มัทธิว 8:4-17

มัทธิว 8:4-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พระเยซู​จึง​บอก​เขา​ว่า “อย่า​ไป​เล่า​เรื่องนี้​ให้​ใคร​ฟัง แต่​ไป​ให้​นักบวช​ตรวจ​ดู​และ​ให้​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ตาม​ที่​โมเสส​สั่ง​ไว้ คน​อื่น​จะ​ได้​รู้​ว่า​เจ้า​หาย​แล้ว” เมื่อ​พระเยซู​เข้า​ไป​ใน​เมือง​คาเปอรนาอุม มี​นายร้อย​คน​หนึ่ง​เข้า​มา​หา เพื่อ​ขอ​ให้​พระองค์​ช่วย เขา​พูด​ว่า “นาย​ท่าน คนใช้​ของ​ผม​นอน​เป็น​อัมพาต​อยู่​ที่​บ้าน ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​มาก” พระเยซู​บอก​นายร้อย​ว่า “เรา​จะ​ไป​รักษา​ให้” นายร้อย​จึง​บอก​พระองค์​ว่า “นาย​ท่าน ผม​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ให้​ท่าน​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​ผม ท่าน​แค่​สั่ง​เท่า​นั้น คนใช้​ของ​ผม​ก็​จะ​หาย ที่​ผม​รู้​ก็​เพราะ​ผม​เป็น​ทหาร มี​ทั้ง​หัวหน้า​ที่​สั่ง​ผม และ​มี​ลูกน้อง​ที่​ต้อง​เชื่อฟัง​คำสั่ง​ผม เมื่อ​ผม​สั่ง​ให้ ‘ไป’ เขา​ก็​ไป สั่ง​ให้ ‘มา’ เขา​ก็​มา และ​ถ้า​สั่ง​ให้​ทาส​ของ​ผม ‘ทำ​สิ่ง​นั้น​สิ่งนี้’ เขา​ก็​ทำ” เมื่อ​พระเยซู​ได้ยิน​อย่าง​นั้น​ก็​แปลกใจ​มาก และ​พูด​กับ​คน​ที่​ติดตาม​มา​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ยัง​ไม่เคย​พบ​ใคร​ใน​อิสราเอล ที่​มี​ความเชื่อ​ยิ่งใหญ่​ขนาดนี้​มา​ก่อน​เลย เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า จะ​มี​คน​จำนวน​มาก​มา​จาก​ตะวันออก​และ​ตะวันตก เพื่อ​มา​ร่วม​ใน​งาน​เลี้ยง​เฉลิม​ฉลอง​กับ​อับราฮัม อิสอัค และ​ยาโคบ ใน​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์ แต่​คน​ที่​น่า​จะ​ได้​อยู่​ใน​อาณาจักร​ของ​พระองค์​นั้น กลับ​จะ​ต้อง​ถูก​โยน​ออก​ไป​อยู่​ใน​ที่​มืด ที่​มี​แต่​เสียง​ร้องไห้​โหยหวน​อย่าง​เจ็บปวด” แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​นายร้อย​ว่า “กลับ​ไป​บ้าน​เถอะ มัน​จะ​เป็น​ไป​ตาม​ที่​คุณ​เชื่อ” และ​คนใช้​ของ​เขา​ก็​หาย​ทันที​ใน​เวลา​นั้น เมื่อ​พระเยซู​มา​ถึง​บ้าน​ของ​เปโตร ก็​เห็น​แม่ยาย​ของ​เปโตร​นอน​ป่วย​เป็น​ไข้​อยู่​บน​เตียง พอ​พระองค์​แตะ​มือ​เธอ เธอ​ก็​หาย​จาก​ไข้​ทันที และ​ลุก​ขึ้น​มา​รับใช้​พระองค์ ใน​เย็น​นั้น มี​คน​พา​พวก​ที่​ถูก​ผี​สิง​มาหา​พระเยซู​เป็น​จำนวน​มาก พระองค์​ได้​สั่ง​ให้​ผี​เหล่า​นั้น​ออก​จาก​ร่าง​พวก​นั้น​ไป และ​ยัง​ได้​รักษา​คน​ป่วย​ทุก​คน​ด้วย สิ่งนี้​เกิดขึ้น​เพื่อ​ให้​เป็น​จริง​ตาม​ที่​อิสยาห์​ผู้พูดแทนพระเจ้า​ได้​พูด​ไว้​ว่า

มัทธิว 8:4-17 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า “อย่าเล่าให้ใครฟัง แต่จงไปแสดงตัวกับปุโรหิต และถวายเครื่องบูชาตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บ่าวของข้าพระองค์เป็นง่อยอยู่ที่บ้านทนทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” นายร้อยคนนั้นทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น บ่าวของข้าพระองค์ก็จะหายโรค เพราะว่าข้าพระองค์อยู่ใต้อำนาจคนอื่น และมีพวกทหารอยู่ใต้อำนาจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกทาสของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล เราบอกพวกท่านว่า คนจำนวนมากที่มาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะมาร่วมงานเลี้ยงกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในแผ่นดินสวรรค์ แต่ทายาททั้งหลายของแผ่นดินนั้นจะถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืด ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า “จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น” ในทันใดนั้นเอง บ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตร ก็ทอดพระเนตรเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้อยู่ พอพระองค์ทรงสัมผัสมือนาง ไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติพระองค์ พอค่ำลง พวกเขาพาคนจำนวนมากที่มีผีสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “ท่านแบกความเจ็บไข้ของเรา และหอบโรคของเราไป”

มัทธิว 8:4-17 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ฝ่ายพระเยซูตรั​สส​ั่งเขาว่า “อย่าบอกเล่าให้​ผู้​ใดฟังเลย แต่​จงไปสำแดงตัวแก่​ปุ​โรหิต และถวายเครื่องถวายตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลาย” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มี​นายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ผู้รับใช้​ของข้าพระองค์เป็​นอ​ัมพาตอยู่​ที่​บ้าน ทนทุกข์​เวทนามาก” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้​หาย​” นายร้อยผู้นั้นทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ข้าพระองค์​ไม่​สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์​เข​้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น ผู้รับใช้​ของข้าพระองค์​ก็​จะหายโรค เพราะเหตุว่าข้าพระองค์เป็นคนอยู่​ใต้​วิน​ัยทหาร แต่​ก็​ยั​งม​ีทหารอยู่​ใต้​บังคับบัญชาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้​ว่า ‘​ไป​’ เขาก็​ไป บอกแก่คนนั้​นว​่า ‘​มา​’ เขาก็​มา บอกผู้​รับใช้​ของข้าพระองค์​ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็​ทำ​” ครั้นพระเยซูทรงได้ยินดังนั้​นก​็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์​ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบความเชื่อที่ไหนมากเท่านี้​แม้​ในอิสราเอล เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็​นอ​ันมากจะมาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะมาเอนกายลงกั​นก​ับอับราฮัมและอิสอัคและยาโคบในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่​บรรดาลูกของอาณาจักรจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืดภายนอก ที่​นั่นจะมีเสียงร้องไห้​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​” แล​้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า “ไปเถิด ท่านได้เชื่ออย่างไร ก็​ให้​เป็นแก่ท่านอย่างนั้น” และในเวลานั้นเอง ผู้รับใช้​ของเขาก็หายเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของเปโตร พระองค์​ก็​ทอดพระเนตรเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้​อยู่ พระองค์​ทรงถูกต้องมือนาง ไข้​นั้​นก​็​หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบั​ติ​เขาทั้งหลาย พอค่ำลง เขาพาคนเป็​นอ​ันมากที่​มี​ผี​เข​้าสิงมาหาพระองค์ พระองค์​ก็​ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัสของพระองค์ และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์​ก็ได้​ทรงรักษาให้​หาย ทั้งนี้​เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์​ศาสดาพยากรณ์​ที่ว่า ‘ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป’

มัทธิว 8:4-17 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ฝ่ายพระเยซูตรัสสั่งเขาว่า <<อย่าบอกเล่าให้ผู้ใดฟังเลย แต่จงไปสำแดงตัวแก่ปุโรหิต และถวายเครื่องบูชา ตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว>> เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ว่า <<พระองค์เจ้าข้า บ่าวของข้าพระองค์เป็นง่อยอยู่ที่บ้านทนทุกข์เวทนามาก>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เราจะไปรักษาเขาให้หาย>> นายร้อยผู้นั้นทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น บ่าวของข้าพระองค์ก็จะหายโรค ข้าพระองค์รู้ดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า <ไป> เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า <มา> เขาก็มา บอกทาสของข้าพระองค์ว่า <จงทำสิ่งนี้> เขาก็ทำ>> ครั้นพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะมาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะมาร่วมสำรับกับอับราฮัม และอิสอัค และยาโคบในแผ่นดินสวรรค์ แต่ชาวแผ่นดินนั้นจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืด ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน>> แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า <<จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น>> ในทันใดนั้นเอง บ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของเปโตร ก็ทรงเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้อยู่ พอพระองค์ทรงจับมือนาง ความไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติพระองค์ พอค่ำลง เขาพาคนผีเข้าสิงเป็นอันมากมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยทั้งหลายนั้น พระองค์ก็ได้ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป

มัทธิว 8:4-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แล้วพระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงระวังอย่าบอกผู้ใดเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้เพื่อเป็นพยานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายโรคแล้ว” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เขากล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า คนรับใช้ของข้าพระองค์นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน ทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก” พระเยซูตรัสแก่นายร้อยนั้นว่า “เราจะไปรักษาเขา” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่คู่ควรที่จะให้พระองค์เสด็จมาใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์ เพียงแต่พระองค์ตรัสสั่งเท่านั้น คนรับใช้ของข้าพระองค์ก็จะหายป่วย เพราะข้าพระองค์เองมีทั้งผู้บังคับบัญชาและมีทหารใต้บังคับบัญชา ข้าพระองค์สั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพระองค์สั่งคนรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงประหลาดพระทัยและตรัสกับบรรดาผู้ติดตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราไม่เคยพบใครสักคนในอิสราเอลที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่เพียงนี้ เราบอกท่านว่าคนเป็นอันมากจากตะวันออกและตะวันตกจะมาเข้าประจำที่ของตนในงานเลี้ยงร่วมกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรสวรรค์ แต่พลเมืองของอาณาจักรนั้นจะถูกโยนออกมาสู่ความมืดมิดภายนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูตรัสกับนายร้อยนั้นว่า “จงไปเถิด จะเป็นไปตามที่ท่านเชื่อ” และคนใช้ของเขาก็หายโรคในชั่วโมงนั้นเอง เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตรก็ทรงเห็นแม่ยายของเปโตรนอนเป็นไข้อยู่บนเตียง พระองค์ทรงจับมือของนางอาการไข้ก็พลันหายไป นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติรับใช้พระองค์ พอตกเย็นคนถูกผีสิงหลายคนถูกนำมาหาพระองค์ และพระองค์ทรงขับผีเหล่านั้นออกด้วยคำตรัสและทรงรักษาคนเจ็บป่วยทั้งปวง การนี้เป็นจริงตามที่ได้กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “พระองค์ทรงรับความอ่อนแอทั้งหลายของเรา และแบกรับโรคต่างๆ ของเราไว้”

มัทธิว 8:4-17 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “จง​ระวัง​ว่า​เจ้า​จะ​ไม่​บอก​ใคร​เลย แต่​ขอ​ให้​ไป​แสดง​ตน​ต่อ​ปุโรหิต และ​มอบ​เครื่อง​สักการะ ตาม​ที่​โมเสส​ได้​สั่ง​ไว้ เพื่อ​เป็น​การ​ยืนยัน​แก่​คน​ทั่วไป” เมื่อ​พระ​องค์​เดิน​เข้าไป​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม มี​นาย​ร้อย​คนหนึ่ง​มา​อ้อนวอน​พระ​องค์ เขา​พูด​ว่า “พระ​องค์ท่าน ผู้​รับใช้​ของ​ข้าพเจ้า​นอน​เป็น​อัมพาต​อยู่ที่​บ้าน​และ​ได้​รับ​ความ​ทุกข์​ทรมาน​มาก” พระ​องค์​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เรา​จะ​ไป​รักษา​เขา​ให้​หายขาด” นาย​ร้อย​ตอบ​ว่า “พระ​องค์ท่าน ข้าพเจ้า​ไม่​สมควร​ที่​จะ​ให้​พระ​องค์​เข้า​มา​ใต้​หลังคา​บ้าน​ของ​ข้าพเจ้า เพียง​แต่​พระ​องค์​พูด ผู้​รับใช้​ก็​จะ​หาย​จาก​โรค สำหรับ​ตัว​ข้าพเจ้า​เอง​ก็​เป็น​คน​อยู่​ใต้​บังคับ​บัญชา มี​ทหาร​ใน​บังคับ​ด้วย ข้าพเจ้า​บอก​คน​นี้​ว่า ‘ไป’ เขา​ก็​ไป และ​คน​นั้น​ว่า ‘มา’ เขา​ก็​มา ข้าพเจ้า​บอก​ทาส​รับใช้​ว่า ‘จง​ทำ​สิ่ง​นี้’ เขา​ก็​ทำ” เมื่อ​พระ​เยซู​ได้ยิน​ดังนั้น​จึง​ประหลาดใจ​และ​กล่าว​กับ​บรรดา​คน​ที่​ติดตาม​ไป​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า เรา​ไม่​เคย​พบ​ความ​เชื่อ​มาก​เท่า​นี้​แม้​แต่​ใน​ประเทศ​อิสราเอล เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า จะ​มี​คน​จำนวน​มาก​ที่​มา​จาก​ทั่ว​ทุก​แห่ง​ใน​โลก เพื่อ​เอน​กาย​ลง​รับประทาน​ร่วมกับ​อับราฮัม อิสอัค และ​ยาโคบ​ใน​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์ แต่​บรรดา​บุตร​ของ​อาณาจักร​จะ​ถูก​โยน​ออกไป​สู่​ความ​มืด​ข้างนอก ณ ที่นั่น​จะ​มี​การ​ร่ำไห้​และ​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน” แล้ว​พระ​เยซู​กล่าว​กับ​นาย​ร้อย​ว่า “ไป​เถิด สิ่ง​นั้น​จง​บังเกิด​แก่​ท่าน​ตามที่​ท่าน​เชื่อ” และ​ผู้​รับใช้​ของ​เขา​ก็​หายจาก​โรค​ใน​โมง​นั้น เมื่อ​พระ​เยซู​เข้าไป​ใน​บ้าน​ของ​เปโตร​แล้ว พระ​องค์​ก็​เห็น​แม่ยาย​ของ​เปโตร​กำลัง​นอน​ป่วย​เป็น​ไข้​อยู่ พระ​องค์​จับ​มือ​นาง​แล้ว​ไข้​ก็​หาย นาง​จึง​ลุกขึ้น​รับใช้​พระ​องค์ ใน​เย็น​วัน​นั้น มี​คน​พา​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ที่​มี​มารสิง​มาหา​พระ​องค์ พระ​องค์​ขับ​พวก​วิญญาณ​นั้น​ออกจาก​ร่าง​ด้วย​คำ​สั่ง และ​รักษา​คนป่วย​ทุก​คน​ให้​หายขาด เพื่อ​จะได้​เป็นไป​ตาม​คำ​ที่​อิสยาห์​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ได้​กล่าวไว้​ว่า “พระ​องค์​เอง​ได้​รับ​เอา​ความ​เจ็บ​ป่วย​และ​แบก​เอา​โรค​ต่างๆ ของ​เรา​ไป”