มาระโก 11:1-19

มาระโก 11:1-19 TH1971

ครั้นพระองค์กับพวกสาวกมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ถึงหมู่บ้านเบธฟายี และหมู่บ้านเบธานีเชิงภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน สั่งเขาว่า <<จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าท่าน ครั้นเข้าไปแล้วในทันใดนั้นจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ที่ยังไม่มีใครขึ้นขี่เลย จงแก้มันจูงมาเถิด ถ้ามีผู้ใดถามว่า <ท่านทำอย่างนี้ทำไม> จงบอกเขาว่า <พระองค์ต้องประสงค์ลูกลานี้ และประเดี๋ยวพระองค์จะส่งกลับคืนมาให้ที่นี่> >> สาวกสองคนนั้นจึงไป แล้วพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่นอกประตูที่ถนน เขาจึงแก้มัน บางคนซึ่งยืนอยู่ที่นั่นถามเขาว่า <<แก้ลูกลานั้นทำไม>> สาวกก็ตอบตามพระดำรัสสั่งของพระเยซู แล้วเขาก็ยอมให้เอาไป สาวกจึงจูงลูกลามาถึงพระเยซู แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูลงบนหลังลา แล้วพระองค์จึงทรงลานั้น มีคนเป็นอันมากเอาเสื้อผ้าของตนปูลงตามถนนหนทาง และบางคนก็ตัดใบไม้จากทุ่งนามาปู ฝ่ายคนที่เดินไปข้างหน้า กับผู้ที่ตามมาข้างหลัง ก็โห่ร้องว่า <<โฮซันนา ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ความสุขสวัสดิมงคล จงมีแก่แผ่นดินของดาวิด บรรพบุรุษของเรา ที่จะมาตั้งอยู่ โฮซันนา ในที่สูงสุด>> พระเยซูก็เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และเข้าไปในบริเวณพระวิหาร เมื่อทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงแล้ว เวลาก็จวนค่ำ จึงเสด็จออกไปยังหมู่บ้านเบธานีกับเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น ครั้นรุ่งขึ้น เมื่อพระองค์กับสาวกออกมาจากหมู่บ้านเบธานีแล้ว พระองค์ก็ทรงหิว พอทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งแต่ไกลมีใบ จึงเสด็จเข้าไปดูว่าจะมีผลหรือไม่ ครั้นมาถึงต้นนั้นแล้ว ไม่เห็นมีผล มีแต่ใบเท่านั้น เพราะยังไม่ถึงฤดูผลมะเดื่อ พระองค์จึงตรัสแก่ต้นนั้นว่า <<ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีใครได้กินผลจากเจ้าเลย>> เหล่าสาวกก็ได้ยินคำซึ่งพระองค์ตรัสนั้น เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ก็เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร แล้วลงมือขับไล่บรรดาผู้ซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น และคว่ำโต๊ะผู้รับแลกเงินกับทั้งคว่ำม้านั่งผู้ขายนกพิราบเสีย และทรงห้ามมิให้ผู้ใดขนสิ่งใดๆเดินลัดบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสสอนเขาว่า <<มีพระวจนะเขียนไว้มิใช่หรือว่า นิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐานสำหรับประชาชาติทั้งหลาย แต่เจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เป็น ถ้ำของพวกโจร>> เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ทราบอย่างนั้น จึงหาช่องที่จะประหารพระองค์เสีย เพราะเขากลัวพระองค์ ด้วยว่าประชาชนประหลาดใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ และเมื่อถึงเวลาเย็น พระองค์ได้เสด็จออกไปจากกรุง