วิวรณ์ 6:3-10

วิวรณ์ 6:3-10 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สองร้องว่า “มาเถอะ” และม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามา เป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับมอบหมายให้เอาสันติภาพไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับมอบดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า “มาเถอะ” แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีดำตัวหนึ่งเข้ามา และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชู แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเหมือนอย่างเสียงพูดดังออกมาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นว่า “ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น” เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตที่สี่ร้องว่า “มาเถอะ” แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะทำลายได้ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา”

วิวรณ์ 6:3-10 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!” แล้วม้าอีกตัวหนึ่งก็ออกมาเป็นสีแดงเพลิง ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน ผู้นี้ได้รับดาบเล่มใหญ่ เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สามกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปก็เห็นม้าดำตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ถือตราชูอยู่ในมือ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงซึ่งดูเหมือนดังขึ้นจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย!” เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สี่กล่าวว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย และแดนมรณาตามหลังผู้นี้มาติดๆ ทั้งสองได้รับอำนาจที่จะเข่นฆ่าหนึ่งในสี่ของโลกด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าเห็นภายใต้แท่นบูชามีดวงวิญญาณของบรรดาผู้ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานที่เขายึดถือ พวกเขาร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสัตย์จริง อีกนานเท่าใดกว่าพระองค์จะทรงพิพากษาชาวโลกและแก้แค้นให้พวกเราผู้หลั่งเลือดพลีชีวิต?”

วิวรณ์ 6:3-10 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่สอง​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สอง​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” จากนั้น​ม้า​อีก​ตัวหนึ่ง​สี​แดง​เพลิง​ก็​ออก​มา ผู้ที่​ขี่​อยู่​บน​หลัง​ม้า​ได้รับ​อำนาจ​ที่​จะ​เอา​สันติภาพ​ไป​จาก​โลก และ​ทำให้​คน​ฆ่า​กันเอง ผู้​ขี่​ม้า​ได้รับ​ดาบใหญ่​เล่ม​หนึ่ง เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​สาม​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สาม​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” ผม​เห็น​ม้า​สี​ดำ และ​ผู้ที่​ขี่​ม้า​นั้น​ถือ​ตราชั่ง​ไว้​ใน​มือ ผม​ได้ยิน​เสียง​ซึ่ง​ฟัง​ดู​คล้าย​กับ​ว่า​มา​จาก​ท่ามกลาง​สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​สี่​ว่า “ข้าวสาลี​หนึ่ง​ลิตร​มีค่า​เท่ากับ​ค่าแรง​หนึ่งวัน ข้าว​บาร์เลย์​สาม​ลิตร​มีค่า​เท่ากับ​ค่าแรง​หนึ่ง​วัน แต่​อย่า​ทำ​ให้​น้ำมัน​และ​เหล้า​องุ่น​เสียหาย” เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​สี่​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สี่​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” แล้ว​ผม​ก็​เห็น​ม้า​สีซีด​ตัว​หนึ่ง​อยู่​ต่อหน้า​ผม ผู้ที่​ขี่ม้า​มี​ชื่อ​ว่า “ความตาย” และ​แดน​คนตาย​ก็​ตาม​หลัง​ความตาย​มา​ติดๆ ทั้งสอง​ได้รับ​อำนาจ​ที่​จะ​ฆ่า​หนึ่ง​ใน​สี่​ของ​มนุษย์​ใน​โลก​นี้ ด้วย​คมดาบ ความ​อดอยาก โรคระบาด และ​พวก​สัตว์ร้าย​ต่างๆ​ที่​อยู่​บน​โลก เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​ห้า​ออก ผม​เห็น​วิญญาณ​หลาย​ดวง​ใต้​แท่นบูชา เป็น​วิญญาณ​ของ​ผู้ที่​ถูก​ฆ่า เพราะ​พวกเขา​ประกาศ​พระคำ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​ซื่อสัตย์ วิญญาณ​พวกนั้น​ตะโกน​เสียง​ดัง​ว่า “พระผู้เป็น​เจ้า​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​และ​เที่ยงแท้ อีก​นานไหม​กว่า​พระองค์​จะ​ตัดสิน​และ​ลงโทษ​คนชั่ว​บน​โลกนี้​ที่​ได้​ฆ่า​พวกเรา”

วิวรณ์ 6:3-10 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สองนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินสัตว์ตั​วท​ี่สองร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” และมีม้าอีกตัวหนึ่งออกไปเป็​นม​้าสี​แดงสด ผู้​ที่​ขี่​ม้าตั​วน​ี้​ได้​รั​บอน​ุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้​คนทั้งปวงรบราฆ่าฟั​นก​ัน และผู้​นี้​ได้​รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สามนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินสัตว์ตั​วท​ี่สามร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” แล​้วข้าพเจ้าก็​แลเห็น และดู​เถิด มี​ม้าดำตัวหนึ่ง และผู้​ที่​ขี่​ม้าน​ั้นถือตราชู แล​้วข้าพเจ้าก็​ได้​ยินเสียงออกมาจากท่ามกลางสัตว์ทั้งสี่นั้​นว​่า “​ข้าวสาลี​ราคาทะนานละหนึ่งเดนาริ​อัน ข้าวบาร์​เลย​์สามทะนานต่อหนึ่งเดนาริ​อัน และเจ้าอย่าทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น” เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่​สี​่นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินเสียงสัตว์ตั​วท​ี่​สี​่ร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” แล​้วข้าพเจ้าก็​แลเห็น และดู​เถิด มี​ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้​ที่​นั่งบนหลั​งม​้านั้​นม​ีชื่อว่าความตาย และนรกก็​ติ​ดตามเขามาด้วย และได้​ให้​ทั้งสองนี้​มี​อำนาจล้างผลาญแผ่นดินโลกได้​หนึ่งในสี่​ส่วน ด้วยดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยความตาย และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็นดวงวิญญาณใต้​แท่นบูชา เป็​นว​ิญญาณของคนทั้งหลายที่​ถู​กฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาเหล่านั้​นร​้องเสียงดังว่า “​โอ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้า ผู้บริสุทธิ์​และสัตย์​จริง อี​กนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองให้เลือดของเราต่อคนทั้งหลายที่​อยู่​ในโลก”

วิวรณ์ 6:3-10 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สองนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สองร้องว่า <<มาเถอะ>> และมีม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามาเป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับพระราชานุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนทั้งปวงรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับพระราชทานดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สามนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สามร้องว่า <<มาเถอะ>> แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าดำตัวหนึ่งเข้ามา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือตราชู แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียง เหมือนกับว่าดังออกมาจากท่ามกลางสัตว์ทั้งสี่นั้นว่า <<ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบารลีสามทะนานต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น>> เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสัตว์ตัวที่สี่ร้องว่า <<มาเถอะ>> แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่งเข้ามา ผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้นมีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจล้างผลาญแผ่นดินโลกได้หนึ่งในสี่ส่วน ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็นดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา เป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองต่อคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก>>

วิวรณ์ 6:3-10 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สอง​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สอง​พูด​ว่า “มา​เถิด” ครั้น​แล้ว​ม้า​อีก​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​ม้า​สี​แดง​เพลิง​ก็​ออก​ไป ผู้​ที่​ขี่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​นำ​สันติสุข​ออก​ไป​จาก​แผ่นดิน​โลก และ​ทำ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​ฆ่า​ฟัน​กัน​เอง เขา​เอง​ได้​รับ​ดาบ​ใหญ่​เล่ม​หนึ่ง เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สาม​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สาม​พูด​ว่า “มา​เถิด” ดู​เถิด ข้าพเจ้า​เห็น​ม้า​สี​ดำ​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​ผู้​ที่​ขี่​ถือ​ตราชู​อยู่​ใน​มือ และ​ข้าพเจ้า​ได้ยิน​เสียง​ที่​ดู​เหมือน​ว่า​มา​จาก​ท่าม​กลาง​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สี่​ว่า “ข้าว​สาลี​ราคา​ลิตร​ละ 1 เดนาริอัน และ​ข้าว​บาร์เลย์ 3 ลิตร​ต่อ 1 เดนาริอัน และ​อย่า​ทำ​ให้​น้ำมัน​มะกอก​กับ​เหล้า​องุ่น​เสีย​ไป” เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สี่​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สี่​พูด​ว่า “มา​เถิด” ดู​เถิด ข้าพเจ้า​เห็น​ม้า​สี​เขียว​ซีด​ตัว​หนึ่ง ผู้​ที่​ขี่​มี​ชื่อ​ว่า ความ​ตาย และ​ชื่อ แดน​คน​ตาย ซึ่ง​กำลัง​ขี่​ตาม​หลัง​ของ​พวก​เขา​มา พวก​เขา​ได้​รับ​สิทธิ​อำนาจ​ฆ่า​หนึ่ง​ใน​สี่​ส่วน​ของ​แผ่นดิน​โลก​ด้วย​คม​ดาบ ความ​อดอยาก โรค​ระบาด และ​ด้วย​สัตว์​ป่า​ของ​แผ่นดิน​โลก เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​ห้า​ออก ข้าพเจ้า​ก็​เห็น​ดวง​วิญญาณ​ที่​ใต้​แท่น​บูชา ซึ่ง​เป็น​วิญญาณ​ของ​พวก​ที่​ถูก​สังหาร​เพราะ​คำ​กล่าว​ของ​พระ​เจ้า และ​เพราะ​คำ​ยืนยัน​ที่​เขา​ประกาศ เขา​เหล่า​นั้น​ร้อง​เรียก​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​สูง​สุด องค์​ผู้​บริสุทธิ์​และ​สัตย์จริง อีก​นาน​เท่าใด​กว่า​พระ​องค์​จะ​พิพากษา และ​สนอง​ตอบ​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​อาศัย​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก”