2 โครินธ์ 12:1-18

2 โครินธ์ 12:1-18 THSV11

ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่งที่อยู่ในพระคริสต์ เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วเขาถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่สาม (จะไปทั้งร่างกายหรือไปโดยไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) ข้าพเจ้ารู้ว่าชายคนนี้ (จะไปทั้งร่างกายหรือไม่มีร่างกายข้าพเจ้าไม่รู้ พระเจ้าทรงรู้) ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง สำหรับชายคนนั้นข้าพเจ้าอวดได้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะไม่อวดเลย นอกจากจะอวดเรื่องความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าอยากจะอวดข้าพเจ้าก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เพราะว่าข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้างดไว้ เพื่อจะไม่มีใครประเมินข้าพเจ้าสูงกว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในตัวข้าพเจ้าหรือฟังจากข้าพเจ้า และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า เพราะเหตุนี้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ ในการถูกเยาะเย้ยต่างๆ ในความลำบาก ในการถูกข่มเหง ในเหตุวิบัติต่างๆ เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาไปแล้วสิ พวกท่านบังคับข้าพเจ้าให้เป็น เพราะว่าข้าพเจ้าสมควรจะได้รับการยกย่องจากท่าน เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ด้อยกว่าพวกอัครทูตพิเศษเลย แม้ข้าพเจ้าจะไม่วิเศษอะไรเลย และคุณลักษณะต่างๆ ของอัครทูตก็ประจักษ์ชัดในหมู่พวกท่านแล้ว โดยความทรหดอดทนอย่างยิ่ง โดยหมายสำคัญต่างๆ โดยการอัศจรรย์และการแห่งฤทธานุภาพต่างๆ พวกท่านได้รับการปฏิบัติแย่กว่าคริสตจักรอื่นๆ ในเรื่องใดบ้าง? มีเพียงเรื่องนี้คือข้าพเจ้าไม่ได้เป็นภาระกับพวกท่าน ความผิดข้อนี้ขอโปรดอภัยให้ข้าพเจ้าเถิด นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเตรียมพร้อมที่จะมาเยี่ยมพวกท่านเป็นครั้งที่สาม และจะไม่เป็นภาระกับท่าน เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใดของท่านทั้งหลาย แต่ต้องการตัวท่าน เพราะว่าไม่สมควรที่ลูกๆ จะสะสมไว้สำหรับพ่อแม่ แต่พ่อแม่สมควรจะสะสมไว้สำหรับลูก และข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น พวกท่านกลับจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ? พวกท่านคงยอมรับว่าข้าพเจ้าเองไม่ได้เป็นภาระกับท่าน แต่ก็ยังมีการพูดว่าข้าพเจ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์ใช้อุบายจับท่าน ข้าพเจ้าเอาเปรียบพวกท่านผ่านคนหนึ่งคนใดในคนเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าส่งไปเยี่ยมพวกท่านหรือ? ข้าพเจ้าขอร้องให้ทิตัสไป และส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งไปด้วย ทิตัสเอาเปรียบพวกท่านหรือ? เราทั้งสองดำเนินการด้วยจิตใจอย่างเดียวกันและเดินตามรอยเดียวกันไม่ใช่หรือ?