวิ​ดก​็​ถู​กกวาดไปเป็นเชลยด้วย และดาวิ​ดก​็​เป็นทุกข์​หน​ักเพราะประชาชนพู​ดก​ั​นว​่าจะขว้างท่านเสียด้วยก้อนหินด้วยจิตใจของประชาชนต่างก็ขมขื่นมาก เพราะบุตรชายและบุตรสาวของเขา แต่​ดาว​ิ​ดก​็​มี​กำลังขึ้นในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ดาว​ิดจึงพู​ดก​ับอาบียาธาร์​ปุ​โรหิ​ตบ​ุตรชายของอาหิเมเลคว่า “ขอนำเอโฟดมาให้​ข้าพเจ้า​” อาบ​ียาธาร์​ก็​นำเอโฟดมาให้​ดาวิด และดาวิดทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะติดตามกองปล้นนี้​หรือ ข้าพระองค์จะขั​บท​ันเขาหรือ” พระองค์​ตอบท่านว่า “จงติดตามเถิด เจ้​าจะไปทันเขาแน่ และจะเอาสิ่งสารพัดกลับคืนแน่” ดาว​ิ​ดก​็ยกออกติดตามพร้อมกับคนที่​อยู่​กั​บท​่านหกร้อยนั้น และเขามาถึงลำธารเบโสร์ คนที​่ล้าหลั​งก​็พักอยู่​ที่นั่น แต่​ดาว​ิดติดตามต่อไป ทั้งตั​วท​่านและคนสี่​ร้อย สองร้อยที่อ่อนเพลียเกิ​นที​่จะข้ามลำธารเบโสร์​ก็​หยุดพักอยู่ เขาทั้งหลายพบชาวอียิปต์คนหนึ่งอยู่​ที่​กลางแจ้ง จึงนำเขามาหาดาวิด ให้​ขนมปังและเขาก็รับประทานและให้น้ำเขาดื่ม และให้ขนมมะเดื่อแผ่นหนึ่​งก​ับช่​ออง​ุ่นแห้งสองช่อ เมื่อเขารับประทานแล้ว จิ​ตใจของเขาก็ฟื้นขึ้น เพราะเขาไม่​ได้​รับประทานขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำมาสามวันสามคืนแล้ว และดาวิดถามเขาว่า “​เจ้​าเป็นคนพวกไหน และเจ้ามาจากไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนหนุ่มชาวอียิปต์ เป็นคนใช้ของคนอามาเลขคนหนึ่ง เมื่อสามวันมาแล้วข้าพเจ้าป่วย นายข้าพเจ้าจึงทิ้งข้าพเจ้าไว้ เรามาปล้​นที​่ถิ่นใต้ของคนเคเรธี และปล้​นที​่ส่วนของยูดาห์ และที่ถิ่นใต้ของคาเลบ และเราเผาเมืองศิกลากเสียด้วยไฟ” ดาว​ิดถามเขาว่า “​เจ้​าจะพาเราลงไปถึงกองปล้นนี้​หรือไม่​” เขาตอบว่า “ขอปฏิญาณแก่ข้าพเจ้าในพระนามของพระเจ้าว่า จะไม่ฆ่าข้าพเจ้า และท่านจะไม่มอบข้าพเจ้าไว้ในมือนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะพาท่านไปที่กองปล้นนั้น” เมื่อเขาพาท่านลงไปแล้ว ดู​เถิด ก็​พบเขาทั้งหลายแผ่กันอยู่เต็​มด​ินไปหมด ต่างกินและดื่มและเต้นรำเพราะเขาริบได้ข้าวของมากมายมาจากแผ่นดินฟีลิสเตียและจากแผ่นดินยูดาห์ และดาวิ​ดก​็ฆ่าฟันเขาตั้งแต่​โพล้เพล้​จนถึงเวลาเย็นของวั​นร​ุ่งขึ้น ไม่มี​ชายคนใดหนีรอดไปได้สักคนเดียว เว้นแต่​ชายสี่ร้อยคนซึ่งขี่อูฐหนี​ไป ดาว​ิดได้​สิ​่งของต่างๆที่คนอามาเลขริบคืนมาทั้งหมด และดาวิดช่วยภรรยาทั้งสองของท่านรอดได้ ไม่มี​อะไรขาดจากท่านไปเลย ไม่​ว่าเล็กหรือใหญ่ บุ​ตรชายหรื​อบ​ุตรสาว ในสิ่งที่ริบไปหรือสิ่งที่เขาเหล่านั้นเอาไป ดาว​ิดได้คืนมาหมด ดาว​ิดยังจับได้บรรดาฝูงแพะแกะฝูงวัว และเขาไล่ต้อนฝูงสัตว์ไปข้างหน้าท่านกล่าวว่า “​นี่​เป็นส่วนหนึ่งของดาวิดริบมา” แล​้วดาวิดกลับมายังคนสองร้อยผู้​ที่​อ่อนเพลียเกิ​นที​่จะตามดาวิดไป ซึ่งให้พักอยู่​ที่​ลำธารเบโสร์ และเขาก็ออกไปต้อนรับดาวิดและต้อนรับประชาชนที่​อยู่​กั​บท​่าน เมื่อดาวิดเข้ามาใกล้​ประชาชน ท่านก็คำนับเขาทั้งหลาย คนชั่วและคนอันธพาลทั้งสิ้นในพวกพลที่​ติ​ดตามดาวิดไปจึงกล่าวว่า “เพราะเขาไม่ไปกับเรา เราจะไม่​ให้​สิ​่งที่เราริบมาได้​แก่​เขาเลย นอกจากให้ต่างคนมาพาภรรยาและบุตรของเขาไปก็​แล้วกัน​” แต่​ดาว​ิดกล่าวว่า “​พี่​น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าเอ๋ย ท่านอย่าทำอย่างนั้​นก​ับสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงมอบแก่​เรา ผู้​ได้​ทรงพิทั​กษ​์รักษาเราไว้ และทรงมอบกองปล้นซึ่งมาต่อสู้กับเราไว้ในมือของเรา ในเรื่องนี้ใครจะฟังเสียงของท่าน เพราะคนที่ลงไปรบได้ส่วนแบ่งของเขาอย่างไร คนที​่เฝ้ากองสัมภาระอยู่​ก็​ควรได้ส่วนแบ่งอย่างนั้น ให้​เขาทั้งหลายรับส่วนแบ่งเหมือนกัน” ตั้งแต่​นั้นเป็นต้นไป ดาว​ิ​ดก​็ตั้งข้อนี้​ให้​เป็นกฎเกณฑ์และกฎแก่อิสราเอลจนทุกวันนี้ เมื่อดาวิดมาถึงเมืองศิกลากแล้ว ก็​ส่งของที่ริบได้นั้นส่วนหนึ่งไปให้​เพื่อน ซึ่งเป็นพวกผู้​ใหญ่​ในยูดาห์​กล่าวว่า “​ดู​เถิด นี่​เป็นของขวัญฝากมาให้ท่านซึ่งเป็นส่วนของของริบจากศั​ตรู​ของพระเยโฮวาห์” คือแก่​คนที​่​อยู่​ในเบธเอล ในราโมททางภาคใต้ ในยัททีร ในอาโรเออร์ ในสิฟโมท ในเอชเทโมอา ในราคาล ในหัวเมืองของคนเยราเมเอล ในหัวเมืองของคนเคไนต์ ในโฮรมาห์ ในโคราชาน ในอาธาค ในเฮโบรน คือให้​แก่​ทุ​กตำบลที่​ดาว​ิ​ดก​ับคนของท่านได้เคยไปๆมาๆ

1 ซามูเอล 30:4-31 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แล้วดาวิดกับประชาชนที่อยู่กับท่านก็ร้องไห้เสียง ดังจนเขาไม่มีกำลังจะร้องไห้อีก อาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และอาบีกายิลแม่ม่ายของนาบาลชาวคารเมล ภรรยาทั้งสองของดาวิดก็ถูกกวาดไปเป็นเชลย ด้วย และดาวิดก็เป็นทุกข์หนักเพราะประชาชนพูดกันว่า จะขว้างท่าน เสียด้วยก้อนหินด้วยจิตใจของประชาชนต่างก็ขมขื่นมาก เพราะบุตรชายและบุตรหญิงของเขา แต่ดาวิดก็มีกำลังขึ้นในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ดาวิดจึงพูดกับอาบียาธาร์ ปุโรหิตบุตรของอาหิเมเลคว่า <<ขอนำเอโฟดมาให้ข้าพเจ้า>> อาบียาธาร์ก็นำเอโฟดมาให้ดาวิด และดาวิดทูลถามพระเจ้าว่า <<สมควรที่ข้าพระองค์จะติดตามกองปล้นนี้หรือ ข้าพระองค์จะขับทันเขาหรือ>> พระองค์ตอบท่านว่า <<จงติดตามเถิด เจ้าจะไปทันเขาแน่ และจะช่วยได้แน่>> ดาวิดก็ยกออกติดตามพร้อมกับคนที่อยู่กับท่านหกร้อยนั้น และเขามาถึงลำธารเบโสร์ คนที่ล้าหลังก็พักอยู่ที่นั่น แต่ดาวิดติดตามต่อไป ทั้งตัวท่านและคนสี่ร้อย สองร้อยที่อ่อนเพลียเกินที่จะข้ามลำธารเบโสร์ก็หยุดพักอยู่ เขาทั้งหลายพบชาวอียิปต์คนหนึ่งอยู่ที่กลางแจ้ง จึงนำเขามาหาดาวิด ให้ขนมปังและเขาก็รับประทานและให้น้ำเขาดื่ม และให้ขนมมะเดื่อแผ่นหนึ่งกับช่อองุ่นแห้งสองช่อ เมื่อเขารับประทานแล้ว จิตใจของเขาก็ฟื้นขึ้น เพราะเขาไม่ได้รับประทานขนมปังหรือ ดื่มน้ำมาสามวันสามคืนแล้ว และดาวิดถามเขาว่า <<เจ้าเป็นคนพวกไหน และเจ้ามาจากไหน>> เขาตอบว่า <<ข้าพเจ้าเป็นคนหนุ่มชาวอียิปต์ เป็นคนใช้ของคนอามาเลข คนหนึ่ง เมื่อสามวันมาแล้วข้าพเจ้าป่วยนายข้าพเจ้าจึงทิ้งข้าพเจ้าไว้ เรามาปล้นที่ถิ่นใต้ของคนเคเรธี และปล้นที่ส่วนของยูดาห์ และที่ถิ่นใต้ของคาเลบ และเราเผาเมืองศิกลากเสียด้วยไฟ>> ดาวิดถามเขาว่า <<เจ้าจะพาเราลงไปถึงกองปล้นนี้หรือไม่>> เขาตอบว่า <<ขอปฏิญาณแก่ข้าพเจ้าในพระนามของพระเจ้าว่า จะไม่ฆ่าข้าพเจ้า และท่านจะไม่มอบข้าพเจ้าไว้ในมือนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะพาท่านไปที่กองปล้นนั้น>> เมื่อเขาพาท่านลงไปแล้ว ดูเถิด ก็พบเขาทั้งหลายแผ่กันอยู่เต็มดินไปหมด ต่างกินและดื่มและเต้นรำเพราะเขาริบได้ข้าว ของมากมายมาจากแผ่นดินฟีลิสเตียและจากแผ่นดินยูดาห์ และดาวิดก็ฆ่าฟันเขาตั้งแต่โพล้เพล้จนถึงเวลา เย็นของวันรุ่งขึ้น ไม่มีชายคนใดหนีรอดไปได้สักคนเดียว เว้นแต่ชายสี่ร้อยคนซึ่งขี่อูฐหนีไป ดาวิดได้สิ่งของต่างๆ ที่คนอามาเลขริบคืนมาทั้งหมด และดาวิดช่วยภรรยาทั้งสองของท่านมาได้ ไม่มีอะไรขาดจากท่านไปเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บุตรชายหรือบุตรหญิง ในสิ่งที่ริบไปหรือสิ่งที่เขาเหล่านั้นเอาไป ดาวิดได้คืนมาหมด ดาวิดยังจับได้บรรดาฝูงแพะ แกะ ฝูงโค และเขาไล่ต้อนฝูงสัตว์ไปข้างหน้า ท่านกล่าวว่า <<นี่เป็นส่วนหนึ่งของดาวิดริบมา>> แล้วดาวิดกลับมายังคน สองร้อยผู้ที่อ่อนเพลียเกินที่จะตามดาวิดไป ซึ่งให้พักอยู่ที่ลำธารเบโสร์ และเขาก็ออกไปต้อนรับดาวิด และต้อนรับประชาชนที่อยู่กับท่าน เมื่อดาวิดเข้ามาใกล้ประชาชน ท่านก็คำนับเขาทั้งหลาย คนอธรรมและคนถ่อยทั้งสิ้น ในพวกพลที่ติดตามดาวิดไปจึงกล่าวว่า <<เพราะเขาไม่ไปกับเรา เราจะไม่ให้สิ่งที่เรากู้มาได้แก่เขาเลย นอกจากให้ต่างคนมาพาภรรยาและบุตรของเขาไปก็แล้วกัน>> แต่ดาวิดกล่าวว่า <<พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าเอ๋ย ท่านอย่าทำอย่างนั้นกับสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงมอบแก่เรา ผู้ได้ทรงพิทักษ์รักษาเราไว้และทรงมอบกองปล้นซึ่ง มาต่อสู้กับเราไว้ในมือของเรา ในเรื่องนี้ใครจะฟังเสียงของท่าน เพราะคนที่ลงไปรบได้ส่วนแบ่งของเขาอย่างไร คนที่เฝ้ากองสัมภาระอยู่ก็ควรได้ส่วนแบ่งอย่างนั้น ให้เขาทั้งหลายรับส่วนแบ่งเหมือนกัน>> ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป ดาวิดก็ตั้งข้อนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ อิสราเอลจนทุกวันนี้ เมื่อดาวิดมาถึงเมืองศิกลากแล้ว ก็ส่งของที่ริบได้นั้นส่วนหนึ่งไปให้เพื่อน ซึ่งเป็นพวกผู้ใหญ่ในยูดาห์กล่าวว่า <<นี่เป็นของขวัญฝากมาให้ท่านซึ่งเป็นส่วนของของริบจาก ศัตรูของพระเจ้า>> คือแก่คนที่อยู่ในเบธเอลในราโมทที่เนเกบ ในยัททีร ในอาโรเออร์ ในสิฟโมท ในเอชเทโมอา ในราคาล ในหัวเมืองของคนเยราเมเอล ในหัวเมืองของคนเคไนต์ ในโฮเรมาห์ ในโบราชาน ในอาธาค ในเฮโบรน คือให้แก่ทุกตำบลที่ดาวิดกับคนของท่านได้เคยไปๆมาๆ

1 ซามูเอล 30:4-31 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ดาวิด​และ​คน​ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ส่งเสียง​ดัง​ร้องไห้​จน​กระทั่ง​ไม่​มี​แรง​ร้องไห้​อีก​ต่อ​ไป อาหิโนอัม​ชาว​ยิสเรเอล และ​อาบีกายิล​ชาว​คาร์เมล​แม่ม่าย​ของ​นาบาล​ภรรยา​ทั้ง​สอง​ของ​ดาวิด​ก็​ถูก​จับ​ไป​เป็น​เชลย ดาวิด​เป็น​ทุกข์​ยิ่ง​นัก เพราะ​พรรคพวก​พูด​กัน​ว่า​จะ​ขว้าง​ก้อน​หิน​ใส่​ท่าน เนื่องจาก​ทุก​คน​ขมขื่น​เรื่อง​บุตร​ชาย​บุตร​หญิง​ของ​ตน แต่​ดาวิด​มี​กำลัง​ขึ้น​ได้​จาก​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​ท่าน ดาวิด​พูด​กับ​อาบียาธาร์​ปุโรหิต​บุตร​ของ​อาหิเมเลค​ว่า “เอา​ชุด​คลุม​มา​ให้​เรา” อาหิเมเลค​นำ​ชุด​คลุม​มา​ให้​ดาวิด และ​ดาวิด​ถาม​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ว่า “ข้าพเจ้า​ควร​จะ​ตาม​ล่า​กอง​ปล้น​นี้ หรือ​ควร​จะ​ไป​ตาม​จับ​พวก​เขา​หรือ​ไม่” พระ​องค์​ตอบ​ว่า “ไป​ตาม​ล่า เพราะ​เจ้า​จะ​ไป​ตาม​จับ​กอง​ปล้น​และ​จะ​ช่วย​ชีวิต​เชลย​ได้​อย่าง​แน่นอน” ดาวิด​จึง​ออก​ติดตาม มี​ชาย 600 คน​ที่​ไป​ด้วย เมื่อ​มา​ถึง​ธารน้ำ​เบโสร์​ใน​หุบเขา คน​จำนวน​หนึ่ง​หยุด​พัก​อยู่​ที่​นั่น แต่​ดาวิด​กับ​ชาย 400 คน​ตาม​ล่า​ต่อ​ไป และ 200 คน​ที่​หมด​เรี่ยวแรง​เกิน​ที่​จะ​ข้าม​ธารน้ำ​เบโสร์​ใน​หุบเขา​ก็​ถูก​ปล่อย​ทิ้ง​ไว้ มี​คน​พบ​ชาว​อียิปต์​ผู้​หนึ่ง​ที่​นอก​เมือง​จึง​พา​เขา​มา​หา​ดาวิด ให้​ขนมปัง​เขา เขา​ก็​รับประทาน ให้​น้ำ​เขา​ดื่ม และ​ให้​ขนม​มะเดื่อ 1 ก้อน​กับ​ขนม​ลูกเกด 2 ก้อน เมื่อ​เขา​รับ​ประทาน​เสร็จ​แล้ว เขา​มี​เรี่ยวแรง​มาก​ขึ้น เพราะ​ไม่​ได้​รับ​ประทาน​ขนมปัง​หรือ​ดื่ม​น้ำ​มา 3 วัน 3 คืน​แล้ว ดาวิด​พูด​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​เป็น​คน​ของ​ใคร และ​มา​จาก​ไหน” เขา​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​เป็น​คน​หนุ่ม​จาก​อียิปต์ เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​ชาว​อามาเลข​ผู้​หนึ่ง เจ้านาย​ข้าพเจ้า​ทิ้ง​ข้าพเจ้า​ไว้ เพราะ​ข้าพเจ้า​ป่วย 3 วัน​มา​แล้ว พวก​เรา​ได้​โจมตี​ใน​แถบ​เนเกบ​ของ​ชาว​เคเรธ โจมตี​อาณาเขต​ของ​ยูดาห์ รวม​ทั้ง​แถบ​เนเกบ​ที่​เป็น​ของ​ตระกูล​คาเลบ และ​พวก​เรา​เผา​เมือง​ศิกลาก” ดาวิด​พูด​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​จะ​พา​เรา​ลง​ไป​ที่​กอง​ปล้น​นี้​ได้​ไหม” เขา​ตอบ​ว่า “สาบาน​กับ​ข้าพเจ้า​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เจ้า​ว่า ท่าน​จะ​ไม่​ฆ่า​หรือ​มอบ​ตัว​ข้าพเจ้า​ให้​แก่​นาย​ข้าพเจ้า แล้ว​ข้าพเจ้า​จะ​พา​ท่าน​ลง​ไป​ที่​กอง​ปล้น​นี้” เมื่อ​เขา​พา​ดาวิด​ลง​ไป​แล้ว ดู​เถิด​พวก​กอง​ปล้น​แผ่​กระจาย​ไป​ทั่ว​แผ่นดิน กำลัง​ดื่ม​กิน​และ​เต้น​รำ​ทำ​เพลง เพราะ​ข้าว​ของ​มากมาย​ที่​ริบ​มา​ได้​จาก​ดินแดน​ของ​ชาว​ฟีลิสเตีย​และ​ของ​ยูดาห์ และ​ดาวิด​ก็​ฆ่า​ฟัน​คน​เหล่า​นั้น​ตั้งแต่​พลบค่ำ​จน​ถึง​เวลา​เย็น​ของ​วัน​รุ่ง​ขึ้น ไม่​มี​ผู้​ใด​รอด​ไป​ได้​สัก​คน​เดียว ยกเว้น​ชาย​หนุ่ม 400 คน​ที่​ขี่​อูฐ​หนี​ไป​ได้ ดาวิด​ได้​ขน​ทรัพย์​สิ่ง​ของ​ทั้ง​หมด​ที่​ชาว​อามาเลข​ริบ กลับ​คืน​มา และ​ดาวิด​ช่วย​ชีวิต​ภรรยา​ทั้ง​สอง​ได้ ไม่​มี​สิ่ง​ใด​ขาด​หาย ไม่​ว่า​จะ​มั่งมี​หรือ​ยากจน บุตร​ชาย​หรือ​บุตร​หญิง ดาวิด​เอา​ทุก​สิ่ง​ที่​ถูก​ปล้น​หรือ​สิ่งใด​ก็​ตาม​ที่​ถูก​ยึด​ไป กลับ​คืน​หมด ดาวิด​ยึด​ฝูง​แพะ​แกะ​และ​ฝูง​โค พรรคพวก​ของ​ท่าน​ต้อน​ฝูง​ปศุสัตว์​ไป​ข้างหน้า​ท่าน และ​พูด​ว่า “นี่​เป็น​สิ่ง​ที่​ริบ​มา​ได้​สำหรับ​ดาวิด” แล้ว​ดาวิด​ก็​ไป​หา​ชาย 200 คน​ที่​หมด​เรี่ยวแรง​เกิน​กว่า​จะ​ติดตาม​ดาวิด และ​ถูก​ปล่อย​ทิ้ง​ไว้​ที่​ธารน้ำ​เบโสร์​ใน​หุบเขา ชาย​เหล่า​นั้น​ออก​ไป​พบ​กับ​ดาวิด​และ​คน​อื่นๆ ที่​มา​กับ​ท่าน​ด้วย เมื่อ​ดาวิด​เข้า​ไป​ใกล้​พวก​เขา​แล้ว​ก็​ทักทาย ฝ่าย​พรรคพวก​บาง​คน​ที่​ใจ​ดำ​และ​เลว​ร้าย​ที่​ติดตาม​ดาวิด​ไป​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า “เป็น​เพราะ​พวก​เขา​ไม่​ได้​ไป​กับ​พวก​เรา เรา​จะ​ไม่​แบ่งปัน​สิ่ง​ที่​ริบ​กลับ​มา นอกจาก​จะ​รับ​ภรรยา​และ​ลูกๆ และ​ไป​เสีย” แต่​ดาวิด​พูด​ว่า “พี่​น้อง​เอ๋ย พวก​ท่าน​จะ​กระทำ​ต่อ​สิ่ง​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​มอบ​ให้​แก่​เรา​อย่าง​นั้น​ไม่​ได้ พระ​องค์​ไว้​ชีวิต​พวก​เรา และ​ได้​มอบ​กอง​ปล้น​ที่​ต่อสู้​กับ​เรา​ไว้​ใน​มือ​เรา ใคร​จะ​ฟัง​พวก​ท่าน​ใน​เรื่อง​นี้ คน​ที่​ไป​รบ​ได้​ส่วน​แบ่ง​เช่น​ไร คน​ที่​เฝ้า​กอง​สัมภาระ ก็​จะ​ได้​รับ​ส่วน​แบ่ง​เช่น​นั้น ทุก​คน​จะ​ได้​รับ​ส่วน​แบ่ง​เหมือน​กัน” ดาวิด​จึง​ตั้ง​ให้​เป็น​กฎเกณฑ์​และ​คำสั่ง​สำหรับ​อิสราเอล​ตั้งแต่​วัน​นั้น​มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ เมื่อ​ดาวิด​มา​ยัง​เมือง​ศิกลาก ท่าน​ก็​ได้​ส่ง​บาง​สิ่ง​ที่​ริบ​มา​ให้​แก่​บรรดา​หัวหน้า​ชั้น​ผู้​ใหญ่​แห่ง​ยูดาห์​ผู้​เป็น​เพื่อน และ​บอก​ว่า “นี่​เป็น​ของ​ขวัญ​สำหรับ​ท่าน เรา​ริบ​มา​ได้​จาก​ศัตรู​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า” สำหรับ​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​เบธเอล ใน​ราโมท​ที่​เนเกบ ใน​ยาททีร์ ใน​อาโรเออร์ ใน​สิฟโมท ใน​เอชเทโมอา ใน​ราคาล ใน​เมือง​ต่างๆ ของ​ชาว​เยราเมเอล ใน​เมือง​ต่างๆ ของ​ชาว​เคน ใน​โฮร์มาห์ ใน​โบราชาน ใน​อาธาค ใน​เฮโบรน คือ​ให้​แก่​ทุก​แห่ง​ที่​ดาวิด​และ​พรรคพวก​ได้​เคย​ผ่าน​ไป​มา