มัทธิว 9:2-7

มัทธิว 9:2-7 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

มี​คน​หาม​คน​เป็น​อัมพาต​นอน​อยู่​บน​เปล​มา​หา​พระองค์ เมื่อ​พระเยซู​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา ก็​พูด​กับ​คน​ที่​เป็น​อัมพาต​ว่า “ลูกเอ๋ย สบายใจ​ได้​แล้ว เพราะ​บาป​ของ​ลูก​ได้รับ​การ​อภัย​แล้ว” ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​บางคน​ก็​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ไอ้​หมอ​นี่ พูดจา​ดู​หมิ่น​พระเจ้า​ชัดๆ” พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่ จึง​พูด​ขึ้น​ว่า “ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​คิด​ชั่วร้าย​อย่างนี้​ใน​ใจ จะ​ให้​เรา​พูด​ว่า ‘ความบาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การ​อภัย​แล้ว’ หรือ ‘ลุก​ขึ้น​เดิน​ซะ’ อัน​ไหน​จะ​ง่าย​กว่า​กัน เดี๋ยว​เรา​จะ​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า บุตรมนุษย์​มี​สิทธิอำนาจ​ใน​โลกนี้​ที่​จะ​อภัย​บาป​ได้” แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​คน​ง่อย​ว่า “ลุก​ขึ้น เก็บ​ที่​นอน แล้ว​กลับ​ไป​บ้าน​ได้​แล้ว” ชาย​คน​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​เดิน​กลับ​บ้าน

มัทธิว 9:2-7 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

นี่แน่ะ เขาทั้งหลายหามคนง่อยคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของพวกเขา จึงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” เมื่อได้ยินดังนั้น พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้หมิ่นประมาทพระเจ้า” พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงตรัสว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดการชั่วอยู่ในใจ? การที่พูดว่า ‘บาปต่างๆ ของท่านได้รับอภัยแล้ว’ กับการพูดว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แบบไหนจะง่ายกว่ากัน? ทั้งนี้เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านของท่าน” เขาจึงลุกขึ้นไปบ้าน

มัทธิว 9:2-7 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ดู​เถิด เขาหามคนอัมพาตคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย จึงตรัสกับคนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” ดู​เถิด พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้​พู​ดหมิ่นประมาท” ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรั​สว​่า “​เหตุ​ไฉนท่านทั้งหลายคิดชั่วอยู่ในใจเล่า ที่​จะว่า ‘บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว’ หรือจะว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่​เพื่อท่านทั้งหลายจะได้​รู้​ว่า บุ​ตรมนุษย์​มี​สิทธิ​อำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้” (​พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งคนอัมพาตว่า) “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” เขาจึงลุกขึ้นไปบ้านของตน

มัทธิว 9:2-7 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ดูเถิด เขาหามคนง่อยคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ เมื่อพระเยซูทรงเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย จึงตรัสกับคนง่อยว่า <<ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว>> เมื่อได้ยินตรัสดังนั้น พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า <<คนนี้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า>> ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสว่า <<เหตุไฉนท่านทั้งหลายคิดชั่วอยู่ในใจเล่า ที่จะว่า <เจ้าได้รับอภัยเรื่องบาปของเจ้าแล้ว> และจะว่า <จงลุกขึ้นเดินไปเถิด> นั้นข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้>> พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า <<จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านเถิด>> เขาจึงลุกขึ้นไปบ้าน

มัทธิว 9:2-7 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

มีผู้หามคนเป็นอัมพาตซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระเยซู เมื่อทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาก็ตรัสกับคนเป็นอัมพาตนั้นว่า “ลูกเอ๋ยจงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” พวกธรรมาจารย์บางคนได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่า “ชายคนนี้กำลังพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า!” พระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “เหตุใดพวกท่านจึงคิดชั่วอยู่ในใจ? ที่จะพูดว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับ ‘จงลุกขึ้นเดินไป’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาป” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “จงลุกขึ้นแบกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” และชายคนนั้นก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน

มัทธิว 9:2-7 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

มี​ผู้​คน​พา​ชาย​ง่อย​คนหนึ่ง​นอน​บน​เปลหาม​มา พอ​พระ​องค์​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา​จึง​กล่าว​กับ​คน​ง่อย​ว่า “ลูกเอ๋ย จง​ทำใจ​ให้ดี​ไว้ บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว” พวก​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​บาง​คน​พูด​ต่อ​กัน​และ​กัน​ว่า “ชาย​ผู้นี้​พูดจา​หมิ่นประมาท​พระ​เจ้า” พระ​เยซู​ทราบ​ความ​คิด​ของ​พวก​เขา​จึง​กล่าว​ว่า “ทำไม​พวก​ท่าน​จึง​คิดชั่ว​อยู่​ใน​ใจ​เล่า พูด​อย่างไร​จึง​จะ​ง่าย​กว่ากัน​ระหว่าง ‘บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว’ หรือ​จะ​พูด​ว่า ‘จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​เถิด’ แต่​เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า บุตรมนุษย์​มี​สิทธิ​อำนาจ​ใน​โลก​ที่​จะ​ยกโทษ​บาป​ทั้ง​หลาย” แล้ว​พระ​องค์​กล่าว​กับ​คน​ง่อย​นั้น​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น แล้ว​ยก​เปลหาม​กลับ​ไป​บ้าน​เถิด” เขา​จึง​ลุกขึ้น​แล้ว​กลับบ้าน​ไป