อิสยาห์ 63:1-19

อิสยาห์ 63:1-19 TH1971

นี่ใครหนอที่มาจากเมืองเอโดม สวมเสื้อผ้าย้อมสีแดงจากเมืองโบสราห์ พระองค์ผู้ซึ่งโอ่อ่าในเครื่องทรงของพระองค์ เสด็จมาด้วยกำลังยิ่งใหญ่ของพระองค์ <<นี่เราเองร้องประกาศการช่วยกู้ และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด>> ทำไมเครื่องทรงของพระองค์จึงสีแดง และเสื้อผ้าของพระองค์เหมือนกับของคนที่ย่ำในบ่อย่ำองุ่น <<เราได้ย่ำบ่อองุ่นแต่ลำพัง และไม่มีใครจากชนชาติทั้งหลายอยู่กับเราเลย เราย่ำมันด้วยความโกรธของเรา เราเหยียบมันด้วยความพิโรธของเรา โลหิตของเขาพรมอยู่บนเสื้อผ้าของเรา และเราได้ทำให้เสื้อผ้าของเราเปื้อนหมด เพราะวันแก้แค้นอยู่ในใจของเรา และปีแห่งการไถ่ของเราได้มาถึง เรามอง แต่ไม่มีผู้ใดหนุนมา เราประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้ชูไว้ มือของเราเองจึงนำชัยมาให้เรา และความพิโรธของเราชูเราไว้ เราย่ำชนชาติทั้งหลายลงด้วยความโกรธของเรา เราได้ทำให้เขาเมาด้วยความพิโรธของเรา และเราได้เทโลหิตของเขาบนแผ่นดินโลก>> ข้าพเจ้าจะกล่าวให้คิดถึงความรักมั่นคงแห่งพระเจ้า บรรดากิจการอันน่าสรรเสริญของพระเจ้า ตามบรรดาซึ่งพระเจ้าประทานแก่พวกเรา และความดียิ่งใหญ่ต่อวงศ์ของอิสราเอล ซึ่งพระองค์ทรงอนุมัติให้ตามพระกรุณาของพระองค์ ตามความรักมั่นคงอันอุดมสมบูรณ์ของพระองค์ เพราะพระองค์ตรัสว่า แน่ทีเดียวเขาเป็นชนชาติของเรา บุตรผู้จะไม่ประพฤติคดโกงเรา และพระองค์ได้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเขา และทูตสวรรค์ที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ช่วยเขาทั้งหลายให้รอด พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักของพระองค์ และด้วยความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน แต่เขาทั้งหลายได้กบฏ และทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย ฉะนั้นพระองค์จึงทรงหันเป็นศัตรูของเขาทั้งหลาย และพระองค์ทรงต่อสู้กับเขาทั้งหลายเอง แล้วพระองค์ทรงระลึกถึงสมัยเก่าก่อน ถึงโมเสส ถึงชนชาติของพระองค์ พระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายขึ้นมาจากทะเล พร้อมกับผู้เลี้ยงแพะแกะของพระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ผู้ซึ่งบรรจุวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ท่ามกลางเขาทั้งหลาย ผู้ให้พระกรอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ไปกับมือขวาของโมเสส ผู้แยกน้ำออกต่อหน้าเขาทั้งหลาย เพื่อสร้างพระนามนิรันดร์ให้พระองค์เอง ผู้ได้นำเขาข้ามทะเลนั้น เหมือนม้าในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมิได้สะดุด อย่างสัตว์เลี้ยงไปยังหุบเขาฉันใด พระวิญญาณของพระเจ้าประทานให้เขาหยุดพักฉันนั้น ฉะนั้นพระองค์จึงทรงนำชนชาติของพระองค์ เพื่อจะสร้างพระนามอันรุ่งโรจน์แด่พระองค์เอง ขอทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์และทรงเพ่งดู จากสถานบริสุทธิ์และรุ่งโรจน์ของพระองค์ ความกระตือรือร้นและอานุภาพของพระองค์ อยู่ที่ไหน พระทัยกรุณาของพระองค์และความสมเพชของพระองค์ ได้ถูกยึดไว้จากข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้อับราฮัมมิได้รู้จักข้าพระองค์ และอิสราเอลหาจำข้าพระองค์ได้ไม่ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระนามของพระองค์คือพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์แต่เก่าก่อน ข้าแต่พระเจ้า ไฉนพระองค์ทรงกระทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายผิดไปจากพระมรรคาของพระองค์ และกระทำใจของข้าพระองค์ให้แข็งกระด้างจนข้าพระองค์ไม่ยำเกรงพระองค์ ขอพระองค์ทรงกลับมาเพื่อเห็นแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คือ เผ่าทั้งหลายอันเป็นมรดกของพระองค์ เขาขับไล่ชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ออกไปประเดี๋ยวหนึ่ง ปฏิปักษ์ของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เหยียบย่ำสถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ลง ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นอย่างกับผู้ที่พระองค์ไม่เคยปกครองเลย อย่างกับผู้ซึ่งเขาไม่ได้เรียกโดยพระนามของพระองค์