อพยพ 16:1-34

อพยพ 16:1-34 NTV

ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​มวล​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​จาก​เอลิม และ​เมื่อ​ถึง​วัน​ที่​สิบ​ห้า​ของ​เดือน​ที่​สอง คือ​นับ​ตั้งแต่​เวลา​ที่​พวก​เขา​ไป​จาก​อียิปต์ พวก​เขา​ก็​ได้​มา​ถึง​ถิ่น​ทุรกันดาร​สีน​ซึ่ง​อยู่​ระหว่าง​เอลิม​และ​ซีนาย ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​มวล​ก็​บ่น​ไม่​พอใจ​ต่อว่า​โมเสส​และ​อาโรน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร และ​พูด​ขึ้น​ว่า “ถ้า​แม้ว่า​พวก​เรา​จะ​ตาย​ด้วย​ฝีมือ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​อียิปต์ เรา​ก็​ยัง​จะ​ได้​นั่ง​รับประทาน​เนื้อ​สัตว์​กับ​ขนมปัง​จน​อิ่มหนำ แต่​ท่าน​กลับ​พา​พวก​เรา​ออก​มา​อดอยาก​จน​ตาย​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร​แห่ง​นี้” พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โมเสส​ว่า “ดู​เถิด เรา​จะ​โปรย​ขนมปัง​ลง​มา​จาก​ฟ้า​ดั่ง​เม็ด​ฝน​ให้​พวก​เจ้า และ​ผู้​คน​จะ​ออก​ไป​เก็บ​ให้​พอ​รับประทาน​ใน​แต่​ละ​วัน​ได้ ก็​เพราะ​เรา​จะ​ทดสอบ​พวก​เขา​ดู​ว่า​จะ​ปฏิบัติ​ตาม​กฎ​บัญญัติ​ของ​เรา​หรือ​ไม่ ใน​วัน​ที่​หก ให้​เขา​เก็บ​และ​เตรียม​อาหาร​มาก​กว่า​วัน​อื่นๆ เป็น​สอง​เท่า” ดังนั้น โมเสส​และ​อาโรน​จึง​บอก​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ว่า “ตอน​เย็น​พวก​ท่าน​จะ​รู้ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​ผู้​ที่​นำ​ท่าน​ออก​มา​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์ และ​รุ่งเช้า​ท่าน​จะ​เห็น​พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เพราะ​พระ​องค์​ได้ยิน​ท่าน​บ่น​ไม่​พอใจ​ต่อว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เรา​ทั้ง​สอง​เป็น​ใคร​หรือ ท่าน​จึง​ได้​บ่น​ต่อว่า​เรา” โมเสส​พูด​ต่อ​อีก​ว่า “การ​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​เนื้อ​สัตว์​แก่​พวก​ท่าน​รับประทาน​ใน​เวลา​เย็น​และ​ขนมปัง​ใน​เวลา​เช้า​จน​อิ่มหนำ ก็​เป็น​เพราะ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้ยิน​ท่าน​บ่น​ไม่​พอใจ​ต่อว่า​พระ​องค์ เรา​ทั้ง​สอง​เป็น​ใคร​หรือ เวลา​ท่าน​บ่น​ไม่​พอใจ​ก็​มิ​ใช่​เป็น​การ​ต่อว่า​เรา แต่​เป็น​การ​ต่อว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า” โมเสส​พูด​กับ​อาโรน​ว่า “บอก​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​มวล​ว่า ‘จง​มา​อยู่ ณ เบื้อง​หน้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เพราะ​พระ​องค์​ได้ยิน​ท่าน​บ่น​ไม่​พอใจ​แล้ว’” และ​ขณะ​ที่​อาโรน​กำลัง​พูด​อยู่​กับ​ชาว​อิสราเอล​ทั้ง​มวล พวก​เขา​มอง​ไป​ทาง​ถิ่น​ทุรกันดาร ดู​เถิด พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ปรากฏ​อยู่​ใน​เมฆ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โมเสส​ว่า “เรา​ได้ยิน​ชาว​อิสราเอล​บ่น​ไม่​พอใจ จง​บอก​พวก​เขา​ว่า ‘ใน​เวลา​โพล้เพล้​พวก​เจ้า​จะ​รับประทาน​เนื้อ​สัตว์ และ​เวลา​เช้า​เจ้า​จะ​รับประทาน​อาหาร​จน​อิ่ม แล้ว​พวก​เจ้า​จะ​รู้​ว่า​เรา​คือ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า พระ​เจ้า​ของ​เจ้า’” ครั้น​พอ​ตก​เย็น​จะ​มี​นก​กระทา​บิน​ลง​มา​อยู่​เต็ม​ค่าย และ​ใน​ยาม​เช้า​น้ำค้าง​ก็​จะ​ตก​อยู่​ราย​รอบ​ค่าย เมื่อ​น้ำค้าง​แห้ง​เหือด​ไป​แล้ว​ก็​มี​เกล็ด​บางๆ ละเอียด​ราว​กับ​น้ำค้าง​แข็ง​เกาะ​อยู่​บน​พื้น​ดิน​ทั่ว​ถิ่น​ทุรกันดาร เมื่อ​ชาว​อิสราเอล​เห็น​ก็​พา​กัน​ถามไถ่​ว่า “นี่​อะไร” เหตุ​เพราะ​ไม่​รู้​ว่า​สิ่ง​นั้น​คือ​อะไร โมเสส​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “เป็น​อาหาร​เกล็ด​ที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ให้​พวก​ท่าน​รับประทาน พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สั่ง​ไว้​ว่า ‘ทุก​คน​จง​เก็บ​อาหาร​เกล็ด​นี้​ไว้​ให้​พอ​ที่​พวก​เจ้า​จะ​รับประทาน คือ​ประมาณ​คน​ละ 1 โอเมอร์​และ​เก็บ​ได้​ตาม​จำนวน​คน​ใน​กระโจม​ของ​ตน’” ชาว​อิสราเอล​ทำ​ตาม​คำ​นั้น บาง​คน​เก็บ​มาก บาง​คน​เก็บ​น้อย แต่​เมื่อ​เขา​ใช้​โอเมอร์​ตวง​แล้ว คน​ที่​เก็บ​สะสม​มาก​ไม่​ได้​มี​เหลือเฟือ และ​คน​ที่​เก็บ​สะสม​เพียง​เล็ก​น้อย​ก็​ไม่​ขัดสน แต่​ละ​คน​เก็บ​ได้​พอ​เพียง​เท่า​ที่​ตน​จะ​รับประทาน แล้ว​โมเสส​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “อย่า​ให้​ใคร​มี​อาหาร​เกล็ด​เหลือ​ไว้​จน​รุ่งเช้า” แต่​พวก​เขา​ไม่​ฟัง​โมเสส บาง​คน​เก็บ​ไว้​จน​รุ่งเช้า จึง​เกิด​หนอน​ขึ้น​และ​ส่ง​กลิ่น​เหม็น โมเสส​จึง​โกรธ​พวก​เขา ทุก​เช้า​แต่​ละ​คน​เก็บ​อาหาร​เกล็ด​มาก​เท่า​ที่​ตน​จะ​รับประทาน​ได้ แต่​เมื่อ​แดด​ร้อน​จัด อาหาร​เกล็ด​ก็​ละลาย ใน​วัน​ที่​หก​พวก​เขา​เก็บ​อาหาร​เกล็ด​มาก​เป็น​สอง​เท่า คือ​คน​ละ 2 โอเมอร์ แล้ว​บรรดา​หัวหน้า​ของ​มวลชน​มา​รายงาน​แก่​โมเสส ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​บัญชา​ว่า ‘พรุ่งนี้​เป็น​วัน​หยุด​พัก​ที่​แท้​จริง เป็น​วัน​สะบาโต​ที่​บริสุทธิ์​สำหรับ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า อะไร​ที่​ท่าน​จะ​อบ​หรือ​ต้ม​ก็​แล้ว​แต่ ท่าน​ควร​เก็บ​สิ่ง​ที่​เหลือ​ไว้​จน​ถึง​เช้า’” พวก​เขา​จึง​เก็บ​อาหาร​เกล็ด​ไว้​จน​ถึง​เช้า ตาม​ที่​โมเสส​สั่ง อาหาร​เกล็ด​ไม่​มี​กลิ่น​เหม็น​และ​ไม่​ขึ้น​หนอน โมเสส​กล่าว​ว่า “วัน​นี้​รับประทาน​อาหาร​เกล็ด​ที่​เหลือ​เก็บ​ไว้ เพราะ​เป็น​วัน​สะบาโต​สำหรับ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า วัน​นี้​ใน​ทุ่งนา​จะ​ไม่​มี​อาหาร​เกล็ด​ให้​พวก​ท่าน​หา​อีก ฉะนั้น​ท่าน​สามารถ​เก็บ​อาหาร​เกล็ด​ได้ 6 วัน ส่วน​วัน​ที่​เจ็ด​ซึ่ง​เป็น​สะบาโต​จะ​ไม่​มี​อาหาร​เกล็ด​ให้​เก็บ” ใน​วัน​ที่​เจ็ด​มี​บาง​คน​ออก​ไป​เก็บ​อาหาร​อีก แต่​ก็​ไม่​พบ พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กล่าว​กับ​โมเสส​ว่า “พวก​เจ้า​จะ​ยัง​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​บัญญัติ​และ​กฎ​บัญญัติ​ของ​เรา​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน จง​ใส่ใจ​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ให้​วัน​สะบาโต​แก่​เจ้า ฉะนั้น​ใน​วัน​ที่​หก พระ​องค์​ให้​อาหาร​เกล็ด​แก่​เจ้า​พอ​สำหรับ 2 วัน ทุก​คน​ใน​พวก​เจ้า​จง​อยู่​กับ​ที่​ของ​ตน​เอง อย่า​ให้​ใคร​ออก​ไป​จาก​ที่​ของ​ตน​ใน​วัน​ที่​เจ็ด” ดังนั้น​ผู้​คน​จึง​พักผ่อน​ใน​วัน​ที่​เจ็ด ชาว​อิสราเอล​เรียก​ชื่อ​อาหาร​เกล็ด​ว่า มานา ซึ่ง​มี​ลักษณะ​เหมือน​เมล็ด​ผักชี​สีขาว รสชาติ​เหมือน​อาหาร​เกล็ด​กรอบ​ผสม​น้ำผึ้ง โมเสส​พูด​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​สั่ง​ไว้​ว่า ‘จง​เก็บ​มานา​ไว้ 1 โอเมอร์​สำหรับ​ทุก​ชาติ​พันธุ์​ของ​เจ้า เพื่อ​พวก​เขา​จะ​ได้​รู้จัก​อาหาร​เกล็ด​ที่​เรา​ให้​พวก​เจ้า​รับประทาน​ใน​ถิ่น​ทุรกันดาร ใน​ช่วง​เวลา​ที่​เรา​พา​เจ้า​ออก​จาก​แผ่นดิน​อียิปต์’” โมเสส​พูด​กับ​อาโรน​ว่า “เอา​ภาชนะ​มา​ใส่​มานา 1 โอเมอร์ แล้ว​วาง​ไว้ ณ เบื้อง​หน้า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เพื่อ​เก็บ​ไว้​ให้​ทุก​ชาติ​พันธุ์​ของ​พวก​ท่าน” อาโรน​วาง​มานา​ไว้​ที่​หน้า​หีบ​พันธ​สัญญา​เพื่อ​เก็บ​ไว้​ตาม​คำ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ที่​สั่ง​ไว้​กับ​โมเสส

อ่าน อพยพ 16