วิวรณ์ 11:6-17

วิวรณ์ 11:6-17 TH1971

พยานทั้งสองมีฤทธิ์ปิดท้องฟ้าได้ เพื่อไม่ให้ฝนตกในระหว่างวันเหล่านั้นที่เขากำลังเผยพระวจนะ และมีฤทธิ์ทำให้น้ำกลายเป็นเลือดได้ และมีฤทธิ์บันดาลให้ภัยพิบัติต่างๆ กระหน่ำโลกกี่ครั้งก็ได้ตามความปรารถนา และเมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาลก็จะสู้รบกับเขา จะชนะเขาและจะฆ่าเขาเสีย และศพของเขาจะอยู่ที่ถนนในมหานครนั้น ซึ่งตามอุปมาเรียกว่าเมืองโสโดม และเมืองอียิปต์ อันเป็นเมืองซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาถูกตรึง คนหลายชาติ หลายเผ่า หลายภาษา หลายประชาชาติ จะเพ่งดูศพเขาตลอดสามวันครึ่ง และจะไม่ยอมให้เอาศพนั้นใส่อุโมงค์เลย คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในแผ่นดินโลกจะยินดีเพราะเขาและจะสนุกสนานรื่นเริง จะให้ของขวัญแก่กัน เพราะว่าผู้เผยพระวจนะทั้งสองนี้ได้ทรมานคนเหล่านั้นที่อยู่ในโลก>> เมื่อเวลาผ่านไปสามวันครึ่งแล้ว ลมปราณจากพระเจ้าก็เข้าสู่ศพของเขาอีก และเขาก็ลุกขึ้นยืน คนทั้งหลายที่ได้เห็นเขาก็มีความหวาดกลัวเป็นอันมาก คนทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากสวรรค์ ตรัสแก่เขาว่า <<จงขึ้นมาที่นี่เถิด>> และพวกศัตรูก็เห็นเขาขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ และในเวลานั้นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และเมืองนั้นก็ถล่มลงเสียหนึ่งในสิบส่วน มีคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน และคนที่เหลืออยู่นั้นมีความหวาดกลัวยิ่ง และได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์ วิบัติอย่างที่สองก็ผ่านไปแล้ว ดูเถิด วิบัติอย่างที่สามก็จะมาถึงในไม่ช้านี้แหละ และทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดก็เป่าแตรขึ้น และมีเสียงหลายๆเสียงกล่าวขึ้นดังๆในสวรรค์ว่า <<ราชอาณาจักรแห่งพิภพนี้ ได้กลับเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ และพระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์ >> และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนซึ่งนั่งในที่นั่งของตน เบื้องหน้าพระเจ้าก็ทรุดตัวลงกราบนมัสการพระเจ้า และทูลว่า <<ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ทรงดำรงอยู่บัดนี้และผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ข้าพระองค์ทั้งหลายรำลึกในพระคุณของพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงใช้ฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์ ทรงเริ่มครอบครองแผ่นดินโลก