มาระโก 8:22-38

มาระโก 8:22-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พวก​เขา​มา​ถึง​เมือง​เบธไซดา มี​คน​พา​คน​ตาบอด​มาหา​พระองค์ อ้อนวอน​ให้​พระองค์​แตะต้อง​เขา พระองค์​ก็​จูง​มือ​คน​ตาบอด​ออก​มา​นอก​หมู่บ้าน พระองค์​ถ่ม​น้ำลาย​ใส่​ตา​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​คน​ตาบอด​นั้น และ​วางมือ​บน​ตัว​เขา​แล้ว​ถาม​ว่า “มอง​เห็น​หรือ​ยัง” คน​ตาบอด​เงย​หน้า​ขึ้น​มา​ดู​และ​บอก​ว่า “เห็น​คน​ครับ แต่​เหมือน​ต้นไม้​เดิน​ไป​เดิน​มา” พระองค์​ก็​เลย​วางมือ​บน​ตา​ของ​เขา​อีก​ครั้ง​หนึ่ง คน​ตาบอด​ก็​ได้​เพ่งดู ตา​ของ​เขา​ก็​หายสนิท มองเห็น​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ชัดเจน พระองค์​บอก​ให้​เขา​กลับ​บ้าน​โดย​บอก​ว่า “อย่า​เข้า​ไป​ใน​หมู่บ้าน​นั้น” พระเยซู​และ​พวก​ศิษย์​เดิน​ทาง​ไป​ที่​หมู่บ้าน​ใกล้ๆ​เมือง​ซีซารียา​แคว้น​ฟีลิปปี ใน​ระหว่าง​ทาง​นั้น​พระองค์​ถาม​พวก​ศิษย์​ว่า “คน​อื่นๆ​เขา​ว่า​เรา​เป็น​ใคร​กัน” พวก​เขา​ก็​ตอบ​ว่า “บางคน​ว่า เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ บางคน​ว่า เป็น​เอลียาห์ และ​มี​บางคน​ว่า เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​หนึ่ง” แล้ว​พระองค์​ถาม​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ คิด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “เป็น​กษัตริย์​ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น” พระองค์​จึง​เตือน​พวก​ศิษย์​ไม่​ให้​บอก​คน​อื่น​ว่า​พระองค์​เป็น​ใคร แล้ว​พระเยซู​เริ่ม​สอน​ให้​พวก​เขา​รู้​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​หลาย​อย่าง พวก​ผู้นำ​ชาว​ยิว พวก​หัวหน้า​นักบวช และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​จะ​ไม่​ยอมรับ​เขา และ​เขา​จะ​ต้อง​ถูกฆ่า แต่​เขา​จะ​ฟื้นขึ้น​มา​อีก​ใน​วันที่​สาม” พระองค์​เล่า​เรื่องนี้​ให้​พวก​เขา​ฟัง​อย่าง​ชัดเจน เปโตร​จึง​ดึง​พระองค์​ไป​ข้างๆ​แล้ว​ต่อว่า​พระองค์​ที่​พูด​อย่าง​นั้น พระองค์​ก็​หัน​ไป​ดู​พวก​ศิษย์​แล้ว​ดุ​เปโตร​ว่า “ไป​ให้​พ้น ไอ้​ซาตาน เพราะ​แก​ไม่​ได้​คิด​แบบ​พระเจ้า แต่​คิด​แบบ​มนุษย์” พระองค์​เรียก​ชาวบ้าน​กับ​ศิษย์​เข้า​มา​แล้ว​พูด​ว่า “ถ้า​ใคร​อยาก​จะ​ติดตาม​เรา คน​นั้น​ต้อง​เลิก​ตามใจ​ตัวเอง และ​แบก​ไม้กางเขน​ของ​ตัวเอง​ตาม​เรา​มา คน​ที่​อยาก​จะ​เอา​ตัว​รอด​จะ​ไม่​รอด แต่​คน​ที่​ยอม​สละ​ตัวเอง​เพื่อ​เรา​และ​ข่าวดี​นั้น​จะ​รอด มัน​จะ​ได้​กำไร​ตรง​ไหน ถ้า​ได้​โลก​ทั้งใบ แต่​ตัวเอง​ถูก​ทำลาย​ไป เขา​จะ​เอา​อะไร​ไป​แลก​เพื่อ​จะ​ได้​ตัวเอง​กลับ​คืน​มา​หรือ ใน​ยุค​ชั่วร้ายนี้ ถ้า​คน​ไหน​อับอาย​ที่​จะ​ยอมรับ​เรา​และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา บุตร​มนุษย์ ก็​จะ​อับอาย​ที่​จะ​ยอมรับ​คน​นั้น​ด้วย​เหมือน​กัน​ใน​วัน​ที่​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​กลับ​มา​พร้อม​กับ​สง่าราศี​ของ​พระบิดา​และ​พร้อม​กับ​เหล่า​ทูตสวรรค์​ที่​ศักดิ์สิทธิ์”

มาระโก 8:22-38 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระองค์กับพวกสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา มีบางคนพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ และทูลอ้อนวอนขอให้พระองค์ทรงสัมผัสคนนั้น พระองค์จึงทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน เมื่อทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาของคนนั้นและวางพระหัตถ์บนตัวเขาแล้ว พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านเห็นอะไรบ้างหรือไม่?” คนนั้นเงยหน้าดูแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์มองเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา” พระองค์จึงวางพระหัตถ์บนตาของเขาอีก แล้วเขาก็เพ่งดู และตาก็หายเป็นปกติ มองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจน พระองค์จึงตรัสสั่งให้คนนั้นกลับไปที่บ้านของตนเองและทรงกำชับว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น” พระเยซูกับพวกสาวกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านต่างๆ ในแขวงซีซารียาฟีลิปปี เมื่ออยู่ระหว่างทางนั้นพระองค์ตรัสถามพวกสาวกว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ บางคนก็ว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์” แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกไม่ให้บอกใครถึงเรื่องของพระองค์ ตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงสอนพวกสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่และพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์จะทรงถูกประหารชีวิต และหลังจากนั้นสามวันจะเป็นขึ้นมาใหม่ ถ้อยคำเหล่านี้พระองค์ตรัสอย่างเปิดเผย ส่วนเปโตรนั้นพาพระองค์แยกออกมาแล้วทูลทักท้วง พระองค์หันพระพักตร์มามองพวกสาวกแล้วตำหนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น เพราะเจ้าคิดอย่างคน ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า” พระองค์จึงทรงเรียกฝูงชนกับพวกสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครต้องการจะตามเรามา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไรถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน คนนั้นจะเอาอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา ใครมีความละอายเพราะเราและคำสอนของเรา ในยุคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและอธรรมนี้ บุตรมนุษย์ก็จะมีความละอายเพราะคนนั้นด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยพระรัศมีของพระบิดาพร้อมกับพวกทูตสวรรค์บริสุทธิ์”

มาระโก 8:22-38 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

พระองค์​จึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาชายตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์​ให้​โปรดถูกต้องคนนั้น พระองค์​ได้​ทรงจู​งม​ือคนตาบอดออกไปนอกเมือง เมื่อได้ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาคนนั้น และวางพระหัตถ์บนเขาแล้ว พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า เขาเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่ คนนั้นเงยหน้าดู​แล​้​วท​ูลว่า “ข้าพระองค์แลเห็นคนเหมือนต้นไม้​เดินไปเดินมา​” พระองค์​จึงวางพระหัตถ์บนตาเขาอีก แล​้วให้เขาเงยหน้าดู และตาของเขาก็หายเป็นปกติ แลเห็นคนทั้งหลายได้​ชัดเจน พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งคนนั้นให้​กล​ับตรงไปยั​งบ​้านของตน แล​้วกำชับว่า “อย่าเข้าไปในเมือง หรือเล่าให้ใครในเมืองนั้นฟังเลย” พระเยซู​ได้​เสด็จกับเหล่าสาวกของพระองค์ ออกไปยังเมืองต่างๆในแขวงซีซารี​ยา ฟี​ลิปปี เมื่ออยู่ตามทางนั้น พระองค์​ตรัสถามเหล่าสาวกว่า “คนทั้งหลายพู​ดก​ั​นว​่าเราเป็นผู้​ใด​” เขาทูลตอบว่า “เขาว่าเป็นยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา แต่​บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่​นว​่าเป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์” พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “ฝ่ายพวกท่านเล่าว่าเราเป็นผู้​ใด​” เปโตรทูลตอบพระองค์​ว่า “​พระองค์​ทรงเป็นพระคริสต์” แล​้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวกไม่​ให้​บอกผู้ใดถึงพระองค์ พระองค์​จึงทรงเริ่มกล่าวสอนสาวกว่า บุ​ตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้​ใหญ่ พวกปุโรหิตใหญ่ และพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธพระองค์ และพระองค์จะต้องถูกประหารชีวิต แต่​ในวั​นที​่สามพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่ คำเหล่านี้​พระองค์​ตรั​สอย​่างเปิดเผย ฝ่ายเปโตรจึงจับพระองค์ แล​้วเริ่​มท​ูลห้ามพระองค์ พระองค์​จึงทรงหันพระพักตร์​ดู​เหล่​าสาวกของพระองค์ แล​้วทรงติเปโตรว่า “อ้ายซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เพราะเจ้ามิ​ได้​คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่​ตามความคิดของมนุษย์” และเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียกประชาชนกับเหล่าสาวกของพระองค์​ให้​เข​้ามาแล้ว จึงตรัสแก่เขาว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้​ผู้​นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้​นั้นจะเสียชีวิต แต่​ผู้​ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ ผู้​นั้นจะได้​ชี​วิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้​สิ​่งของสิ้นทั้งโลก แต่​ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้​นั้นจะได้​ประโยชน์​อะไร เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา เหตุ​ฉะนั้น ถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเราในชั่วอายุ​นี้ ซึ่งประกอบด้วยการล่วงประเวณีและการผิดบาป บุ​ตรมนุษย์​ก็​จะมีความอายเพราะผู้​นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศี​แห่​งพระบิดาของพระองค์ และด้วยเหล่าทูตสวรรค์​ผู้บริสุทธิ์​”

มาระโก 8:22-38 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

พระองค์กับสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้โปรดถูกต้องคนนั้น พระองค์ได้ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน เมื่อได้ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาคนนั้น และวางพระหัตถ์บนเขาแล้ว พระองค์จึงตรัสถามว่า <<เจ้าเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่>> คนนั้นเงยหน้าดูแล้วทูลว่า <<ข้าพระองค์แลเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา>> พระองค์จึงวางพระหัตถ์บนตาเขาอีก แล้วเขาก็เพ่งดู และตาก็หายเป็นปกติ แลเห็นสิ่งทั้งหลายได้ชัด พระองค์จึงตรัสสั่งคนนั้นให้กลับตรงไปยังบ้านของตน แล้วกำชับว่า <<อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น>> พระเยซูได้เสด็จกับเหล่าสาวกออกไปยังหมู่บ้านแขวงซีซารียา ฟีลิปปี เมื่ออยู่ตามทางนั้นพระองค์ตรัสถามเหล่าสาวกว่า <<คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>> เขาทูลตอบพระองค์ว่า <<เขาว่าเป็นยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และบางคนว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะ>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<ฝ่ายพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์>> แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวก ไม่ให้เขาบอกผู้ใดให้รู้ ตั้งแต่เวลานั้นมา พระองค์กล่าวสอนสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่ คำเหล่านี้พระองค์ตรัสโดยเปิดเผย ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์แล้วก็ทูลท้วง พระองค์จึงทรงหันพระพักตร์ดูเหล่าสาวกแล้วติเปโตรว่า <<อ้ายซาตาน จงไปให้พ้น เพราะเจ้าคิดอย่างคน มิได้คิดอย่างพระเจ้า>> พระองค์จึงทรงร้องเรียกประชาชนกับเหล่าสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสแก่เขาว่า <<ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา ด้วยว่าถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา ในชั่วชีวิตนี้ซึ่งประกอบด้วยการชั่วคิดคดทรยศ บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และด้วยเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์>>

มาระโก 8:22-38 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อมาถึงเมืองเบธไซดามีคนพาชายตาบอดมาทูลอ้อนวอนให้พระเยซูทรงแตะต้อง พระองค์ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาของคนนั้น และวางพระหัตถ์เหนือเขาและตรัสถามว่า “ท่านเห็นอะไรบ้างไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นมองและทูลว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา” พระเยซูทรงวางพระหัตถ์ที่ตาของเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วตาของเขาก็เปิด สายตากลับเป็นปกติ และมองเห็นทุกอย่างชัดเจน พระเยซูจึงทรงให้เขากลับบ้านโดยกำชับว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้าน” พระเยซูกับเหล่าสาวกไปยังหมู่บ้านต่างๆ แถบซีซารียาฟีลิปปี ระหว่างทางพระองค์ทรงถามสาวกว่า “ผู้คนเขาพูดกันว่าเราเป็นใคร?” สาวกทูลว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนก็ว่าเป็นเอลียาห์ และบางคนก็ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง” พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์” พระเยซูทรงเตือนพวกเขาไม่ให้บอกใคร นับแต่นั้นมาพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนเหล่าสาวกว่าบุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์หลายประการ บรรดาผู้อาวุโส พวกหัวหน้าปุโรหิต กับเหล่าธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ และพระองค์จะต้องถูกประหารและในวันที่สามจะทรงเป็นขึ้นมาอีก พระองค์ตรัสเรื่องนี้อย่างชัดแจ้ง ฝ่ายเปโตรดึงพระองค์เลี่ยงไปอีกทางหนึ่งและทูลติติงพระองค์ แต่เมื่อพระเยซูทรงหันมามองดูเหล่าสาวก พระองค์ทรงตำหนิเปโตรว่า “ถอยไปเจ้าซาตาน! เจ้าไม่ได้มีความคิดอย่างพระเจ้าแต่คิดอย่างมนุษย์” แล้วพระองค์ทรงเรียกฝูงชนกับเหล่าสาวกเข้ามาและตรัสว่า “หากผู้ใดต้องการจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตัวเอง รับกางเขนของตนแบก และตามเรามา เพราะผู้ใดต้องการเอาชีวิตรอดผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดพลีชีวิตเพื่อเราและข่าวประเสริฐผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน? หรือใครจะเอาอะไรมาแลกกับจิตวิญญาณของตนได้? ในชั่วอายุที่บาปหนาและเอาใจออกห่างจากพระเจ้านี้ ถ้าผู้ใดอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขาเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริแห่งพระบิดาพร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์”

มาระโก 8:22-38 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แล้ว​พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ก็​มา​ยัง​เมือง​เบธไซดา มี​คน​พา​คน​ตาบอด​ผู้หนึ่ง​มา​หา​พระ​องค์ และ​ขอร้อง​ให้​สัมผัส​ตัว​เขา พระ​องค์​จับ​มือ​คน​ตาบอด​เดิน​ออก​มา​จาก​หมู่บ้าน และ​บ้วน​น้ำลาย​ใส่​ตา​ทั้ง​สอง​ของ​เขา วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​ตัว​เขา แล้ว​พระ​องค์​ถาม​ว่า “เจ้า​มอง​เห็น​อะไร​ไหม” เขา​เงย​หน้า​ขึ้น​ดู​แล้ว​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​เห็น​คน เป็น​เหมือน​ต้นไม้​เดิน​อยู่” แล้ว​พระ​เยซู​แตะ​มือ​ทั้ง​สอง​ของ​พระ​องค์​ที่​ตา​ของ​เขา เขา​เพ่ง​ดู แล้ว​ตา​ก็​หาย​เป็น​ปกติ และ​ก็​เริ่ม​เห็น​ทุก​สิ่ง​อย่าง​ชัดเจน พระ​องค์​ให้​เขา​กลับ​บ้าน​ไป และ​กล่าว​ว่า “อย่า​เข้า​ไป​ใน​หมู่บ้าน​เลย” พระ​เยซู​กับ​สาวก​ของ​พระ​องค์​เดิน​ออก​ไป​ยัง​หมู่บ้าน​แขวง​ซีซารียา​ฟีลิปปี และ​ระหว่าง​ทาง​ที่​ไป​พระ​องค์​ถาม​สาวก​ว่า “ผู้​คน​พูดกัน​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เป็น​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา บ้าง​พูด​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บาง​คน​ก็​ว่า​เป็น​ผู้หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า” พระ​องค์​ถาม​เขา​ต่อ​ไป​ว่า “แต่​พวก​เจ้า​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “พระ​องค์​เป็น​พระ​คริสต์” แล้ว​พระ​องค์​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​ใครๆ ใน​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​กับ​พระ​องค์ พระ​เยซู​เริ่ม​สั่งสอน​พวก​เขา​ว่า​บุตรมนุษย์​ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​ประการ และ​พวก​ผู้ใหญ่ บรรดา​มหา​ปุโรหิต และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​จะ​ไม่​ยอมรับ และ​พระ​องค์​จะ​ถูก​ประหาร​ชีวิต แต่​หลัง​จาก​นั้น 3 วัน​ก็​จะ​ฟื้น​คืนชีวิต​อีก พระ​องค์​กล่าว​ให้​ฟัง​อย่าง​ชัดเจน และ​เปโตร​ก็​พูด​ทัดทาน​พระ​องค์​เป็น​การ​ส่วนตัว พระ​องค์​มอง​ดู​เหล่า​สาวก​แล้ว​ก็​ห้าม​เปโตร​ว่า “เจ้า​ซาตาน จง​ไป​ให้​พ้น เพราะ​เจ้า​ไม่​คิด​ใน​มุม​มอง​ของ​พระ​เจ้า แต่​คิด​จาก​มุม​มอง​ของ​มนุษย์” พระ​เยซู​เรียก​ฝูง​ชน​มา​ร่วม​กับ​เหล่า​สาวก​ของ​พระ​องค์​และ​กล่าว​ว่า “ถ้า​ใคร​ปรารถนา​ที่​จะ​ตาม​เรา​มา เขา​ต้อง​ไม่​เห็น​แก่​ตน​เอง และ​แบก​ไม้​กางเขน​ของ​เขา และ​ติดตาม​เรา​ไป เพราะ​ใคร​ก็​ตามที่​ต้องการ​ช่วย​ชีวิต​ของ​ตน​ให้​รอด​จะ​สูญเสีย​ชีวิต​นั้น​ไป แต่​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ยอม​เสีย​ชีวิต​ของ​เขา​เพื่อ​เรา​และ​เพื่อ​ข่าว​ประเสริฐ​ก็​จะ​มี​ชีวิต​ที่​รอด​พ้น จะ​มี​ประโยชน์​อัน​ใด หาก​คน​หนึ่ง​ได้​ทั้ง​โลก​มา​เป็น​ของ​ตน แต่​ต้อง​เสีย​ชีวิต​ของ​เขา​ไป คน​หนึ่ง​สามารถ​เอา​อะไร​มา​แลก​เปลี่ยน​กับ​ชีวิต​ของ​ตน​ได้ ใคร​ก็​ตาม​ใน​ช่วง​กาลเวลา​ที่​ผิด​ประเวณี​และ​ชั่วโฉด​นี้ มี​ความ​อาย​เพราะ​เรา​และ​คำ​พูด​ของ​เรา บุตรมนุษย์​ก็​จะ​มี​ความ​อาย​เพราะ​เขา​เช่น​กัน ใน​เวลา​ที่​ท่าน​มา​ด้วย​สง่าราศี​ของ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน พร้อม​ด้วย​บรรดา​ทูต​สวรรค์​ผู้​บริสุทธิ์”