มัทธิว 9:14-30

มัทธิว 9:14-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ลูกศิษย์​ของ​ยอห์น​ที่​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ เข้า​มา​ถาม​พระองค์​ว่า “พวก​เรา​และ​พวก​ฟาริสี​อด​อาหาร กัน​เป็น​ประจำ แต่​ทำไม​ลูกศิษย์​ของ​ท่าน​ถึง​ไม่​ทำ​บ้าง​ล่ะ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “จะ​ให้​เพื่อน​เจ้าบ่าว​โศกเศร้า​ได้​อย่าง​ไร ใน​เมื่อ​เจ้าบ่าว​ยัง​อยู่ แต่​เมื่อ​ถึง​วัน​นั้น​ที่​เจ้าบ่าว​ถูก​พราก​ไป​จาก​พวก​เขา แล้ว​เมื่อ​นั้น​พวก​เขา​จะ​อด​อาหาร” “ไม่​มี​ใคร​เอา​ผ้า​ที่​ยัง​ไม่​หด​ไป​ปะ​เข้า​กับ​เสื้อผ้า​เก่า​หรอก เพราะ​เมื่อ​ผ้า​นั้น​หด​ก็​จะ​ดึง​เสื้อผ้า​เก่า​ให้​ขาด​มาก​ขึ้น คง​ไม่​มี​ใคร​เอา​เหล้า​องุ่น​ใหม่​เท​ใส่​ใน​ถุง​หนัง​เก่า​หรอก เพราะ​ถุง​หนัง​เก่า​จะ​แตก เหล้า​องุ่น​ก็​จะ​รั่ว​ไหล​ออก​มา​หมด และ​ถุง​หนัง​เก่า​ก็​จะ​เสีย​ด้วย แต่​ควร​จะ​เท​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ลง​ใน​ถุง​หนัง​ใหม่ เพื่อ​จะ​ได้​รักษา​ทั้ง​เหล้า​องุ่น และ​ถุง​หนัง​นั้น​ไว้” เมื่อ​พระเยซู​กำลัง​พูด​เรื่องนี้​อยู่ ก็​มี​หัวหน้า​ที่​ประชุม​ชาว​ยิว​คน​หนึ่ง​เข้า​มา​คุก​เข่า​ต่อ​หน้า​พระองค์​และ​พูด​ว่า “ลูกสาว​ของ​ผม​เพิ่ง​ตาย แต่​ถ้า​อาจารย์​ช่วย​ไป​วางมือ​บน​ตัว​เธอ เธอ​ก็​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา” พระเยซู​ลุก​ขึ้น​ตาม​เขา​ไป ศิษย์​ของ​พระองค์​ก็​ตาม​ไป​ด้วย ขณะ​นั้น​มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​ทน​ทุกข์ทรมาน​มาก​เพราะ​ตกเลือด​มา​สิบสอง​ปี​แล้ว เธอ​เบียด​คน​เข้า​มา​อยู่​ข้าง​หลัง​พระองค์​และ​แตะ​พู่​ที่​ชาย​เสื้อคลุม​พระองค์ เธอ​คิด​ใน​ใจ​ว่า “ขอ​แค่​ได้​แตะ​เสื้อคลุม​ของ​เขา ฉัน​ก็​จะ​หาย” พระเยซู​หัน​มา​เห็น​เธอ แล้ว​พูด​ว่า “ลูก​เอ๋ย สบายใจ​ได้​แล้ว ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ทำ​ให้​เจ้า​หาย​แล้ว” แล้ว​เธอ​ก็​หาย​ทันที เมื่อ​พระเยซู​มา​ถึง​บ้าน​ของ​หัวหน้า​ที่​ประชุม​ชาว​ยิว ก็​เห็น​คน​เป่า​ปี่​และ​คน​มาก​มาย​กำลัง​ร้องไห้​กัน​อยู่ พระองค์​บอก​ว่า “ออก​ไป​ให้​หมด เด็ก​คนนี้​ยัง​ไม่​ตาย​แต่​กำลัง​หลับ​อยู่” พวก​นั้น​ต่าง​พา​กัน​หัวเราะ​เยาะ​พระองค์ เมื่อ​คน​พวก​นั้น​ถูก​ไล่​ออก​ไป​หมด​แล้ว พระเยซู​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ของ​เด็ก จับ​มือ​เธอ แล้ว​เธอ​ก็​ลุก​ขึ้น​มา เรื่องนี้​ได้​เลื่องลือ​กัน​ไป​ทั่ว​แคว้น​นั้น เมื่อ​พระเยซู​ออก​มา​จาก​ที่​นั่น มี​ชาย​ตาบอด​สอง​คน​เดิน​ตาม​มา​และ​ร้อง​ตะโกน​ว่า “บุตร​ดาวิด โปรด​สงสาร​พวก​เรา​ด้วย​เถิด” เมื่อ​พระเยซู​เข้า​ไป​ใน​บ้าน ชาย​ตาบอด​ก็​เข้า​ไป​หา​พระองค์ พระเยซู​ถาม​พวก​เขา​ว่า “เชื่อ​ไหม​ว่า เรา​ทำ​ให้​คุณ​มอง​เห็น​ได้” ชาย​ตาบอด​ตอบ​ว่า “เชื่อ​ครับ​ท่าน” พระเยซู​แตะ​ที่​ตา​ของ​พวก​เขา และ​พูด​ว่า “คุณ​เชื่อ​ยังไง ก็​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​นั้น” แล้ว​พวก​เขา​ก็​มอง​เห็น พระเยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “อย่า​บอก​เรื่องนี้​ให้​ใคร​รู้​เป็น​อัน​ขาด”

มัทธิว 9:14-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

แล้วบรรดาสาวกของยอห์นมาหาพระเยซูทูลว่า “ทำไมเราและพวกฟาริสีถืออดอาหาร แต่พวกสาวกของท่านไม่ถือ?” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “บรรดาแขกรับเชิญจะโศกเศร้า เมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับพวกเขาหรือ? แต่วันหนึ่งเจ้าบ่าวจะถูกพรากไปจากเขา และเมื่อนั้นพวกเขาจะถืออดอาหาร ไม่มีใครเอาชิ้นผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าที่ปะเข้านั้น เมื่อหดจะทำให้เสื้อเก่าขาดกว้างออกไปอีก และเขาทั้งหลายไม่เอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เขาย่อมเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่ แล้วทั้งคู่ก็จะอยู่ในสภาพดี” เมื่อพระองค์กำลังตรัสคำเหล่านี้กับเขาทั้งหลาย ก็มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งมากราบไหว้พระองค์แล้วทูลว่า “ลูกสาวของข้าพระองค์เพิ่งตาย ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์บนตัวเขา แล้วเขาจะเป็นขึ้น” พระเยซูจึงทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไป และพวกสาวกของพระองค์ตามไปด้วย นี่แน่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีแล้ว แอบมาข้างหลังแตะต้องชายฉลองพระองค์ เพราะนางคิดในใจว่า “ถ้าฉันได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายโรค” พระเยซูทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรเห็นเข้า จึงตรัสว่า “ลูกหญิงเอ๋ย จงชื่นใจเถิด ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ” นับตั้งแต่เวลานั้น ผู้หญิงนั้นก็หายป่วยเป็นปกติ เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของนายธรรมศาลานั้น ทอดพระเนตรเห็นพวกเป่าปี่และคนจำนวนมากชุลมุนกันอยู่ พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย แต่นอนหลับอยู่” พวกเขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์ แต่เมื่อไล่ผู้คนออกไปแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือเด็กและเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้น แล้วเรื่องนั้นก็ลือไปทั่วแคว้นนั้น เมื่อพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่น ก็มีคนตาบอดสองคนตามพระองค์มาร้องว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน คนตาบอดทั้งสองก็เข้ามาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาทั้งสองว่า “ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเรามีฤทธิ์เดชทำการนี้ได้?” เขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อ” แล้วพระองค์ทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขา ตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของพวกท่านเถิด” แล้วนัยน์ตาของเขาทั้งสองก็กลับเห็นได้ พระเยซูทรงกำชับเขาว่า “จงระวังอย่าบอกให้ใครรู้เลย”

มัทธิว 9:14-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แล​้วพวกสาวกของยอห์นมาหาพระองค์ทูลว่า “​เหตุ​ไฉนพวกข้าพระองค์และพวกฟาริ​สี​ถืออดอาหารบ่อยๆ แต่​พวกสาวกของพระองค์​ไม่​ถืออดอาหาร” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “สหายของเจ้าบ่าวเป็นทุกข์โศกเศร้าเมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับเขาได้​หรือ แต่​วันนั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าบ่าวจะต้องจากเขาไป เมื่อนั้นเขาจะถืออดอาหาร ไม่มี​ผู้​ใดเอาท่อนผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าที่ปะเข้านั้น เมื่อหดจะทำให้เสื้อเก่าขาดกว้างออกไปอีก และไม่​มี​ผู้​ใดเอาน้ำองุ่นใหม่มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด น้ำองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนั​งก​็จะเสียไปด้วย แต่​เขาย่อมเอาน้ำองุ่นใหม่​ใส่​ในถุงหนังใหม่ แล​้​วท​ั้งสองอย่างก็​อยู่ดี​ด้วยกันได้” เมื่อพระองค์กำลังตรัสคำเหล่านี้​แก่​เขานั้น ดู​เถิด มี​ขุนนางคนหนึ่งมานมัสการพระองค์​แล​้​วท​ูลว่า “ลูกสาวของข้าพระองค์พึ่งตาย ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์ของพระองค์บนตัวเขา แล​้วเขาจะฟื้นขึ้​นอ​ีก” ฝ่ายพระเยซูจึงทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไป และพวกสาวกของพระองค์​ก็​ตามไปด้วย ดู​เถิด มี​ผู้​หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกเลือดได้​สิ​บสองปีมาแล้วแอบมาข้างหลัง ถู​กต้องชายฉลองพระองค์ เพราะนางคิดในใจว่า “ถ้าเราได้แตะต้องฉลองพระองค์​เท่านั้น เราก็จะหายโรค” ฝ่ายพระเยซูทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรเห็นนางจึงตรั​สว​่า “ลูกสาวเอ๋ย จงชื่นใจเถิด ความเชื่อของเจ้าทำให้​เจ้​าหายเป็นปกติ” นับตั้งแต่​เวลานั้น ผู้​หญิงนั้​นก​็หายป่วยเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของขุนนางนั้น ทอดพระเนตรเห็นพวกเป่าปี่และคนเป็​นอ​ันมากชุ​ลม​ุ​นก​ันอยู่ พระองค์​จึงตรัสกับเขาว่า “จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กหญิงคนนี้ยังไม่​ตาย เป็นแต่นอนหลั​บอย​ู่” เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์ แต่​เมื่อทรงขับฝูงคนออกไปแล้ว พระองค์​ได้​เสด็จเข้าไปจับมือเด็กหญิง และเด็กหญิงนั้​นก​็​ลุกขึ้น แล​้​วก​ิตติ​ศัพท์​นี้​ก็​ลือไปทั่วแคว้นนั้น ครั้นพระเยซูเสด็จไปจากที่​นั่น ก็​มี​ชายตาบอดสองคนตามพระองค์​มาร​้องว่า “​บุ​ตรดาวิดเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด” และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในเรือน ชายตาบอดทั้งสองก็​เข​้ามาหาพระองค์ พระเยซู​ตรัสถามเขาว่า “​เจ้​าเชื่อหรือว่า เราสามารถจะกระทำการนี้​ได้​” เขาทูลพระองค์​ว่า “​เชื่อ พระเจ้าข้า” แล​้วพระองค์ทรงถูกต้องตาของพวกเขาตรั​สว​่า “​ให้​เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด” แล​้วตาของพวกเขาก็​กล​ับเห็นดี พระเยซู​ได้​ทรงกำชับเขาอย่างแข็งขั​นว​่า “จงระวังอย่าให้​ผู้​ใดรู้​เลย​”

มัทธิว 9:14-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

แล้วพวกศิษย์ของยอห์นมาหาพระเยซูทูลว่า <<เหตุไฉนพวกข้าพระองค์และพวกฟาริสีถืออดอาหาร แต่พวกศิษย์ของพระองค์ไม่ถือ>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<ท่านจะให้สหายของเจ้าบ่าวเป็นทุกข์โศกเศร้า เมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับเขากระนั้นหรือ แต่วันหนึ่งเจ้าบ่าวจะต้องจากเขาไป เมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่เขาจะถืออดอาหาร ไม่มีผู้ใดเอาท่อนผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าที่ปะเข้านั้น เมื่อหดจะทำให้เสื้อเก่า ขาดกว้างออกไปอีก และเขาไม่เอาน้ำองุ่นหมักใหม่ มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด น้ำองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เขาย่อมเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่ แล้วทั้งสองอย่างก็อยู่ดีด้วยกันได้>> เมื่อพระองค์กำลังตรัสคำเหล่านี้แก่เขานั้น ก็มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งมาถวายอภิวาทน์แด่พระองค์แล้วทูลว่า <<ลูกสาวของข้าพระองค์พึ่งตายลง ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์บนตัวเขา แล้วเขาจะฟื้นขึ้นอีก>> ฝ่ายพระเยซูจึงทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไป และพวกสาวกของพระองค์ตามไปด้วย ดูเถิด มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีมาแล้ว แอบมาข้างหลังถูกต้องชายฉลองพระองค์ เพราะนางคิดในใจว่า <<ถ้าเราได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น เราก็จะหายโรค>> ฝ่ายพระเยซูทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรเห็นเข้า จึงตรัสว่า <<ลูกหญิงเอ๋ย จงชื่นใจเถิด ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ>> นับตั้งแต่เวลานั้น ผู้หญิงนั้นก็หายป่วยเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของนายธรรมศาลานั้น ทอดพระเนตรเห็นพวกเป่าปี่และคนเป็นอันมากชุลมุนกันอยู่ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า <<จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ตาย เป็นแต่นอนหลับอยู่>> เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์ แต่เมื่อขับฝูงคนออกไปแล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้าไปจับมือเด็กหญิงและเด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้น แล้วกิตติศัพท์ก็ลือไปทั่วแคว้นนั้น ครั้นพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่น ก็มีคนตาบอดสองคนตามพระองค์มาร้องว่า <<บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพระองค์เถิด>> และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในเรือน คนตาบอดทั้งสองก็เข้ามาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาว่า <<เจ้าเชื่อหรือว่า เรามีอิทธิฤทธิ์จะกระทำการนี้ได้>> เขาทูลพระองค์ว่า <<ข้าพระองค์เชื่อ พระเจ้าข้า>> แล้วพระองค์ทรงถูกต้องนัยน์ตาเขา ตรัสว่า <<ให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด>> แล้วนัยน์ตาของเขาก็กลับเห็นดี พระเยซูได้ทรงกำชับเขาแข็งแรงว่า <<จงระวังอย่าบอกผู้ใดให้รู้เลย>>

มัทธิว 9:14-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ฝ่ายสาวกของยอห์นมาทูลถามพระองค์ว่า “พวกข้าพระองค์กับพวกฟาริสีถืออดอาหาร แต่ทำไมสาวกของพระองค์ไม่ถืออดอาหาร?” พระเยซูทรงตอบว่า “จะให้แขกของเจ้าบ่าวทุกข์โศกขณะเจ้าบ่าวอยู่ด้วยได้อย่างไร? สักวันหนึ่งเจ้าบ่าวจะถูกนำตัวไปจากเขาแล้วพวกเขาจะอดอาหาร “ไม่มีใครเอาผ้าใหม่ที่ยังไม่หดไปปะเสื้อผ้าเก่าเพราะผ้าใหม่จะหดรั้งผ้าเก่าให้ขาดมากกว่าเดิม และไม่มีใครเทเหล้าองุ่นใหม่ใส่ถุงหนังเก่า ถ้าทำเช่นนั้นถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะไหลออกมาหมด และถุงหนังจะเสียหาย ไม่หรอก เขาย่อมเทเหล้าองุ่นใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่และเก็บรักษาไว้ได้ทั้งสองอย่าง” ขณะที่พระองค์ตรัสอยู่นั้น นายธรรมศาลาคนหนึ่งมาคุกเข่าทูลพระองค์ว่า “ลูกสาวของข้าพระองค์เพิ่งเสียชีวิต แต่ขอโปรดเสด็จไปทรงวางมือให้แล้วเธอจะเป็นขึ้นมา” พระเยซูทรงลุกขึ้นไปกับเขาเหล่าสาวกก็ไปด้วย ขณะนั้นเองหญิงคนหนึ่งซึ่งตกเลือดเรื้อรังมาสิบสองปีแล้วได้เข้ามาข้างหลังพระองค์และแตะชายฉลองพระองค์ นางคิดในใจว่า “ถ้าเพียงแต่เราแตะฉลองพระองค์ เราก็จะหายโรค” พระเยซูทรงหันมาเห็นนางจึงตรัสว่า “ลูกสาวเอ๋ย จงชื่นใจเถิด ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายโรคแล้ว” นางก็หายโรคตั้งแต่วินาทีนั้น เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของนายธรรมศาลาแล้วทรงเห็นพวกเป่าปี่และผู้คนส่งเสียงอึกทึก พระองค์ก็ตรัสว่า “ไปเสียเถิด เด็กหญิงนี้ยังไม่ตาย เพียงแต่หลับอยู่” แต่พวกเขาพากันหัวเราะเยาะพระองค์ หลังจากผู้คนออกไปแล้ว พระองค์ทรงเข้ามาจับมือเด็กน้อย เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้น ข่าวนี้จึงเลื่องลือไปทั่วแคว้น ขณะพระเยซูเสด็จจากที่นั่น มีชายตาบอดสองคนเดินตามพระองค์มาพลางร้องว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!” เมื่อทรงเข้าไปในบ้านแล้ว คนตาบอดทั้งสองก็มาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ท่านเชื่อหรือว่าเราสามารถทำการนี้ได้?” ทั้งสองทูลตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า” พระองค์จึงทรงแตะตาของพวกเขาและตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด” ทั้งสองก็กลับมองเห็นได้ พระเยซูทรงกำชับเขาอย่างหนักแน่นว่า “อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้”

มัทธิว 9:14-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​แล้ว​บรรดา​สาวก​ของ​ยอห์น​มา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​พวก​เรา​และ​บรรดา​ฟาริสี​อดอาหาร แต่​พวก​สาวก​ของ​ท่าน​ไม่​อดอาหาร” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “พวก​แขก​ของ​เจ้าบ่าว​จะ​เป็น​ทุกข์​ได้​อย่างไร​ขณะที่​เจ้าบ่าว​อยู่​กับ​เขา แต่​เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เจ้าบ่าว​ถูก​พา​ตัว​ไป​จาก​พวก​เขา เขา​จึง​จะ​อดอาหาร ไม่​มี​ใคร​ปะ​เศษ​ผ้า​ใหม่​ที่​ยัง​ไม่​หด​ตัว​ลง​บน​เสื้อ​เก่า เพราะ​เศษ​ผ้า​นั้น​จะ​ดึง​เนื้อผ้า​บน​เสื้อ​เก่า​ออก จะ​ยิ่ง​ทำ​ให้​ขาด​มาก​กว่า​เดิม ใน​ทำนอง​เดียวกัน​คือ​ไม่​มี​ใคร​เท​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ลง​ใน​ถุง​หนัง​เก่า ถ้า​ทำ​เช่น​นั้น​ถุง​หนัง​จะ​ขาด เหล้า​องุ่น​จะ​รั่วออก​และ​ถุง​หนัง​ก็​จะ​เสียไป​ด้วย แต่​เขา​จะ​เท​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ลงใน​ถุง​หนัง​ใหม่ และ​ทั้ง​สอง​อย่าง​จะ​ไม่​เสียไป” ขณะที่​พระ​องค์​กำลัง​กล่าว​สิ่ง​เหล่า​นี้​ให้​พวก​เขา​ฟัง​อยู่ ก็​มี​ผู้อยู่​ในระดับ​ปกครอง​ศาลา​ที่​ประชุม​คนหนึ่ง​มา​คุกเข่า​ลง​ที่​เบื้อง​หน้า​พระ​องค์​และ​พูด​ว่า “บุตร​สาว​ของ​ข้าพเจ้า​เพิ่ง​ตาย ขอให้​ท่าน​โปรด​วางมือ​บน​ตัวเธอ แล้ว​เธอ​จะได้​มี​ชีวิต​อยู่” พระ​เยซู​ลุกขึ้น​ตาม​เขา​ไป บรรดา​สาวก​ก็​เช่น​กัน ขณะนั้น มี​หญิง​คนหนึ่ง​ซึ่ง​ทน​ทรมาน​จาก​โลหิต​ตก​นานถึง 12 ปี เข้ามา​ใกล้​ทาง​เบื้องหลัง​ของ​พระ​องค์​แล้ว​แตะ​ที่​ชายเสื้อ​ตัวนอก​ของ​พระ​องค์ เธอ​คิด​ในใจ​ว่า “ถ้า​เรา​เพียง​ได้​แตะต้อง​เสื้อ​ตัวนอก​ของ​พระ​องค์ เรา​ก็​จะ​หายจาก​โรค” พระ​เยซู​หัน​ไป​เห็น​เธอ และ​กล่าว​ว่า “ลูก​สาว​เอ๋ย จง​ทำใจ​ให้ดี​ไว้ ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ได้​ทำ​ให้​เจ้า​หายจาก​โรค​แล้ว” และ​หญิง​นั้น​ก็​หายจาก​โรค​ทันที เมื่อ​พระ​เยซู​เข้าไป​ใน​บ้าน​ของ​ผู้อยู่​ในระดับ​ปกครอง พระ​องค์​ก็​เห็น​พวก​คน​เป่า​ขลุ่ย​และ​ผู้​คน​เอะอะ​ชุลมุน​กัน​อยู่ พระ​องค์​กล่าว​ว่า “จง​ออก​ไป​เถิด เธอ​ยัง​ไม่​ตาย เพียง​แค่​หลับไป​เท่า​นั้น” พวก​เขา​ก็​หัวเราะ​เยาะ​พระ​องค์ เมื่อ​ฝูง​ชน​ถูก​ไล่​ออก​ไป​แล้ว พระ​องค์​จึง​เข้าไป​จับ​มือ​เธอ เด็ก​คนนั้น​ก็​ลุกขึ้น เรื่องราว​นี้​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​นั้น ขณะที่​พระ​เยซู​ไป​จาก​ที่นั่น ชาย​ตาบอด 2 คน​ตาม​พระ​องค์​ไป​พลาง​ร้องขึ้น​ว่า “บุตร​ของ​ดาวิด โปรด​เมตตา​พวก​เรา​ด้วย” หลัง​จาก​ที่​พระ​องค์​ได้​เข้าไป​ใน​บ้าน​แล้ว ชาย​ตาบอด​ก็​เข้า​มาหา​พระ​องค์ แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ทั้ง​สอง​ว่า “เจ้า​เชื่อ​หรือว่า​เรา​รักษา​เจ้า​ได้” เขา​ทั้ง​สอง​พูด​ว่า “พระ​องค์ท่าน ข้าพเจ้า​เชื่อ” ดังนั้น พระ​องค์​จึง​แตะ​ที่​ตา​ของ​เขา​ทั้ง​สอง​พลาง​กล่าว​ว่า “จง​เป็นไป​ตาม​ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​เถิด” ตา​ของ​เขา​ก็​มองเห็น แล้ว​พระ​เยซู​ก็​กำชับ​เขา​ทั้ง​สอง​ว่า “จง​ระวัง อย่า​ให้​ใคร​รู้​เรื่อง​นี้”