มาระโก 16:1-20
มาระโก 16:1-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อวันสะบาโตผ่านไปมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และสะโลเมซื้อเครื่องหอมมาเพื่อชโลมพระศพพระเยซู เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้นพวกเขามายังอุโมงค์ และถามกันว่า “ใครจะช่วยกลิ้งหินจากปากอุโมงค์?” แต่เมื่อมองไปก็เห็นหินก้อนนั้นซึ่งใหญ่มากถูกกลิ้งออกไปแล้ว เมื่อเข้าไปในอุโมงค์ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ทางขวาพวกนางก็ตกใจกลัว ผู้นั้นกล่าวว่า “อย่าตื่นตกใจไปเลย พวกเจ้ามาหาพระเยซูแห่งนาซาเร็ธผู้ถูกตรึงตายบนไม้กางเขน พระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ จงดูที่ที่เขาวางพระศพเถิด จงไปบอกพวกสาวกรวมทั้งเปโตรว่า ‘พระองค์กำลังเสด็จไปแคว้นกาลิลีก่อนหน้าพวกท่าน ท่านจะพบพระองค์ที่นั่นดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้’ ” ผู้หญิงเหล่านั้นตกตะลึงกลัวจนตัวสั่น จึงพากันออกจากอุโมงค์อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกับใครเพราะกลัว เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้น พระองค์ทรงปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก คือมารีย์คนที่พระเยซูทรงขับผีออกเจ็ดตน มารีย์จึงไปบอกบรรดาผู้ที่อยู่กับพระองค์ พวกเขากำลังร้องไห้ทุกข์โศกอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่และมารีย์ได้เห็นพระองค์ พวกเขาก็ไม่เชื่อ ภายหลังพระเยซูทรงปรากฏในพระกายอีกรูปหนึ่งแก่สาวกสองคนขณะที่พวกเขาเดินอยู่นอกเมือง ทั้งสองกลับมาเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง แต่พวกนั้นก็ไม่เชื่ออีกเหมือนกัน ต่อมาพระเยซูทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนนั้นขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหาร พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาที่ขาดความเชื่อและดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อผู้ที่เห็นพระองค์หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนทั้งปวง ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาจะรอด ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินโทษ ผู้ที่เชื่อจะมีหมายสำคัญดังนี้คือ เขาทั้งหลายจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาใหม่ๆ เขาจะจับงูด้วยมือเปล่า และเมื่อดื่มพิษร้ายเขาจะไม่เป็นอันตรายเลย เขาจะวางมือให้คนเจ็บคนป่วยและคนเหล่านั้นจะหายโรค” เมื่อองค์พระเยซูเจ้าตรัสจบแล้วพระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์และประทับนั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า ฝ่ายเหล่าสาวกออกไปเทศนาทุกหนทุกแห่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขาและรับรองพระดำรัสของพระองค์โดยหมายสำคัญที่เกิดขึ้น
มาระโก 16:1-20 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
หลังจากวันหยุดทางศาสนาผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา สะโลเม และมารีย์แม่ของยากอบ ก็ซื้อเครื่องหอมเพื่อจะเอาไปอาบศพพระเยซู เช้าตรู่วันอาทิตย์ ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น พวกเขาก็พากันไปที่อุโมงค์ฝังศพ ในระหว่างทางพวกเขาคุยกันว่า “แล้วใครจะกลิ้งหินใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ออกให้เราล่ะ” เมื่อมาถึง พวกเขามองไปที่อุโมงค์ และเห็นหินก้อนใหญ่มากนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์กันและเห็นชายหนุ่ม คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา พวกเขาก็สะดุ้งตกใจ ชายหนุ่มคนนั้นพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ พวกคุณมองหาเยซู ชาวนาซาเร็ธที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนหรือ พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว ตรงนี้ไงที่เขาวางศพของพระองค์ ไปบอกพวกศิษย์ของพระองค์และเปโตรด้วยว่า ‘พระองค์ล่วงหน้าไปที่แคว้นกาลิลีก่อนแล้ว พวกคุณจะพบพระองค์ที่นั่นเหมือนกับที่พระองค์ได้บอกไว้แล้ว’” พวกเขาจึงรีบวิ่งไปจากอุโมงค์นั้นด้วยความงุนงงและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พวกเขากลัวมากจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นั้น หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คนแรกที่พระองค์ได้ปรากฏตัวให้เห็นคือมารีย์ชาวมักดาลา คนที่พระองค์เคยขับผีชั่วเจ็ดตนออกให้ แล้วนางไปบอกให้พวกศิษย์ของพระองค์ฟังขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เศร้าโศกเสียใจกันอยู่ แต่เมื่อนางบอกว่าพระองค์ฟื้นขึ้นมาแล้วและนางได้เห็นพระองค์ พวกเขากลับไม่เชื่อที่นางบอก หลังจากนั้นพระเยซูได้มาปรากฏตัวในอีกรูปแบบหนึ่งให้ศิษย์สองคนเห็น ในขณะที่พวกเขาเดินทางออกไปที่ชานเมือง แล้วพวกเขาก็รีบกลับมาบอกพวกที่เหลือ แต่พวกนั้นไม่ยอมเชื่อ ในเวลาต่อมาพระเยซูได้มาปรากฏตัวให้ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนเห็น ในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกันอยู่ พระองค์ต่อว่าพวกเขาว่าเป็นคนดื้อดึงที่ไม่ยอมเชื่อคนพวกนั้นที่ได้เห็นพระองค์หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว พระองค์บอกกับพวกเขาว่า “ให้ออกไปทั่วโลกและประกาศข่าวดีนี้ให้กับทุกคนในทุกแห่ง ทุกคนที่เชื่อและเข้าพิธีจุ่มน้ำก็จะรอด แต่ทุกคนที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ คนที่เชื่อจะมีฤทธิ์ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ คือจะไล่ผีชั่วออกได้โดยอ้างชื่อของเรา จะพูดภาษาแปลกๆได้ จะจับงูได้ด้วยมือเปล่า หรือถ้าดื่มยาพิษเข้าไป ก็จะไม่เป็นอันตรายเลย และพวกเขาจะสามารถวางมือบนคนป่วยแล้วทำให้พวกคนป่วยหายได้” หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าพูดกับพวกเขาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกศิษย์ได้ออกไปประกาศทุกหนทุกแห่ง องค์เจ้าชีวิตได้ทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย และให้ฤทธิ์อำนาจกับพวกเขาที่จะทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆได้ เพื่อรับรองว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง
มาระโก 16:1-20 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่อวันสะบาโตผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบพร้อมกับนางสะโลเม ไปซื้อเครื่องหอมเพื่อจะนำไปชโลมพระศพของพระองค์ เวลารุ่งเช้าวันอาทิตย์ พอดวงอาทิตย์ขึ้น พวกนางก็มาที่อุโมงค์ และกำลังพูดกันอยู่ว่า “ใครจะช่วยกลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์” เพราะเป็นหินก้อนใหญ่ แต่เมื่อพวกนางมองดูก็เห็นหินก้อนนั้นกลิ้งออกไปแล้ว เมื่อพวกนางเข้าไปในอุโมงค์ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวนั่งอยู่ทางขวามือ พวกนางก็ตกตะลึง ชายหนุ่มคนนั้นบอกพวกนางว่า “อย่ามัวตะลึงอยู่เลย พวกท่านมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนซินะ พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ จงดูที่ที่วางพระศพของพระองค์เถิด พวกท่านจงไปบอกพวกสาวกของพระองค์รวมทั้งเปโตรด้วยว่า พระองค์จะเสด็จไปที่แคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน พวกท่านจะเห็นพระองค์ที่นั่น ดังที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านไว้แล้ว” หญิงเหล่านั้นจึงออกจากอุโมงค์แล้วรีบหนีไป เพราะพิศวงงงงวยและตกใจจนตัวสั่น พวกนางไม่ได้พูดกับใครเพราะกลัว [ หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาในวันเวลารุ่งเช้าวันอาทิตย์ พระองค์ทรงปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน คือมารีย์คนที่พระองค์ทรงขับผีออกเจ็ดตน มารีย์จึงไปบอกบรรดาคนที่เคยอยู่กับพระองค์มาก่อน ขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เป็นทุกข์ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และมารีย์ได้เห็นพระองค์แล้ว พวกเขายังไม่เชื่อ ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ พระองค์ปรากฏพระกายอีกรูปหนึ่งแก่สาวกสองคน ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางออกไปนอกเมือง สาวกสองคนนั้นจึงกลับมาบอกสาวกคนอื่นๆ แต่พวกเขาไม่เชื่อ หลังจากนั้นพระองค์ทรงปรากฏกับสาวกสิบเอ็ดคน ขณะพวกเขากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาในเรื่องความสงสัยและใจดื้อดึง เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อคนที่ได้เห็นพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ใครเชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ใครไม่เชื่อจะต้องถูกลงโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะเกิดขึ้นที่นั้น คือพวกเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา พวกเขาจะพูดภาษาแปลกๆ พวกเขาจะจับงูได้ด้วยมือเปล่า ถ้าพวกเขากินยาพิษใดๆ มันจะไม่ทำอันตรายแก่พวกเขา และพวกเขาจะวางมือบนคนเจ็บคนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” หลังจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งพวกเขาแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกสาวกจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งหน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับพวกเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของพวกเขา ด้วยการให้มีหมายสำคัญประกอบคำสอน]
มาระโก 16:1-20 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ครั้นวันสะบาโตล่วงไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และนางสะโลเม ซื้อเครื่องหอมมาเพื่อจะไปชโลมพระศพของพระองค์ เวลารุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้นเขาก็มาถึงอุโมงค์ และเขาพูดกันว่า “ใครจะช่วยกลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์” เมื่อเขามองดูก็เห็นก้อนหินนั้นกลิ้งออกแล้ว เพราะเป็นก้อนหินโตมาก ครั้นเขาเข้าไปในอุโมงค์แล้ว ได้เห็นหนุ่มคนหนึ่งนุ่งห่มผ้ายาวสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา ผู้หญิงนั้นก็ตกตะลึง ฝ่ายคนหนุ่มนั้นบอกเขาว่า “อย่าตกตะลึงเลย พวกท่านทั้งหลายมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งต้องตรึงไว้ที่กางเขน พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์หาได้ประทับที่นี่ไม่ จงดูที่ที่เขาได้วางพระศพของพระองค์เถิด แต่จงไปบอกพวกสาวกของพระองค์ทั้งเปโตรเถิดว่า พระองค์เสด็จไปยังแคว้นกาลิลีก่อนท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจะเห็นพระองค์ที่นั่น เหมือนพระองค์ตรัสไว้แก่พวกท่านแล้ว” หญิงเหล่านั้นก็ออกจากอุโมงค์รีบหนีไป เพราะพิศวงตกใจจนตัวสั่น เขามิได้พูดกับผู้ใดเพราะเขากลัว ครั้นรุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์ เมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ให้ปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน คือมารีย์คนที่พระองค์ได้ขับผีออกเจ็ดผี มารีย์จึงไปบอกพวกคนที่เคยอยู่กับพระองค์แต่ก่อน เขากำลังร้องไห้เป็นทุกข์อยู่ เมื่อเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และมารีย์ได้เห็นพระองค์แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏพระกายอีกรูปหนึ่งแก่ศิษย์สองคน เมื่อเขากำลังเดินทางออกไปบ้านนอก ศิษย์สองคนนั้นจึงไปบอกศิษย์อื่นๆ แต่เขามิได้เชื่อ ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนเมื่อเขาเอนกายลงรับประทานอยู่ และทรงติเตียนเขาเพราะเขาไม่เชื่อและใจดื้อดึง ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ที่เชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องถูกลงพระอาชญา มีคนเชื่อที่ไหน หมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาใหม่หลายภาษา เขาจะจับงูได้ ถ้าเขาดื่มยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” ครั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเขาแล้ว พระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งทุกตำบล และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขา และทรงสนับสนุนคำสอนของเขาโดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น เอเมน
มาระโก 16:1-20 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
ครั้นวันสะบาโตล่วงไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบและนางสะโลเม ซื้อเครื่องหอมมาเพื่อจะไปชโลมพระศพของพระองค์ เวลารุ่งเช้า วันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้น เขาก็มาถึงอุโมงค์ และเขาพูดกันอยู่ว่า <<ใครจะช่วยกลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์>> เมื่อเขามองดูก็เห็นก้อนหินนั้น กลิ้งออกแล้ว เพราะเป็นก้อนหินโตมาก ครั้นเขาเข้าไปในอุโมงค์แล้ว ได้เห็นหนุ่มคนหนึ่งนุ่งห่มผ้ายาวสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา ผู้หญิงนั้นก็ตกตะลึง ฝ่ายคนหนุ่มนั้นบอกเขาว่า <<อย่าตกตะลึงเลย พวกเจ้าทั้งหลายมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งต้องตรึงไว้ที่กางเขน พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้วหาได้ประทับที่นี่ไม่ จงดูที่ที่เขาได้วางพระศพของพระองค์เถิด แต่จงไปบอกพวกสาวกของพระองค์ทั้งเปโตรเถิดว่า พระองค์เสด็จไปยังแคว้นกาลิลีก่อนเจ้าทั้งหลาย และเจ้าทั้งหลายจะเห็นพระองค์ที่นั่น เหมือนพระองค์ตรัสไว้แก่พวกเจ้าแล้ว>> หญิงเหล่านั้นก็ออกจากอุโมงค์รีบหนีไป เพราะพิศวงตกใจจนตัวสั่น และมิได้พูดกับผู้ใดเพราะเขากลัว [ครั้นรุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ให้ปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน คือมารีย์คนที่พระองค์ได้ขับผีออกเจ็ดผี มารีย์จึงไปบอกพวกคนที่เคยอยู่กับพระองค์แต่ก่อน เขากำลังร้องไห้เป็นทุกข์อยู่ เมื่อเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และมารีย์ได้เห็นพระองค์แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏพระกายอีกรูปหนึ่ง แก่ศิษย์สองคน เมื่อเขากำลังเดินทางออกไปบ้านนอก ศิษย์สองคนนั้นจึงไปบอกศิษย์อื่นๆ แต่เขามิได้เชื่อ ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนนั้นเอง เมื่อเขานั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงติเตียนเขาเพราะเขาสงสัยและใจดื้อดึง ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า <<เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค>> ครั้นพระเยซูเจ้าตรัสสั่งเขาแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ให้ขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งทุกตำบล และพระเป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของเขา โดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น]
มาระโก 16:1-20 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เมื่อวันสะบาโตล่วงไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบ และนางสะโลเมก็ได้ซื้อเครื่องหอมเพื่อเอาไปชโลมพระองค์ เช้าตรู่ในวันแรกของต้นสัปดาห์ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วพวกเขาก็ไปที่ถ้ำเก็บศพ ต่างก็พูดกันว่า “ใครจะเป็นคนกลิ้งก้อนหินที่ทางเข้าถ้ำเก็บศพออกให้พวกเรา” เมื่อพวกนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าก้อนหินกลิ้งออกแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นหินก้อนที่ใหญ่โตมาก เมื่อพวกเขาเข้าไปในถ้ำเก็บศพ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ทางขวามือ พวกเขาก็แปลกใจ ชายนั้นพูดว่า “อย่าแปลกใจเลย พวกท่านกำลังมองหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว พระองค์ไม่อยู่ที่นี่ ดูเถิด นี่เป็นที่ซึ่งพวกเขาวางร่างของพระองค์ไว้ แต่จงไปบอกเหล่าสาวกของพระองค์ และบอกเปโตรด้วยว่า ‘พระองค์กำลังไปล่วงหน้าท่านยังแคว้นกาลิลี ท่านจะพบพระองค์ที่นั่นตามที่พระองค์กล่าวไว้กับท่าน’” พวกเขาก็ออกจากถ้ำเก็บศพรีบหนีไป ทั้งตัวสั่นและสับสนยิ่งนัก และด้วยความหวาดกลัว จึงไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด [เมื่อพระเยซูได้ฟื้นคืนชีวิตในตอนเช้าตรู่ในวันแรกของสัปดาห์ พระองค์ได้ปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน นางเป็นคนที่พระองค์ได้ขับไล่มารทั้งเจ็ดออก นางไปบอกบรรดาคนที่เคยอยู่กับพระองค์ขณะที่พวกเขากำลังร้องคร่ำครวญและร้องไห้อยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระเยซูมีชีวิตอยู่ และนางก็เห็นพระองค์ พวกเขาไม่ยอมเชื่อ หลังจากนั้นพระเยซูได้ปรากฏแก่ 2 คนในอีกแบบหนึ่ง คือขณะที่เขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางในชนบท แล้ว 2 คนนั้นก็ไปบอกให้เหล่าสาวกฟัง แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อเช่นกัน หลังจากนั้นพระเยซูได้ปรากฏแก่เหล่าสาวกทั้งสิบเอ็ด ขณะที่พวกเขากำลังเอนกายอยู่ พระองค์ติเตียนพวกเขาที่ไม่เชื่อและมีใจแข็งกระด้าง เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อบรรดาผู้ที่ได้เห็นพระองค์ หลังจากที่พระองค์ได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “จงเดินทางไปทั่วโลกและประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ใครก็ตามที่เชื่อและรับบัพติศมาแล้วก็จะมีชีวิตรอดพ้น แต่คนที่ไม่เชื่อจะถูกกล่าวโทษ ปรากฏการณ์อัศจรรย์เหล่านี้จะอยู่กับคนที่เชื่อคือ เขาจะขับไล่พวกมารในนามของเรา เขาจะพูดภาษาที่ตนไม่รู้จัก เขาจะจับงูขึ้นได้ด้วยมือเปล่า และถ้าเขาดื่มสิ่งใดที่มีพิษขั้นถึงตาย เขาก็จะไม่เป็นอันตราย เขาจะวางมือบนตัวคนป่วย และคนป่วยก็จะหายขาด” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับพวกเขาแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ และนั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงออกกันไปประกาศทุกแห่งหน ขณะที่พระผู้เป็นเจ้าทำงานร่วมกับพวกเขา และยืนยันคำประกาศด้วยปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป]