กิจการ 19:18-41

กิจการ 19:18-41 TH1971

มีหลายคนที่เชื่อแล้วได้มาสารภาพและเปิดเผยว่า เขาได้ใช้เวทมนตร์ และหลายคนที่ใช้เวทมนตร์คาถา ได้เอาตำราของตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้น คิดเป็นราคาเงินถึงห้าหมื่นเหรียญ พระวจนะของพระเจ้าก็บังเกิดผลเจริญและมีชัย ครั้นสิ้นเหตุการณ์เหล่านั้นแล้ว โดยพระวิญญาณเปาโลได้ตั้งใจว่า เมื่อไปทั่วแคว้นมาซิโดเนียกับแคว้นอาคายาแล้ว จะเลยไปยังกรุงเยรูซาเล็มและพูดว่า <<เมื่อข้าพเจ้าไปที่นั่นแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องไปเห็นกรุงโรมด้วย>> ท่านจึงใช้ผู้ช่วยของท่านสองคน คือทิโมธีกับเอรัสทัสไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ฝ่ายท่านก็พักอยู่หน่อยหนึ่งในแคว้นเอเชีย คราวนั้นเกิดการวุ่นวายมากเพราะเหตุ ทางนั้น ด้วยมีคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัสเป็นช่างเงิน ได้เอาเงินทำเป็นรูปพระอารเทมิส ทำให้พวกช่างเงินนั้นได้กำไรมาก เดเมตริอัสจึงประชุมช่างเหล่านั้น กับคนทั้งหลายที่เป็นช่างทำการคล้ายกัน แล้วว่า <<ดูก่อน ท่านทั้งหลาย ท่านทราบอยู่ว่าพวกเราได้ทรัพย์สินเงินทองมา ก็เพราะทำการอันนี้ และท่านทั้งหลายได้รู้เห็นอยู่ว่า ไม่ใช่เฉพาะในเมืองเอเฟซัสเมืองเดียว แต่เกือบทั่วแคว้นเอเชีย เปาโลคนนี้ได้เกลี้ยกล่อมใจคนเป็นอันมากให้เลิกทางเก่าเสีย โดยได้กล่าวว่าพระรูปที่มือมนุษย์ทำนั้นไม่ใช่พระ น่ากลัวว่า ไม่ใช่แต่อาชีพของเราจะเสียไปอย่างเดียว แต่พระวิหารของพระอารเทมิส ซึ่งเป็นใหญ่จะเป็นที่หมิ่นประมาทด้วย และพระแม่เจ้านั้น ซึ่งเป็นที่นับถือของบรรดาชาวแคว้นเอเชียกับสิ้นทั้งโลกจะตกต่ำ สิ้นสง่าราศี>> ครั้นคนทั้งหลายได้ยินดังนั้น ต่างก็โกรธแค้นและร้องว่า <<พระอารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นใหญ่>> แล้วก็เกิดการวุ่นวายใหญ่โตทั่วทั้งเมือง เขาจึงจับกายอัสกับอาริสทารคัสชาวมาซิโดเนีย ผู้เป็นเพื่อนเดินทางของเปาโล ลากวิ่งเข้าไปในเวทีมหรสพ ฝ่ายเปาโลใคร่จะเข้าไปในหมู่คนด้วย แต่พวกสาวกไม่ยอมให้ท่านเข้าไป มีบางคนในพวกศาสนประธานที่ประจำแคว้นเอเชีย ซึ่งเป็นสหายของเปาโล ได้ใช้คนไปวิงวอนขอเปาโลมิให้เข้าไปในเวทีมหรสพ บางคนได้ร้องว่าอย่างนี้ บางคนได้ร้องว่าอย่างนั้น เพราะว่าที่ประชุมวุ่นวายมาก และคนโดยมากไม่รู้ว่าเขาประชุมกันด้วยเรื่องอะไร พวกเหล่านั้นบางคนแนะนำอเล็กซานเดอร์ ซึ่งเป็นคนที่พวกยิวให้ออกมาข้างหน้า อเล็กซานเดอร์จึงโบกมือ หมายจะกล่าวแก้แทนต่อหน้าคนทั้งปวง แต่เมื่อคนทั้งหลายรู้ว่าท่านเป็นคนยิว เขาก็ยิ่งส่งเสียงร้องพร้อมกันอยู่ประมาณสองชั่วโมงว่า <<พระอารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นใหญ่>> ฝ่ายนายอำเภอเมื่อบังคับให้ประชาชนเงียบลงแล้วจึงกล่าวว่า <<ดูก่อน ท่านชาวเอเฟซัสทั้งปวง มีผู้ใดบ้างซึ่งไม่ทราบว่าชาวเมืองเอเฟซัสนี้ เป็นผู้รักษาดูแลพระวิหารของพระแม่เจ้าอารเทมิสที่เป็นใหญ่ และเป็นผู้รักษารูปศิลาซึ่งตกลงมาจากฟ้า เมื่อข้อนั้นจริงแล้วท่านทั้งหลายควรจะนิ่งสงบสติอารมณ์ อย่าทำอะไรวู่วามไป นี่ ท่านทั้งหลายได้พาคนเหล่านี้มา ซึ่งไม่ใช่เป็นคนทำทุราจารต่อพระวิหาร หรือพูดหมิ่นประมาทพระแม่เจ้าของพวกเรา เหตุฉะนั้น ถ้าแม้เดเมตริอัสกับพวกช่างที่มีอาชีพอย่างเดียวกันเป็นความกับผู้ใด วันกำหนดที่จะว่าความก็มี ผู้พิพากษาก็มี ให้เขามาฟ้องกันเถิด ถ้าแม้ท่านมีข้อหาอะไรอีก ก็ให้ชำระกันในที่ประชุมสามัญ ด้วยว่าน่ากลัวเราจะต้องถูกฟ้องว่าเป็นผู้ก่อการจลาจลวันนี้ เพราะเราทั้งหลายไม่อาจยกข้อใดขึ้นอ้าง เป็นมูลเหตุพอแก่การจลาจลคราวนี้ได้>> ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงให้เลิกชุมนุม