สุภาษิต 6:19-35
สุภาษิต 6:19-35 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
พยานเท็จผู้กล่าวมุสา และคนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน ลูกเอ๋ย จงรักษาคำสั่งของพ่อเจ้า และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า จงตรึงมันไว้ในดวงใจเสมอ จงผูกมันไว้รอบคอของเจ้า ยามเจ้าเดิน คำสอนนั้นจะช่วยชี้นำ ยามเจ้าหลับ มันจะคอยดูแล ครั้นยามเจ้าตื่น มันจะพูดกับเจ้า เพราะคำสั่งนี้เป็นดวงประทีป คำสอนนี้เป็นความสว่าง การอบรมบ่มนิสัย เป็นทางแห่งชีวิต เพื่อคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากภรรยาของเพื่อนบ้าน และคำออดอ้อนของหญิงแพศยา อย่ากระสันถึงความงามของนาง อย่าตกเป็นทาสดวงตาหยาดเยิ้มของนาง เพราะหญิงโสเภณีก็แลกได้ด้วยอาหารจานหนึ่ง แต่ภรรยาของชายอื่นออกล่าเอาชีวิตอันล้ำค่าของเจ้า เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเล่นกับไฟ โดยที่เสื้อผ้าของเขาไม่ถูกไฟไหม้? เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเดินย่ำถ่านร้อนๆ โดยที่เท้าไม่ถูกไฟลวก? ชายที่ไปนอนกับภรรยาของผู้อื่นก็เป็นเช่นนั้นแหละ ไม่มีใครที่แตะต้องนางแล้วจะลอยนวลพ้นโทษไปได้ ผู้คนยังสงสารขโมย ที่ลักทรัพย์เพราะความหิวโหย แต่ถ้าเขาถูกจับได้ ก็จะถูกปรับถึงเจ็ดเท่า แม้ว่าอาจจะต้องถึงกับขายของทุกอย่างในบ้านเพื่อชดใช้ แต่ชายที่ล่วงประเวณีเป็นคนไม่รู้จักคิด ผู้ที่ทำเช่นนั้นก็ทำลายตนเอง ผลที่จะได้รับคือรอยแผลและความอัปยศ เป็นความอับอายขายหน้าตลอดกาล เพราะความหึงหวงจะทวีความโกรธแค้นของสามีของหญิงนั้น และเมื่อถึงคราวแก้แค้น เขาจะไม่ปรานีเลย เขาจะไม่ยอมรับค่าชดใช้ใดๆ ไม่ว่าสินบนจะมากมายสักเท่าใด เขาก็จะไม่ยอมเป็นอันขาด
สุภาษิต 6:19-35 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
อีกทั้งพยานเท็จที่พูดโกหก และคนที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในหมู่พี่น้อง ลูกเอ๋ย ให้รักษาคำสั่งของพ่อเจ้าไว้ และอย่าละทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า ให้เอามันคล้องคอของเจ้าไว้ ให้มันห้อยอยู่ใกล้ใจของเจ้าตลอดเวลา ไม่ว่าเจ้าจะเดินไปที่ไหน คำสั่งสอนนั้นจะนำทางเจ้า จะคอยดูแลเจ้าเมื่อเจ้านอนลง และจะคอยพูดคุยกับเจ้าเมื่อเจ้าตื่นขึ้น เพราะคำสั่งนั้นเป็นตะเกียง คำสั่งสอนนั้นเป็นแสงสว่าง และการตักเตือนตีสอนนั้นเป็นทางที่นำไปสู่ชีวิต คำสอนของพ่อแม่จะช่วยรักษาเจ้าให้รอดพ้นจากหญิงชั่ว และรอดพ้นจากคำพูดยั่วยวนของหญิงที่เล่นชู้ อย่าปล่อยให้ใจของเจ้ากระสันในความงามของเธอ และอย่าปล่อยให้เธอสะกดเจ้าด้วยหางตาของเธอ เพราะไปเที่ยวโสเภณี จ่ายค่าตัวเท่าขนมปังแค่ก้อนเดียว แต่ถ้าไปยุ่งกับเมียคนอื่น เจ้าจะต้องเสียทั้งชีวิตไป ใครบ้างที่ใส่ไฟเข้าไปในกระเป๋าหน้าอกเสื้อ แล้วเสื้อไม่ไหม้ ใครบ้างที่เดินบนถ่านไฟ แล้วเท้าไม่พอง คนที่ไปร่วมหลับนอนกับเมียของเพื่อนบ้านก็เหมือนกัน ไม่มีใครที่ไปแตะต้องตัวเธอ แล้วพ้นโทษไปได้ คนจะไม่เหยียดหยามหัวขโมยหรอก ถ้าเขาขโมยไปเพื่อดับความหิวโหย แต่ถ้าหากเขาถูกจับได้ เขาจะต้องจ่ายคืนถึงเจ็ดเท่า เขาอาจจะต้องชดใช้ด้วยทุกสิ่งที่เขามีอยู่ ส่วนคนที่เป็นชู้กับเมียคนอื่น เป็นคนไม่มีสมองคิด คนที่ทำอย่างนี้ทำลายตัวเอง เขาจะถูกโบยตี และเสื่อมเสียเกียรติ ความอับอายของเขาไม่อาจถูกลบล้างไปได้ เพราะความหึงหวงจะกระตุ้นให้สามีของหญิงนั้นโกรธแค้น และในวันที่เขาแก้แค้นนั้น เขาจะไม่ปรานีเลย เขาจะไม่ยอมรับเงินชดใช้ใดๆ และไม่ยอมรับค่าทำขวัญด้วย ไม่ว่าเจ้าจะพยายามให้เขามากแค่ไหนก็ตาม
สุภาษิต 6:19-35 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พยานเท็จซึ่งหายใจออกมาเป็นคำมุสา และคนที่หว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง ลูกเอ๋ย จงเฝ้ารักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสอนของแม่เจ้า จงพันมันไว้ที่ใจของเจ้าเสมอ จงผูกมันไว้รอบคอของเจ้า เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอน มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่น มันจะพูดกับเจ้า เพราะบัญญัติเป็นประทีป และคำสอนเป็นแสงสว่าง และคำตักเตือนเพื่อการสั่งสอนเป็นทางแห่งชีวิต เพื่อปกป้องเจ้าไว้จากหญิงชั่ว จากลิ้นพะเน้าพะนอของหญิงสำส่อน อย่าให้ใจของเจ้าปรารถนาความงามของนาง อย่าให้นางจับเจ้าด้วยตาเจ้าชู้ของนาง เพราะจะจ้างหญิงโสเภณีด้วยขนมปังก้อนเดียวก็ยังได้ แต่หญิงเล่นชู้ล่าชีวิตอันมีค่าของชาย คนเราจะหอบไฟไว้ที่อกของตน โดยมิให้เสื้อผ้าไหม้ได้หรือ? หรือคนเราจะเดินบนถ่านที่ลุกโพลง โดยมิให้เท้าถูกไฟลวกได้หรือ? บุคคลผู้เข้าหาภรรยาของเพื่อนบ้านก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีใครที่แตะต้องนางแล้วจะไม่ถูกลงโทษ คนเขาไม่ดูหมิ่นขโมย ถ้าขโมยเข้าลัก เพื่อบรรเทาความอยากเมื่อเขาหิว ถ้าเขาถูกจับได้ เขาต้องชำระคืนเจ็ดเท่า เขาจะต้องให้สิ่งของทั้งสิ้นในบ้านของเขา ชายที่ล่วงประเวณี ย่อมไม่มีสามัญสำนึก ใครทำอย่างนั้นก็ทำลายตนเอง เขาจะได้แผลและความอัปยศ และความอดสูของเขาจะลบล้างไม่ได้เลย เพราะความหวงแหนทำให้สามีเกรี้ยวกราด ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ เขาจะไม่รับค่าทำขวัญใดๆ ถึงเจ้าจะทวีของกำนัล เขาก็ไม่ยอมสงบ
สุภาษิต 6:19-35 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พยานเท็จซึ่งพูดมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง บุตรชายของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งกฎเกณฑ์ของแม่เจ้า มัดมันติดไว้บนใจของเจ้าเสมอ ผูกมันไว้ที่คอของเจ้า เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอนลง มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า เพราะพระบัญญัติเป็นประทีป และพระราชบัญญัติเป็นสว่าง และคำตักเตือนแห่งการสั่งสอนเป็นทางแห่งชีวิต เพื่อสงวนเจ้าไว้จากหญิงชั่วร้าย จากลิ้นพะเน้าพะนอของหญิงสัญจร อย่าปรารถนาความงามของนางอยู่ในใจของเจ้า อย่าให้นางจับเจ้าด้วยหนังตาของนาง เพราะโดยวิธีการของหญิงแพศยา ชายคนใดอาจเหลือแค่ขนมปังก้อนเดียวได้ และหญิงเล่นชู้ล่าชีวิตประเสริฐของชายทีเดียว ผู้ชายจะหอบไฟไว้ที่อกของเขาโดยไม่ให้เสื้อผ้าของเขาไหม้ได้หรือ หรือผู้ใดจะเดินบนถ่านที่ลุกโพลง โดยไม่ให้เท้าของเขาถูกไฟลวกได้หรือ บุคคลผู้เข้าหาภรรยาของเพื่อนบ้านก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีผู้ใดที่แตะต้องนางแล้วจะไร้ความผิด ถ้าขโมยเข้าลักเพื่อบรรเทาความอยากเมื่อเขาหิว คนไม่ดูหมิ่นขโมยนั้นมิใช่หรือ แต่ถ้าจับเขาได้ เขาต้องชำระคืนเจ็ดเท่า เขาจะต้องให้สิ่งของทั้งสิ้นในบ้านของเขา แต่ผู้ใดที่ล่วงประเวณีกับผู้หญิงคนหนึ่งก็ขาดความเข้าใจ ผู้ใดที่กระทำอย่างนั้นก็ทำลายจิตใจตนเอง เขาได้รับบาดแผลและความอัปยศ และจะล้างความขายหน้าของตนหาได้ไม่ เพราะความริษยากระทำให้คนเกรี้ยวกราด ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ เขาจะไม่รับค่าทำขวัญใดๆ ถึงเจ้าจะทวีของกำนัล เขาก็ไม่ยอมสงบ
สุภาษิต 6:19-35 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง บุตรของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า มัดมันติดไว้บนใจของเจ้าเสมอ ผูกมันไว้ที่คอของเจ้า เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอนลง มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า เพราะพระบัญญัติเป็นประทีป และคำสอนเป็นสว่าง และคำตักเตือนของวินัย เป็นทางแห่งชีวิต เพื่อสงวนเจ้าไว้จากหญิงชั่วร้าย จากลิ้นพะเน้าพะนอของหญิงสัญจร อย่าครุ่นปรารถนาความงามของนางอยู่ในใจของเจ้า อย่าให้นางจับเจ้าด้วยขนตาของนาง เพราะจะจ้างหญิงแพศยาด้วยขนมปังก้อนเดียวก็ยังได้ แต่หญิงเล่นชู้ล่าชีวิตประเสริฐของชายทีเดียว ผู้ชายจะหอบไฟไว้ที่อกของเขา โดยไม่ให้เสื้อผ้าของเขาไหม้ได้หรือ หรือผู้ใดจะเดินบนถ่านที่ลุกโพลง โดยไม่ให้เท้าของเขาถูกไฟลวกได้หรือ บุคคลผู้เข้าหาภรรยาของเพื่อนบ้านก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีผู้ใดที่แตะต้องนางแล้วจะไม่ถูกปรับโทษ ถ้าขโมยเข้าลัก เพื่อบรรเทาความอยากเมื่อเขาหิว คนก็ดูหมิ่นขโมยนั้นมิใช่หรือ ถ้าจับเขาได้ เขาต้องชำระคืนเจ็ดเท่า เขาจะต้องให้สิ่งของทั้งสิ้นในบ้านของเขา ชายใดที่ล่วงประเวณีผัวเมีย ย่อมไม่มีสามัญสำนึก ผู้ใดที่กระทำอย่างนั้นก็ทำลายตนเอง เขาได้รับบาดแผลและความอัปยศ และจะล้างความขายหน้าของตนหาได้ไม่ เพราะความริษยากระทำให้คนเกรี้ยวกราด ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ เขาจะไม่รับค่าทำขวัญใดๆ ถึงเจ้าจะทวีของกำนัล เขาก็ไม่ยอมสงบ
สุภาษิต 6:19-35 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พยานเท็จที่เปล่งคำมุสา และผู้ก่อเหตุวิวาทในหมู่พี่น้อง ลูกเอ๋ย จงรักษาคำบัญญัติของบิดาของเจ้า และอย่าละเลยคำสอนของมารดาของเจ้า จงผนึกมันไว้กับใจของเจ้าเสมอไป และจงผูกติดไว้ที่คอของเจ้า เวลาเจ้าเดินไป มันจะเป็นผู้นำทางเจ้า เวลาเจ้านอน มันจะเฝ้าดูแลเจ้า และเวลาเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า ด้วยว่า คำบัญญัติเป็นดั่งตะเกียง และการสอนเป็นดั่งแสงสว่าง และการว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้มีวินัย เป็นวิถีทางแห่งชีวิต เพื่อให้เจ้าพ้นจากหญิงที่ไร้ศีลธรรม จากเล่ห์ลิ้นอันระรื่นของหญิงโสเภณี อย่าให้กิเลสเกิดในใจของเจ้าเพราะความงามของนาง อย่าให้นางจับเจ้าได้ด้วยเปลือกตาของนาง ด้วยว่าหญิงแพศยาทำให้เจ้าถูกลดค่าลงเท่ากับขนมปังก้อนหนึ่ง และหญิงที่ล่วงประเวณีตามล่าชีวิตของเจ้า ชายใดจะสุมไฟในหัวอกของตน แล้วเสื้อจะไม่ไหม้ หรือชายใดจะเดินบนถ่านลุกแดง แล้วเท้าจะไม่ไหม้พองหรือ คนที่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาก็จะเป็นเช่นนั้น ไม่มีใครที่แตะต้องตัวนาง แล้วจะไม่ถูกลงโทษ ไม่มีใครดูหมิ่นคนขโมย หากว่าเขา ขโมยเพราะความอดอยาก แต่ถ้าถูกจับได้ เขาต้องจ่ายกลับคืนเป็นเจ็ดเท่า เขาต้องยกทรัพย์สมบัติที่บ้านทั้งหมดให้ไป คนที่ล่วงประเวณีกับผู้หญิงก็คือคนสิ้นคิด คนที่จะทำลายตนเองนั่นแหละจึงกระทำเช่นนั้น เขาจะบาดเจ็บและประสบกับการลบหลู่ และความอับอายจะไม่มีวันลบเลือนหายไป เพราะความหึงหวงทำให้สามีโกรธมหันต์ และจะไม่เหลือความปรานีใดๆ เมื่อถึงวันแก้แค้น เขาจะไม่รับค่าทดแทน เขาจะปฏิเสธแม้เจ้าจะให้ของกำนัลแก่เขามากมาย