ผู้วินิจฉัย 9:22-57

อาบีเมเลคครอบครองอิสราเอลอยู่ได้ 3 ปี พระเจ้าทรงใช้วิญญาณชั่วเข้าแทรกระหว่างอาบีเมเลคกับชาวเมืองเชเคม ชาวเมืองเชเคมก็กบฏต่ออาบีเมเลค เพื่อทารุณกรรมที่ได้ทำแก่บุตร 70 คนของเยรุบบาอัลจะถูกสนองตอบ และโลหิตของเขาเหล่านั้นจะตกบนอาบีเมเลค พี่น้องผู้ได้ประหารพวกเขาและตกแก่ชาวเมืองเชเคม ผู้สนับสนุนอาบีเมเลคให้ฆ่าพี่น้องของตน ชาวเมืองเชเคมได้วางคนซุ่มซ่อนไว้ต่อสู้อาบีเมเลคที่บนยอดภูเขา พวกเขาก็ปล้นทุกคนที่ผ่านไปมาทางนั้น และมีคนบอกอาบีเมเลคให้ทราบ กาอัลบุตรเอเบดกับญาติๆ ของเขาเข้าไปในเมืองเชเคม และชาวเชเคมไว้เนื้อเชื่อใจเขา เขาทั้งหลายพากันออกไปในสวนเก็บผลองุ่นมาย่ำ ทำการเลี้ยงรื่นเริงและเข้าไปในวิหารแห่งพระของพวกเขา เขาทั้งหลายกินและดื่ม และแช่งด่าอาบีเมเลค กาอัลบุตรเอเบดจึงกล่าวว่า “อาบีเมเลคคือใคร? และเชเคมเป็นใครกันที่เราต้องปรนนิบัติเขา? เขาไม่ใช่บุตรของเยรุบบาอัลหรือ? และเศบุลไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของเขาหรือ? จงปรนนิบัติคนฮาโมร์ บิดาของเชเคม ทำไมเราต้องปรนนิบัติอาบีเมเลคด้วย? ถ้าคนเมืองนี้อยู่ใต้ปกครองของข้านะ ข้าจะถอดอาบีเมเลคเสีย ข้าจะท้าเอบีเมเลคว่า ‘จงเพิ่มกองทัพของเจ้าขึ้น แล้วออกมาเถิด’ ” พอเศบุลเจ้าเมืองได้ยินถ้อยคำของกาอัลบุตรเอเบดก็โกรธ จึงส่งผู้สื่อสารไปยังอาบีเมเลคที่อารูมาห์กล่าวว่า “นี่แน่ะ กาอัลบุตรเอเบดและญาติๆ ของเขามาที่เมืองเชเคม ยุแหย่เมืองนั้นให้ต่อสู้กับท่าน บัดนี้ขอท่านจงลุกขึ้นในเวลากลางคืน ทั้งท่านและกองทัพที่อยู่กับท่านไปซุ่มคอยอยู่ในทุ่งนา รุ่งเช้าพอดวงอาทิตย์ขึ้น ท่านจงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ รีบรุกเข้าเมือง และนี่แน่ะ เมื่อกาอัลกับกองทัพที่อยู่กับเขาออกมาต่อสู้ท่าน ท่านจงทำแก่พวกเขาตามแต่โอกาสจะอำนวย” อาบีเมเลค และกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นในเวลากลางคืน แบ่งออกเป็นสี่กองไปซุ่มคอยสู้เมืองเชเคม กาอัลบุตรเอเบดก็ออกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง อาบีเมเลคก็ลุกขึ้นพร้อมกับกองทัพที่อยู่กับเขา ออกมาจากที่ซุ่มซ่อน และเมื่อกาอัลเห็นฝูงชน จึงพูดกับเศบุลว่า “ดูซิ ฝูงชนกำลังเคลื่อนลงมาจากยอดภูเขา” เศบุลตอบเขาว่า “ท่านเห็นเงาภูเขาเป็นคนไป” กาอัลพูดขึ้นอีกว่า “ดูซิ ฝูงชนกำลังออกมาจากทับบูร์ฮาอาเรส กลุ่มหนึ่งกำลังออกมาจากทางต้นโอ๊กของผู้ทำนาย” เศบุลก็กล่าวแก่กาอัลว่า “ปากของท่านอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้ ท่านผู้ที่กล่าวว่า ‘อาบีเมเลคเป็นใครที่เราต้องปรนนิบัติ?’ คนเหล่านี้เป็นคนที่ท่านหมิ่นประมาทไม่ใช่หรือ? จงยกออกไปรบกับเขาเถิด” กาอัลก็เดินนำหน้าชาวเมืองเชเคมออกไปต่อสู้กับอาบีเมเลค อาบีเมเลคก็ขับไล่กาอัลหนีไป มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมากจนถึงทางเข้าประตูเมือง ส่วนอาบีเมเลคก็อาศัยอยู่ที่อารูมาห์ และเศบุลก็ขับไล่กาอัลกับญาติๆ ของเขาออกไป ไม่ให้อยู่ที่เมืองเชเคมต่อไป รุ่งขึ้น ชาวเมืองนั้นออกไปที่ทุ่งนา อาบีเมเลคก็ทราบเรื่อง เขาจึงแบ่งคนของเขาออกเป็นสามกอง ซุ่มคอยที่ทุ่งนา เขามองดู เมื่อคนออกจากเมือง เขาจึงลุกขึ้นประหารเสีย อาบีเมเลคกับกองทหารที่อยู่ด้วยก็รุกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง ฝ่ายทหารอีกสองกองก็รุกเข้าโจมตีคนทั้งหมดที่ในทุ่งนาและประหารเสีย อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดวันจนยึดเมืองได้ และฆ่าฟันประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นเสีย อีกทั้งทำลายเมืองนั้นด้วย แล้วก็หว่านเกลือลงไป เมื่อพวกผู้นำทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมได้ยินเช่นนั้น ก็หนีเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินในวิหารของพระเอลเบรีท มีคนไปเรียนอาบีเมเลคว่า ชาวเมืองทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมมาชุมนุมกันอยู่ อาบีเมเลคก็ขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน ทั้งตัวเขากับกองทัพทั้งสิ้น อาบีเมเลคถือขวานตัดกิ่งไม้ใส่บ่าแบกมา เขาบอกคนที่อยู่ด้วยว่า “เจ้าเห็นข้าทำอะไร จงรีบไปทำอย่างข้าเถิด” คนทั้งปวงก็ตัดกิ่งไม้แบกตามอาบีเมเลคไปสุมไว้ที่อุโมงค์ใต้ดิน แล้วก็จุดไฟเผา ดังนั้นคนที่หอรบเมืองเชเคมก็ตายหมดทั้งชายและหญิงประมาณ 1,000 คน อาบีเมเลคไปยังเมืองเธเบศตั้งค่ายประชิดเมืองเธเบศไว้ และยึดเมืองนั้นได้ แต่ในเมืองมีหอรบแข็งแกร่งแห่งหนึ่ง ชาวเมืองนั้นทั้งหมดทั้งชายและหญิงก็หนีเข้าไปที่นั่นปิดประตูขังตนเองเสีย แล้วก็ขึ้นไปบนหลังคาหอรบ อาบีเมเลคยกมาถึงหอรบนี้ ก็เข้าโจมตีจนเข้ามาใกล้ประตูหอรบได้ เพื่อจะเอาไฟเผา แต่หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่แป้งชิ้นบนทุ่มศีรษะอาบีเมเลค ทำให้กะโหลกศีรษะของเขาแตก เขาจึงรีบร้องบอกคนหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาว่า “จงชักดาบออกแล้วฆ่าเราเสียเพื่อคนจะไม่พูดว่า ‘ผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าเขาตาย’ ” คนหนุ่มนั้นก็แทงเขาทะลุถึงแก่ความตาย เมื่อคนอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างคนก็กลับไปยังที่ของตน ดังนี้แหละพระเจ้าทรงตอบสนองความชั่ว ที่อาบีเมเลคได้ทำต่อบิดาของตน ที่ได้ฆ่าพี่น้อง 70 คนของตนเสีย และพระเจ้าทรงตอบสนองกรรมชั่วทั้งสิ้นของชาวเชเคมบนศีรษะของพวกเขาเอง และคำสาปแช่งของโยธามบุตรเยรุบบาอัลก็ตกอยู่กับเขาทั้งหลาย