มาระโก 13:1-23
มาระโก 13:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เมื่อพระเยซูกำลังเดินออกจากวิหาร ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ดูตึกพวกนี้สิครับ สวยจริงๆสร้างจากหินก้อนใหญ่ๆทั้งนั้น” พระเยซูตอบเขาว่า “เห็นตึกใหญ่โตพวกนี้กันแล้วใช่ไหม มันจะถูกทำลายจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ซากหินเรียงซ้อนทับกันอีกเลย” เมื่อพระเยซูนั่งอยู่บนภูเขามะกอกเทศ ที่อยู่ตรงข้ามกับวิหารนั้น เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์ มาถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ แล้วจะมีอะไรบอกเหตุให้รู้ก่อนไหมครับว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว” พระองค์ก็ตอบว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ใครหลอกเอาล่ะ เพราะจะมีหลายคนมาแอบอ้างชื่อของเราว่าพวกเขาเป็นพระคริสต์ และจะมีหลายคนหลงเชื่อ เมื่อคุณได้ยินเสียงสงคราม หรือได้ยินข่าวลือว่าเกิดสงครามก็ไม่ต้องตกใจ เพราะมันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นยังไม่ใช่วันสุดท้าย ชนชาติหนึ่งจะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง อาณาจักรนี้จะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอาณาจักรโน้น จะเกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว และจะเกิดกันดารอาหาร นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเอง เหมือนเจ็บท้องเตือนก่อนคลอดลูก ระวังตัวให้ดี พวกคุณจะถูกจับไปขึ้นศาล จะถูกเฆี่ยนในที่ประชุมของชาวยิว และพวกคุณจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา คุณจะต้องเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้พวกเขาฟัง แต่ก่อนที่วันสุดท้ายจะมาถึง ข่าวดีจะต้องได้ประกาศออกไปทั่วทุกชนชาติเสียก่อน ตอนที่พวกคุณถูกนำตัวไปขึ้นศาล ไม่ต้องห่วงว่าจะพูดแก้ตัวอย่างไร ให้พูดไปตามที่พระเจ้าบอกในเวลานั้น เพราะคนที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวคุณเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ พี่น้องจะหักหลังกันเองให้ไปถูกฆ่า พ่อจะหักหลังลูกให้ไปถูกฆ่า ลูกๆจะต่อต้านพ่อแม่ และส่งพ่อแม่ให้ไปถูกฆ่า ทุกคนจะเกลียดพวกคุณ เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา แต่ใครที่ทนได้จนถึงที่สุดก็จะได้รับความรอด เมื่อพวกคุณเห็นสิ่งที่น่าขยะแขยง ที่เป็นต้นเหตุของความหายนะ อยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ (ผู้อ่านน่าจะรู้ว่าหมายถึงอะไร) ก็ให้คนที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา อย่าให้คนที่อยู่บนดาดฟ้าบ้านกลับเข้าไปเก็บของในบ้าน อย่าให้คนที่อยู่ในไร่นากลับไปเอาเสื้อคลุม ในวันนั้นจะน่ากลัวมากสำหรับผู้หญิงท้องและแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูก อธิษฐานขออย่าให้เรื่องน่ากลัวนี้เกิดขึ้นในหน้าหนาวเลย เพราะในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกมาจนถึงเดี๋ยวนี้ จะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต ถ้าองค์เจ้าชีวิตไม่ทำให้วันนั้นสั้นลงก็จะไม่มีใครรอดชีวิตเลย แต่เพราะเห็นแก่คนที่พระองค์ได้เลือกไว้ พระองค์ก็เลยทำให้วันเวลาเหล่านั้นสั้นลง ถ้ามีใครมาบอกว่า ‘นี่ไง พระคริสต์’ หรือ ‘โน่นไง พระองค์’ ก็อย่าไปหลงเชื่อ เพราะจะมีพวกพระคริสต์จอมปลอมและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมเกิดขึ้น และพวกนี้จะทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ถ้าเป็นไปได้พวกนี้ก็จะหลอกแม้แต่คนที่พระเจ้าได้เลือกไว้แล้ว ระวังตัวให้ดี เพราะเราได้เตือนคุณทุกสิ่งทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเรื่องนี้
มาระโก 13:1-23 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่อพระเยซูเสด็จออกจากบริเวณพระวิหาร มีสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า “พระอาจารย์ ศิลากับอาคารเหล่านี้ใหญ่จริงๆ” พระเยซูจึงตรัสกับสาวกคนนั้นว่า “ท่านเห็นอาคารใหญ่เหล่านี้หรือ? ที่นี่จะไม่มีก้อนหินซ้อนทับกันแม้แต่ก้อนเดียว แต่จะถูกทำลายลงหมด” เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศตรงข้ามพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์มาทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ขอโปรดให้พวกข้าพระองค์ทราบว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? อะไรคือหมายสำคัญที่จะแสดงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใกล้จะสำเร็จ?” พระเยซูจึงตรัสตอบพวกเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ใครล่อลวงพวกท่านให้หลง เพราะว่าจะมีหลายคนมาอ้างนามของเราว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และจะให้คนจำนวนมากหลงไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตระหนกเลย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น แต่ยังไม่ถึงกาลอวสาน เพราะประชาชาติกับประชาชาติ อาณาจักรกับอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวและจะเกิดกันดารอาหารในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงขั้นแรกของความทุกข์ลำบาก “แต่จงระวังตัวให้ดี เพราะมีคนจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนพวกท่านในธรรมศาลา และพวกท่านจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อจะได้เป็นพยานกับพวกเขา และข่าวประเสริฐจะต้องประกาศแก่ชนทุกชาติก่อน เมื่อพวกท่านถูกนำมามอบตัวไว้นั้น อย่ากังวลล่วงหน้าว่าจะพูดอะไรดี แต่จงพูดตามที่โปรดประทานให้ท่านพูดในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้แต่พี่ก็จะมอบน้องไว้ให้ถึงแก่ความตาย พ่อก็จะมอบลูก และลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย คนทั้งหลายจะเกลียดชังพวกท่าน เพราะนามของเรา แต่คนที่สู้ทนจนถึงที่สุดจะรอด “แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย ส่วนคนที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อผ้าของตน วิบัติแก่หญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ในเวลานั้น จงอธิษฐานขอเพื่อสิ่งนี้จะไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะว่าในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในอนาคตจะไม่มีอย่างนี้อีก ถ้าพระเจ้าไม่โปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกสรร พระองค์จึงโปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า ในเวลานั้น ถ้าใครจะบอกพวกท่านว่า ‘นี่แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘นี่แน่ะ ท่านอยู่ที่โน่น’ ก็อย่าเชื่อ เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เพื่อล่อลวงคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ ฉะนั้นจงระวังให้ดี เราบอกท่านทั้งหลายทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว
มาระโก 13:1-23 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
เมื่อพระองค์เสด็จออกจากพระวิหาร มีสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ดูเถิด ศิลาและตึกเหล่านี้ใหญ่จริง” พระองค์จึงตรัสแก่สาวกนั้นว่า “ท่านเห็นตึกใหญ่เหล่านี้หรือ ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็หามิได้” เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศตรงหน้าพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์นและอันดรูว์มากราบทูลถามพระองค์ส่วนตัวว่า “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรจะเป็นหมายสำคัญว่าการณ์ทั้งปวงนี้จวนจะสำเร็จ” พระเยซูจึงตั้งต้นตรัสตอบเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเราว่า ‘เราเป็นพระคริสต์’ และจะล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ และจะเกิดกันดารอาหารและความทุกข์ยาก เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก แต่จงระวังตัวให้ดี เพราะคนเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนท่านในธรรมศาลา และท่านจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเห็นแก่เรา เพื่อจะได้เป็นพยานแก่เขา ข่าวประเสริฐจะต้องประกาศทั่วประชาชาติทั้งปวงก่อน แต่ว่าเมื่อเขาจะนำท่านมามอบไว้นั้น อย่าเป็นกังวลก่อนว่าจะพูดอะไรดี และอย่าตรึกตรองเลย แต่จงพูดตามซึ่งได้ทรงโปรดให้ท่านพูดในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นมิใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ว่าพี่ก็จะทรยศน้องให้ถึงความตาย พ่อก็จะมอบลูก และลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย ท่านจะถูกคนทั้งปวงเกลียดชังเพราะเห็นแก่นามของเรา แต่ผู้ที่ทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด แต่เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่สมควรจะตั้ง” (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) “เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขาทั้งหลาย ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเข้าไปเก็บข้าวของใดๆออกจากบ้านของตน ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน แต่ในวันเหล่านั้น วิบัติจะเกิดขึ้นแก่หญิงที่มีครรภ์ หรือหญิงที่มีลูกอ่อนกินนมอยู่ ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานขอเพื่อเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมี ตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใดๆรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ถูกเลือกสรรซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ พระองค์จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า และในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘ดูเถิด อยู่ที่โน่น’ อย่าได้เชื่อเลย ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้ทำนายเทียมเท็จเกิดขึ้นหลายคน ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์เพื่อล่อลวงผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ แต่ท่านทั้งหลายจงระวังให้ดี ดูเถิด เราได้บอกสิ่งสารพัดให้แก่ท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว
มาระโก 13:1-23 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่อพระเยซูเสด็จออกจากบริเวณพระวิหาร มีสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ศิลาและตึกเหล่านี้ใหญ่จริง>> พระเยซูจึงตรัสแก่สาวกนั้นว่า <<ท่านเห็นตึกใหญ่เหล่านี้หรือ ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี>> เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศตรงหน้าพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์มากราบทูลถามพระองค์ส่วนตัวว่า <<ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรจะเป็นหมายสำคัญว่า การณ์ทั้งปวงนี้จวนจะสำเร็จ>> พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า <<ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่า <เราเป็นผู้นั้น> และจะให้คนเป็นอันมากหลงไป เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง เพราะ ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ และจะเกิดกันดารอาหาร เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก <<แต่จงระวังตัวให้ดี เพราะคนเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนท่านในธรรมศาลา และท่านจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อจะได้เป็นพยานแก่เขา ข่าวประเสริฐจะต้องประกาศทั่วประชาชาติทั้งปวงก่อน แต่ว่าเมื่อเขาจะอายัดท่านไว้นั้น อย่าเป็นกังวลก่อนว่าจะพูดอะไรดี แต่จงพูดตามซึ่งพระเจ้าทรงโปรดให้ท่านพูดในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นมิใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ว่าพี่ก็จะมอบน้องให้ถึงความตาย พ่อก็จะมอบลูก และลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่าน เพราะความภักดีที่ท่านมีต่อเรา แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด <<แต่เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาตึก อย่าให้ลงมาเข้าไปเก็บเอาสิ่งของในตึกของตนเลย ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจาน่าสงสารหญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ จงอธิษฐานขอเพื่อเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว ด้วยว่าในคราวนั้น จะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมี ตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ถูกเลือกสรร ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้พระองค์จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า และในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า <แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่> หรือ <แน่ะ อยู่ที่โน่น> อย่าได้เชื่อเลย ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์ เพื่อล่อลวงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ แต่ท่านทั้งหลายจงระวังให้ดี ดูเถิด เราได้บอกท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว
มาระโก 13:1-23 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ขณะพระเยซูเสด็จออกจากพระวิหาร สาวกคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “ดูสิ พระอาจารย์! หินก้อนมหึมาทั้งนั้น! ช่างเป็นอาคารที่งามตระการตายิ่งนัก!” พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านเห็นอาคารใหญ่โตมโหฬารเหล่านี้ใช่ไหม? ศิลาที่นี่จะไม่เหลือซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด” ขณะพระเยซูประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศตรงข้ามกับพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์มาทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ขอทรงบอกพวกข้าพระองค์เถิด สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด? และอะไรเป็นหมายสำคัญว่าสิ่งทั้งปวงนั้นกำลังจะสำเร็จ?” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “จงระวัง อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน หลายคนจะมาในนามของเราและอ้างตัวว่า ‘เราคือผู้นั้น’ แล้วล่อลวงคนเป็นอันมาก เมื่อท่านได้ยินข่าวสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตกใจ เพราะสิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นแต่ยังไม่ถึงจุดจบ ประชาชาติต่อประชาชาติและอาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน จะเกิดแผ่นดินไหวและการกันดารอาหารในที่ต่างๆ เหตุการณ์เหล่านี้คือขั้นเริ่มต้นของความเจ็บปวดก่อนคลอดบุตร “ท่านต้องเฝ้าระวัง ท่านจะถูกคุมตัวไปยังที่ว่าการในท้องที่และถูกโบยตีในธรรมศาลา ท่านต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้ว่าการและกษัตริย์แล้วเป็นพยานแก่พวกเขาเพื่อเรา ข่าวประเสริฐต้องประกาศแก่มวลประชาชาติก่อน เมื่อใดก็ตามที่ท่านถูกจับกุมและส่งตัวขึ้นศาล อย่าวิตกกังวลไปก่อนว่าจะพูดอะไรดี จงพูดไปตามถ้อยคำที่ประทานแก่ท่านในเวลานั้นเพราะไม่ใช่ตัวท่านเองที่เป็นผู้พูดแต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ “พี่น้องจะทรยศกันเองถึงตายและพ่อจะทรยศลูก ลูกจะกบฏต่อพ่อแม่และเป็นเหตุให้พวกเขาถึงตาย คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะรอด “เมื่อใดที่ท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’ ตั้งอยู่ในที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมัน (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านอย่าลงมาหรือเข้าบ้านมาหยิบสิ่งใดออกไป ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อคลุมของท่าน วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อน จงอธิษฐานให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดในฤดูหนาว เพราะเวลานั้นจะเป็นวาระแห่งความทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่มีครั้งใดเทียบเท่าตั้งแต่เริ่มแรกเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีก หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าก็จะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้พระองค์จึงทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง เมื่อเวลานั้นมาถึงหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย เพราะจะมีพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จปรากฏขึ้น พวกเขาจะแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อลวงผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้หากเป็นไปได้ ฉะนั้นจงระวัง เราบอกทุกอย่างแก่ท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว
มาระโก 13:1-23 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ขณะที่พระเยซูกำลังออกไปจากพระวิหาร สาวกของพระองค์คนหนึ่งพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ ดูเถิดว่าหินและตึกช่างใหญ่มหึมาอะไรเช่นนี้” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เจ้าเห็นตึกใหญ่เหล่านี้ใช่ไหม ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้” ขณะที่พระองค์นั่งอยู่บนภูเขามะกอกตรงข้ามกับพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์ก็ไต่ถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “โปรดบอกพวกเราเถิดว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทุกประการใกล้จะบรรลุผล” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด จะมีคนจำนวนมากมากล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นพระองค์’ และจะชักจูงคนจำนวนมากไปในทางที่ผิด เมื่อเจ้าได้ยินเรื่องการสงครามต่างๆ และข่าวลือเรื่องสงคราม ก็อย่าตกใจกลัว สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที ด้วยว่าประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน จะเกิดแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ จะมีการอดอยากด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเริ่มของความเจ็บปวดเหมือนก่อนคลอดลูก แต่จงระวังให้ดี เพราะว่าพวกเขาจะมอบตัวเจ้าไปให้ตามศาลต่างๆ แล้วเจ้าจะถูกโบยตีตามศาลาที่ประชุม และเจ้าจะยืนต่อหน้าเหล่าผู้ว่าราชการและบรรดากษัตริย์ก็เพราะเรา ครั้นแล้วเจ้าจะได้เป็นพยานแก่พวกเขา และข่าวประเสริฐจะถูกประกาศแก่ชนทุกชาติก่อน เมื่อพวกเขาจับกุมเจ้าและมอบตัวเจ้าไป ก็อย่ากังวลล่วงหน้าว่าเจ้าจะต้องพูดอะไร จงพูดตามคำที่เจ้าจะได้รับให้พูดในเวลานั้น เพราะว่าไม่ใช่ตัวเจ้าเองที่พูด แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ บรรดาพี่น้องต่างคนก็ต่างจะส่งตัวกันและกันไปประหาร พ่อมอบลูก และบรรดาลูกๆ จะต่อต้านพ่อแม่ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และคนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้าเหตุเพราะชื่อของเรา แต่คนที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะได้ชีวิตรอดพ้น แต่เมื่อเจ้าเห็นสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติยืนอยู่ในที่ซึ่งไม่ควรจะอยู่ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเถิด) เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา และอย่าให้คนที่อยู่บนหลังคาบ้านลงหรือเข้าไปในบ้านของเขาเพื่อขนสิ่งใดออกมา และอย่าให้คนที่อยู่ในทุ่งนาหันกลับไปหยิบเสื้อตัวนอกของเขา วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น แต่จงอธิษฐานเพื่อว่าจะได้ไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว เพราะในเวลานั้นจะเป็นเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกจนถึงเวลานี้และจะไม่เป็นเช่นนั้นอีก หากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ลดจำนวนวันให้น้อยลงแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตได้เลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่พระเจ้าได้เลือกไว้ พระองค์จึงลดจำนวนวันลง และในเวลานั้นถ้าใครพูดกับเจ้าว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น’ ก็อย่าเชื่อเขา บรรดาพระคริสต์จอมปลอมและผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมจะแสดงตน พวกเขาจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เพื่อหากว่าเป็นไปได้ ก็จะชักจูงให้แม้ผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ให้หลงไปในทางที่ผิด แต่จงระวังไว้ เราได้บอกทุกสิ่งล่วงหน้าไว้กับเจ้าแล้ว