เศคาริยาห์ 11:1-12
เศคาริยาห์ 11:1-12 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดบรรดาประตูของเจ้า เพื่อไฟจะได้เผาผลาญไม้สนสีดาร์ของเจ้าเสีย โอ ต้นสนสามใบเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะไม้สนสีดาร์ล้มลงเสียแล้ว เพราะบรรดาไม้ที่สง่างามพินาศลงสิ้นไปแล้ว ต้นโอ๊กเมืองบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะป่าทึบถูกโค่นเสียแล้ว ฟังสิ เสียงร่ำไห้ของผู้เลี้ยงแกะ เพราะศักดิ์ศรีของพวกเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว ฟังซิ เสียงสิงห์หนุ่มคำราม เพราะว่าดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่ต้องถูกฆ่า บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่าเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า ‘สาธุการแด่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และผู้เลี้ยงไม่สงสารมันเลย” พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินอีกต่อไป นี่แน่ะ เราก็จะทำให้เขาต่างคนตกในมือเพื่อนบ้านของเขา และในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และคนเหล่านั้นจะทำลายแผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยสักคนให้พ้นมือของพวกนั้นเลย” ดังนั้น ในฐานะตัวแทนของผู้ที่ค้าแกะ ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแกะที่กำหนดจะถูกฆ่า ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้า 2 อัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ ในเดือนเดียวข้าพเจ้าขจัดผู้เลี้ยง 3 คนนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าเบื่อคนค้าแกะเสียแล้ว และพวกเขาก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจึงว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงแกะให้เจ้า อะไรที่จะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป และให้พวกที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน” และข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อพระคุณนั้นมาหัก ล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และบรรดาผู้ที่ค้าแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่นั้นก็รู้ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “ถ้าพวกเจ้าเห็นควรก็ให้ค่าจ้างแก่ข้าพเจ้า ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง” แล้วเขาก็ชั่งเงิน 30 แผ่นให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง
เศคาริยาห์ 11:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เลบานอน เปิดพวกประตูของเจ้า เพื่อไฟจะได้เผาผลาญพวกสนซีดาร์ ของเจ้า ต้นสนจูนิเปอร์ ร้องโหยหวนซะ เพราะต้นสนซีดาร์ได้ล้มลงแล้ว เพราะพวกต้นไม้ที่โอ่อ่าสูงใหญ่ถูกทำลายลงแล้ว พวกต้นโอ๊กของบาชานร้องโหยหวนซะเพราะป่าดงดิบถูกโค่นลงแล้ว ฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญของพวกผู้เลี้ยงสิ เพราะทุ่งหญ้าอันรุ่งโรจน์ทั้งหลายของพวกเขาถูกทำลายไปแล้ว ฟังเสียงร้องคำรามของพวกสิงโตสิ เพราะพุ่มไม้หนาของแม่น้ำจอร์แดนถูกทำลายไปแล้ว นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราพูด คือ “ให้เลี้ยงดูแกะที่จะเอาไปฆ่านั้นให้ดี คนที่ซื้อพวกเขาไปก็ฆ่าพวกเขาโดยไม่รู้สึกเสียใจ ส่วนคนที่ขายพวกแกะก็พูดว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะข้าพเจ้าร่ำรวยแล้ว’ และพวกคนที่เลี้ยงแกะนั้นก็ไม่รู้สึกสงสารแกะที่พวกเขาเลี้ยงมา ดังนั้นเราจะไม่สงสารคนพวกนั้นที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์อีกต่อไป เราจะหันประชาชนทั้งหมดให้ต่อต้านกันเอง แล้วจะมอบพวกเขาไว้ใต้อำนาจของพวกผู้ครอบครองเขา พวกผู้ครอบครองนี้จะบดขยี้แผ่นดินนี้ และเราจะไม่ช่วยให้ใครรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น แกะที่จะเอาไปฆ่านั้น ผมได้เลี้ยงพวกเขาแทนพวกพ่อค้าแกะ ผมเอาไม้เท้ามาสองอัน เรียกอันหนึ่งว่า “ความเมตตาปรานี” และเรียกอีกอันว่า “ความเป็นหนึ่งเดียว” และผมได้เลี้ยงดูแกะเหล่านั้นด้วยไม้เท้าทั้งสองนี้ ผมกำจัดผู้เลี้ยงไปสามคนในเดือนเดียว ผมเริ่มหมดความอดทนต่อแกะ และพวกเขาก็ดูหมิ่นผมด้วย แล้วผมพูดว่า “เราจะไม่เลี้ยงดูพวกเจ้าอีกแล้ว ปล่อยให้แกะที่กำลังจะตาย ตายไปซะ และปล่อยตัวที่กำลังจะถูกทำลาย ถูกทำลายไปซะ และให้ตัวที่ยังเหลืออยู่นั้นกินเนื้อของกันและกัน” แล้วผมก็เอาไม้เท้าอันที่มีชื่อว่า “ความเมตตาปรานี” และหักมันเป็นสองท่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรายกเลิกข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับประชาชนทั้งหมด ดังนั้นข้อตกลงจึงถูกยกเลิกในวันนั้น และพวกพ่อค้าสัตว์ที่กำลังมองผมอยู่ ก็รู้ว่า นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ ผมพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกเจ้าอยากจ่ายค่าแรงให้กับผม ก็จ่ายมา แต่ถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย” แล้วพวกเขาก็จ่ายค่าแรงให้กับผมเป็นเงินสามสิบแผ่น
เศคาริยาห์ 11:1-12 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดบรรดาประตูของเจ้า เพื่อไฟจะได้เผาผลาญไม้สนสีดาร์ของเจ้าเสีย ต้นสนสามใบเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะไม้สนสีดาร์ล้มเสียแล้ว เพราะบรรดาไม้ที่สง่างามพินาศลงไปแล้ว โอ ต้นโอ๊กเมืองบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะป่าทึบถูกโค่นเสียแล้ว ฟังซิ เสียงร่ำไห้ของเมษบาล เพราะสง่าราศีของเขาทั้งหลายก็ถูกทำลายไปแล้ว ฟังซิ เสียงสิงโตหนุ่มคำราม เพราะว่าความภูมิใจแห่งแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่ต้องถูกฆ่า บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่ามันเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า ‘สาธุการแด่พระเยโฮวาห์ เพราะข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และเมษบาลของมันทั้งหลายไม่สงสารมันเลย พระเยโฮวาห์ตรัสว่า เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกต่อไป ดูเถิด เราก็จะกระทำให้เขาต่างคนตกเข้าไปในมือของเพื่อนบ้านของเขา และต่างก็ตกไปในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และท่านจะบีบแผ่นดินให้แหลก และเราจะไม่ช่วยเหลือคนหนึ่งคนใดให้พ้นมือของท่านทั้งหลายเลย” ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงจะได้เลี้ยงดูฝูงแพะแกะที่ถูกฆ่า คือตัวเจ้าเอง โอ พวกที่น่าสงสารแห่งฝูงแกะเอ๋ย ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้าสองอัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูฝูงแกะ ในเดือนเดียวข้าพเจ้าตัดเมษบาลสามคนนั้นออกเสีย แต่จิตใจข้าพเจ้าเกลียดชังแกะเหล่านั้น และจิตใจแกะก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจึงว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงดูเจ้า อะไรจะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกตัดออกก็ให้ถูกตัดออกไปเสีย และให้บรรดาที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน” ข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อ พระคุณ นั้นมาหัก เพื่อล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และพวกที่น่าสงสารแห่งฝูงแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่ก็รู้ว่า นั่นเป็นพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “ถ้าท่านเห็นควรก็ขอค่าจ้างแก่เรา ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง” แล้วเขาก็ชั่งเงินสามสิบเหรียญออกให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง
เศคาริยาห์ 11:1-12 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดบรรดาประตูของเจ้า เพื่อไฟจะได้เผาผลาญไม้สนสีดาร์ของเจ้าเสีย โอ ต้นสนสามใบเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะไม้สนสีดาร์ล้มเสียแล้ว เพราะบรรดาไม้ที่สง่างามพินาศลงไปแล้ว ต้นก่อเมืองบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะป่าทึบถูกโค่นเสียแล้ว ฟังซิ เสียงร่ำไห้ของเมษบาล เพราะศักดิ์ศรีของเขาทั้งหลายก็ถูกทำลายไปแล้ว ฟังซิ เสียงสิงห์หนุ่มคำราม เพราะว่าดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่ต้องถูกฆ่า บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่ามันเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า <สาธุการแด่พระเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว> และเมษบาลของมันทั้งหลายไม่สงสารมันเลย พระเจ้าตรัสว่า เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกต่อไป นี่แน่ะ เราก็จะกระทำให้เขาต่างคนตกเข้าไปในมือของเมษบาลของเขา และต่างก็ตกไปในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และท่านจะบีบโลกให้แหลก และเราจะไม่ช่วยเหลือคนหนึ่งคนใดให้พ้นมือของท่านทั้งหลายเลย>> ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแพะแกะที่ถูกฆ่าเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ค้าแกะ ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้าสองอัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ ในเดือนเดียวข้าพเจ้าทำลายเมษบาลสามคนนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าเบื่อแกะเสียแล้ว และแกะก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจึงว่า <<ข้าจะไม่เลี้ยงดูเจ้า อะไรจะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป และให้บรรดาที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน>> ข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อพระคุณนั้นมาหัก ล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และบรรดานักค้าแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่ก็รู้ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระเจ้า แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า <<ถ้าท่านเห็นควรก็ขอค่าจ้างแก่เรา ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง>> แล้วเขาก็ชั่งเงินสามสิบเชเขลออกให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง
เศคาริยาห์ 11:1-12 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูทั้งหลายของเจ้าเถิด เพื่อไฟจะได้เผาผลาญเหล่าสนซีดาร์ของเจ้า! ต้นสนเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะซีดาร์ถูกโค่นลงแล้ว ต้นไม้งามตระหง่านนั้นย่อยยับลงแล้ว! ต้นโอ๊กแห่งบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด ป่าทึบถูกตัดเตียนแล้ว! จงฟังเสียงร่ำไห้ของบรรดาคนเลี้ยงแกะ ทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ของพวกเขาถูกทำลายไป! จงฟังเสียงคำรามของเหล่าสิงห์ ป่าอันเขียวขจีของจอร์แดนถูกทำลายไปแล้ว! พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ตรัสว่า “จงเลี้ยงฝูงแกะที่จะต้องถูกฆ่า ผู้ซื้อฆ่าแกะเหล่านั้นและไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด บรรดาคนขายก็พูดว่า ‘สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เรารวยแล้ว!’ คนเลี้ยงแกะเองขายมันไปโดยไม่ปรานีฝูงแกะเลย เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราจะมอบทุกคนไว้ในมือเพื่อนบ้านและกษัตริย์ของพวกเขา ซึ่งจะข่มเหงเบียดเบียนแผ่นดินนี้ เราจะไม่ช่วยพวกเขาจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้น” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเลี้ยงแกะที่จะต้องถูกฆ่า โดยเฉพาะตัวที่ถูกรังแก แล้วข้าพเจ้าเอาไม้เท้าคนเลี้ยงแกะมาสองอัน อันหนึ่งตั้งชื่อว่า “พระคุณ” และอีกอันหนึ่งตั้งชื่อว่า “กลมเกลียว” แล้วข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ ภายในเดือนเดียวข้าพเจ้าได้กำจัดคนเลี้ยงแกะทั้งสามคนนั้นออกไป แต่ข้าพเจ้ากลับเอือมระอาฝูงแกะคือชนชาตินี้ และพวกเขาก็เกลียดชังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “เราจะไม่เป็นคนเลี้ยงของเจ้าอีกแล้ว ใครจะตายก็ให้ตายไป ใครจะพินาศก็ให้พินาศไป ที่เหลือก็ให้กินเลือดกินเนื้อกันเอง” แล้วข้าพเจ้าเอาไม้เท้าที่ชื่อว่า “พระคุณ” มาหักเสีย เป็นการล้มเลิกพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าทำไว้กับประชาชาติทั้งปวง เป็นอันยกเลิกสัญญาในวันนั้น แล้วผู้ตกทุกข์ได้ยากในฝูงแกะซึ่งมองดูข้าพเจ้าอยู่ ก็รู้ว่าเป็นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “หากท่านเห็นชอบ ก็จงจ่ายค่าจ้างให้เรา ถ้าไม่เห็นดี ก็เก็บค่าจ้างนั้นไว้เถิด” ฉะนั้นเขาจึงจ่ายเงินให้ข้าพเจ้าเป็นเงินสามสิบแผ่น
เศคาริยาห์ 11:1-12 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูของเจ้า ให้ไฟลุกผลาญดงซีดาร์ของเจ้า โอ ต้นสนเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด เพราะต้นซีดาร์โค่นลงแล้ว ต้นไม้ซึ่งสูงตระหง่านถูกทำลาย ต้นโอ๊กของบาชานเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด เพราะป่าไม้ทึบถูกตัดลงแล้ว มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายของบรรดาผู้ดูแลฝูงแกะ เพราะความมั่งคั่งของพวกเขาถูกทำลาย มีเสียงคำรามของบรรดาสิงโต เพราะป่าไม้ของจอร์แดนเสียหาย พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้ากล่าวดังนี้ “จงดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหาร บรรดาผู้ซื้อประหารพวกเขา แต่ก็ไม่ถูกลงโทษ พวกที่ขายพวกเขาพูดว่า ‘สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และบรรดาผู้ดูแลฝูงไร้ความเมตตาต่อพวกเขา เพราะเราจะไม่มีความเมตตาต่อผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินนี้” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในมือของเพื่อนบ้านของเขา และแต่ละคนอยู่ในมือของกษัตริย์ของเขา และพวกเขาจะกดขี่ข่มเหงแผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของคนเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว” ดังนั้น ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหารโดยบรรดาพ่อค้าแกะ และข้าพเจ้าเอาไม้เท้า 2 อันมา ข้าพเจ้าตั้งชื่อไม้เท้าอันหนึ่งว่า ชื่นชอบ และอีกอันหนึ่งชื่อว่า สหภาพ แล้วข้าพเจ้าก็ดูแลฝูงแกะ ข้าพเจ้ากำจัดผู้ดูแลฝูง 3 คนในเดือนเดียว ฝูงแกะเกลียดข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเหนื่อยหน่ายพวกเขา ข้าพเจ้าจึงพูดดังนี้ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ดูแลฝูงของพวกท่าน อะไรจะตายก็ปล่อยให้ตายไป อะไรจะถูกทำให้พินาศก็ปล่อยให้พินาศไป และปล่อยให้พวกที่เหลืออยู่กินเลือดกินเนื้อกันเอง” ข้าพเจ้าหักไม้เท้าที่ชื่อ ชื่นชอบ และพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้กับประชาชนทั้งปวงกลายเป็นโมฆะ ดังนั้นมันก็กลายเป็นโมฆะไปในวันนั้น และบรรดาผู้รับทุกข์ของฝูงที่กำลังเฝ้ามองข้าพเจ้าทราบว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าบอกพวกเขาดังนี้ว่า “หากว่าเป็นสิ่งดีในสายตาพวกท่าน ก็จ่ายค่าแรงให้แก่ข้าพเจ้า แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ท่านก็เก็บค่าแรงไว้เอง” พวกเขาจ่ายเงิน 30 เหรียญให้แก่ข้าพเจ้า