ผู้วินิจฉัย 6:1-22

ผู้วินิจฉัย 6:1-22 THA-ERV

ชาว​อิสราเอล​ได้​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย​ใน​สายตา​ของ​พระยาห์เวห์​อีก และ​พระยาห์เวห์​ก็​ปล่อย​ให้​พวก​เขา​ตก​ไป​อยู่​ใน​กำ​มือ​ของ​ชาว​มีเดียน​อยู่​เจ็ด​ปี ชาว​มีเดียน​มี​กำลัง​มาก​กว่า​ชาว​อิสราเอล ชาว​มีเดียน​ทำให้​ชาว​อิสราเอล​ต้อง​ไป​หา​ที่​หลบซ่อน​อยู่​ตาม​ซอก​เขา ตาม​ภูเขา ตาม​พวก​ถ้ำ และ​ตาม​ที่​เร้นลับ เมื่อไหร่​ก็ตาม​ที่​ชาว​อิสราเอล​ปลูก​พืชผล ชาว​มีเดียน ชาว​อามาเลค หรือ​แม้​แต่​คน​ทาง​ตะวันออก​ก็​จะ​มา​โจมตี​คน​อิสราเอล พวก​เขา​จะ​มา​ตั้ง​ค่าย​อยู่​บน​แผ่นดิน​ของ​ชาว​อิสราเอล และ​พวก​เขา​ก็​จะ​ทำลาย​พืชผล​ตลอด​ทาง​ไป​จน​ถึง​เมือง​กาซา พวก​เขา​จะ​ไม่​เหลือ​อาหาร​ไว้​เลย ไม่ว่า​จะ​เป็น​แกะ วัว หรือ​ลา เพราะ​พวก​เขา​จะ​บุก​มา​พร้อม​กับ​สัตว์​เลี้ยง และ​ครอบครัว​ของ​เขา พวก​เขา​จะ​มา​กัน​มาก​มาย​มหาศาล​เหมือน​ฝูง​ตั๊กแตน นับ​ไม่​ถ้วน​ไม่ว่า​จะ​เป็น​คน​หรือ​อูฐ พวก​เขา​จะ​บุก​เข้า​มา​ใน​แผ่นดิน​และ​ทำลาย​มัน​จน​หมดสิ้น ชาว​อิสราเอล​จึง​ยากจน​ข้นแค้น​เพราะ​ชาว​มีเดียน ดังนั้น​ชาว​อิสราเอล​จึง​ร้องขอ​ความ​ช่วยเหลือ​ต่อ​พระยาห์เวห์ มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ชาว​อิสราเอล​ได้​ร้องขอ​ความ​ช่วย​เหลือ​ต่อ​พระยาห์เวห์ เพราะ​คน​มีเดียน พระยาห์เวห์​ได้​ส่ง​ผู้พูดแทน​พระเจ้า​มา​ให้​กับ​คน​อิสราเอล และ​เขา​พูด​กับ​คน​อิสราเอล​ว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​อิสราเอล​ได้​พูด​ไว้​อย่าง​นี้​ว่า ‘เรา​เอง​ได้​พา​เจ้า​ออก​มา​จาก​อียิปต์ และ​นำ​เจ้า​ออก​มา​จาก​การ​เป็น​ทาส เรา​ได้​ช่วย​ให้​เจ้า​พ้น​จาก​เงื้อม​มือ​ของ​ชาว​อียิปต์ และ​พ้น​จาก​พวก​ที่​กดขี่​ข่มเหง​เจ้า​ที่​อยู่​ที่​นี่ และ​เรา​ก็​ได้​ขับไล่​พวก​เขา​ไป​ต่อหน้า​เจ้า และ​ยก​แผ่นดิน​ของ​พวก​เขา​ให้​กับ​เจ้า’ เรา​ได้​บอก​กับ​เจ้า​ว่า ‘เรา​คือ​ยาห์เวห์ พระเจ้า​ของ​เจ้า เจ้า​ต้อง​ไม่​ยำเกรง​พวก​พระ​ต่างๆ​ของ​คน​อาโมไรต์ เจ้า​ของ​แผ่นดิน​ที่​เจ้า​อาศัย​อยู่​นี้ แต่​เจ้า​ก็​ไม่​ยอม​เชื่อฟัง​เรา’” ใน​เวลา​นั้น ทูต​ของ​พระยาห์เวห์​ก็​ได้​มา และ​มา​นั่ง​อยู่​ใต้​ต้น​โอ๊ก​ที่​โอฟราห์ ซึ่ง​เป็น​ของ​โยอาช ที่​มา​จาก​ตระกูล​อาบีเยเซอร์ ขณะ​นั้น​ลูกชาย​ของ​โยอาช คือ​กิเดโอน กำลัง​นวด​ข้าว​สาลี​อยู่​ใน​บ่อย่ำ​องุ่น เพื่อ​ไม่​ให้​มัน​ตก​เป็น​ของ​ชาว​มีเดียน ทูต​ของ​พระยาห์เวห์​ได้​มา​ปรากฏ​ตัว​ต่อ​กิเดโอน และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “นักรบ​ผู้​กล้าหาญ พระยาห์เวห์​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน” กิเดโอน​ตอบ​เขา​ว่า “ขอโทษ​ที​เจ้า​นาย ถ้า​พระยาห์เวห์​อยู่​กับ​พวก​เรา ทำไม​ถึง​ได้​เกิด​เรื่อง​พวก​นี้​กับ​พวก​เรา​ด้วย แล้ว​สิ่ง​มหัศจรรย์​ทั้งหลาย​ที่​พระองค์​เคย​ทำ ที่​บรรพบุรุษ​ได้​เล่า​ให้​พวก​เรา​ฟัง หาย​ไป​ไหน​หมด​แล้ว ไม่​ใช่​พระยาห์เวห์​หรอก​หรือ ที่​นำ​พวก​เรา​ออก​มา​จาก​อียิปต์ แต่​ตอน​นี้​พระองค์​ได้​ทอดทิ้ง​พวก​เรา​เสีย​แล้ว และ​ให้​พวก​เรา​ตก​ไป​อยู่​ใน​กำ​มือ​ของ​ชาว​มีเดียน” แล้ว​พระยาห์เวห์​ก็​หัน​มา​พูด​กับ​เขา​ว่า “ไป​สิ ไป​ช่วย​ชาว​อิสราเอล​ด้วย​กำลัง​ที่​เจ้า​มี​อยู่ ไป​ช่วย​พวก​เขา​ให้​พ้น​จาก​กำ​มือ​ของ​ชาว​มีเดียน เรา​กำลัง​ส่ง​เจ้า​ไป” แล้ว​กิเดโอน​ก็​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ขอโทษ​ที​เถิด​ท่าน แล้ว​ข้าพเจ้า​จะ​ไป​ช่วย​คน​อิสราเอล​ได้​ยังไง ดู​สิ ตระกูล​ของ​ข้าพเจ้า​ก็​อ่อนแอ​ที่สุด​ใน​เผ่า​มนัสเสห์ และ​ข้าพเจ้า​ก็​เป็น​คน​ที่​กระจอก​ที่สุด​ใน​ครอบครัว​ของ​ข้าพเจ้า” แล้ว​พระยาห์เวห์​ก็​พูด​กับ​เขา​ว่า “แต่​เรา​จะ​อยู่​กับ​เจ้า และ​เจ้า​จะ​รบ​ชนะ​ชาว​มีเดียน​ทั้งหมด เหมือน​รบ​กับ​คนๆ​เดียว” แล้ว​กิเดโอน​ก็​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ถ้า​พระองค์​พอใจ​ใน​ตัว​ข้าพเจ้า​แล้ว​ละ​ก็ ช่วย​ทำ​อะไร​สัก​อย่าง เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​รู้​ว่า​เป็น​พระองค์​จริงๆ​ที่​พูด​กับ​ข้าพเจ้า อย่า​เพิ่ง​ไป​ไหน​นะ จน​กว่า​ข้าพเจ้า​จะ​กลับ​มา ข้าพเจ้า​จะ​ไป​เอา​เครื่อง​ถวาย​มา​ตั้ง​ต่อหน้า​พระองค์” พระองค์​พูด​ว่า “เรา​จะ​อยู่​ที่​นี่ จน​กว่า​เจ้า​จะ​กลับ​มา” ดังนั้น​กิเดโอน​จึง​กลับ​บ้าน และ​ไป​เตรียม​ลูก​แพะ​ตัว​หนึ่ง และ​ทำ​ขนมปัง​ไร้เชื้อ​จาก​แป้ง​สาลี​ยี่สิบ​สอง​ลิตร เขา​เอา​เนื้อ​ใส่​ตะกร้า เอา​น้ำ​ซุป​ใส่​หม้อ และ​เขา​ก็​เอา​ของ​พวก​นี้​ไป​ให้​กับ​พระองค์​ที่​ใต้​ต้น​โอ๊ก จาก​นั้น​ทูต​ของ​พระยาห์เวห์​ก็​พูด​กับ​เขา​ว่า “เอา​เนื้อ​และ​ขนมปัง​ไร้เชื้อ​วาง​ไว้​บน​ก้อน​หิน​นี้ แล้ว​เท​น้ำ​ซุป​ลง​ไป​บน​ของ​พวก​นั้น” กิเดโอน​ก็​ทำ​ตาม ทูต​ของ​พระยาห์เวห์ ก็​ยื่น​ปลาย​ไม้เท้า​ที่​ถือ​อยู่​ใน​มือ ไป​แตะ​ต้อง​เนื้อ​และ​ขนมปัง​นั้น ไฟ​ก็​ลุก​ขึ้น​มา​จาก​ก้อน​หิน เผา​เนื้อ​และ​ขนมปัง​จน​หมด จาก​นั้น​ทูต​ของ​พระยาห์เวห์​ก็​หาย​วับ​ไป กิเดโอน​ถึง​ได้​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ทูต​ของ​พระยาห์เวห์ กิเดโอน​จึง​ร้อง​ออก​มา​ว่า “แย่​แล้ว พระยาห์เวห์ องค์​เจ้า​ชีวิต​ของ​ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า​ได้​เห็น​ทูต​ของ​พระยาห์เวห์​ต่อหน้า​ต่อตา”