อิสยาห์ 14:1-32

อิสยาห์ 14:1-32 TH1971

พระเจ้าจะทรงมีเมตตาต่อยาโคบและจะทรงเลือกอิสราเอลอีก และจะตั้งเขาทั้งหลายไว้ในแผ่นดินของเขา คนต่างด้าวจะสมทบกับเขา และติดพันอยู่กับเชื้อสายของยาโคบ และชนชาติทั้งหลายจะรับเขาและนำเขาทั้งหลายมายังที่ของเขา และเชื้อสายของอิสราเอลจะมีกรรมสิทธิ์ในเขาเป็นทาสชายหญิงในแผ่นดินของพระเจ้า ผู้ที่จับเขาเป็นเชลยจะถูกเขาจับเป็นเชลย และจะปกครองผู้ที่เคยบีบบังคับเขา เมื่อพระเจ้าประทานให้เจ้าได้หยุดพักจากความเจ็บปวดของเจ้า และจากความวุ่นวายและจากงานหนักซึ่งเจ้าถูกบังคับให้กระทำ เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวต่อพระราชาแห่งบาบิโลนว่า <<เออ ผู้บีบบังคับก็สงบไปแล้วหนอ ความทะลึ่งเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยซิ พระเจ้าทรงหักไม้พลองของคนอธรรม คทาของผู้ครอบครอง ซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งได้ครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างที่ไม่อ่อนข้อ โลกทั้งสิ้นก็พักและสงบอยู่ เขาทั้งหลายร้องเพลงโพล่งออกมา ต้นสนสามใบเปรมปรีดิ์เพราะเจ้า ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนด้วยและกล่าวว่า <ตั้งแต่เจ้าตกต่ำ ก็ไม่มีผู้โค่นขึ้นมาต่อสู้เราแล้ว> แดนคนตายเบื้องล่างก็ตื่นเต้น เพื่อต้อนรับเจ้าเมื่อเจ้ามา มันปลุกให้ชาวแดนมาต้อนรับเจ้า คือผู้ซึ่งเคยเป็นผู้นำของโลก มันทำให้บรรดาผู้ที่เคยเป็นพระราชาแห่งประชาชาติทั้งหลาย ลุกขึ้นมาจากพระที่นั่งของเขา ทุกตนจะพูด และกล่าวแก่เจ้าว่า <เจ้าก็อ่อนเปลี้ยอย่างเราด้วย เจ้ากลายเป็นอย่างพวกเรา> ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย และเสียงพิณของเจ้า ตัวหนอนจะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้า และตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า <<โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า <ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด> แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน บรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้า และจะพิจารณาเจ้าว่า <ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลาย ผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และคว่ำหัวเมืองของโลกเสีย ผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา> พระราชาทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไป ห่างจากหลุมศพของเจ้า เป็นศพที่น่าเกลียด สวมเสื้อของผู้ที่ถูกฆ่า คือที่ถูกแทงด้วยดาบ ซึ่งลงไปยังศิลาของหลุมศพ เป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำ เจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพร่วมกับเขา เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า <<ขออย่าให้ใครเอ่ยถึงชื่อของเชื้อวงศ์แห่งผู้กระทำความชั่วอีกเลย จงเตรียมสังหารลูกๆของเขาเถิด เพราะกรรมชั่วแห่งบิดาของเขา เกรงว่าเขาทั้งหลายจะลุกขึ้นเป็นเจ้าของโลก และกระทำให้พื้นโลกเต็มไปด้วยหัวเมือง>> พระเจ้าจอมโยธา ตรัสว่า <<เราจะลุกขึ้นสู้กับเขา และจะตัดชื่อกับคนที่เหลืออยู่เสียจากบาบิโลน และตัดลูกหลานและพงศ์พันธุ์เสีย>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ <<และเราจะกระทำให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอีกาบ้าน และเป็นสระน้ำ และจะกวาดด้วยไม้กวาดแห่งการทำลาย>> พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ พระเจ้าจอมโยธาได้ทรงปฏิญาณว่า <เรากะแผนงานไว้อย่างไร ก็จะเป็นไปอย่างนั้น และเราได้มุ่งหมายไว้อย่างไร ก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น คือว่าเราจะตีคนอัสซีเรียในแผ่นดินของเราให้ย่อยยับไป และบนภูเขาของเรา เหยียบย่ำเขาไว้ และแอกของเขานั้นจะพรากไปจากเขาทั้งหลาย และภาระของเขานั้นจากบ่าของเขาทั้งหลาย>> นี่เป็นความมุ่งหมายที่มุ่งหมายไว้ เกี่ยวกับแผ่นดินโลกทั้งสิ้น และนี่เป็นพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออก เหนือบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น เพราะพระเจ้าจอมโยธาทรงมุ่งไว้แล้ว ผู้ใดเล่าจะลบล้างเสียได้ พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงเหยียดออก และผู้ใดจะหันให้กลับได้ ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ ครุวาทนี้มีมาว่า <<ประเทศฟีลิสเตียเอ๋ย เจ้าทุกคนอย่าเปรมปรีดิ์ไปเลย ว่าตะบองซึ่งตีเจ้านั้นหักเสียแล้ว เพราะงูทับทางจะออกมาจากรากเง่าของงู และผลของมันจะเป็นงูแมวเซา และลูกหัวปีของคนยากจนจะมีอาหารกิน และคนขัดสนจะนอนลงอย่างปลอดภัย แต่เราจะฆ่ารากเง่าของเจ้าด้วยการกันดารอาหาร และคนที่เหลืออยู่ของเจ้าจะถูกสังหารเสีย ประตูเมืองเอ๋ย พิลาปร่ำไห้ซิ กรุงเอ๋ย จงร้องไห้ ประเทศฟีลิสเตียเอ๋ย เจ้าทุกคนจงละลายเสียในความกลัว เพราะควันออกมาจากอุดร และไม่มีคนล้าหลังในแถวของเขาเลย>> จะตอบทูตของประชาชาตินั้นว่าอย่างไร ก็ว่า <<พระเจ้าได้ทรงสถาปนาศิโยน และผู้ถูกข่มใจในชนชาติของพระองค์ ได้พบที่ลี้ภัยในที่นั้น>>