ผู้วินิจฉัย 15:1-20

ผู้วินิจฉัย 15:1-20 TH1971

ครั้นล่วงมาหลายวันถึงฤดูเกี่ยวข้าวสาลี แซมสันก็เอาลูกแพะตัวหนึ่งไปเยี่ยมภรรยาพูดว่า <<ฉันจะเข้าไปหาภรรยาของฉันที่ในห้อง>> แต่พ่อตาไม่ยอมให้เขาเข้าไป พ่อตาจึงว่า <<ข้าเข้าใจจริงๆว่าเจ้าเกลียดชังนางเหลือเกิน ข้าจึงยกนางให้แก่เพื่อนของเจ้าไป น้องสาวของนางก็สวยกว่านางมิใช่หรือ ขอจงรับน้องแทนพี่เถิด>> แซมสันจึงพูดกับเขาว่า <<เราจะทำร้ายคนฟีลิสเตียเสียคราวนี้ ก็เอาโทษเราไม่ได้แล้ว>> แซมสันจึงออกไปจับสุนัขจิ้งจอกสามร้อยตัว ผูกหางติดกันเป็นคู่ๆ แล้วเอาคบเพลิงผูกติดไว้ระหว่างหางทุกๆคู่ พอจุดคบเพลิงแล้วก็ปล่อยเข้าไปในนา ของคนฟีลิสเตียที่ข้าวยังตั้งรวงอยู่ ไฟก็ไหม้ฟ่อนข้าว และข้าวที่ยังตั้งรวงอยู่นั้น ทั้งสวนมะกอกเทศด้วย คนฟีลิสเตียจึงถามว่า <<ใครทำอย่างนี้>> เขาตอบว่า <<แซมสันบุตรเขยชาวทิมนาห์ เพราะว่าพ่อตาเอาภรรยาของแซมสันยกให้เพื่อนเสีย>> ชาวฟีลิสเตียก็ขึ้นมาเผานางกับบิดาของนางเสียด้วยไฟ แซมสันจึงบอกพวกเหล่านั้นว่า <<เมื่อเจ้าทั้งหลายทำอย่างนี้ เราปฏิญาณว่า เราจะต้องแก้แค้นเจ้าก่อนแล้วเราจึงจะเลิก>> แล้วแซมสันก็ฟันคนเหล่านั้นเสียแหลกทีเดียว จนเขาตายเสียเป็นอันมาก แล้วแซมสันก็เข้าไปอาศัยอยู่ที่ช่องศิลาเอตาม ฝ่ายคนฟีลิสเตียก็ขึ้นไปตั้งค่ายอยู่ในเขตยูดาห์ และกระจายกันเข้าโจมตีเมืองเลฮี พวกคนยูดาห์จึงถามว่า <<ท่านทั้งหลายจะขึ้นมารบกับเราทำไม>> พวกเหล่านั้นตอบว่า <<เราขึ้นมามัดแซมสัน เพื่อจะได้กระทำแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำแก่เรา>> คนยูดาห์สามพันคนลงไปที่ช่องศิลาเอตาม และกล่าวแก่แซมสันว่า <<ท่านไม่ทราบหรือว่าคนฟีลิสเตียเป็นผู้ครอบครองเรา ท่านได้กระทำอะไรแก่เราเช่นนี้>> แซมสันจึงตอบเขาว่า <<เขาได้กระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องกระทำแก่เขาอย่างนั้น>> คนเหล่านั้นจึงพูดกับแซมสันว่า <<เราจะลงมามัดท่านเพื่อมอบท่านไว้ในมือของคนฟีลิสเตีย>> แซมสันจึงบอกเขาว่า <<ขอสาบานให้ซี ว่าพวกท่านเองจะไม่ทำร้ายข้าพเจ้า>> เขาทั้งหลายจึงตอบท่านว่า <<เราจะไม่ทำร้ายท่าน เราจะมัดท่านมอบไว้ในมือของเขาเท่านั้น เราจะไม่ฆ่าท่านเสีย>> เขาจึงเอาเชือกพวนใหญ่สองเส้นมัดแซมสันไว้ และพาขึ้นมาจากศิลานั้น เมื่อเขาไปถึงเลฮีคนฟีลิสเตียก็ร้องอึกทึกมาพบเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าก็สิงสถิตกับแซมสันอย่างมาก เชือกพวนที่ผูกแขนของท่านก็เป็นประดุจป่านที่ไหม้ไฟ เครื่องจำจองนั้นก็หลุดออกจากมือ ท่านมาพบกระดูกขาตะไกรลาสดๆ อันหนึ่ง จึงยื่นมือหยิบมา และฆ่าคนเหล่านั้นเสียหนึ่งพันคน แซมสันกล่าวว่า <<ด้วยขาตะไกรลา เป็นกองซ้อนกอง ด้วยขาตะไกรลา เราได้ฆ่าคนหนึ่งพันเสีย>> อยู่มาเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้น แล้วก็โยนกระดูกขาตะไกรลาทิ้งไป เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้นว่า รามาทเลฮี แซมสันกระหายน้ำมาก จึงร้องทุกข์ถึงพระเจ้าว่า <<การช่วยกู้อันยิ่งใหญ่พระองค์ประทานให้ สำเร็จด้วยมือผู้รับใช้ของพระองค์ บัดนี้ข้าพระองค์จะตายเพราะอดน้ำอยู่แล้ว และตกอยู่ในมือของผู้ไม่เข้าสุหนัตมิใช่หรือพระเจ้าข้า>> พระเจ้าจึงทรงเปิดช่องที่เลฮีให้น้ำไหลออกมาจากที่นั้น ท่านก็ได้ดื่มและจิตวิญญาณก็สดชื่นฟื้นขึ้นอีก เพราะฉะนั้นที่แห่งนั้นจึงเรียกชื่อว่า เอนหักโคร์ อยู่ที่เลฮีจนถึงทุกวันนี้ และท่านวินิจฉัยอิสราเอลในสมัยของคนฟีลิสเตียยี่สิบปี