ฮีบรู 11:1-21

ฮีบรู 11:1-21 TNCV

ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้และมั่นใจในสิ่งที่เรามองไม่เห็น เพราะความเชื่อนี้เองที่คนในสมัยก่อนได้รับการทรงชมเชย โดยความเชื่อเราจึงเข้าใจว่าจักรวาลมีขึ้นโดยพระบัญชาของพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นอยู่จึงไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตา โดยความเชื่ออาแบลถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าซึ่งดีกว่าของคาอิน โดยความเชื่ออาแบลได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรมเมื่อพระเจ้าทรงชมเชยสิ่งที่เขาถวาย และโดยความเชื่อเขาจึงยังพูดอยู่ทั้งๆ ที่เขาตายแล้ว โดยความเชื่อเอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อจะไม่ต้องประสบความตาย ไม่มีผู้ใดพบเขาเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะผู้ที่จะมาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง โดยความเชื่อเมื่อโนอาห์ได้รับคำเตือนถึงเรื่องต่างๆ ที่ยังมองไม่เห็น ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าเขาจึงได้ต่อเรือใหญ่เพื่อช่วยครอบครัวให้รอด โดยความเชื่อของเขา เขาได้ตัดสินโทษโลกและได้กลายเป็นทายาทแห่งความชอบธรรมที่มีมาโดยความเชื่อ โดยความเชื่อเมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ไปยังสถานที่ซึ่งเขาจะได้รับเป็นมรดกในภายหลัง เขาก็เชื่อฟังและออกเดินทางถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน โดยความเชื่อเขาอาศัยในดินแดนพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน ใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์เช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมในพระสัญญาเดียวกันกับเขา เพราะเขาหมายมุ่งนครซึ่งตั้งอยู่บนฐานรากอันมีพระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกและผู้สร้าง โดยความเชื่อแม้อับราฮัมชรามากแล้วและซาราห์เองก็เป็นหมัน เขาก็ยังสามารถมีบุตรได้ เพราะเขาถือว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นสัตย์ซื่อ ดังนั้นจากชายคนเดียวนี้ซึ่งเป็นเหมือนคนที่ตายแล้วก็เกิดมีลูกหลานสืบเชื้อสายมากมายดั่งดวงดาวในท้องฟ้า และดั่งเม็ดทรายนับไม่ถ้วนที่ชายฝั่งทะเล คนทั้งปวงเหล่านี้ตายไปขณะที่ดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ พวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ เพียงแต่ได้เห็นและเตรียมรับแต่ไกลและยอมรับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าในโลกนี้ คนที่พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังมองหาบ้านเมืองที่จะเป็นของตน หากพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาก็ย่อมมีโอกาสที่จะกลับไปได้ แต่นี่พวกเขาใฝ่หาบ้านเมืองซึ่งดีกว่าคือเมืองสวรรค์ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงไม่ได้ทรงละอายเมื่อพวกเขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้ให้พวกเขาแล้ว โดยความเชื่อเมื่อพระเจ้าทรงทดสอบอับราฮัม เขาก็ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา เขาผู้ได้รับพระสัญญาพร้อมที่จะถวายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน แม้พระเจ้าได้ตรัสกับเขาว่า “วงศ์วาน ของเจ้าจะนับทางสายอิสอัค” อับราฮัมเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถให้คนตายกลับเป็นขึ้นมาได้ กล่าวเปรียบเทียบได้ว่าเขาได้อิสอัคคืนมาจากความตาย โดยความเชื่ออิสอัคอวยพรให้ยาโคบกับเอซาวสำหรับอนาคตของพวกเขา โดยความเชื่อเมื่อยาโคบกำลังจะตายจึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และนมัสการขณะยันกายบนหัวไม้เท้าของเขา

Video for ฮีบรู 11:1-21

Verse Image for ฮีบรู 11:1-21

ฮีบรู 11:1-21 - ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้และมั่นใจในสิ่งที่เรามองไม่เห็น เพราะความเชื่อนี้เองที่คนในสมัยก่อนได้รับการทรงชมเชย
โดยความเชื่อเราจึงเข้าใจว่าจักรวาลมีขึ้นโดยพระบัญชาของพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นอยู่จึงไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตา
โดยความเชื่ออาแบลถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าซึ่งดีกว่าของคาอิน โดยความเชื่ออาแบลได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรมเมื่อพระเจ้าทรงชมเชยสิ่งที่เขาถวาย และโดยความเชื่อเขาจึงยังพูดอยู่ทั้งๆ ที่เขาตายแล้ว
โดยความเชื่อเอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อจะไม่ต้องประสบความตาย ไม่มีผู้ใดพบเขาเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะผู้ที่จะมาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง
โดยความเชื่อเมื่อโนอาห์ได้รับคำเตือนถึงเรื่องต่างๆ ที่ยังมองไม่เห็น ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าเขาจึงได้ต่อเรือใหญ่เพื่อช่วยครอบครัวให้รอด โดยความเชื่อของเขา เขาได้ตัดสินโทษโลกและได้กลายเป็นทายาทแห่งความชอบธรรมที่มีมาโดยความเชื่อ
โดยความเชื่อเมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ไปยังสถานที่ซึ่งเขาจะได้รับเป็นมรดกในภายหลัง เขาก็เชื่อฟังและออกเดินทางถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน โดยความเชื่อเขาอาศัยในดินแดนพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน ใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์เช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมในพระสัญญาเดียวกันกับเขา เพราะเขาหมายมุ่งนครซึ่งตั้งอยู่บนฐานรากอันมีพระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกและผู้สร้าง
โดยความเชื่อแม้อับราฮัมชรามากแล้วและซาราห์เองก็เป็นหมัน เขาก็ยังสามารถมีบุตรได้ เพราะเขาถือว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นสัตย์ซื่อ ดังนั้นจากชายคนเดียวนี้ซึ่งเป็นเหมือนคนที่ตายแล้วก็เกิดมีลูกหลานสืบเชื้อสายมากมายดั่งดวงดาวในท้องฟ้า และดั่งเม็ดทรายนับไม่ถ้วนที่ชายฝั่งทะเล
คนทั้งปวงเหล่านี้ตายไปขณะที่ดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ พวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ เพียงแต่ได้เห็นและเตรียมรับแต่ไกลและยอมรับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าในโลกนี้ คนที่พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังมองหาบ้านเมืองที่จะเป็นของตน หากพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาก็ย่อมมีโอกาสที่จะกลับไปได้ แต่นี่พวกเขาใฝ่หาบ้านเมืองซึ่งดีกว่าคือเมืองสวรรค์ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงไม่ได้ทรงละอายเมื่อพวกเขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้ให้พวกเขาแล้ว
โดยความเชื่อเมื่อพระเจ้าทรงทดสอบอับราฮัม เขาก็ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา เขาผู้ได้รับพระสัญญาพร้อมที่จะถวายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน แม้พระเจ้าได้ตรัสกับเขาว่า “วงศ์วาน ของเจ้าจะนับทางสายอิสอัค” อับราฮัมเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถให้คนตายกลับเป็นขึ้นมาได้ กล่าวเปรียบเทียบได้ว่าเขาได้อิสอัคคืนมาจากความตาย
โดยความเชื่ออิสอัคอวยพรให้ยาโคบกับเอซาวสำหรับอนาคตของพวกเขา
โดยความเชื่อเมื่อยาโคบกำลังจะตายจึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และนมัสการขณะยันกายบนหัวไม้เท้าของเขา