มาระโก 13:14-37

มาระโก 13:14-37 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<แต่เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาตึก อย่าให้ลงมาเข้าไปเก็บเอาสิ่งของในตึกของตนเลย ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจาน่าสงสารหญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ จงอธิษฐานขอเพื่อเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว ด้วยว่าในคราวนั้น จะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมี ตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ถูกเลือกสรร ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้พระองค์จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า และในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า <แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่> หรือ <แน่ะ อยู่ที่โน่น> อย่าได้เชื่อเลย ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์ เพื่อล่อลวงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ แต่ท่านทั้งหลายจงระวังให้ดี ดูเถิด เราได้บอกท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว <<ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกถึงที่สุดขอบฟ้า <<จงเรียนคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย <<แต่วันนั้น โมงนั้นไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว จงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าเวลาวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร เหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่งที่ออกจากบ้านไปทางไกล มอบอำนาจให้แก่บ่าวทุกคน และให้รู้การงานของตนว่ามีหน้าที่อะไร และได้สั่งนายประตูให้เฝ้าบ้านอยู่ เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร จะมาเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือเวลาไก่ขัน หรือรุ่งเช้า จงเฝ้าระวังอยู่ กลัวว่าจะมาฉับพลันและจะพบท่านนอนหลับอยู่ ซึ่งเราบอกพวกท่าน เราก็บอกคนทั้งปวงด้วยว่าจงเฝ้าระวังอยู่เถิด>>

มาระโก 13:14-37 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย ส่วนคนที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อผ้าของตน วิบัติแก่หญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ในเวลานั้น จงอธิษฐานขอเพื่อสิ่งนี้จะไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะว่าในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในอนาคตจะไม่มีอย่างนี้อีก ถ้าพระเจ้าไม่โปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกสรร พระองค์จึงโปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า ในเวลานั้น ถ้าใครจะบอกพวกท่านว่า ‘นี่แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘นี่แน่ะ ท่านอยู่ที่โน่น’ ก็อย่าเชื่อ เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เพื่อล่อลวงคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ ฉะนั้นจงระวังให้ดี เราบอกท่านทั้งหลายทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว “หลังจากความทุกข์ลำบากนั้นผ่านพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นพวกเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระรัศมีอย่างยิ่ง และเมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้พวกทูตสวรรค์มาให้รวบรวมคนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากที่สุดปลายแผ่นดินโลกจนถึงที่สุดขอบฟ้า “จงเรียนบทเรียนจากต้นมะเดื่อ เมื่อมันแตกกิ่งแตกใบ พวกท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นเดียวกัน เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าทุกสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย “แต่ไม่มีใครรู้เรื่องวันหรือเวลานั้น แม้แต่พวกทูตในฟ้าสวรรค์หรือพระบุตร มีแต่พระบิดาเท่านั้น จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าวันนั้นหรือเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับชายคนหนึ่งที่ออกเดินทาง เมื่อเขาจะออกจากบ้าน เขาก็มอบหมายหน้าที่ให้ทาสแต่ละคนทำ และกำชับคนเฝ้าประตูให้คอยเฝ้าระวังอยู่ เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร อาจจะมาในเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือในเวลาไก่ขัน หรือรุ่งเช้า ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วหากเจ้าของบ้านกลับมาอย่างฉับพลัน ท่านอาจพบว่าพวกท่านกำลังนอนหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกพวกท่านนั้น เราก็บอกคนทั้งหลายด้วยว่าจงเฝ้าระวังอยู่เถิด”

มาระโก 13:14-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“เมื่อใดที่ท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’ ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมัน (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านอย่าลงมาหรือเข้าบ้านมาหยิบสิ่งใดออกไป ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อคลุมของท่าน วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อน จงอธิษฐานให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะเวลานั้นจะเป็นวาระแห่งความทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่มีครั้งใดเทียบเท่าตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีก หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าก็จะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้พระองค์จึงทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง เมื่อเวลานั้นมาถึงหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย เพราะจะมีพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จปรากฏขึ้น พวกเขาจะแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อลวงผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้หากเป็นไปได้ ฉะนั้นจงระวัง เราบอกทุกอย่างแก่ท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว “แต่ในวาระนั้นหลังจากความทุกข์เข็ญ “ ‘ดวงอาทิตย์จะถูกดับ ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง ดวงดาวทั้งหลายจะร่วงจากท้องฟ้า และฟ้าสวรรค์จะถูกเขย่า’ “เมื่อนั้นคนทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยเดชานุภาพและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินโลกถึงสุดขอบฟ้าสวรรค์ “จงเรียนรู้บทเรียนนี้จากต้นมะเดื่อ คือทันทีที่มันแตกกิ่งและผลิใบท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าสิ่งนี้ใกล้เข้ามาแล้ว อยู่ที่ประตูนี่เอง เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนในยุคนี้ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไปแต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญสิ้น “ไม่มีใครรู้วันเวลาที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น แม้แต่ทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ พระบิดาเท่านั้นที่ทรงทราบ จงระวัง! จงตื่นตัว! ท่านไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใด ก็เหมือนชายคนหนึ่งออกจากบ้านไป เขาตั้งคนรับใช้ให้รับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ ตามที่แต่ละคนได้รับมอบหมายและบอกคนเฝ้าประตูให้เฝ้าระวังไว้ “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาเมื่อใด อาจจะกลับมาเวลาค่ำหรือเวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งสาง ถ้าเขากลับมากระทันหันก็อย่าให้เขาพบว่าท่านกำลังหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกกับท่านเราก็บอกกับทุกๆ คนว่า ‘จงเฝ้าระวัง!’”

มาระโก 13:14-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พวก​คุณ​เห็น​สิ่ง​ที่​น่า​ขยะแขยง ที่​เป็น​ต้นเหตุ​ของ​ความหายนะ อยู่​ใน​ที่​ที่​ไม่​ควร​จะ​อยู่ (ผู้​อ่าน​น่า​จะ​รู้​ว่า​หมายถึง​อะไร) ก็​ให้​คน​ที่​อยู่​ใน​แคว้น​ยูเดีย​หนี​ไป​ที่​ภูเขา อย่า​ให้​คน​ที่​อยู่​บน​ดาดฟ้า​บ้าน​กลับ​เข้า​ไป​เก็บ​ของ​ใน​บ้าน อย่า​ให้​คน​ที่​อยู่​ใน​ไร่นา​กลับ​ไป​เอา​เสื้อคลุม ใน​วัน​นั้น​จะ​น่ากลัว​มาก​สำหรับ​ผู้หญิง​ท้อง​และ​แม่​ลูก​อ่อน​ที่​ให้​นม​ลูก อธิษฐาน​ขอ​อย่า​ให้​เรื่อง​น่ากลัวนี้​เกิด​ขึ้น​ใน​หน้าหนาว​เลย เพราะ​ใน​เวลา​นั้น​จะ​เกิด​ความ​ทุกข์ยาก​อย่าง​ใหญ่​หลวง​ชนิด​ที่​ไม่​เคย​เกิด​ขึ้น​มา​ก่อน​นับ​ตั้งแต่​พระเจ้า​สร้าง​โลก​มา​จน​ถึง​เดี๋ยวนี้ จะ​ไม่​มี​อะไร​ที่​แย่​ไป​กว่า​นี้​อีก​แล้ว​ใน​อนาคต ถ้า​องค์​เจ้า​ชีวิต​ไม่​ทำ​ให้​วัน​นั้น​สั้น​ลง​ก็​จะ​ไม่​มี​ใคร​รอด​ชีวิต​เลย แต่​เพราะ​เห็นแก่​คน​ที่​พระองค์​ได้​เลือก​ไว้ พระองค์​ก็​เลย​ทำ​ให้​วันเวลา​เหล่า​นั้น​สั้น​ลง ถ้า​มี​ใคร​มา​บอก​ว่า ‘นี่ไง พระคริสต์’ หรือ ‘โน่น​ไง พระองค์’ ก็​อย่า​ไป​หลง​เชื่อ เพราะ​จะ​มี​พวก​พระคริสต์​จอม​ปลอม​และ​พวกผู้พูดแทนพระเจ้า​จอม​ปลอม​เกิดขึ้น และ​พวกนี้​จะ​ทำ​อิทธิฤทธิ์​ปาฏิหาริย์ ถ้า​เป็น​ไป​ได้​พวกนี้​ก็​จะ​หลอก​แม้แต่​คน​ที่​พระเจ้า​ได้​เลือก​ไว้​แล้ว ระวัง​ตัว​ให้​ดี เพราะ​เรา​ได้​เตือน​คุณ​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ไว้​ล่วงหน้า​เรื่องนี้ ต่อ​จาก​ความ​ทุกข์ยาก​นั้น ‘ดวง​อาทิตย์​จะ​มืดมิด​ไป ดวงจันทร์​จะ​ไม่​ส่อง​แสง ดวงดาว​จะ​ร่วง​หล่น​จาก​ท้องฟ้า และ​พวก​ผู้​มี​อำนาจ​บน​ฟ้าสวรรค์​จะ​ถูก​สั่นคลอน’ แล้ว​ผู้คน​ก็​จะ​ได้​เห็น​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​ใน​หมู่​เมฆ​พร้อม​ด้วย​ฤทธิ์​อำนาจ​อัน​ยิ่งใหญ่ และ​เต็ม​ไป​ด้วย​สง่าราศี แล้ว​พระองค์​จะ​ส่ง​หมู่​ทูตสวรรค์​ของ​พระองค์​มา​รวบรวม​ผู้ที่​พระองค์​ได้​เลือก​ไว้​แล้ว​จาก​ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​โลก จาก​ขอบ​โลก​ด้าน​หนึ่ง​ไป​ถึง​สุด​ขอบ​ฟ้า​อีก​ด้าน​หนึ่ง ให้​เรียนรู้​จาก​ต้นมะเดื่อ​กัน​เถอะ เมื่อ​ต้นมะเดื่อ​เริ่ม​แตก​กิ่งก้าน​และ​ผลิ​ใบ​อ่อน พวก​คุณ​ก็​รู้​ว่า​ใกล้​ถึง​หน้าร้อน​แล้ว เช่น​เดียว​กัน เมื่อ​พวก​คุณ​เห็น​สิ่ง​เหล่านี้​ทั้งหมด​เกิด​ขึ้น พวก​คุณ​ก็​รู้​ว่า​เวลา นั้น​ใกล้​มา​ถึง​แล้ว เวลา​นั้น​อยู่​ที่​หน้า​ประตู​นี่​เอง เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า สิ่ง​เหล่านี้​ทั้งหมด​จะ​เกิดขึ้น​ก่อน​ที่​คน​ใน​รุ่นนี้​จะ​ตาย สวรรค์​และ​โลก​จะ​สูญ​สิ้น​ไป แต่​ถ้อยคำ​ของ​เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​สูญหาย​ไป ไม่​มี​ใคร​รู้​วัน​เวลา​นั้น แม้แต่​หมู่​ทูตสวรรค์​หรือ​พระบุตร​เอง​ก็​ไม่​รู้ มี​แต่​พระบิดา​เท่านั้น​ที่​รู้ พวก​คุณ​ไม่​รู้​ว่า​เวลา​นั้น​จะ​มา​ถึง​เมื่อไหร่ ดังนั้น​ให้​ระวัง​ตัว​อยู่​เสมอ อย่า​ประมาท เหมือน​กับ​ที่​ชาย​คน​หนึ่ง​กำลัง​จะ​เดิน​ทาง​ไป​ที่​อื่น​พร้อม​กับ​สั่ง​งาน​ให้​ทาส​แต่​ละ​คน​ใน​บ้าน​ทำ และ​ได้​สั่ง​ยาม​ให้​เฝ้า​ประตู​บ้าน​ดีๆ พวก​คุณ​ก็​ต้อง​พร้อม​อยู่​เสมอ เพราะ​ไม่​รู้​ว่า​เจ้าของ​บ้าน​จะ​กลับ​มา​เมื่อไหร่ อาจ​จะ​เป็น​ตอน​เย็น ตอน​เที่ยงคืน ตอน​ไก่​ขัน​เช้ามืด หรือ​ตอน​สายๆ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​กลับ​มา​อย่าง​กระทันหัน เขา​จะ​ได้​ไม่​พบ​ว่า​พวก​คุณ​กำลัง​นอนหลับ​อยู่ สิ่ง​ที่​เรา​สั่ง​พวก​คุณ​ไว้​เรา​ก็​ได้​สั่ง​กับ​ทุกๆ​คน​ด้วย คือ ‘ให้​ระวัง​อยู่​เสมอ’”

มาระโก 13:14-37 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย ส่วนคนที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อผ้าของตน วิบัติแก่หญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ในเวลานั้น จงอธิษฐานขอเพื่อสิ่งนี้จะไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะว่าในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในอนาคตจะไม่มีอย่างนี้อีก ถ้าพระเจ้าไม่โปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกสรร พระองค์จึงโปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า ในเวลานั้น ถ้าใครจะบอกพวกท่านว่า ‘นี่แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘นี่แน่ะ ท่านอยู่ที่โน่น’ ก็อย่าเชื่อ เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เพื่อล่อลวงคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ ฉะนั้นจงระวังให้ดี เราบอกท่านทั้งหลายทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว “หลังจากความทุกข์ลำบากนั้นผ่านพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นพวกเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระรัศมีอย่างยิ่ง และเมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้พวกทูตสวรรค์มาให้รวบรวมคนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากที่สุดปลายแผ่นดินโลกจนถึงที่สุดขอบฟ้า “จงเรียนบทเรียนจากต้นมะเดื่อ เมื่อมันแตกกิ่งแตกใบ พวกท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นเดียวกัน เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าทุกสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย “แต่ไม่มีใครรู้เรื่องวันหรือเวลานั้น แม้แต่พวกทูตในฟ้าสวรรค์หรือพระบุตร มีแต่พระบิดาเท่านั้น จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าวันนั้นหรือเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับชายคนหนึ่งที่ออกเดินทาง เมื่อเขาจะออกจากบ้าน เขาก็มอบหมายหน้าที่ให้ทาสแต่ละคนทำ และกำชับคนเฝ้าประตูให้คอยเฝ้าระวังอยู่ เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร อาจจะมาในเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือในเวลาไก่ขัน หรือรุ่งเช้า ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วหากเจ้าของบ้านกลับมาอย่างฉับพลัน ท่านอาจพบว่าพวกท่านกำลังนอนหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกพวกท่านนั้น เราก็บอกคนทั้งหลายด้วยว่าจงเฝ้าระวังอยู่เถิด”

มาระโก 13:14-37 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แต่​เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้​เก​ิดการรกร้างว่างเปล่า ที่​ดาเนียลศาสดาพยากรณ์​ได้​กล​่าวถึงนั้น ตั้งอยู่​ในที่ซึ่งไม่สมควรจะตั้ง” (​ให้​ผู้​อ่านเข้าใจเอาเถิด) “เวลานั้นให้​ผู้​ที่อยู่​ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภู​เขาทั้งหลาย ผู้​ที่อยู่​บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเข้าไปเก็บข้าวของใดๆออกจากบ้านของตน ผู้​ที่อยู่​ตามทุ่งนา อย่าให้​กล​ับไปเอาเสื้อผ้าของตน แต่​ในวันเหล่านั้น วิบัติ​จะเกิดขึ้นแก่หญิงที่​มีครรภ์ หรือหญิงที่​มี​ลู​กอ​่อนกินนมอยู่ ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานขอเพื่อเหตุ​การณ์​เหล่านี้​จะไม่​เก​ิดขึ้นในฤดู​หนาว ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่​ไม่​เคยมี ตั้งแต่​พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่​มีต​่อไปอีกเลย ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิ​ได้​ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่​มี​เนื้อหนังใดๆรอดได้​เลย แต่​เพราะทรงเห็นแก่​ผู้​ถู​กเลือกสรรซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเลือกไว้ พระองค์​จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า และในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า ‘​ดู​เถิด พระคริสต์​อยู่​ที่นี่​’ หรือ ‘​ดู​เถิด อยู่​ที่โน่น​’ อย่าได้เชื่อเลย ด้วยว่าจะมีพระคริสต์​เท​ียมเท็จและผู้ทำนายเทียมเท็จเกิดขึ้นหลายคน ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์เพื่อล่อลวงผู้​ที่​ถู​กเลือกสรรแล้วให้​หลง ถ้าเป็นได้ แต่​ท่านทั้งหลายจงระวังให้​ดี ดู​เถิด เราได้บอกสิ่งสารพัดให้​แก่​ท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ‘​ดวงอาทิตย์​จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่​ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่​มี​อำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านไป’ เมื่อนั้นเขาจะเห็น ‘​บุ​ตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆ’ ทรงฤทธานุภาพและสง่าราศี​เป็นอันมาก เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้​เหล่​าทูตสวรรค์ของพระองค์ ให้​รวบรวมคนทั้งปวงที่​พระองค์​ทรงเลือกสรรไว้​แล​้วจากลมทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่​ที่​สุดปลายแผ่นดินโลกจนถึงที่สุดขอบฟ้า บัดนี้ จงเรียนคำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่​อก​ิ่​งก​้านยั​งอ​่อนและแตกใบแล้ว ท่านก็​รู้​ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งทั้งปวงนี้​เกิดขึ้น ก็​ให้​รู้​ว่าเหตุ​การณ์​นั้นมาใกล้จะถึงประตู​แล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนชั่วอายุ​นี้​จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าสิ่งทั้งปวงนี้บังเกิดขึ้น ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่​ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิ​ได้​เลย แต่​วันนั้นโมงนั้นไม่​มี​ใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ในสวรรค์หรือพระบุตรก็​ไม่รู้ รู้​แต่​พระบิดาองค์​เดียว จงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ เพราะท่านไม่​รู้​ว่าเวลาวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร ด้วยว่าบุตรมนุษย์เปรียบเหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่งที่ออกจากบ้านไปทางไกล มอบสิทธิอำนาจให้​แก่​พวกผู้​รับใช้​ของเขา และให้​รู้​การงานของตนว่ามี​หน้าที่​อะไรและได้สั่งนายประตู​ให้​เฝ้าบ้านอยู่ เหตุ​ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่​รู้​ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร จะมาเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือเวลาไก่​ขัน หรือรุ่งเช้า กล​ั​วว​่าจะมาฉับพลันและจะพบท่านนอนหลั​บอย​ู่ ซึ่งเราบอกพวกท่าน เราก็บอกคนทั้งปวงด้วยว่า จงเฝ้าระวังอยู่​เถิด​”

มาระโก 13:14-37 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<แต่เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาตึก อย่าให้ลงมาเข้าไปเก็บเอาสิ่งของในตึกของตนเลย ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจาน่าสงสารหญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ จงอธิษฐานขอเพื่อเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว ด้วยว่าในคราวนั้น จะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมี ตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ถูกเลือกสรร ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้พระองค์จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า และในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า <แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่> หรือ <แน่ะ อยู่ที่โน่น> อย่าได้เชื่อเลย ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์ เพื่อล่อลวงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ แต่ท่านทั้งหลายจงระวังให้ดี ดูเถิด เราได้บอกท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว <<ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกถึงที่สุดขอบฟ้า <<จงเรียนคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย <<แต่วันนั้น โมงนั้นไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว จงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าเวลาวันนั้นจะมาถึงเมื่อไร เหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่งที่ออกจากบ้านไปทางไกล มอบอำนาจให้แก่บ่าวทุกคน และให้รู้การงานของตนว่ามีหน้าที่อะไร และได้สั่งนายประตูให้เฝ้าบ้านอยู่ เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร จะมาเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือเวลาไก่ขัน หรือรุ่งเช้า จงเฝ้าระวังอยู่ กลัวว่าจะมาฉับพลันและจะพบท่านนอนหลับอยู่ ซึ่งเราบอกพวกท่าน เราก็บอกคนทั้งปวงด้วยว่าจงเฝ้าระวังอยู่เถิด>>

มาระโก 13:14-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“เมื่อใดที่ท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’ ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมัน (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านอย่าลงมาหรือเข้าบ้านมาหยิบสิ่งใดออกไป ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อคลุมของท่าน วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อน จงอธิษฐานให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะเวลานั้นจะเป็นวาระแห่งความทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่มีครั้งใดเทียบเท่าตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีก หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าก็จะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้พระองค์จึงทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง เมื่อเวลานั้นมาถึงหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย เพราะจะมีพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จปรากฏขึ้น พวกเขาจะแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อลวงผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้หากเป็นไปได้ ฉะนั้นจงระวัง เราบอกทุกอย่างแก่ท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว “แต่ในวาระนั้นหลังจากความทุกข์เข็ญ “ ‘ดวงอาทิตย์จะถูกดับ ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง ดวงดาวทั้งหลายจะร่วงจากท้องฟ้า และฟ้าสวรรค์จะถูกเขย่า’ “เมื่อนั้นคนทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆด้วยเดชานุภาพและพระเกียรติสิริอันยิ่งใหญ่ พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินโลกถึงสุดขอบฟ้าสวรรค์ “จงเรียนรู้บทเรียนนี้จากต้นมะเดื่อ คือทันทีที่มันแตกกิ่งและผลิใบท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านก็รู้ว่าสิ่งนี้ใกล้เข้ามาแล้ว อยู่ที่ประตูนี่เอง เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนในยุคนี้ยังไม่ทันล่วงลับไป สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ก็เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน ฟ้าและดินจะสูญสิ้นไปแต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญสิ้น “ไม่มีใครรู้วันเวลาที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น แม้แต่ทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ พระบิดาเท่านั้นที่ทรงทราบ จงระวัง! จงตื่นตัว! ท่านไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใด ก็เหมือนชายคนหนึ่งออกจากบ้านไป เขาตั้งคนรับใช้ให้รับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ ตามที่แต่ละคนได้รับมอบหมายและบอกคนเฝ้าประตูให้เฝ้าระวังไว้ “ฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาเมื่อใด อาจจะกลับมาเวลาค่ำหรือเวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งสาง ถ้าเขากลับมากระทันหันก็อย่าให้เขาพบว่าท่านกำลังหลับอยู่ สิ่งที่เราบอกกับท่านเราก็บอกกับทุกๆ คนว่า ‘จงเฝ้าระวัง!’”

มาระโก 13:14-37 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แต่​เมื่อ​เจ้า​เห็น​สิ่ง​ที่​น่าชัง​ซึ่ง​ทำ​ให้​เกิด​ความ​วิบัติ​ยืน​อยู่​ใน​ที่​ซึ่ง​ไม่​ควร​จะ​อยู่ (ให้​ผู้​อ่าน​เข้าใจ​เถิด) เวลา​นั้น​จง​ปล่อย​ให้​ผู้​คน​ใน​แคว้น​ยูเดีย​หนี​ไป​ยัง​แถบ​ภูเขา และ​อย่า​ให้​คน​ที่​อยู่​บน​หลังคา​บ้าน​ลง​หรือ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​เขา​เพื่อ​ขน​สิ่ง​ใด​ออก​มา และ​อย่า​ให้​คน​ที่​อยู่​ใน​ทุ่งนา​หัน​กลับ​ไป​หยิบ​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​เขา วิบัติ​จะ​เกิด​แก่​หญิง​มี​ครรภ์​และ​มารดา​ผู้​ให้​นม​ลูก​ใน​วัน​นั้น แต่​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​ว่า​จะ​ได้​ไม่​เกิด​ขึ้น​ใน​ฤดู​หนาว เพราะ​ใน​เวลา​นั้น​จะ​เป็น​เวลา​แห่ง​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​มี​มา​ก่อน ตั้งแต่​พระ​เจ้า​สร้าง​โลก​จน​ถึง​เวลา​นี้​และ​จะ​ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​อีก หาก​ว่า​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ไม่​ลด​จำนวน​วัน​ให้​น้อย​ลง​แล้ว ก็​จะ​ไม่​มี​ผู้​ใด​รอด​ชีวิต​ได้​เลย แต่​เพราะ​เห็น​แก่​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​ได้​เลือก​ไว้ พระ​องค์​จึง​ลด​จำนวน​วัน​ลง และ​ใน​เวลา​นั้น​ถ้า​ใคร​พูด​กับ​เจ้า​ว่า ‘ดู​เถิด พระ​คริสต์​อยู่​ที่​นี่’ หรือ ‘ดู​เถิด พระ​องค์​อยู่​ที่​นั่น’ ก็​อย่า​เชื่อ​เขา บรรดา​พระ​คริสต์​จอมปลอม​และ​ผู้เผย​คำกล่าว​จอมปลอม​จะ​แสดง​ตน พวก​เขา​จะ​แสดง​ปรากฏการณ์​อัศจรรย์​และ​สิ่ง​มหัศจรรย์​ต่างๆ เพื่อ​หาก​ว่า​เป็น​ไป​ได้ ก็​จะ​ชัก​จูง​ให้​แม้​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​เลือก​ไว้​ให้​หลง​ไป​ใน​ทาง​ที่​ผิด แต่​จง​ระวัง​ไว้ เรา​ได้​บอก​ทุก​สิ่ง​ล่วง​หน้า​ไว้​กับ​เจ้า​แล้ว แต่​ใน​ระยะ​เวลา​หลัง​จาก​ที่​คราว​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ผ่าน​พ้น​ไป​แล้ว ‘ดวง​อาทิตย์​จะ​มืด​ลง และ​ดวง​จันทร์​จะ​ไม่​ส่อง​แสง บรรดา​ดวง​ดาว​จะ​ร่วง​หล่น​จาก​ฟ้า และ​บรรดา​สิ่ง​ที่​ทรง​พลัง​ใน​ท้องฟ้า​จะ​สั่น​สะเทือน’ ใน​เวลา​นั้น​พวก​เขา​จะ​เห็น​บุตรมนุษย์​มา​ใน​เมฆ​ด้วย​ฤทธานุภาพ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​สง่า​ราศี แล้ว​ท่าน​จะ​ส่ง​เหล่า​ทูต​สวรรค์​ไป​เพื่อ​รวบ​รวม​บรรดา​ผู้​ที่​ท่าน​เลือก​ไว้​จาก​ลม​ทั้ง​สี่ คือ​จาก​สุด​ปลาย​ของ​แผ่นดิน​โลก​จน​ถึง​สุด​ปลาย​ฟ้า​สวรรค์ จง​เรียน​เรื่อง​อุปมา​จาก​ต้น​มะเดื่อ เมื่อ​กิ่ง​ก้าน​เขียว​สด​แตก​ใบ​อ่อน เจ้า​ก็​รู้​ว่า​ฤดู​ฝน​ใกล้​จะ​ถึง​แล้ว ใน​ทำนอง​เดียว​กัน เมื่อ​เจ้า​เห็น​สิ่ง​เหล่า​นี้​เกิด​ขึ้น จง​รู้​เถิด​ว่า​ท่าน​อยู่​ใกล้​ประตู​มาก​แล้ว เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า คน​ใน​ช่วง​กาล​เวลา​นี้​จะ​ไม่​อาจ​ล่วง​ลับ​ไป จน​กว่า​สิ่ง​เหล่า​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​ก่อน สวรรค์​และ​โลก​จะ​ดับ​สูญ​ไป แต่​คำ​ของ​เรา​จะ​ไม่​มี​วัน​สูญ​หาย​ไป แต่​ไม่​มี​ใคร​ทราบ​ถึง​วัน​และ​เวลา​นั้น บรรดา​ทูต​สวรรค์​แห่ง​สวรรค์ หรือ​แม้​แต่​พระ​บุตร​ก็​ไม่​ทราบ​เช่น​กัน ยกเว้น​พระ​บิดา​เท่า​นั้น จง​ระวัง​และ​ตื่น​ตัว​ไว้ เพราะ​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​เวลา​จะ​มา​ถึง​เมื่อ​ใด เหมือน​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ออก​เดิน​ทาง​ไป เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เขา​จะ​จาก​บ้าน​ไป เขา​ให้​พวก​ทาส​รับใช้​ดูแล มอบ​หมาย​งาน​ให้​แต่​ละ​คน​และ​สั่ง​ให้​นาย​ประตู​เฝ้า​ไว้ ฉะนั้น จง​คอย​ระวัง​ไว้ เพราะ​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​เมื่อไหร่​เจ้าบ้าน​จะ​มา จะ​มา​ใน​เวลา​เย็น ตอน​เที่ยง​คืน เวลา​ไก่​ขัน หรือ​ใน​ตอน​เช้า​ตรู่ ถ้า​เขา​เข้า​มา​อย่าง​ฉับพลัน ก็​อย่า​ให้​เขา​พบ​ว่า​เจ้า​นอน​หลับ​อยู่ สิ่ง​ที่​เรา​กล่าว​กับ​เจ้า เรา​ได้​กล่าว​กับ​ทุก​คน​ไว้​ว่า ‘จง​คอย​ระวัง​ไว้’”