มัทธิว 27:11-66

มัทธิว 27:11-66 THA-ERV

เขา​ได้​นำ​พระเยซู​ไป​ยืน​อยู่​ต่อหน้า​เจ้าเมือง​ปีลาต เจ้าเมือง​ได้​ถาม​พระองค์​ว่า “แก​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาวยิว​หรือ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “ใช่ อย่าง​ที่​ท่าน​ว่า” แต่​เมื่อ​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​กล่าวหา​พระองค์ พระองค์​ก็​ไม่​ได้​ตอบ​อะไร แล้ว​ปีลาต​จึง​ถาม​พระองค์​ว่า “เจ้า​ไม่​ได้ยิน​ข้อ​กล่าวหา​มากมาย​ที่​เขา​ว่า​เจ้า​หรือ” แต่​พระองค์​ไม่​ตอบ​ปีลาต​สัก​คำ ทำ​ให้​ปีลาต​แปลกใจ​มาก ใน​ช่วง​เทศกาล​วัน​ปลด​ปล่อย​เป็น​ประเพณี​ของ​เจ้าเมือง​ที่​จะ​ให้​ประชาชน​เลือก​ปล่อย​นักโทษ​หนึ่ง​คน ตอน​นั้น​มี​นักโทษ​อื้อฉาว​คน​หนึ่ง​ชื่อ​บารับบัส เมื่อ​ประชาชน​มา​ชุมนุม​กัน​แล้ว ปีลาต​ถาม​พวก​เขา​ว่า “อยาก​ให้​เรา​ปล่อย​ใคร บารับบัส​หรือ​เยซู​ที่​เรียก​กัน​ว่า​พระคริสต์” ปีลาต​รู้​ดี​ว่า​ที่​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ผู้นำ​อาวุโส​จับ​พระเยซู​ส่ง​มา​ให้​กับ​เขา​นั้น​มัน​เกิด​จาก​ความอิจฉา ขณะ​ที่​ปีลาต​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​ตัดสิน​คดี ภรรยา​ของ​เขา​ได้​ส่ง​ข้อความ​มา​ให้​เขา​ว่า “อย่า​ไป​ยุ่ง​กับ​ผู้ชาย​ที่​บริสุทธิ์​คนนี้​เลย เพราะ​เมื่อ​คืน​ฉัน​ฝัน​ร้าย​ถึง​เขา ทำ​ให้​ฉัน​กลุ้ม​ทั้ง​วัน” แต่​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​ได้​ยุยง​ประชาชน​ให้​ขอ​ปีลาต​ปล่อย​บารับบัส และ​ให้​ฆ่า​พระเยซู เจ้าเมือง​ถาม​ประชาชน​ว่า “จะ​ให้​ปล่อย​ใคร​ดี​ระหว่าง​สอง​คนนี้” ประชาชน​ตะโกน​ว่า “บารับบัส” ปีลาต​ถาม​ว่า “แล้ว​จะ​ให้​ทำ​อะไร​กับ​เยซู​ที่​คน​เรียก​กัน​ว่า​พระคริสต์” พวก​เขา​ทุก​คน​ก็​ตะโกน​ว่า “ตรึง​มัน​ซะ” ปีลาต​ถาม​ว่า “ทำไม เขา​ทำ​ผิด​อะไร​หรือ” แต่​ประชาชน​กลับ​ยิ่ง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​ว่า “ตรึง​มัน​ซะ” เมื่อ​ปีลาต​เห็น​ว่า​เขา​ทำ​อะไร​ไม่​ได้​มาก​กว่า​นี้ และ​เริ่ม​เกิด​ความ​วุ่นวาย​ขึ้น​แล้ว เขา​จึง​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​มือ​ต่อหน้า​ประชาชน และ​พูด​ว่า “เรา​ไม่​เกี่ยวกับ​การตาย​ของ​ชาย​คนนี้ พวก​คุณ​รับผิดชอบ​กัน​เอา​เอง​ก็​แล้ว​กัน” ประชาชน​ทั้งหมด​บอก​ว่า “พวก​เรา​และ​ลูกๆ​ของ​เรา​จะ​รับผิดชอบ​ต่อ​การตาย​ของ​เขา​เอง” ปีลาต​ก็​เลย​ปล่อย​บารับบัส​ให้​พวก​เขา จาก​นั้น​เขา​สั่ง​ให้​เฆี่ยน​ตี​พระเยซู และ​ส่ง​ตัว​พระองค์​ไป​ให้​กับ​ทหาร​เพื่อ​เอา​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน ทหาร​ของ​ปีลาต​นำ​ตัว​พระเยซู​เข้า​ไป​ที่​ศูนย์​บัญชาการ​ใหญ่​ของ​พวก​เขา แล้ว​ให้​ทหาร​ทั้ง​กอง​เข้า​มา​รายล้อม​พระองค์​ไว้ พวก​เขา​ถอด​เสื้อผ้า​ของ​พระองค์ แล้ว​เอา​ชุด​สีแดง​มา​ใส่​ให้​แทน พวก​เขา​เอา​กิ่ง​หนาม​มา​สาน​เป็น​มงกุฎ​สวม​หัว​ของ​พระองค์ และ​ให้​ถือ​ไม้​อ้อ​ไว้​ใน​มือ​ขวา จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​แกล้ง​ทำ​เป็น​คุก​เข่า​ลง​ต่อ​หน้า​พระองค์ ล้อเลียน​พระองค์​ว่า “กษัตริย์​ของ​ชาวยิว จงเจริญ” แล้ว​ก็​ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระองค์ และ​เอา​ไม้​อ้อ​มา​ตี​หัว​พระองค์ เมื่อ​ล้อเลียน​จน​พอใจ​แล้ว พวก​เขา​ก็​ถอด​ชุด​สีแดง ใส่​เสื้อผ้า​ชุด​เดิม​ให้ และ​นำ​ตัว​พระองค์​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ออก​มา ก็​พบ​ชาย​คน​หนึ่ง​มา​จาก​ไซรีน​ชื่อ​ซีโมน พวก​เขา​จึง​ได้​บังคับ​ให้​ซีโมน​แบก​ไม้กางเขน​แทน​พระเยซู เมื่อ​มา​ถึง​สถานที่​ที่​เรียกว่า “กลโกธา” ซึ่ง​หมายถึง “เนิน​หัว​กระโหลก” พวก​เขา​เอา​เหล้า​องุ่น​ผสม​กับ​ของ​ขม​มา​ให้​พระองค์ แต่​เมื่อ​พระองค์​ชิม​แล้ว​ก็​ไม่​ยอม​ดื่ม หลัง​จาก​พวก​เขา​จับ​พระองค์​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน​แล้ว ก็​เอา​เสื้อผ้า​ของ​พระองค์​มา​จับ​สลาก​แบ่ง​กัน แล้ว​พวก​เขา​ก็​นั่ง​เฝ้า​พระองค์​อยู่​ที่​นั่น เขา​เขียน​คำกล่าวหา​ติด​ไว้​เหนือ​หัว​พระองค์​ว่า “นี่​คือ​เยซู กษัตริย์​ของ​ชาวยิว” มี​โจร​สอง​คน​ถูก​ตรึง​กางเขน​พร้อม​กับ​พระเยซู ทาง​ขวา​คน​หนึ่ง​และ​ทาง​ซ้าย​คน​หนึ่ง คน​ที่​เดิน​ผ่าน​ไป​มา​ต่าง​ส่าย​หัว และ​พูด​เยาะเย้ย​ว่า “อ้าว​ไหน​บอก​ว่า​จะ​ทำลาย​วิหาร แล้ว​สร้าง​มัน​ขึ้น​มา​ใหม่​ภาย​ใน​สาม​วัน​ไง ถ้า​แก​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​จริง​ก็​ให้​ช่วย​ชีวิต​ตัวเอง แล้ว​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​สิ” นอก​จากนี้​พวก​หัวหน้า​นักบวช ครู​สอน​กฎปฏิบัติ และพวก​ผู้นำ​อาวุโส ต่าง​ก็​พา​กัน​พูด​เยาะเย้ย​พระองค์​ว่า “มัน​ช่วย​คน​อื่น​ให้​รอด​ได้ แต่​ช่วย​ตัวเอง​ไม่​ได้ ถ้า​มัน​เป็น​กษัตริย์​ของ​อิสราเอล​จริง ให้​มัน​ลง​มา​จาก​ไม้กางเขน​เดี๋ยวนี้ แล้ว​เรา​จะ​เชื่อ มัน​วางใจ​ใน​พระเจ้า ถ้า​พระเจ้า​ต้องการ​ตัว​มัน ก็​ขอ​ให้​พระเจ้า​ช่วย​ชีวิต​มัน​เดี๋ยวนี้ เพราะ​มัน​พูด​ว่า ‘เรา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า’” โจร​สอง​คน​ที่​ถูก​ตรึง​ไม้กางเขน​กับ​พระองค์​ก็​พูดจา​ดูถูก​พระองค์​เหมือน​กัน ตั้งแต่​เที่ยงวัน มี​แต่​ความ​มืดมิด​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​จน​ถึง​บ่าย​สาม​โมง ประมาณ​บ่าย​สาม​โมง พระเยซู​ร้อง​ออก​มา​เสียง​ดัง​ว่า “เอลี เอลี ลามา สะบัก​ธานี” แปล​ว่า “พระเจ้า​ของ​ลูก พระเจ้า​ของ​ลูก ทำไม​ถึง​ทอดทิ้ง​ลูก​ไป” เมื่อ​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ตรง​นั้น​ได้ยิน พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “เขา​กำลัง​เรียก​เอลียาห์” ทันใดนั้น คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เขา​วิ่ง​ไป​เอา​ฟองน้ำ​มา​ชุบ​เหล้า​องุ่น​เปรี้ยว​มา​เสียบ​ที่​ปลาย​ไม้อ้อ แล้ว​ยื่นขึ้น​ไป​ให้​พระองค์​ดื่ม แต่​พวก​ที่​เหลือ​พูด​ว่า “ให้​คอย​ดูซิ​ว่า​เอลียาห์​จะ​มา​ช่วย​ชีวิต​เขา​หรือ​เปล่า” พระเยซู​ร้อง​เสียง​ดัง​ออก​มา​อีก​ครั้ง แล้ว​ก็​สิ้นใจตาย ใน​ขณะ​นั้น​เอง ม่าน​ภาย​ใน​วิหาร​ได้​ฉีก​ขาด​ออก​เป็น​สอง​ส่วน​จาก​บน​ลง​ล่าง เกิด​แผ่นดิน​ไหว และ​ก้อนหิน​แตก​เป็น​เสี่ยงๆ พวก​อุโมงค์ฝังศพ​เปิด​ออก และ​ร่าง​ของ​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​หลาย​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​ฟื้นขึ้น​มา หลังจาก​พระเยซู​ฟื้นขึ้น​มา พวก​เขา​ก็​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ จาก​นั้น​พา​กัน​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​ปรากฏ​ตัว​ให้​ประชาชน​จำนวน​มาก​ได้​เห็น เมื่อ​นายร้อย​และ​พวก​ทหาร​ที่​เฝ้า​พระเยซู​อยู่ เห็น​แผ่นดิน​ไหว​และ​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​กลัว​มาก ต่าง​ก็​พูด​ว่า “เขา​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​แน่ๆ” มี​ผู้หญิง​หลาย​คน​ที่​ยืน​ดู​อยู่​ห่างๆ พวก​เธอ​เคย​ติด​ตาม​รับใช้​พระเยซู​มา​ตั้งแต่​แคว้น​กาลิลี ใน​พวก​นั้น​มี มารีย์​ชาว​มักดาลา มารีย์​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​โยเซฟ และ​แม่​ของ​ยากอบ​กับ​ยอห์น​ที่​เป็น​ภรรยา​ของ​เศเบดี มี​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​จาก​เมือง​อาริมาเธีย​ชื่อ​โยเซฟ เขา​เป็น​ศิษย์​ของ​พระเยซู ใน​ตอน​เย็น โยเซฟ​ได้​ไป​หา​ปีลาต​เพื่อ​ขอ​ศพ​พระเยซู ปีลาต​จึง​สั่ง​ให้​ทหาร​มอบ​ศพ​พระเยซู​ให้​กับ​โยเซฟ โยเซฟ​ได้​นำ​ศพ​พระเยซู​ไป และ​เอา​ผ้า​ลินิน​สะอาด​พัน​ศพ​ไว้ เขา​นำ​ศพ​ไป​ไว้​ที่​อุโมงค์ฝังศพ​ใหม่​ของ​เขา​เอง ซึ่ง​เขา​ได้​ขุด​เข้า​ไป​ใน​หิน และ​ก่อน​จะ​จาก​ไป เขา​กลิ้ง​หิน​ก้อน​ใหญ่​มา​ปิด​ปาก​อุโมงค์​ไว้ ตอน​นั้น มารีย์​ชาว​เมือง​มักดาลา และ​มารีย์​อีก​คน​หนึ่ง ได้​มา​นั่ง​มอง​อยู่​ตรง​ข้าม​อุโมงค์​ฝัง​ศพ วันรุ่งขึ้น​ซึ่ง​ตรง​กับ​วัน​หยุด​ทาง​ศาสนา พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ฟาริสี มา​พบ​ปีลาต และ​บอก​ว่า “พวก​เรา​จำ​ได้​ว่า เจ้าจอมหลอกลวง​คน​นั้น​เคย​พูด​ไว้​ตอน​ที่​ยัง​มี​ชีวิต​ว่า ‘หลัง​จาก​สาม​วัน เรา​จะ​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย’ ช่วย​สั่ง​ให้​คน​ไป​เฝ้า​ที่​อุโมงค์ฝังศพ​ด้วย​เถอะ เพื่อ​เฝ้า​อย่าง​แน่นหนา​จน​ถึง​วันที่​สาม เพราะ​ไม่​แน่​พวก​ศิษย์​ของ​มัน​อาจ​จะ​มา​ขโมย​ศพ​ไป​ก็​ได้ แล้ว​ไป​บอก​กับ​ประชาชน​ทั้งหลาย​ว่า ‘เขา​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย’ การหลอกลวง​ครั้งนี้​จะ​เลวร้าย​ยิ่งกว่า​ครั้ง​แรก​เสีย​อีก” ปีลาต​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “เอา​ทหาร​ไป​เฝ้า​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ให้​แน่นหนา​เท่า​ที่​พวก​คุณ​จะ​ทำ​ได้” ดังนั้น​พวก​เขา​ไป​ที่​อุโมงค์ฝังศพ จัดเวร​ยาม​ดูแล​อย่าง​แน่นหนา และ​ได้​ประทับตรา​ไว้​บน​หิน​ที่​ปิด​ปาก​ทาง​เข้า​อุโมงค์ฝังศพ