มาระโก 12:13-27

มาระโก 12:13-27 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เขาจึงใช้บางคนในพวกฟาริสีและพวกเฮโรดไปหาพระองค์ เพื่อจะคอยจับความผิดในพระดำรัสของพระองค์ ครั้นมาถึงแล้วก็ทูลพระองค์ว่า <<อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบอยู่ว่า ท่านเป็นคนสัตย์ซื่อและมิได้เอาใจผู้ใด เพราะท่านมิได้เห็นแก่หน้าผู้ใด แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าจริงๆ การที่จะส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่ เราจะส่งดีหรือไม่ส่งดี>> แต่พระองค์ทรงทราบอุบายของเขาจึงตรัสว่า <<ท่านทั้งหลายมาจับผิดเราทำไม จงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู>> เขาก็เอามาให้ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร>> เขาทูลตอบพระองค์ว่า <<ของซีซาร์>> พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า>> ฝ่ายเขาก็ประหลาดใจในพระองค์ยิ่งนัก มีพวกสะดูสีบางคนมาหาพระองค์ พวกนี้เป็นผู้สอนว่าการฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่มี เขาทูลถามพระองค์ว่า <<อาจารย์เจ้าข้า โมเสสได้เขียนสั่งข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า ถ้าชายผู้ใดตายและภรรยายังอยู่ แต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อสืบเผ่าพันธุ์ของพี่ชายไว้ ยังมีชายพี่น้องเจ็ดคน พี่หัวปีมีภรรยาแล้วตาย ไม่มีบุตร น้องที่หนึ่งจึงรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา แล้วก็ตายยังไม่มีบุตร และน้องที่สองก็รับไว้เหมือนกัน แต่ก็ตายไม่มีบุตร พี่น้องทั้งเจ็ดคนนี้ก็ได้รับผู้หญิงนั้นไว้เป็นภรรยาและไม่มีบุตร ที่สุดผู้หญิงนั้นก็ตายด้วย เหตุฉะนั้นในวันที่จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของใคร ด้วยนางได้เป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว>> พระเยซูจึงตรัสแก่เขาว่า <<เพราะข้อต่อไปนี้พวกท่านผิดแล้วมิใช่หรือ คือท่านทั้งหลายไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพราะเมื่อมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์ แต่เรื่องคนซึ่งตายแล้วที่เขาจะถูกชุบให้เป็นขึ้นอีกนั้น ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านคัมภีร์ของโมเสสตอนเรื่องพุ่มไม้หรือ ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับโมเสสว่า เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายผิดมากทีเดียว>>

มาระโก 12:13-27 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ต่อมาพวกเขาส่งฟาริสีบางคนกับกลุ่มผู้สนับสนุนเฮโรดมาหาพระเยซูเพื่อจับผิดถ้อยคำของพระองค์ พวกนั้นมาทูลว่า “ท่านอาจารย์ เรารู้ว่าท่านเป็นคนซื่อตรงไม่เอนเอียงไปตามมนุษย์ เพราะท่านไม่เห็นแก่หน้าใครแต่สอนทางของพระเจ้าตามความจริง เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่จะเสียภาษีให้แก่ซีซาร์? เราควรเสียหรือไม่ควรเสีย?” แต่พระเยซูทรงรู้ทันความหน้าซื่อใจคดของเขาจึงตรัสว่า “พวกท่านมาจับผิดเราทำไม? เอาเหรียญหนึ่งเดนาริอันมาให้เราดูซิ” พวกเขาก็นำเหรียญมาถวายและพระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “รูปนี้เป็นของใคร? และคำจารึกเป็นของใคร?” เขาทูลตอบว่า “ของซีซาร์” แล้วพระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงให้แก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” พวกเขาก็ทึ่งในพระองค์ยิ่งนัก ฝ่ายพวกสะดูสีซึ่งกล่าวว่าไม่มีการเป็นขึ้นจากตายมาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งพวกเราไว้ว่าถ้าชายใดเสียชีวิตไปโดยไม่มีบุตร ให้พี่ชายหรือน้องชายของเขาแต่งงานกับภรรยาม่ายเพื่อจะมีบุตรสืบสกุลให้ผู้นั้น คราวนี้มีพี่น้องเจ็ดคน พี่ชายคนโตแต่งงานแล้วตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สองจึงรับพี่สะใภ้มาเป็นภรรยา แต่แล้วก็ตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สามก็เช่นเดียวกัน จนมาถึงคนที่เจ็ด ทั้งหมดล้วนจากไปโดยไม่มีบุตร ท้ายที่สุดหญิงนั้นก็ตายด้วย เมื่อเป็นขึ้นจากตายหญิงผู้นี้จะเป็นภรรยาของใครในเมื่อทั้งเจ็ดคนล้วนได้นางเป็นภรรยา?” พระเยซูทรงตอบว่า “ท่านผิดแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะท่านไม่รู้พระคัมภีร์และไม่รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เมื่อเป็นขึ้นจากตายนั้นจะไม่มีการแต่งงานหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ ส่วนที่เกี่ยวกับการเป็นขึ้นจากตายนั้นพวกท่านยังไม่ได้อ่านหนังสือของโมเสสเรื่องพุ่มไม้นั้นหรือ? ที่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’? พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของคนตายแต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น พวกท่านเข้าใจผิดไปมาก!”

มาระโก 12:13-27 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พวก​ผู้นำ​ยิว​ส่ง​พวก​ฟาริสี และ​พวกที่​สนับสนุน​กษัตริย์​เฮโรด มา​เพื่อ​จับผิด​คำพูด​พระเยซู พวก​เขา​ถาม​พระองค์​ว่า “อาจารย์​ครับ เรา​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ซื่อสัตย์ ไม่​กลัว​ว่า​คน​อื่น​จะ​คิด​อย่างไร ไม่​เห็นแก่​หน้าใคร และ​สอน​ความจริง​ใน​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ต้องการ​ให้​มนุษย์​ทำ ช่วย​บอก​หน่อย​สิ​ครับ​ว่า​มัน​ถูกต้อง​ตามกฎ​หรือ​เปล่า​ที่​จะ​เสีย​ภาษี​ให้​กับ​ซีซาร์” พระองค์​รู้​ว่า​พวก​เขา​มา​หลอก​ถาม​ก็​เลย​พูด​ว่า “พวก​คุณ​มา​หลอก​จับผิด​เรา​ทำไม ส่ง​เหรียญ​เงิน​มา​อัน​หนึ่ง​สิ” พวก​เขา​จึง​ส่ง​เหรียญ​ให้​พระองค์ แล้ว​พระองค์​ถาม​พวก​เขา​ว่า “นี่​เป็น​รูป​และ​ชื่อ​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ซีซาร์” พระเยซู​เลย​ตอบ​ว่า “ของๆ​ซีซาร์​ก็​ให้​กับ​ซีซาร์ และ​ของๆ​พระเจ้า​ก็​ให้​กับ​พระเจ้า” พวก​เขา​ก็​ทึ่ง​ใน​คำตอบ​ของ​พระองค์ พวก​สะดูสี​มา​หา​พระองค์ (พวกนี้​ไม่​เชื่อ​เรื่อง​การ​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย) พวก​เขา​ถาม​ว่า “อาจารย์​ครับ โมเสส​ได้​เขียน​สั่ง​พวก​เรา​ว่า ถ้า​ชาย​คน​ไหน​ตาย​และ​ทิ้ง​ภรรยา​ไว้​โดย​ยัง​ไม่​มี​ลูก ก็​ให้​น้องชาย​ของ​คน​ตาย​นั้น​แต่งงาน​กับ​หญิงม่าย​คนนี้ จะ​ได้​มี​ลูก​ไว้​สืบสกุล​ของ​พี่ชาย​ของ​เขา ครั้งหนึ่ง​มี​พี่น้อง​อยู่​เจ็ด​คน พี่ชาย​คน​โต​แต่งงาน​แล้ว​ตาย​ไป​แต่​ยัง​ไม่​มี​ลูก น้อง​คน​ที่​สอง​ก็​มา​แต่งงาน​กับ​แม่ม่าย​ของ​พี่ชาย และ​เขา​ก็​ตาย​ไป​โดย​ยัง​ไม่​มี​ลูก น้อง​คน​ที่​สาม​ก็​มา​ทำ​เหมือน​กัน ทำ​อย่างนี้​จน​ครบ​ทั้ง​เจ็ด​คน​โดย​ไม่​มี​ใคร​มี​ลูก​เลย แล้ว​สุดท้าย​หญิง​คนนี้​ก็​ตาย ใน​วัน​ที่​ทุก​คน​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย​นั้น ผู้หญิง​คนนี้​จะ​เป็น​ภรรยา​ของ​ใคร ใน​เมื่อ​ทั้ง​เจ็ด​คน​นั้น​ก็​เคย​เป็น​สามี​ของ​เธอ” พระเยซู​ว่า “พวก​คุณ​เข้าใจ​ผิด​แล้ว นี่​เพราะ​พวก​คุณ​ไม่​เข้าใจ​พระคัมภีร์ และ​ไม่​รู้จัก​ฤทธิ์เดช​ของ​พระเจ้า เมื่อ​คน​ฟื้นขึ้น​จาก​ความตาย​นั้น จะ​ไม่​มี​การแต่งงาน​หรือ​ยก​ให้​เป็น​ผัว​เมีย​กัน​อีก​แล้ว แต่​พวก​เขา​จะ​เป็น​เหมือน​ทูตสวรรค์ พวก​คุณ​ไม่​เคย​อ่าน​ใน​หนังสือ​ของ​โมเสส​หรือ ใน​ตอน​ที่​พุ่มไม้​ติด​ไฟ​แต่​ไม่​ไหม้ พระเจ้า​พูด​กับ​โมเสส​ว่า ‘เรา​เป็น​พระเจ้า​ของ​อับราฮัม พระเจ้า​ของ​อิสอัค และ​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ’ พระเจ้า​ไม่​ได้​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​ตาย แต่​เป็น​พระเจ้า​ของ​คน​มี​ชีวิต พวก​คุณ​เข้าใจ​เรื่องนี้​ผิด​หมด​เลย”

มาระโก 12:13-27 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พวกเขาใช้บางคนในพวกฟาริสีและพวกเฮโรดไปเฝ้าพระองค์เพื่อจะคอยจับผิดถ้อยคำของพระองค์ เมื่อพวกเขามาถึงแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์และไม่ชอบเอาใจใคร และท่านไม่เห็นแก่หน้าใครเลย แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าตามความจริง การส่งส่วยให้ซีซาร์นั้นสมควรหรือไม่? เราควรจะส่งหรือไม่ส่งดี?” แต่พระองค์ทรงทราบอุบายของพวกเขาจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายมาจับผิดเราทำไม? จงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู” พวกเขาก็เอามาให้ พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “ของซีซาร์” พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” พวกเขาก็ประหลาดใจในพระองค์อย่างยิ่ง มีพวกสะดูสีบางคนมาเฝ้าพระองค์ พวกนี้สอนว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่มี พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งพวกเราว่า ‘ถ้าชายคนใดตาย และภรรยายังอยู่ แต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายรับพี่สะใภ้เป็นภรรยา เพื่อ มีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ มีพี่น้องผู้ชายอยู่เจ็ดคน พี่ชายคนแรกมีภรรยาแล้วตายโดยไม่มีบุตร น้องคนที่สองจึงรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา แล้วก็ตายโดยยังไม่มีบุตร และน้องคนที่สามก็รับไว้เหมือนกัน แต่ก็ตายโดยไม่มีบุตร ไม่มีพี่น้องสักคนในเจ็ดคนนี้ที่มีบุตร ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย เพราะฉะนั้นในวันที่เป็นขึ้นจากตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร? เพราะนางเป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “นี่ไม่ใช่หรือที่แสดงให้เห็นว่าพวกท่านผิดแล้ว? เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า ตอนที่มนุษย์เป็นขึ้นจากตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากัน แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์ ส่วนเรื่องคนที่ตายและถูกทำให้เป็นขึ้นอีกนั้น ท่านทั้งหลายไม่เคยอ่านคัมภีร์ของโมเสสเรื่องพุ่มไม้หรือ? ที่พระเจ้าตรัสไว้กับโมเสสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายเข้าใจผิดมากทีเดียว”

มาระโก 12:13-27 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

เขาจึงใช้บางคนในพวกฟาริ​สี​และพวกเฮโรดไปหาพระองค์ เพื่อจะคอยจับผิดในพระดำรัสของพระองค์ ครั้นมาถึงแล้​วก​็ทูลพระองค์​ว่า “​อาจารย์​เจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบอยู่​ว่า ท่านเป็นคนซื่​อสัตย์​และมิ​ได้​เอาใจผู้​ใด เพราะท่านมิ​ได้​เห็นแก่​หน​้าผู้​ใด แต่​สั่งสอนทางของพระเจ้าจริงๆ การที่จะส่งส่วยให้​แก่​ซี​ซาร์​นั้นถูกต้องตามพระราชบัญญั​ติ​หรือไม่ เราจะส่​งด​ี​หรือไม่​ส่​งด​ี” แต่​พระองค์​ทรงทราบอุบายของเขาจึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายมาทดลองเราทำไม จงเอาเงินตราเหรียญหนึ่งมาให้เราดู” เขาก็เอามาให้ พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “​รู​ปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาทูลตอบพระองค์​ว่า “ของซี​ซาร์​” พระเยซู​จึงตรัสแก่เขาว่า “ของของซี​ซาร์ จงถวายแก่​ซี​ซาร์ และของของพระเจ้า จงถวายแด่​พระเจ้า​” ฝ่ายเขาก็ประหลาดใจในพระองค์ มี​พวกสะดู​สี​มาหาพระองค์ พวกนี้เป็นผู้​ที่​กล​่าวว่าการฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่​มี เขาทูลถามพระองค์​ว่า “​อาจารย์​เจ้าข้า โมเสสได้​เข​ียนสั่งข้าพเจ้าทั้งหลายไว้​ว่า ‘ถ้าชายผู้ใดตายและภรรยายังอยู่ แต่​ไม่มี​บุตร ก็​ให้​น้องชายรับพี่​สะใภ้​นั้นไว้เป็นภรรยาของตน เพื่อสืบเชื้อสายของพี่ชายไว้’ ยั​งม​ี​พี่​น้องผู้ชายเจ็ดคน พี่​หัวปี​มี​ภรรยาแล้วตาย ไม่มี​เชื้อสาย น้องที่​หน​ึ่งจึงรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา แล้วก็​ตาย ยังไม่​มี​เชื้อสาย และน้องที่สองที่สามก็ทำเช่​นก​ัน พี่​น้องทั้งเจ็ดคนนี้​ก็ได้​รับผู้หญิงนั้นไว้เป็นภรรยาและไม่​มี​เชื้อสาย ที่​สุดผู้หญิงนั้​นก​็ตายด้วย เหตุ​ฉะนั้น ในวั​นที​่จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย เมื่อเขาทั้งเจ็ดเป็นขึ้นมาแล้ว หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของใครด้วยนางได้เป็นภรรยาของชายทั้งเจ็ดแล้ว” พระเยซู​จึงตรัสตอบเขาว่า “พวกท่านคิดผิดเสียแล้ว เพราะท่านทั้งหลายไม่​รู้​พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า ด้วยว่าเมื่​อมนุษย์​จะฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้น เขาจะไม่​มี​การสมรส หรือยกให้เป็นสามีภรรยากั​นอ​ีก แต่​จะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ในฟ้าสวรรค์ และเรื่องคนซึ่งตายแล้​วท​ี่เขาจะถูกชุบให้เป็นขึ้​นอ​ีกนั้น ท่านทั้งหลายยังไม่​ได้​อ่านคัมภีร์ของโมเสสตอนเรื่องพุ่มไม้​หรือ ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้กับโมเสสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม เป็นพระเจ้าของอิสอัค และเป็นพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์​มิได้​เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่​ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายจึงผิดมากที​เดียว​”

มาระโก 12:13-27 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​แล้ว​พวก​เขา​จึง​ให้​บรรดา​ฟาริสี​และ​บาง​คน​ใน​พรรค​ของ​เฮโรด​ไป​หา​พระ​เยซู เพื่อ​จะ​จับผิด​ใน​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​กล่าว พวก​เขา​จึง​มา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์ พวก​เรา​ทราบ​ว่า ท่าน​พูด​ความ​จริง​และ​ไม่​เขว​ไป​ตาม​มนุษย์ เพราะ​ท่าน​ไม่​เอา​ใจ​ผู้​ใด แต่​สั่งสอน​ใน​วิถี​ทาง​ของ​พระ​เจ้า​ตาม​ความ​จริง ถูกต้อง​ตาม​กฎ​หรือ​ไม่​ใน​การ​เสีย​ภาษี​ให้​แก่​ซีซาร์ พวก​เรา​ควร​จ่าย​หรือ​ไม่” แต่​พระ​เยซู​ทราบ​ว่า​พวก​เขา​เป็น​คน​หน้าไหว้​หลังหลอก พระ​องค์​กล่าว​ว่า “ทำไม​จึง​ทดสอบ​เรา เอา​เงิน​เหรียญ​เดนาริอัน​มา​ให้​เรา​ดู​สิ” แล้ว​พวก​เขา​ก็​เอา​มา​ให้ พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “รูป​และ​คำ​จารึก​นี้​เป็น​ของ​ใคร” เขา​ทั้ง​หลาย​ตอบ​ว่า “ของ​ซีซาร์” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​ซีซาร์​ก็​จง​ให้​แก่​ซีซาร์ และ​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​พระ​เจ้า​ก็​จง​ให้​แด่​พระ​เจ้า” แล้ว​พวก​เขา​ก็​อัศจรรย์​ใจ​ใน​พระ​องค์ พวก​สะดูสี (ซึ่ง​เชื่อ​ว่า​ไม่​มี​การ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย) ได้​มา​หา​พระ​องค์​และ​ถาม​ว่า “อาจารย์ ตาม​ที่​โมเสส​ได้​เขียน​ไว้​ให้​พวก​เรา​ว่า ถ้า​ชาย​ใด​ตาย​ไป แต่​ภรรยา​ยัง​อยู่​โดย​ที่​ไม่​มี​บุตร​ด้วย​กัน น้อง​ชาย​ของ​คน​ตาย​ควร​รับ​หญิง​ม่าย​ไว้ เพื่อ​มี​บุตร​สืบ​ตระกูล​ให้​พี่​ชาย​ของ​เขา มี​พี่น้อง​ที่​เป็น​ชาย​อยู่ 7 คน คนแรก​มี​ภรรยา​และ​ตาย​โดย​ไม่​มี​บุตร คน​ที่​สอง​สมรส​กับ​นาง​แล้ว​ก็​ตาย​โดย​ไม่​มี​บุตร​ด้วย คน​ที่​สาม​ก็​เช่น​กัน ดังนั้น​ทั้ง 7 คน​ก็​ไม่​ได้​มี​บุตร​สืบ​ตระกูล​เลย ใน​ที่​สุด​หญิง​คน​นั้น​ก็​ตาย​ไป​ด้วย ใน​วัน​ที่​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย เมื่อ​เขา​เหล่า​นั้น​ฟื้น​คืน​ชีวิต แล้ว​นาง​จะ​เป็น​ภรรยา​ของ​ใคร ใน​เมื่อ​ทั้ง 7 คน​ได้​นาง​เป็น​ภรรยา” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เหตุ​ที่​พวก​ท่าน​ผิด ก็​เป็น​เพราะ​ว่า​ท่าน​ไม่​รู้​พระ​คัมภีร์​และ​อานุภาพ​ของ​พระ​เจ้า​ใช่​ไหม ด้วย​ว่า​เมื่อ​ผู้​คน​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย พวก​เขา​จะ​ไม่​มี​การ​สมรส​หรือ​การ​ยก​ให้​เป็น​สามี​ภรรยา​กัน แต่​จะ​เป็น​เหมือน​กับ​พวก​ทูต​สวรรค์​ใน​ฟ้า​สวรรค์ แต่​เรื่อง​จริง​ที่​ว่า คน​ตาย​ฟื้น​คืน​ชีวิต​อีก ท่าน​ไม่​เคย​อ่าน​ใน​ฉบับ​ของ​โมเสส​หรือ ใน​ตอน​ที่​เกี่ยว​กับ​พุ่มไม้​ที่​ลุก​เป็น​ไฟ พระ​เจ้า​กล่าว​กับ​เขา​ว่า ‘เรา​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​อับราฮัม พระ​เจ้า​ของ​อิสอัค และ​พระ​เจ้า​ของ​ยาโคบ’ พระ​องค์​ไม่​ใช่​พระ​เจ้า​ของ​คน​ตาย แต่​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​คน​เป็น พวก​ท่าน​เข้าใจ​ผิด​เป็น​อย่าง​มาก​ที​เดียว”