มาระโก 5:1-20
มาระโก 5:1-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พวกเขามาถึงอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวเมืองเกราซา เมื่อพระเยซูลงจากเรือก็มีชายคนหนึ่งที่ถูกผีชั่วสิงอยู่วิ่งจากอุโมงค์ฝังศพตรงเข้ามาหาพระองค์ทันที ชายคนนี้อาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ ไม่มีใครจับเขาไว้ได้ แม้แต่โซ่ก็ล่ามไม่อยู่ เพราะเขาถูกล่ามโซ่ที่มือและเท้าอยู่บ่อยๆแต่เขาก็กระชากมันขาดทุกครั้ง จนไม่มีใครควบคุมเขาได้อีกแล้ว เขาจะเดินไปเดินมาตามอุโมงค์ฝังศพและตามภูเขาต่างๆทั้งวันทั้งคืน ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งและเอาหินกรีดตามเนื้อตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งเข้ามาก้มกราบพระองค์ แล้วร้องตะโกนสุดเสียงว่า “เยซู บุตรของพระเจ้าสูงสุด มายุ่งกับข้าทำไม ช่วยสัญญาต่อพระเจ้าหน่อยว่าจะไม่ทรมานข้า” ผีพูดอย่างนี้เพราะพระเยซูบอกมันว่า “ไอ้ผีชั่ว ออกจากคนนั้นซะ” พระเยซูถามมันว่า “เอ็งชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกอง เพราะเรามีกันหลายตนอยู่ในร่างนี้” มันได้อ้อนวอนพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ให้พระองค์ไล่มันไปจากบริเวณนั้น มีหมูฝูงใหญ่ถูกปล่อยให้หากินอยู่ตามไหล่เขาแถวๆนั้น พวกผีชั่วขอร้องพระเยซูว่า “ช่วยส่งเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถอะ ขอให้เราไปสิงพวกมันแทน” พระองค์ก็ยอมให้พวกมันทำอย่างนั้น พวกผีชั่วจึงออกจากร่างชายคนนี้ไปเข้าสิงฝูงหมูแทน หมูทั้งฝูงซึ่งมีประมาณสองพันตัวก็วิ่งกรูกันจากไหล่เขาสูงชันลงสู่ทะเลสาบและจมน้ำตายหมด พวกคนเลี้ยงหมูวิ่งเข้าไปเล่าเรื่องนี้ให้คนในเมืองและในชนบทฟัง พวกเขาออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพากันมาหาพระเยซู และเห็นชายคนที่เคยถูกผีชั่วสิงนั่งอยู่ที่นั่น ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยและสงบสติดี พวกเขาก็กลัวมาก คนที่เห็นเหตุการณ์ได้เล่าให้พวกนั้นฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ถูกผีชั่วสิงและกับฝูงหมู พวกนั้นจึงขอร้องให้พระองค์ไปจากเขตเมืองของเขา ในขณะที่พระองค์ลงเรือ ชายคนที่เคยถูกผีชั่วสิงก็ขอตามพระองค์ไปด้วย พระองค์ไม่ยอมให้เขาไปด้วย แต่บอกเขาว่า “กลับบ้านไปหาครอบครัวสิ แล้วเล่าให้พวกเขาฟังว่าองค์เจ้าชีวิตทำอะไรให้คุณบ้าง และพระองค์ดีกับคุณขนาดไหน” ชายคนนั้นจากไป และเริ่มเล่าให้ใครต่อใครในแคว้นเดคาโปลิศ ฟังว่า พระเยซูได้ทำอะไรให้กับเขาบ้าง และคนเหล่านั้นก็ประหลาดใจอย่างมาก
มาระโก 5:1-20 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระองค์กับพวกสาวกก็ข้ามทะเลไปอีกฟากหนึ่ง ไปยังเขตแดนของเมืองเก-ราซา พอพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ ชายคนหนึ่งที่มีผีโสโครกสิงออกจากอุโมงค์ฝังศพมาพบพระองค์ทันที คนนั้นอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ ไม่มีใครสามารถล่ามเขาไว้ได้อีกแล้วแม้จะด้วยโซ่ตรวน เพราะเคยล่ามโซ่ใส่ตรวนเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็หักโซ่และฟาดตรวนหลุดออก ไม่มีใครมีแรงพอจะทำให้เขาสงบได้ เขาคลั่งร้องอื้ออึงและเอาหินเชือดเนื้อตัวเองอยู่เสมอตามอุโมงค์ฝังศพและบนภูเขาทั้งกลางคืนและกลางวัน เมื่อเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งเข้ามากราบไหว้พระองค์ แล้วร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์ต้องการอะไรจากข้า? ขอพระองค์สาบานในพระนามของพระเจ้าว่าจะไม่ทรมานข้า” ที่พูดเช่นนี้เพราะพระองค์ตรัสกับมันว่า “ไอ้ผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้น” แล้วพระองค์ตรัสถามมันว่า “เจ้าชื่ออะไร?” มันตอบว่า “ข้าชื่อกองพล เพราะว่าพวกเรามีหลายตนด้วยกัน” มันจึงอ้อนวอนพระองค์อย่างมาก ที่จะไม่ให้ขับไล่พวกมันออกจากเขตแดนเมืองนั้น ขณะนั้นมีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ไหล่เขาใกล้ๆ นั้น ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอส่งพวกเราเข้าไปในฝูงสุกร เพื่อให้พวกเราสิงในตัวพวกมัน” พระองค์ก็ทรงอนุญาต ผีโสโครกเหล่านั้นจึงออกไปสิงอยู่ในสุกร แล้วสุกรทั้งฝูงประมาณสองพันตัวก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลและสำลักน้ำตาย ส่วนพวกคนที่เลี้ยงสุกรนั้นต่างหนีไปและเล่าเรื่องนี้ทั้งในเมืองและนอกเมือง คนทั้งหลายก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พวกเขามาหาพระเยซูและเห็นคนที่เคยถูกผีทั้งกองเข้าสิง นุ่งห่มผ้ามีสติสัมปชัญญะนั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาจึงเกรงกลัว แล้วคนที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องที่เกิดกับคนที่ถูกผีสิงและที่เกิดกับฝูงสุกร คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตเมืองของพวกเขา ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่เคยถูกผีสิงอ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไปด้วย แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงไปหาพวกพ้องของท่านที่บ้าน แล้วบอกพวกเขาถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำแก่ท่านว่ามากเพียงไร และเล่าถึงพระเมตตาที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ท่าน” คนนั้นจึงทูลลา แล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรี ถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทำเพื่อเขา และคนทั้งหลายก็ประหลาดใจ
มาระโก 5:1-20 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ฝ่ายพระองค์กับเหล่าสาวกก็ข้ามทะเลไปยังเมืองชาวกาดารา พอพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งออกจากอุโมงค์ฝังศพมีผีโสโครกสิงได้มาพบพระองค์ คนนั้นอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ และไม่มีผู้ใดจะผูกมัดตัวเขาได้ แม้จะล่ามด้วยโซ่ตรวนก็ไม่อยู่ เพราะว่าได้ล่ามโซ่ใส่ตรวนหลายหนแล้ว เขาก็หักโซ่และฟาดตรวนเสีย ไม่มีผู้ใดมีแรงพอที่จะทำให้เขาสงบได้ เขาคลั่งร้องอึงอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพและที่ภูเขาทั้งกลางวันกลางคืนเสมอ และเอาหินเชือดเนื้อของตัว ครั้นเขาเห็นพระเยซูแต่ไกล เขาก็วิ่งเข้ามานมัสการพระองค์ แล้วร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด ข้าพระองค์เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า ข้าพระองค์ขอให้พระองค์ปฏิญาณในพระนามของพระเจ้าว่า จะไม่ทรมานข้าพระองค์” ที่พูดเช่นนี้ เพราะพระองค์ได้ตรัสแก่มันว่า “อ้ายผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้นเถิด” แล้วพระองค์ตรัสถามมันว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกอง เพราะว่าพวกข้าพระองค์หลายตนด้วยกัน” มันจึงอ้อนวอนพระองค์เป็นอันมากมิให้ขับไล่มันออกจากแดนเมืองนั้น มีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ไหล่เขาตำบลนั้น ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าในสุกรเหล่านี้เถิด” พระเยซูก็ทรงอนุญาตทันที แล้วผีโสโครกนั้นจึงออกไปเข้าสิงอยู่ในสุกร สุกรทั้งฝูง (ประมาณสองพันตัว) ก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลสำลักน้ำตาย ฝ่ายคนเลี้ยงสุกรนั้นต่างคนต่างหนีไปเล่าเรื่องทั้งในนครและบ้านนอก แล้วคนทั้งปวงก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อเขามาถึงพระเยซู ก็เห็นคนที่ผีทั้งกองได้สิงนั้นนุ่งห่มผ้านั่งอยู่มีสติอารมณ์ดี เขาจึงเกรงกลัวนัก แล้วคนที่ได้เห็นก็เล่าเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดแก่คนที่ผีสิงนั้น และซึ่งบังเกิดแก่ฝูงสุกรให้เขาฟัง คนทั้งหลายจึงเริ่มพากันอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปเสียจากเขตแดนเมืองของเขา เมื่อพระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่ผีได้สิงแต่ก่อนนั้นได้อ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไป พระเยซูไม่ทรงอนุญาต แต่ตรัสแก่เขาว่า “จงไปหาพวกพ้องของเจ้าที่บ้าน แล้วบอกเขาถึงเรื่องเหตุการณ์ใหญ่ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำแก่เจ้า และได้ทรงพระเมตตาแก่เจ้าแล้ว” ฝ่ายคนนั้นก็ทูลลา แล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่พระเยซูได้ทรงกระทำแก่เขา และคนทั้งปวงก็ประหลาดใจนัก
มาระโก 5:1-20 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ฝ่ายพระองค์กับเหล่าสาวก ก็ข้ามทะเลไปยังแดนเมืองชาวเก-ราซา พอพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ มีคนหนึ่งออกจากอุโมงค์ฝังศพ มีผีโสโครกสิงได้มาพบพระองค์ คนนั้นอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ และไม่มีผู้ใดจะผูกมัดตัวเขาอีกได้ แม้จะล่ามด้วยโซ่ตรวนก็ไม่อยู่ เพราะว่าได้ล่ามโซ่ใส่ตรวนหลายหนแล้ว เขาก็หักโซ่และฟาดตรวนเสีย ไม่มีผู้ใดมีแรงพอที่จะทำให้เขาสงบได้ เขาคลั่งร้องอึงอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ และที่ภูเขาทั้งกลางคืนกลางวันเสมอ และเอาหินเชือดเนื้อของตัว ครั้นเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งเข้ามากราบไหว้พระองค์ แล้วร้องเสียงดังว่า <<ข้าแต่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์มายุ่งกับข้าพระองค์ทำไม ข้าพระองค์ขอให้พระองค์สาบานในพระนามของพระเจ้าว่า จะไม่ทรมานข้าพระองค์>> ที่พูดเช่นนี้ เพราะพระองค์ได้ตรัสแก่มันว่า <<อ้ายผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้นเถิด>> แล้วพระองค์ตรัสถามชายนั้นว่า <<เอ็งชื่ออะไร>> มันตอบว่า <<ชื่อกอง เพราะว่าพวกข้าพระองค์หลายตนด้วยกัน>> มันจึงอ้อนวอนพระองค์เป็นอันมาก มิให้ขับไล่มันออกจากแดนเมืองนั้น มีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ไหล่เขาตำบลนั้น ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า <<ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าในสุกรเหล่านี้เถิด>> พระองค์ก็ทรงอนุญาต แล้วผีโสโครกนั้นจึงออกไปเข้าสิงอยู่ในสุกร สุกรทั้งฝูงประมาณสองพันตัวก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลสำลักน้ำตาย ฝ่ายคนเลี้ยงสุกรนั้น ต่างคนต่างหนีไปเล่าเรื่องทั้งในนครและบ้านนอก แล้วคนทั้งปวงก็ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อเขามาถึงพระเยซูก็เห็นคนที่ผีทั้งกองได้สิงนั้น นุ่งห่มผ้านั่งอยู่มีสติอารมณ์ดี เขาจึงเกรงกลัวนัก แล้วคนที่ได้เห็น ก็เล่าเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดแก่คนที่ผีสิงนั้น และซึ่งบังเกิดแก่ฝูงสุกรให้เขาฟัง คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปเสียจากเขตแดนเมืองของเขา เมื่อพระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่ผีได้สิงแต่ก่อนนั้นได้อ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไป พระองค์ไม่ทรงอนุญาต แต่ตรัสแก่เขาว่า <<จงไปหาพวกพ้องของเจ้าที่บ้าน แล้วบอกเขาถึงเรื่องเหตุการณ์ใหญ่ ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำแก่เจ้า และได้ทรงพระเมตตาแก่เจ้าแล้ว>> ฝ่ายคนนั้นก็ทูลลา แล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรี ถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อตัว และคนทั้งปวงก็ประหลาดใจนัก
มาระโก 5:1-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อพวกเขาข้ามฟากมาถึงดินแดนเกราซา เมื่อพระเยซูทรงขึ้นจากเรือมีชายคนหนึ่งซึ่งถูกวิญญาณชั่วเข้าสิงออกจากอุโมงค์ฝังศพมาหาพระองค์ เขาอาศัยอยู่ตามอุโมงค์ ใครๆ ก็มัดเขาไว้ไม่อยู่แม้จะใช้โซ่ตรวนก็ตาม เพราะเคยล่ามโซ่ใส่ตรวนมือเท้าของเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็กระชากโซ่ตรวนขาด ไม่มีใครแข็งแรงพอจะทำให้เขาสิ้นพยศ เขาร้องอึงอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพและตามเนินเขาทั้งวันทั้งคืนและเอาหินกรีดเนื้อตัวเอง เมื่อเขาเห็นพระเยซูแต่ไกลก็วิ่งมาคุกเข่าต่อหน้าพระองค์ และตะโกนสุดเสียงว่า “พระเยซู พระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์ต้องการอะไรจากข้าพระองค์หรือ? ขอทรงสาบานต่อพระเจ้าว่าจะไม่ทรมานข้าพระองค์!” เพราะพระเยซูได้ตรัสกับมันว่า “เจ้าวิญญาณชั่ว จงออกมาจากชายคนนี้!” แล้วพระเยซูตรัสถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?” มันตอบว่า “ชื่อกอง เพราะเรามีด้วยกันหลายตน” และมันพร่ำอ้อนวอนพระเยซูไม่ให้ขับไล่พวกมันออกจากถิ่นนั้น ไม่ไกลจากที่นั่นมีสุกรฝูงใหญ่หากินอยู่บนเนินเขา พวกผีจึงทูลวิงวอนพระเยซูว่า “ขอให้พวกข้าพระองค์ไปสิงในสุกรฝูงนั้นเถิด” เมื่อทรงอนุญาต วิญญาณชั่วเหล่านั้นก็ออกจากชายผู้นั้นและเข้าไปสิงในสุกร แล้วสุกรทั้งฝูงราวสองพันตัวก็กระโจนจากหน้าผาลงทะเลสาบจมน้ำตายหมด บรรดาคนเลี้ยงสุกรวิ่งเข้าไปเล่าเรื่องนี้ในเมืองและในชนบทโดยรอบ ผู้คนพากันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขามาหาพระเยซูก็เห็นชายที่เคยถูกผีทั้งกองเข้าสิงนั่งอยู่ที่นั่นสวมใส่เสื้อผ้าและมีสติดี พวกเขาก็กลัว ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดกับคนที่ถูกผีสิงและสุกรนั้นให้ประชาชนฟัง พวกเขาจึงทูลวิงวอนพระเยซูให้ไปจากเขตแดนของเขา ขณะพระเยซูจะเสด็จลงเรือ คนที่เคยถูกผีสิงนั้นอ้อนวอนขอไปกับพระองค์ พระเยซูไม่ทรงอนุญาต แต่ตรัสว่า “จงกลับบ้านไปหาครอบครัวของท่าน และบอกพวกเขาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการเพื่อท่านมากเพียงใดและทรงเมตตาต่อท่านอย่างไร” เขาจึงทูลลาไปป่าวประกาศในแคว้นเดคาโปลิสว่าพระเยซูทรงกระทำการเพื่อเขามากเพียงไร คนทั้งปวงก็ประหลาดใจ
มาระโก 5:1-20 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระเยซูกับเหล่าสาวกข้ามทะเลสาบไปยังดินแดนเก-ราซา เมื่อพระองค์ขึ้นจากเรือ มีชายคนหนึ่งที่มีวิญญาณร้ายสิงอยู่ออกมาจากถ้ำเก็บศพ ได้มาพบพระองค์ทันที เขาอาศัยอยู่ตามถ้ำเก็บศพ และไม่มีใครที่สามารถมัดตัวเขาได้อีก แม้ว่าจะใช้โซ่ก็ตาม เขาถูกล่ามโซ่คล้องตรวนบ่อยครั้ง แต่ก็สามารถหักโซ่และตรวนออกเป็นชิ้นๆ และไม่มีใครที่แข็งแรงพอที่จะทำให้เขาสงบลงได้ ตลอดทั้งวันและคืนเขาร้องลั่นบริเวณถ้ำเก็บศพและตามภูเขา อีกทั้งเอาหินขูดขีดเนื้อตนเอง เมื่อเขาเห็นพระเยซูอยู่แต่ไกลๆ จึงวิ่งไปหาและก้มลงกราบเบื้องหน้าพระองค์ พลางร้องเสียงดังว่า “ท่านมาเกี่ยวข้องอะไรกับข้าพเจ้า พระเยซูบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด ข้าพเจ้าขอร้องท่านในพระนามของพระเจ้าว่าอย่าทรมานข้าพเจ้าเลย” ที่พูดเช่นนั้นก็เพราะพระองค์ได้กล่าวกับมันว่า “เจ้าวิญญาณร้าย จงออกมาจากร่างของชายคนนี้” พระองค์ถามมันว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าชื่อเลเกโอน เพราะพวกเรามีหลายตน” มันอ้อนวอนพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้ขับพวกมันออกไปจากดินแดนนั้น ขณะนั้นมีหมูฝูงใหญ่ที่กำลังหากินอยู่บนเชิงเขาแห่งหนึ่ง พวกมารอ้อนวอนพระองค์ว่า “โปรดส่งพวกเราเข้าในฝูงหมูเถิด เราจะได้เข้าสิงมัน” พระองค์ก็อนุญาต เหล่าวิญญาณร้ายจึงออกจากตัวของชายคนนั้น แล้วเข้าสิงในตัวหมู และทั้งฝูงก็เตลิดลงจากหน้าผาชันสู่ทะเลสาบ หมูทั้ง 2,000 ตัวพากันจมน้ำตายในทะเลสาบ พวกคนเลี้ยงหมูก็วิ่งหนีไปบอกเรื่องทั้งในเมืองและชนบท และผู้คนจึงมาดูกันว่าได้เกิดอะไรขึ้น พวกเขามาหาพระเยซูและสำรวจดูชายที่เคยมีมารสิงนุ่งห่มเสื้อผ้ามีสติดี ที่กำลังนั่งลงเป็นบุคคลคนเดียวกับที่เคยมีเลเกโอนสิง คนเหล่านั้นจึงพากันกลัว พวกที่ได้เห็นเหตุการณ์ก็บรรยายให้พวกเขาฟังว่า เกิดอะไรขึ้นกับชายที่ถูกมารสิงและเกี่ยวกับฝูงหมูด้วย แล้วพวกเขาก็เริ่มอ้อนวอนให้พระองค์ออกไปเสียจากดินแดนของเขา ขณะที่พระเยซูกำลังลงเรือ คนที่เคยมีมารสิงก็ขอร้องเพื่อจะติดตามพระองค์ไป พระองค์ไม่อนุญาตให้เขาไป แต่กล่าวกับเขาว่า “จงกลับไปบ้าน หาพวกพ้องของเจ้าแล้วบอกให้พวกเขาฟังว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยเจ้ามากมายเพียงไร และพระองค์กรุณาต่อเจ้าขนาดไหน” ดังนั้นเขาก็จากไป และเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรีว่า พระเยซูได้ช่วยเขามากมายเพียงไร และทุกคนก็ประหลาดใจยิ่งนัก