มัทธิว 8:1-17
มัทธิว 8:1-17 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขาแล้ว คนเป็นอันมากได้ติดตามพระองค์ไป ดูเถิด มีคนโรคเรื้อนมานมัสการพระองค์แล้วทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า เพียงแต่พระองค์จะโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้” พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องเขา แล้วตรัสว่า “เราพอใจแล้ว จงสะอาดเถิด” ในทันใดนั้นโรคเรื้อนของเขาก็หาย ฝ่ายพระเยซูตรัสสั่งเขาว่า “อย่าบอกเล่าให้ผู้ใดฟังเลย แต่จงไปสำแดงตัวแก่ปุโรหิต และถวายเครื่องถวายตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลาย” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ผู้รับใช้ของข้าพระองค์เป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน ทนทุกข์เวทนามาก” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” นายร้อยผู้นั้นทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพระองค์ก็จะหายโรค เพราะเหตุว่าข้าพระองค์เป็นคนอยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกผู้รับใช้ของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” ครั้นพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบความเชื่อที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะมาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะมาเอนกายลงกันกับอับราฮัมและอิสอัคและยาโคบในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่บรรดาลูกของอาณาจักรจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืดภายนอก ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า “ไปเถิด ท่านได้เชื่ออย่างไร ก็ให้เป็นแก่ท่านอย่างนั้น” และในเวลานั้นเอง ผู้รับใช้ของเขาก็หายเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของเปโตร พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้อยู่ พระองค์ทรงถูกต้องมือนาง ไข้นั้นก็หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติเขาทั้งหลาย พอค่ำลง เขาพาคนเป็นอันมากที่มีผีเข้าสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัสของพระองค์ และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ได้ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ที่ว่า ‘ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป’
มัทธิว 8:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เมื่อพระเยซูลงมาจากภูเขาแล้ว ก็มีคนกลุ่มใหญ่ติดตามพระองค์ไป มีคนหนึ่งเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง ได้มาคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์และพูดว่า “นายท่าน ถ้าท่านอยากช่วย ท่านก็ทำให้ผมหายได้” พระองค์ยื่นมือออกไปแตะตัวเขา และพูดว่า “เราอยากช่วย หายเถิด” แล้วเขาก็หายทันที พระเยซูจึงบอกเขาว่า “อย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่ไปให้นักบวชตรวจดูและให้ถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้ คนอื่นจะได้รู้ว่าเจ้าหายแล้ว” เมื่อพระเยซูเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งเข้ามาหา เพื่อขอให้พระองค์ช่วย เขาพูดว่า “นายท่าน คนใช้ของผมนอนเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน ต้องทนทุกข์ทรมานมาก” พระเยซูบอกนายร้อยว่า “เราจะไปรักษาให้” นายร้อยจึงบอกพระองค์ว่า “นายท่าน ผมไม่ดีพอที่จะให้ท่านเข้าไปในบ้านของผม ท่านแค่สั่งเท่านั้น คนใช้ของผมก็จะหาย ที่ผมรู้ก็เพราะผมเป็นทหาร มีทั้งหัวหน้าที่สั่งผม และมีลูกน้องที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งผม เมื่อผมสั่งให้ ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งให้ ‘มา’ เขาก็มา และถ้าสั่งให้ทาสของผม ‘ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูได้ยินอย่างนั้นก็แปลกใจมาก และพูดกับคนที่ติดตามมาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า ยังไม่เคยพบใครในอิสราเอล ที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย เราจะบอกให้รู้ว่า จะมีคนจำนวนมากมาจากตะวันออกและตะวันตก เพื่อมาร่วมในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนที่น่าจะได้อยู่ในอาณาจักรของพระองค์นั้น กลับจะต้องถูกโยนออกไปอยู่ในที่มืด ที่มีแต่เสียงร้องไห้โหยหวนอย่างเจ็บปวด” แล้วพระเยซูก็พูดกับนายร้อยว่า “กลับไปบ้านเถอะ มันจะเป็นไปตามที่คุณเชื่อ” และคนใช้ของเขาก็หายทันทีในเวลานั้น เมื่อพระเยซูมาถึงบ้านของเปโตร ก็เห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยเป็นไข้อยู่บนเตียง พอพระองค์แตะมือเธอ เธอก็หายจากไข้ทันที และลุกขึ้นมารับใช้พระองค์ ในเย็นนั้น มีคนพาพวกที่ถูกผีสิงมาหาพระเยซูเป็นจำนวนมาก พระองค์ได้สั่งให้ผีเหล่านั้นออกจากร่างพวกนั้นไป และยังได้รักษาคนป่วยทุกคนด้วย สิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามที่อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้พูดไว้ว่า
มัทธิว 8:1-17 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนติดตามพระองค์ไป ขณะนั้นมีคนโรคเรื้อนมากราบไหว้พระองค์ แล้วทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงแต่พระองค์จะโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายสะอาดได้” พระองค์ยื่นพระหัตถ์และทรงสัมผัสเขา แล้วตรัสว่า “เราพอใจแล้ว จงหายสะอาด” ในทันใดนั้น โรคเรื้อนของเขาก็ได้รับการชำระให้สะอาด พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า “อย่าเล่าให้ใครฟัง แต่จงไปแสดงตัวกับปุโรหิต และถวายเครื่องบูชาตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บ่าวของข้าพระองค์เป็นง่อยอยู่ที่บ้านทนทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” นายร้อยคนนั้นทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น บ่าวของข้าพระองค์ก็จะหายโรค เพราะว่าข้าพระองค์อยู่ใต้อำนาจคนอื่น และมีพวกทหารอยู่ใต้อำนาจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา บอกทาสของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล เราบอกพวกท่านว่า คนจำนวนมากที่มาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกจะมาร่วมงานเลี้ยงกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในแผ่นดินสวรรค์ แต่ทายาททั้งหลายของแผ่นดินนั้นจะถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืด ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า “จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น” ในทันใดนั้นเอง บ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตร ก็ทอดพระเนตรเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้อยู่ พอพระองค์ทรงสัมผัสมือนาง ไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติพระองค์ พอค่ำลง พวกเขาพาคนจำนวนมากที่มีผีสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “ท่านแบกความเจ็บไข้ของเรา และหอบโรคของเราไป”
มัทธิว 8:1-17 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขาแล้ว คนเป็นอันมากได้ติดตามพระองค์ไป ขณะนั้นมีคนโรคเรื้อนมากราบไหว้พระองค์ แล้วทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า เพียงแต่พระองค์จะโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้>> พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องเขาแล้วตรัสว่า <<เราพอใจแล้ว จงหายเถิด>> ในทันใดนั้น โรคเรื้อนของเขาก็หาย ฝ่ายพระเยซูตรัสสั่งเขาว่า <<อย่าบอกเล่าให้ผู้ใดฟังเลย แต่จงไปสำแดงตัวแก่ปุโรหิต และถวายเครื่องบูชา ตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว>> เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ ว่า <<พระองค์เจ้าข้า บ่าวของข้าพระองค์เป็นง่อยอยู่ที่บ้านทนทุกข์เวทนามาก>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<เราจะไปรักษาเขาให้หาย>> นายร้อยผู้นั้นทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นคนไม่สมควรที่จะรับเสด็จพระองค์เข้าใต้ชายคาของข้าพระองค์ ขอพระองค์ตรัสเท่านั้น บ่าวของข้าพระองค์ก็จะหายโรค ข้าพระองค์รู้ดี เพราะเหตุว่าข้าพระองค์อยู่ใต้วินัยทหาร แต่ก็ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกแก่คนนี้ว่า <ไป> เขาก็ไป บอกแก่คนนั้นว่า <มา> เขาก็มา บอกทาสของข้าพระองค์ว่า <จงทำสิ่งนี้> เขาก็ทำ>> ครั้นพระเยซูทรงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดพระทัยนัก ตรัสกับบรรดาคนที่ตามพระองค์ว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบศรัทธาที่ไหนมากเท่านี้แม้ในอิสราเอล เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะมาจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะมาร่วมสำรับกับอับราฮัม และอิสอัค และยาโคบในแผ่นดินสวรรค์ แต่ชาวแผ่นดินนั้นจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืด ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน>> แล้วพระเยซูจึงตรัสกับนายร้อยว่า <<จงกลับบ้านเถิด ท่านมีศรัทธาแล้ว จงได้ผลตามศรัทธานั้น>> ในทันใดนั้นเอง บ่าวของเขาก็หายเป็นปกติ ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเรือนของเปโตร ก็ทรงเห็นแม่ยายของเปโตรนอนป่วยจับไข้อยู่ พอพระองค์ทรงจับมือนาง ความไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติพระองค์ พอค่ำลง เขาพาคนผีเข้าสิงเป็นอันมากมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยทั้งหลายนั้น พระองค์ก็ได้ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป
มัทธิว 8:1-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขา คนเป็นอันมากติดตามพระองค์มา ชายคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนมาคุกเข่ากราบทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หายได้ถ้าพระองค์เต็มใจ” พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องชายผู้นั้นและตรัสว่า “เราเต็มใจจะรักษา จงหายโรคเถิด!” ทันใดนั้นเขาก็หายจากโรคเรื้อน แล้วพระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงระวังอย่าบอกผู้ใดเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้เพื่อเป็นพยานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายโรคแล้ว” เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เขากล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า คนรับใช้ของข้าพระองค์นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน ทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก” พระเยซูตรัสแก่นายร้อยนั้นว่า “เราจะไปรักษาเขา” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่คู่ควรที่จะให้พระองค์เสด็จมาใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์ เพียงแต่พระองค์ตรัสสั่งเท่านั้น คนรับใช้ของข้าพระองค์ก็จะหายป่วย เพราะข้าพระองค์เองมีทั้งผู้บังคับบัญชาและมีทหารใต้บังคับบัญชา ข้าพระองค์สั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพระองค์สั่งคนรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงประหลาดพระทัยและตรัสกับบรรดาผู้ติดตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราไม่เคยพบใครสักคนในอิสราเอลที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่เพียงนี้ เราบอกท่านว่าคนเป็นอันมากจากตะวันออกและตะวันตกจะมาเข้าประจำที่ของตนในงานเลี้ยงร่วมกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรสวรรค์ แต่พลเมืองของอาณาจักรนั้นจะถูกโยนออกมาสู่ความมืดมิดภายนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูตรัสกับนายร้อยนั้นว่า “จงไปเถิด จะเป็นไปตามที่ท่านเชื่อ” และคนใช้ของเขาก็หายโรคในชั่วโมงนั้นเอง เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตรก็ทรงเห็นแม่ยายของเปโตรนอนเป็นไข้อยู่บนเตียง พระองค์ทรงจับมือของนางอาการไข้ก็พลันหายไป นางจึงลุกขึ้นปรนนิบัติรับใช้พระองค์ พอตกเย็นคนถูกผีสิงหลายคนถูกนำมาหาพระองค์ และพระองค์ทรงขับผีเหล่านั้นออกด้วยคำตรัสและทรงรักษาคนเจ็บป่วยทั้งปวง การนี้เป็นจริงตามที่ได้กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “พระองค์ทรงรับความอ่อนแอทั้งหลายของเรา และแบกรับโรคต่างๆ ของเราไว้”
มัทธิว 8:1-17 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เมื่อพระเยซูลงมาจากภูเขาแล้ว ผู้คนเป็นอันมากได้ติดตามพระองค์ไป คนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ ก้มกราบลงแล้วพูดว่า “พระองค์ท่าน ถ้าพระองค์ต้องการ พระองค์สามารถรักษาข้าพเจ้าให้หายขาดจากโรคได้” พระองค์จึงยื่นมือออกไปสัมผัสตัวเขา พลางกล่าวว่า “เราต้องการอย่างนั้น จงหายเถิด” ในทันใดนั้น เขาก็หายจากโรคเรื้อน พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงระวังว่าเจ้าจะไม่บอกใครเลย แต่ขอให้ไปแสดงตนต่อปุโรหิต และมอบเครื่องสักการะ ตามที่โมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นการยืนยันแก่คนทั่วไป” เมื่อพระองค์เดินเข้าไปในเมืองคาเปอร์นาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์ เขาพูดว่า “พระองค์ท่าน ผู้รับใช้ของข้าพเจ้านอนเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้านและได้รับความทุกข์ทรมานมาก” พระองค์กล่าวกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หายขาด” นายร้อยตอบว่า “พระองค์ท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะให้พระองค์เข้ามาใต้หลังคาบ้านของข้าพเจ้า เพียงแต่พระองค์พูด ผู้รับใช้ก็จะหายจากโรค สำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็เป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา มีทหารในบังคับด้วย ข้าพเจ้าบอกคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป และคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกทาสรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูได้ยินดังนั้นจึงประหลาดใจและกล่าวกับบรรดาคนที่ติดตามไปว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า เราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในประเทศอิสราเอล เราขอบอกท่านว่า จะมีคนจำนวนมากที่มาจากทั่วทุกแห่งในโลก เพื่อเอนกายลงรับประทานร่วมกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่บรรดาบุตรของอาณาจักรจะถูกโยนออกไปสู่ความมืดข้างนอก ณ ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” แล้วพระเยซูกล่าวกับนายร้อยว่า “ไปเถิด สิ่งนั้นจงบังเกิดแก่ท่านตามที่ท่านเชื่อ” และผู้รับใช้ของเขาก็หายจากโรคในโมงนั้น เมื่อพระเยซูเข้าไปในบ้านของเปโตรแล้ว พระองค์ก็เห็นแม่ยายของเปโตรกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ พระองค์จับมือนางแล้วไข้ก็หาย นางจึงลุกขึ้นรับใช้พระองค์ ในเย็นวันนั้น มีคนพาผู้คนจำนวนมากที่มีมารสิงมาหาพระองค์ พระองค์ขับพวกวิญญาณนั้นออกจากร่างด้วยคำสั่ง และรักษาคนป่วยทุกคนให้หายขาด เพื่อจะได้เป็นไปตามคำที่อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า “พระองค์เองได้รับเอาความเจ็บป่วยและแบกเอาโรคต่างๆ ของเราไป”