ลูกา 13:1-14

ลูกา 13:1-14 THSV11

ขณะนั้นบางคนซึ่งอยู่ที่นั่นเล่าเรื่องชาวกาลิลีที่ปีลาตเอาเลือดและเครื่องบูชาของพวกเขามาคละเคล้าด้วยกันให้พระเยซูทรงฟัง พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆ ทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องทนทุกข์อย่างนั้นหรือ? เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ท่านเองถ้าไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเหมือนกัน สิบแปดคนนั้นที่ถูกหอรบสิโลอัมพังทับตาย ท่านคิดว่าพวกเขาทำผิดมากกว่าคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มทั้งหมดหรือ? เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ถ้าท่านทุกคนไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเช่นกัน” พระองค์ตรัสอุปมาต่อไปนี้ว่า “ชายคนหนึ่งปลูกต้นมะเดื่อต้นหนึ่งไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นแต่ไม่พบ เขาจึงพูดกับผู้ที่รักษาเถาองุ่นว่า ‘นี่แน่ะ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้สามปีแล้ว แต่ไม่พบ จงโค่นมันทิ้งไป จะให้ดินจืดไปเปล่าๆ ทำไม?’ แต่ผู้รักษาเถาองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเก็บเอาไว้อีกปี ลองให้ข้าพเจ้าพรวนดินใส่ปุ๋ยดู ถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ท่านจะโค่นมันทิ้งก็ได้’ ” ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ที่ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผีเข้าสิงซึ่งทำให้นางเป็นโรคมาสิบแปดปีแล้วอยู่ที่นั่นด้วย หลังของนางก็โกง ยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นจึงทรงเรียกและตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย เธอได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากโรคของเธอแล้ว” เมื่อพระองค์วางพระหัตถ์บนตัวนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า แต่นายธรรมศาลาไม่พอใจ เพราะพระเยซูทรงรักษาโรคในวันสะบาโต จึงพูดกับฝูงชนว่า “มีถึงหกวันสำหรับทำงาน จงมาและรับการรักษาโรคภายในหกวันนั้น อย่าทำในวันสะบาโต”