เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่ตัวอย่าง

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่

วันที่ 4 จาก 4

เริ่มต้นใหม่

คุณไม่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ประเทศอื่นเหมือนกับเรา เพื่อที่จะฟื้นตัวจากความฝันที่แตกสลาย เมื่อผมทบทวนถึงเส้นทางในการฟื้นตัวของเรา ผมเห็นถึงปัจจัยสี่อย่างจากประสบการณ์ของเราที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายทาง

1. หาเวลาพักผ่อน

หากคุณต้องเผชิญกับความฝันที่แตกสลาย คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อเสาะหาสิ่งที่คุณปรารถนาอย่างที่สุด ถ้าคุณรู้สึกเช่นเดียวกับเรา คุณอาจจะต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยฟื้นฟู สภาพร่างกายและจิตใจ ลองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่มีอาหารเช้าพร้อมทาน หรือลองเดินเล่นอย่างสงบในชนบท หรืออาจจะลองลดภาระงาน ในที่ทำงานของคุณ อะไรก็ตามที่คุณทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ก็ให้ตั้งใจใช้เวลาชื่นชมกับสิ่งนั้นให้มากขึ้น

2. ใช้เวลาไปกับกิจกรรมสร้างสรรค์

คนที่ความฝันแตกสลายจะไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่พวกเขาต้องการขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องสร้างสิ่งอื่นขึ้นมาทดแทน กิจกรรมสร้างสรรค์ (Recreation) หมายถึงการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง (re-creation) มีกิจกรรมใดบ้างที่ช่วยสร้างความยินดีและพลังของคุณขึ้นอีกครั้ง สำหรับผมแล้วคือการได้หวนกลับไปถ่ายภาพ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ผมละเลยไปในช่วงหลายปีแห่งถิ่นทุรกันดารที่เราต้องเผชิญ คุณอาจคิดถึงกิจกรรมที่เคยชื่นชอบในอดีต เช่น การออกกำลังกายในยิม การเรียนดนตรี หรือการริเริ่มโครงการใหม่ๆ เช่น การตกแต่งห้องใหม่ หรือการเขียนหนังสือสักเล่ม

3. แสวงหาการฟื้นใจ

โดยการอ่านหนังสือเล่นนี้ คุณก็ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นที่สาม ของกระบวนการฟื้นฟูนี้แล้ว ซึ่งก็คือเพื่อค้นพบการฟื้นใจ ฝ่ายวิญญาณ เราพบว่าความฝันที่แตกสลายนั้นสามารถสั่น คลอนมุมมองความเข้าใจที่คุณมี ทำให้คุณตั้งคำถามถึง ความหมายของชีวิต และสงสัยในความดีเลิศประเสริฐของพระเจ้า หลังจากที่คุณได้พักและทำกิจกรรมสร้างสรรค์ คุณ ก็พร้อมจะเผชิญกับคำถามเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยการหาที่ปรึกษาฝ่ายจิตวิญญาณ ไปพบผู้ให้คำปรึกษาที่เป็นคริสเตียน อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม หรือลองไปรีทรีต ประสบการณ์ที่เรา ได้เรียนรู้คือ คนเหล่านั้นที่เดินไปกับพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร และมองว่าการทนทุกข์นั้นเป็นบทเรียนที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ คนเหล่านั้นก็จะได้รับผลเป็นความเชื่อที่เข้มแข็งมั่นคงขึ้น

4. ลองสร้างตัวตนขึ้นใหม่อีกครั้ง

เมื่อความฝันหนึ่งสูญสลายไป ส่วนหนึ่งของความเป็นตัวคุณก็หายไปด้วย เพราะคุณไม่อาจเป็นบุคคลเช่นที่คุณอยากจะเป็นได้ จึงจำเป็นจะต้องมีการสร้างตัวตนขึ้นใหม่ อัตลักษณ์ตัวตนแรกสุดของคุณก็คือการเป็นบุตรพระเจ้า และโดยสถานะนี้ คุณจึงมีเสรีภาพที่จะค้นหาว่าคุณเป็นใครในแง่มุมอื่นๆอีก หรือกระทั่งทดลองอัตลักษณ์ตัวตนใหม่ ลองถามตัวเองว่า:

ลึกๆ แล้วฉันเป็นใคร ลองใคร่ครวญถึงบุคลิกภาพของคุณ และความสัมพันธ์หลักๆกับคนอื่น โดยเฉพาะ กับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ แล้วถามตัวเองว่า คุณได้ปฏิเสธนิสัยบางอย่างของตัวเองไปและตอนนี้อยากจะรื้อฟื้นนิสัยนั้นขึ้นมาใหม่ หรือนี่อาจเป็นเวลาที่คุณจะได้ทุ่มเทพลังไปกับการเป็นพี่ชายพี่สาว เป็นลุงป้าน้าอา เป็นลูก เป็นเพื่อน หรือเพื่อนบ้านอีกครั้ง
มีความฝันอื่นๆ ที่ฉันจะทำให้เป็นจริงได้อีกไหม มีอาชีพ งานอดิเรก หรือความฝันอะไรหรือไม่ที่คุณไม่เคยมีเวลาหรือโอกาสได้ทำ บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่จะได้ลงมือทำดู
บทเรียนจากการทนทุกข์ของฉันจะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไรบ้าง คุณไม่จำเป็นจะต้องไปมีอาชีพเป็นผู้คำปรึกษา แต่ “คุณ” คนใหม่ที่พระเจ้าสร้างขึ้นจะสามารถใช้ของประทานที่พระองค์มอบให้ และสติปัญญาจากการเรียนรู้ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อนำความหวังไปสู่คนอื่นๆได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นหากว่าคุณปรารถนาที่จะแต่งงานแต่ยังอยู่เป็นโสด หรืออาชีพการงานที่คุณเลือกนั้นไม่ก้าวหน้า หรืออาจจะเป็นผลการตรวจวินิจฉัยโรคที่เลวร้ายได้ทำลายความฝันที่คุณมีเพื่อคนที่คุณรัก หรือชีวิตรักโรแมนติคที่ผันผวนจนต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง ไม่ว่าเส้นทางใดที่นำคุณไปยังถิ่นทุรกันดาร ที่ทำให้คุณรู้สึกเศร้าหมอง รู้สึกไม่เป็นธรรม หรือกระทั่งรู้สึกอิจฉาคนที่มีในสิ่งที่คุณอยากได้ และโกรธพระเจ้าที่พระองค์ปฏิเสธคุณ

ข่าวดีก็คือ คุณสามารถเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากที่ความฝันแตกสลายลง แท้จริงแล้ว พระเจ้าอาจจะกำลังทำพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในคุณผ่านการเดินทางในถิ่นทุรกันดารนั้น โดยการเปิดเผยถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจคุณและสำแดงถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ ในตลอดช่วงเวลา ของความเศร้าเสียใจและรู้สึกว่าไม่อาจวางใจพระองค์ได้ พระองค์ยังคงจัดเตรียมสิ่งต่างๆให้คุณ โดยที่คุณอาจไม่ทันสังเกตหรือยังมองไม่เห็น ทรงช่วยคุณให้ค้นพบอัตลักษณ์ตัวตนที่แท้จริงในส่วนลึกที่สุดในฐานะบุตรของพระองค์ และทรงเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ ที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเป็นประโยชน์ในการรับใช้ผู้อื่น

ถ้าหากจะถามว่า ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ของเมอร์รีนและผมได้เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากการไม่มีลูกของเราหรือไม่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน มีบางครั้งที่เรายังคิดหวังว่าเรื่องจะไม่เป็นแบบนี้หรือไม่ แน่นอนว่าเราเคยคิด เรายังคงมีน้ำตาบ้างในบางคราว และคุณเองก็คงมีน้ำตาให้กับความฝันที่แตกสลายของคุณเช่นกัน

แต่เราก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ และมีประสบการณ์กับสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยนึกฝันมาก่อน เช่นเดียวกับพระองค์ผู้ ได้เปลี่ยนการถูกตรึงกางเขนให้กลายไปเป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงทำพระราชกิจ

พระเจ้าไม่ได้ทรงจบทุกเรื่องราวด้วยการอัศจรรย์เสมอไป แต่ก็มีบางครั้งที่พระองค์ทรงให้เรื่องราวนั้นจบอย่างน่าตื่นตะลึง

พระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนการทนทุกข์ของเราให้กลายเป็นสิ่งที่สวยงามได้

สมัครรับหนังสือมานาประจำวันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คลิกเลย

ข้อพระคัมภีร์

วันที่ 3

เกี่ยวกับแผนฯ

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่ : จากความฝันที่แตกสลาย สู่การเริ่มต้นใหม่ บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางแผน ไว้เสมอไป แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะสามารถ ปรับตัวและแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ แต่ว่าเราจะทำอย่างไรหากความฝันและความหวังอันสูงสุดของเราต้องพังทลายลง บางครั้งพระเจ้าทรงปฏิเสธคำทูลขอของเรา โดยที่เราเองก็ไม่เข้าใจหรือไม่อาจหาคำอธิบายได้

More

เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Ministries - Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ https://thaiodb.org/