เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่ตัวอย่าง

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่

วันที่ 2 จาก 4

ถิ่นทุรกันดารแห่งความฝันที่แตกสลาย

ความคาดหวัง และความคาดหวัง

ผมยังคงจำวันที่เมอร์รีนและผมตัดสินใจจะมีลูกด้วยกัน ตอนนั้นเป็นปี ค.ศ. 2000 เราแต่งงานมาแล้ว 5 ปี และชีวิตก็มั่นคงเข้าที่เข้าทาง ช่วงเวลานั้นดูเหมาะที่จะมีลูก และเช่นเดียวกับคู่สมรสอื่นๆที่ได้ตกลงกัน เราต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นทุกๆรอบ 28 วัน ในแต่ละเดือนเรามีความหวัง และในช่วง 2-3 เดือนแรกก็เป็นธรรมดาที่ความคาดหวังนั้นจะตามมาด้วยความผิดหวัง

ความคาดหวังและความผิดหวัง ความคาดหวังและความผิดหวัง

เรารู้ว่าต้องอดทนเพราะเรื่องนี้อาจใช้เวลาสักระยะ แต่หลังจาก 9 เดือนผ่านไปโดยไม่ประสบผลสำเร็จ เราจึงตัดสินใจที่จะไปตรวจร่างกาย ผลการตรวจพบว่าผมมีปัญหาบางอย่าง และหากปราศจากการช่วยเหลือจากพระเจ้าหรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้าช่วยแล้วล่ะก็ การมีลูกของเราก็เป็นเรื่องยาก

เช่นเดียวกับคู่สมรสอื่นๆ ที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตร เราตกอยู่ในความผันผวนทางอารมณ์ที่ตามมา ในช่วงเดือนหนึ่งเรามองถึงผลดีของการไม่มีลูก นั่นคือการมีเวลาสำหรับเราสองคนมากขึ้นและมีภาระด้านการเงินน้อยลง เราไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการโยกย้ายถิ่นฐานและมีอิสระในการเดินทางไปไหนๆ ได้ แต่สักพักหนึ่งความผันผวนทางอารมณ์ก็อาจแปรเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม และการไม่ มีลูกก็ดูไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมสักเท่าใด ความปรารถนาที่อยากอุ้มลูกของเราเองซึ่งเปรียบเสมือน “ตัวแทนน้อยๆ ของเราทั้งสอง” ก็จะหวนกลับมา

เราลองอาหารสูตรพิเศษ อาหารเสริม รวมทั้งปรับพฤติกรรมทุกอย่างที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตร และด้วยการเป็นคริสเตียนที่อุทิศตัว ในไม่ช้าเราจึงหันไปสู่กระบวนการอธิษฐานเพื่อการรักษาเยียวยา

คืนวันหนึ่งกลุ่มพี่น้องเล็กๆ ได้รวมตัวกันในห้องโถงเพื่ออธิษฐานเผื่อเราสองคน เมื่อพวกเขาวางมือลงบน ผมสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมเริ่มร้องไห้ เมอร์รีนไม่ เคยเห็นผมร้องไห้มาก่อน ผมไม่ใช่คนที่เสียน้ำตาง่ายๆ แต่คืนนั้นเธอเห็นผมร่ำไห้จากส่วนลึกภายใน หลังจากนั้น ผมรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับพระเจ้าในวิธีที่แสนพิเศษ เหมือนผมได้รับการปลดปล่อยภายใน และอาจได้รับการทรงรักษาให้หาย แล้วเราก็เกิดความคาดหวังขึ้นอีกในตลอด 28 วันถัดมา... จนพบกับความผิดหวังอีกครั้ง “บางทีเราน่าจะลองทำกิฟท์ดู” เมอร์รีนเปรยขึ้น

ในปี ค.ศ. 2006 เราก็ได้เข้าสู่กระบวนการทำกิฟท์ครั้งแรก ขั้นตอนในการทำนั้นทำให้จิตใจของเมอร์รีนต้องบอบช้ำ และได้คุกคามความเป็นส่วนตัวของเราทั้งสองคน แต่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของเราที่อยู่ทั่วประเทศต่างอธิษฐานเผื่อเรา หลายวันหลังจากนั้นเราจึงเริ่มมีความหวังขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วความหวังก็จบลงด้วยความผิดหวังเหมือนเช่นเคย “คุณคิดว่าเราควรจะรับเด็กมาอุปการะสักคนไหม” เมอร์รีนเอ่ยขึ้นในปี 2007

อีก 8 เดือนต่อมาผลการประเมินเพื่อรับอุปการะเด็กของเราก็เสร็จสิ้นลง “พวกคุณเป็นคู่สามีภรรยาที่น่ารักมาก” เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์บอกกับเราในการนัดพบครั้งสุดท้าย “ฉันคิดว่า พวกคุณคงไม่ต้องรอนานที่จะได้รับเด็กไปอุปการะ เพียงแค่รอโทรศัพท์จากเรา” ดังนั้นเราจึงรอรับโทรศัพท์จากศูนย์อุปการะ

1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ผ่านไป แล้วก็เป็น 2 เดือน 6 เดือน 9 เดือน โดยที่ไม่มีโทรศัพท์จากศูนย์เลย หลังผ่านไป 20 เดือนโดยไม่มีวี่แวว เมอร์รีนก็วุ่นวายใจมาก “ฉันทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มีแต่การรอคอย ชีวิตของเราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แต่ติดอยู่กับการ คาดหวังและความผิดหวัง คุณคิดว่าเราไปลองทำกิฟท์อีกทีดีไหม”

ดังนั้นในปี 2010 เราจึงพยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะ มีลูกโดยการทำกิฟท์ ตอนนั้น ผมเริ่มสงสัยว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณของผมเองหรือเปล่าที่เป็นต้นเหตุของปัญหา บาง ทีผมอาจอธิษฐานด้วยความเชื่อที่ไม่มากพอ? บางทีพวกนักเทศน์ที่เน้นเรื่องความมั่งคั่งอาจจะพูดถูก ผมควรจะเชื่อ อย่างสุดใจก่อนจึงจะได้รับตามที่ทูลขอ? ดังนั้น เมื่อตัวอ่อนแรกของทารกถูกฝังตัวไว้ในครรภ์ของเมอร์รีน ผมจึงตั้งต้นอธิษฐานว่า “พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่เพียงแต่ทูลขอลูกเท่านั้น แต่ข้าพระองค์เชื่อ ว่าพระองค์จะประทานให้อย่างแน่ นอน” และคนอื่นๆ ก็ได้อธิษฐานเผื่อเราด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึง เต็มไปด้วยความคาดหวัง ความคาดหวัง และความคาดหวัง! แล้วก็ผิดหวังเช่นเคย มีการฝังตัวอ่อนตัวที่สองอีก แล้วก็ตัวถัดมา และถัดมา ในแต่ละครั้งเราตั้งความหวังว่า ครั้งนี้แหละที่จะสำเร็จ แต่ก็ต้องล้มเหลวไป

กลางเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 2010 เป็นเวลาสิบปีพอดีนับจากวันที่เราตัดสินใจจะเริ่มชีวิตครอบครัวด้วยการมีลูก ตัวอ่อนตัวสุดท้ายก็ถูกใส่ไว้ในครรภ์ของเมอร์รีน เราตกลงกันว่านี่จะเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย เพราะเราไม่สามารถทนอยู่กับสภาพที่วุ่นวายใจแบบนี้ต่อไปได้ ในเวลานั้น เมอร์รีนและผมต่างก็รู้สึกว่างเปล่าในฝ่ายวิญญาณและอธิษฐานขอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เพื่อนและครอบครัวยังคงอธิษฐานเผื่อเราอย่างสัตย์ซื่อ และความคาดหวังของพวกเขาก็ได้รับการตอบสนองด้วย...เสียงโทรศัพท์

เอมิลี่จากคลินิกทำกิฟท์โทรมาว่า “ฉันได้ตรวจสอบกับทีมแพทย์ที่นี่แล้ว เราต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีค่ะ” “ที่ว่า ‘เป็นไปด้วยดี’ นี่หมายความว่ายังไงคะ” เมอร์รีนถามเพราะไม่อยากเข้าใจผิด “ระดับฮอร์โมนของคุณอยู่ในช่วงที่เราคาดว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ค่ะ”

เมอร์รีนวางโทรศัพท์ลงและร้องไห้ด้วยความประหลาดใจ คุณแม่ของผมร้องด้วยความดีใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ พวกเพื่อนๆต่างก็ส่งข้อความมาถึงเราด้วยน้ำตา “พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของคุณแล้ว!” พวกเขาบอก “การอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว! หลังจากสิบปีแห่งการรอคอย คุณกำลังจะมีลูกแล้ว!” และนั่นคือตอนที่เราขึ้นรถและขับไปบริสเบน เพื่อใช้เวลาฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ไม่เหมือนใครนี้กับครอบครัว

ข้อพระคัมภีร์

วันที่ 1วันที่ 3

เกี่ยวกับแผนฯ

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่

เมื่อพระเจ้าบอกว่าไม่ : จากความฝันที่แตกสลาย สู่การเริ่มต้นใหม่ บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวางแผน ไว้เสมอไป แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะสามารถ ปรับตัวและแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ แต่ว่าเราจะทำอย่างไรหากความฝันและความหวังอันสูงสุดของเราต้องพังทลายลง บางครั้งพระเจ้าทรงปฏิเสธคำทูลขอของเรา โดยที่เราเองก็ไม่เข้าใจหรือไม่อาจหาคำอธิบายได้

More

เราขอขอบคุณ Our Daily Bread Ministries - Asia Pacific ที่ให้แผนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ https://thaiodb.org/