วิวรณ์ 6:1-17

วิวรณ์ 6:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ผม​เห็น​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​อัน​แรก​ออก​มา​จาก​ทั้งหมด​เจ็ด​อัน ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัวแรก​พูด​เสียง​ดัง​อย่าง​กับ​ฟ้าร้อง​ว่า “ออก​มา​เถิด” ผม​เห็น​ม้าขาว​ตัวหนึ่ง​อยู่​ตรง​หน้า ผู้ที่​ขี่​ม้า​ตัวนั้น​ถือ​คันธนู และ​ได้รับ​มงกุฎ​แห่ง​ชัยชนะ​จาก​พระเจ้า แล้ว​เขา​ก็​ขี่​ม้า​ออก​ไป​อย่าง​ผู้​มี​ชัย​เพื่อ​จะ​ไป​รับ​ชัยชนะ เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่สอง​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สอง​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” จากนั้น​ม้า​อีก​ตัวหนึ่ง​สี​แดง​เพลิง​ก็​ออก​มา ผู้ที่​ขี่​อยู่​บน​หลัง​ม้า​ได้รับ​อำนาจ​ที่​จะ​เอา​สันติภาพ​ไป​จาก​โลก และ​ทำให้​คน​ฆ่า​กันเอง ผู้​ขี่​ม้า​ได้รับ​ดาบใหญ่​เล่ม​หนึ่ง เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​สาม​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สาม​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” ผม​เห็น​ม้า​สี​ดำ และ​ผู้ที่​ขี่​ม้า​นั้น​ถือ​ตราชั่ง​ไว้​ใน​มือ ผม​ได้ยิน​เสียง​ซึ่ง​ฟัง​ดู​คล้าย​กับ​ว่า​มา​จาก​ท่ามกลาง​สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​สี่​ว่า “ข้าวสาลี​หนึ่ง​ลิตร​มีค่า​เท่ากับ​ค่าแรง​หนึ่งวัน ข้าว​บาร์เลย์​สาม​ลิตร​มีค่า​เท่ากับ​ค่าแรง​หนึ่ง​วัน แต่​อย่า​ทำ​ให้​น้ำมัน​และ​เหล้า​องุ่น​เสียหาย” เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​สี่​ออก ผม​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ตัว​ที่​สี่​พูด​ว่า “ออก​มา​เถิด” แล้ว​ผม​ก็​เห็น​ม้า​สีซีด​ตัว​หนึ่ง​อยู่​ต่อหน้า​ผม ผู้ที่​ขี่ม้า​มี​ชื่อ​ว่า “ความตาย” และ​แดน​คนตาย​ก็​ตาม​หลัง​ความตาย​มา​ติดๆ ทั้งสอง​ได้รับ​อำนาจ​ที่​จะ​ฆ่า​หนึ่ง​ใน​สี่​ของ​มนุษย์​ใน​โลก​นี้ ด้วย​คมดาบ ความ​อดอยาก โรคระบาด และ​พวก​สัตว์ร้าย​ต่างๆ​ที่​อยู่​บน​โลก เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​ห้า​ออก ผม​เห็น​วิญญาณ​หลาย​ดวง​ใต้​แท่นบูชา เป็น​วิญญาณ​ของ​ผู้ที่​ถูก​ฆ่า เพราะ​พวกเขา​ประกาศ​พระคำ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​ซื่อสัตย์ วิญญาณ​พวกนั้น​ตะโกน​เสียง​ดัง​ว่า “พระผู้เป็น​เจ้า​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​และ​เที่ยงแท้ อีก​นานไหม​กว่า​พระองค์​จะ​ตัดสิน​และ​ลงโทษ​คนชั่ว​บน​โลกนี้​ที่​ได้​ฆ่า​พวกเรา” แล้ว​พระองค์​ก็​มอบ​เสื้อคลุม​สีขาว​ให้​แก่​เขา​เหล่านั้น และ​บอก​พวกเขา​ให้​พักผ่อน​และ​คอย​ต่อไป​อีก​ประเดี๋ยวหนึ่ง จนกว่า​พวก​พี่น้อง​ที่​รับใช้​พระคริสต์​ด้วยกัน​กับ​เขา จะ​ถูก​ฆ่า​แบบ​เดียว​กับ​พวกเขา​จน​ครบ​จำนวน เมื่อ​ลูกแกะ​เปิด​ผนึก​ที่​หก​ออก ผม​เห็น​แผ่นดิน​ไหว​อย่าง​รุนแรง ดวง​อาทิตย์​ก็​มืดมิด​ไป​เหมือน​ผ้า​กระสอบ​ขนสัตว์​สีดำ ดวงจันทร์​กลายเป็น​สีแดง​เหมือน​เลือด ดวงดาว​บน​ท้องฟ้า​ตกลง​มา​บน​พื้นโลก เหมือนกับ​ผลมะเดื่อ​ที่​ยัง​ไม่สุก​ถูก​พายุ​พัด​ร่วง​ลง​มา​จาก​ต้น ท้องฟ้า​ม้วน​ขึ้น​เหมือนกับ​หนังสือม้วน ภูเขา​และ​เกาะ​ทั้งหลาย​ก็​เคลื่อน​ไป​จาก​ที่​ของ​พวกมัน จากนั้น​พวก​กษัตริย์​ของ​โลกนี้ พวก​ผู้​ยิ่งใหญ่ พวก​แม่ทัพ พวก​คน​ร่ำรวย พวก​ที่​มี​อำนาจ​และ​ทุกๆคน ทั้ง​ไท​และ​ทาส ก็​พา​กัน​ไป​หลบซ่อน​อยู่​ตาม​ถ้ำ และ​ใน​ซอก​หินผา​ต่างๆ พวกเขา​ร้องขอ​กับ​ภูเขา​และ​ก้อนหิน​ว่า “ขอ​ให้​ตก​ลง​มา​ใส่​เรา​และ​ซ่อน​พวกเรา​เอา​ไว้ เพื่อ​ว่า​ผู้​ที่​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​จะ​ได้​มอง​ไม่เห็น​พวกเรา และ​ลูกแกะ​ตัวนั้น​จะ​ไม่​สามารถ​ลงโทษ​เรา​ได้ เพราะ​ว่า​วัน​แห่ง​ความ​โกรธแค้น​อัน​น่ากลัว​ได้​มา​ถึง​แล้ว และ​ไม่มี​ใคร​ที่​จะ​รอด​ชีวิต​จาก​การ​ลงโทษ​ของ​ทั้ง​สอง​พระองค์​นั้น​ได้”

วิวรณ์ 6:1-17 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

และข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งในเจ็ดดวงนั้น และข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งในสี่ตนนั้นร้องเสียงดังเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องว่า “มาเถอะ” ข้าพเจ้าก็เห็น และนี่แน่ะ ม้าสีขาวตัวหนึ่งออกมา ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นถือธนู และได้รับมอบมงกุฎ แล้วท่านก็ออกไปอย่างมีชัย และเพื่อจะได้ชัยชนะ เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สองร้องว่า “มาเถอะ” และม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามา เป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับมอบหมายให้เอาสันติภาพไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับมอบดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า “มาเถอะ” แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีดำตัวหนึ่งเข้ามา และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชู แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเหมือนอย่างเสียงพูดดังออกมาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นว่า “ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น” เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตที่สี่ร้องว่า “มาเถอะ” แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะทำลายได้ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา” แล้วพระองค์ประทานเสื้อคลุมสีขาวแก่พวกเขาแต่ละคน และทรงบอกให้พักต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง จนกว่าผู้ร่วมรับใช้และพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนอย่างพวกเขาครบจำนวน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก ข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีดำมืด เหมือนกับเสื้อผ้าขนสัตว์ที่ใช้ไว้ทุกข์ และดวงจันทร์วันเพ็ญก็กลายเป็นเหมือนกับสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่อที่ถูกลมแรงพัดจนผลที่ยังไม่สุกหล่นลงมา ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่ถูกม้วนเก็บ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ถูกเคลื่อนไปจากที่เดิม แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชน ต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า “จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และจากพระพิโรธของพระเมษโปดก เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า”

วิวรณ์ 6:1-17 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งนั้นออกแล้ว ข้าพเจ้าก็​แลเห็น และได้ยินสัตว์ตัวหนึ่งในสัตว์​สี​่ตั​วน​ั้​นร​้องดุจเสียงฟ้าร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” ข้าพเจ้าก็​แลเห็น และดู​เถิด มี​ม้าขาวตัวหนึ่ง และผู้​ที่​ขี่​ม้าน​ั้นถือธนู และได้รับมงกุฎ และผู้นั้​นก​็ออกไปอย่างมี​ชัย และเพื่อได้​ชัยชนะ เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สองนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินสัตว์ตั​วท​ี่สองร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” และมีม้าอีกตัวหนึ่งออกไปเป็​นม​้าสี​แดงสด ผู้​ที่​ขี่​ม้าตั​วน​ี้​ได้​รั​บอน​ุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้​คนทั้งปวงรบราฆ่าฟั​นก​ัน และผู้​นี้​ได้​รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สามนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินสัตว์ตั​วท​ี่สามร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” แล​้วข้าพเจ้าก็​แลเห็น และดู​เถิด มี​ม้าดำตัวหนึ่ง และผู้​ที่​ขี่​ม้าน​ั้นถือตราชู แล​้วข้าพเจ้าก็​ได้​ยินเสียงออกมาจากท่ามกลางสัตว์ทั้งสี่นั้​นว​่า “​ข้าวสาลี​ราคาทะนานละหนึ่งเดนาริ​อัน ข้าวบาร์​เลย​์สามทะนานต่อหนึ่งเดนาริ​อัน และเจ้าอย่าทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น” เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่​สี​่นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็​ได้​ยินเสียงสัตว์ตั​วท​ี่​สี​่ร้องว่า “​มาด​ู​เถิด​” แล​้วข้าพเจ้าก็​แลเห็น และดู​เถิด มี​ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้​ที่​นั่งบนหลั​งม​้านั้​นม​ีชื่อว่าความตาย และนรกก็​ติ​ดตามเขามาด้วย และได้​ให้​ทั้งสองนี้​มี​อำนาจล้างผลาญแผ่นดินโลกได้​หนึ่งในสี่​ส่วน ด้วยดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยความตาย และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็นดวงวิญญาณใต้​แท่นบูชา เป็​นว​ิญญาณของคนทั้งหลายที่​ถู​กฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาเหล่านั้​นร​้องเสียงดังว่า “​โอ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้า ผู้บริสุทธิ์​และสัตย์​จริง อี​กนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองให้เลือดของเราต่อคนทั้งหลายที่​อยู่​ในโลก” แล​้วพระองค์ทรงประทานเสื้อสีขาวแก่คนเหล่านั้นทุกคน และทรงกำชับเขาให้หยุดพักต่อไปอีกหน่อย จนกว่าเพื่อนผู้​รับใช้​ของเขา และพวกพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนกับเขานั้นจะครบจำนวน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้ว ดู​เถิด ข้าพเจ้าก็​ได้​เห​็นแผ่นดินไหวใหญ่​โต ดวงอาทิตย์​ก็​กลายเป็​นม​ืดดำดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์​ก็​กลายเป็นสี​เลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงบนแผ่นดิน เหมือนต้นมะเดื่​ออ​ันหวั่นไหวด้วยลมกล้าจนทำให้ผลหล่นลงไม่ทันสุก ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุ​กล​ูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่​เดิม แล​้วกษั​ตริ​ย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่​คนโต เศรษฐี นายทหารใหญ่ ผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสและเป็​นอ​ิ​สระ ก็​ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภู​เขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหิ​นว​่า “จงล้​มท​ับเราเถิด จงซ่อนเราไว้​ให้​พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ ผู้​ประทั​บอย​ู่บนพระที่​นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดกนั้น เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผู้ใดจะทนอยู่​ได้​เล่า​”

วิวรณ์ 6:1-17 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงหนึ่งในเจ็ดดวงนั้นออกแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็น และได้ยินสัตว์ตัวหนึ่งในสี่ตัวนั้นร้องเสียงดังดุจเสียงฟ้าร้องว่า <<มาเถอะ>> ข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่งออกมา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือธนู และได้รับพระราชทานมงกุฎ แล้วท่านก็ขี่ม้าออกไปอย่างมีชัย และเพื่อได้ชัยชนะ เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สองนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สองร้องว่า <<มาเถอะ>> และมีม้าอีกตัวหนึ่งเข้ามาเป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับพระราชานุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนทั้งปวงรบราฆ่าฟันกัน และท่านผู้นี้ได้รับพระราชทานดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สามนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินสัตว์ตัวที่สามร้องว่า <<มาเถอะ>> แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าดำตัวหนึ่งเข้ามา และท่านที่ขี่ม้านั้นถือตราชู แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียง เหมือนกับว่าดังออกมาจากท่ามกลางสัตว์ทั้งสี่นั้นว่า <<ข้าวสาลีราคาทะนานละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบารลีสามทะนานต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายแก่น้ำมันและน้ำองุ่น>> เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่นั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสัตว์ตัวที่สี่ร้องว่า <<มาเถอะ>> แล้วข้าพเจ้าก็แลเห็น และดูเถิด ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่งเข้ามา ผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้นมีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจล้างผลาญแผ่นดินโลกได้หนึ่งในสี่ส่วน ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้านั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็แลเห็นดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา เป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้า และเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น เขาเหล่านั้นร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และตอบสนองต่อคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก>> แล้วพระองค์ทรงประทานเสื้อสีขาวแก่คนเหล่านั้นทุกคน และทรงกำชับเขาให้รอต่อไปอีกหน่อย จนกว่าเพื่อนผู้รับใช้ของเขา คือพวกพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนกับเขาครบจำนวน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หกนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้เห็นแผ่นดินไหวใหญ่โต ดวงอาทิตย์ก็กลับมืดดำ ดุจผ้ากระสอบขนสัตว์ และดวงจันทร์วันเพ็ญก็กลายเป็นสีเลือด และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงบนแผ่นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่ออันถูกลมกล้าพัดจนทำให้ผลที่ยังไม่ทันสุกหล่นลงหมด ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่เขาม้วนขึ้นไปหมด และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็เลื่อนไปจากที่เดิม แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต นายทหารใหญ่ เศรษฐี ผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสและเป็นอิสระ ก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า <<จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และให้พ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดกนั้น เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และผู้ใดจะทนอยู่ได้เล่า>>

วิวรณ์ 6:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ข้าพเจ้ามองดูขณะพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่หนึ่งของตราทั้งเจ็ดออก แล้วข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กล่าวขึ้นด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าขาวตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฎแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!” แล้วม้าอีกตัวหนึ่งก็ออกมาเป็นสีแดงเพลิง ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน ผู้นี้ได้รับดาบเล่มใหญ่ เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สามกล่าวขึ้นว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปก็เห็นม้าดำตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ถือตราชูอยู่ในมือ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงซึ่งดูเหมือนดังขึ้นจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย!” เมื่อพระเมษโปดกทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สี่กล่าวว่า “มาเถิด!” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า! ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย และแดนมรณาตามหลังผู้นี้มาติดๆ ทั้งสองได้รับอำนาจที่จะเข่นฆ่าหนึ่งในสี่ของโลกด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าเห็นภายใต้แท่นบูชามีดวงวิญญาณของบรรดาผู้ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและคำพยานที่เขายึดถือ พวกเขาร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต ผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสัตย์จริง อีกนานเท่าใดกว่าพระองค์จะทรงพิพากษาชาวโลกและแก้แค้นให้พวกเราผู้หลั่งเลือดพลีชีวิต?” จากนั้นแต่ละคนได้รับชุดสีขาวและพระองค์ตรัสบอกให้พวกเขารอต่อไปอีกหน่อยจนกว่าเพื่อนผู้รับใช้และพี่น้องซึ่งถูกฆ่าแบบเดียวกับพวกเขาจะครบจำนวน ข้าพเจ้าเฝ้าดูขณะที่พระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลับมืดดำเหมือนผ้ากระสอบขนแพะ ดวงจันทร์เต็มดวงกลายเป็นสีเลือด และดวงดาวในท้องฟ้าร่วงลงสู่พื้นโลกดั่งมะเดื่ออ่อนร่วงลงจากต้นเมื่อถูกพายุพัด ท้องฟ้าม้วนตัวขึ้นไปดั่งหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะถูกเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม จากนั้นบรรดากษัตริย์ของโลก เจ้านาย ขุนพล เศรษฐี ผู้ยิ่งใหญ่ และทุกผู้ทุกคนไม่ว่าทาสหรือไท ต่างมุดซ่อนในถ้ำ ในหลืบหินตามภูเขา พวกเขาร้องบอกภูเขาและหินผาว่า “จงถล่มลงมากลบเราและซ่อนเราให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และพ้นจากพระพิโรธของพระเมษโปดก! เพราะวันยิ่งใหญ่แห่งพระพิโรธของทั้งสองพระองค์มาถึงแล้วและใครเล่าจะทนได้?”

วิวรณ์ 6:1-17 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​แล้ว​ข้าพเจ้า​เห็น​ลูก​แกะ​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​แรก​ของ​ตรา​ประทับ​ทั้ง​เจ็ด​ออก ข้าพเจ้า​ได้ยิน​หนึ่ง​ใน​บรรดา​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สี่​พูด​ด้วย​เสียง​ประดุจ​ฟ้า​ร้อง​ว่า “มา​เถิด” ดู​เถิด ข้าพเจ้า​เห็น​ม้า​ขาว​ตัว​หนึ่ง ผู้​ที่​ขี่​มี​คันธนู เขา​รับ​เอา​มงกุฎ​ไว้ แล้ว​ขี่​ม้า​ออก​ไป​อย่าง​ผู้​มี​ชัย​เพื่อ​จะ​ได้​ชัยชนะ เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สอง​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สอง​พูด​ว่า “มา​เถิด” ครั้น​แล้ว​ม้า​อีก​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​ม้า​สี​แดง​เพลิง​ก็​ออก​ไป ผู้​ที่​ขี่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​นำ​สันติสุข​ออก​ไป​จาก​แผ่นดิน​โลก และ​ทำ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​ฆ่า​ฟัน​กัน​เอง เขา​เอง​ได้​รับ​ดาบ​ใหญ่​เล่ม​หนึ่ง เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สาม​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สาม​พูด​ว่า “มา​เถิด” ดู​เถิด ข้าพเจ้า​เห็น​ม้า​สี​ดำ​ตัว​หนึ่ง​ซึ่ง​ผู้​ที่​ขี่​ถือ​ตราชู​อยู่​ใน​มือ และ​ข้าพเจ้า​ได้ยิน​เสียง​ที่​ดู​เหมือน​ว่า​มา​จาก​ท่าม​กลาง​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​สี่​ว่า “ข้าว​สาลี​ราคา​ลิตร​ละ 1 เดนาริอัน และ​ข้าว​บาร์เลย์ 3 ลิตร​ต่อ 1 เดนาริอัน และ​อย่า​ทำ​ให้​น้ำมัน​มะกอก​กับ​เหล้า​องุ่น​เสีย​ไป” เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​สี่​ออก ข้าพเจ้า​ก็​ได้ยิน​เสียง​ของ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ตัว​ที่​สี่​พูด​ว่า “มา​เถิด” ดู​เถิด ข้าพเจ้า​เห็น​ม้า​สี​เขียว​ซีด​ตัว​หนึ่ง ผู้​ที่​ขี่​มี​ชื่อ​ว่า ความ​ตาย และ​ชื่อ แดน​คน​ตาย ซึ่ง​กำลัง​ขี่​ตาม​หลัง​ของ​พวก​เขา​มา พวก​เขา​ได้​รับ​สิทธิ​อำนาจ​ฆ่า​หนึ่ง​ใน​สี่​ส่วน​ของ​แผ่นดิน​โลก​ด้วย​คม​ดาบ ความ​อดอยาก โรค​ระบาด และ​ด้วย​สัตว์​ป่า​ของ​แผ่นดิน​โลก เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​ห้า​ออก ข้าพเจ้า​ก็​เห็น​ดวง​วิญญาณ​ที่​ใต้​แท่น​บูชา ซึ่ง​เป็น​วิญญาณ​ของ​พวก​ที่​ถูก​สังหาร​เพราะ​คำ​กล่าว​ของ​พระ​เจ้า และ​เพราะ​คำ​ยืนยัน​ที่​เขา​ประกาศ เขา​เหล่า​นั้น​ร้อง​เรียก​ด้วย​เสียง​อัน​ดัง​ว่า “พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​สูง​สุด องค์​ผู้​บริสุทธิ์​และ​สัตย์จริง อีก​นาน​เท่าใด​กว่า​พระ​องค์​จะ​พิพากษา และ​สนอง​ตอบ​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​อาศัย​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก” และ​แต่​ละ​คน​ก็​ได้​รับ​เสื้อ​คลุม​สี​ขาว และ​รับสั่ง​ว่า​ให้​รอคอย​ต่อ​ไป​อีก​หน่อย จน​กว่า​บรรดา​เพื่อน​ผู้​รับใช้​และ​พี่​น้อง​ของ​พวก​เขา​จะ​ต้อง​ถูก​สังหาร​เหมือน​กับ​พวก​เขา​จน​ครบ​จำนวน​เสียก่อน เมื่อ​พระ​องค์​เปิด​ตรา​ประทับ​ดวง​ที่​หก​ออก ข้าพเจ้า​ก็​เห็น​แผ่นดิน​ไหว​ครั้ง​ใหญ่ และ​ดวง​อาทิตย์​กลับ​ดำ​มืด​ดุจ​ผ้า​ดำ​สำหรับ​ไว้​ทุกข์ และ​ดวง​จันทร์​ทั้ง​ดวง​ก็​กลับ​กลาย​เป็น​สี​เลือด และ​ดวง​ดาว​ทั้ง​หลาย​บน​ท้อง​ฟ้า​ก็​ตก​ลง​มา​บน​แผ่นดิน​โลก ประดุจ​ลูก​มะเดื่อ​ที่​ยัง​ไม่​ทัน​สุก​แล้ว​ต้อง​หล่น​จาก​ต้น​เมื่อ​ถูก​ลม​กรรโชก​แรง และ​ท้องฟ้า​ก็​ม้วน​ตัว​กลับ​คืน​เหมือน​หนังสือ​ม้วน ภูเขา​ทุก​ลูก​และ​เกาะ​ทุก​เกาะ​ก็​ขยับ​เขยื้อน​ไป​จาก​ที่​ของ​มันเอง ครั้น​แล้ว​บรรดา​กษัตริย์​ของ​แผ่นดิน​โลก ผู้​มี​อำนาจ​สูง​ศักดิ์ บรรดา​ทหาร​ระดับ​นายพล คน​มั่งมี ผู้​มี​อิทธิพล ทาส​และ​อิสระ​ชน​ทุก​คน ต่าง​ก็​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ถ้ำ​และ​ตาม​โขดหิน​ที่​ภูเขา แล้ว​พวก​เขา​พูด​กับ​ภูเขา​และ​โขดหิน​ว่า “ตก​ลงมา​เถิด เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ซ่อน​ตัว​ให้​พ้น​จาก​สายตา​ของ​องค์​ผู้​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์ และ​จาก​การ​ลง​โทษ​ของ​ลูก​แกะ​เถิด เพราะ​ว่า​วัน​ลง​โทษ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​เจ้า​และ​ลูก​แกะ​ได้​มา​ถึง​แล้ว ใคร​จะ​สามารถ​ทน​ได้​เล่า”