มัทธิว 27:1-31

มัทธิว 27:1-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ตอน​เช้ามืด พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​ผู้​อาวุโส​ทั้งหมด​ได้​ตัดสิน​กัน​ว่า พระเยซู​สมควร​ตาย พวก​เขา​มัด​พระองค์ แล้ว​นำ​ตัว​ไป​มอบ​ให้​กับ​ปีลาต​เจ้าเมือง เมื่อ​ยูดาส​คน​ที่​หักหลัง​พระเยซู​เห็น​ว่า​พระองค์​ถูก​ตัดสิน​ลงโทษ​ถึง​ตาย ก็​รู้สึก​เสียใจ​มาก เขา​จึง​คืน​เงิน​สามสิบ​เหรียญ​ให้​กับ​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส ยูดาส​คร่ำครวญ​ว่า “ผม​ทำ​บาป​ไป​แล้ว​ที่​หักหลัง​คน​ที่​บริสุทธิ์” พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​ตอบ​ว่า “แล้ว​มัน​เกี่ยว​อะไร​กับ​เรา​ด้วย นั่น​มัน​เรื่อง​ของ​แก” ยูดาส​โยน​เงิน​ทิ้ง​ไป​ใน​วิหาร และ​เดิน​ออก​ไป​ผูก​คอ​ตาย พวก​หัวหน้า​นักบวช​เก็บ​เงิน​นั้น​ขึ้น​มา​และ​พูด​ว่า “มัน​ผิด​กฎ ที่​จะ​เอา​เงิน​แบบนี้​เก็บ​รวม​กับ​เงิน​ของ​วิหาร เพราะ​เป็น​เงิน​เปื้อน​เลือด” พวก​เขา​ตัดสิน​ใจ​เอา​เงินนี้​ไป​ซื้อ​ที่​นา​ของ​ช่าง​ปั้น​หม้อ เพื่อ​เอา​ไว้​เป็น​ที่​ฝังศพ​คน​ต่าง​บ้าน​ต่าง​เมือง ที่​ตรง​นั้น​ถูก​เรียกว่า “ทุ่ง​เลือด” มา​จน​ถึง​ทุก​วันนี้ เรื่องนี้​ก็​เป็น​ไป​ตาม​ที่​เยเรมียาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้​พูด​ไว้​ว่า “พวก​เขา​เอา​เงิน​สามสิบ​เหรียญ ซึ่ง​เป็น​ราคา​ค่าตัว​ของ​พระองค์​ที่​คน​อิสราเอล​ตั้ง​ขึ้น ไป​ซื้อ​ที่นา​ของ​ช่างปั้นหม้อ ตาม​ที่​องค์​เจ้า​ชีวิต​ได้​สั่ง​ผม​ไว้” เขา​ได้​นำ​พระเยซู​ไป​ยืน​อยู่​ต่อหน้า​เจ้าเมือง​ปีลาต เจ้าเมือง​ได้​ถาม​พระองค์​ว่า “แก​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาวยิว​หรือ” พระเยซู​ตอบ​ว่า “ใช่ อย่าง​ที่​ท่าน​ว่า” แต่​เมื่อ​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​กล่าวหา​พระองค์ พระองค์​ก็​ไม่​ได้​ตอบ​อะไร แล้ว​ปีลาต​จึง​ถาม​พระองค์​ว่า “เจ้า​ไม่​ได้ยิน​ข้อ​กล่าวหา​มากมาย​ที่​เขา​ว่า​เจ้า​หรือ” แต่​พระองค์​ไม่​ตอบ​ปีลาต​สัก​คำ ทำ​ให้​ปีลาต​แปลกใจ​มาก ใน​ช่วง​เทศกาล​วัน​ปลด​ปล่อย​เป็น​ประเพณี​ของ​เจ้าเมือง​ที่​จะ​ให้​ประชาชน​เลือก​ปล่อย​นักโทษ​หนึ่ง​คน ตอน​นั้น​มี​นักโทษ​อื้อฉาว​คน​หนึ่ง​ชื่อ​บารับบัส เมื่อ​ประชาชน​มา​ชุมนุม​กัน​แล้ว ปีลาต​ถาม​พวก​เขา​ว่า “อยาก​ให้​เรา​ปล่อย​ใคร บารับบัส​หรือ​เยซู​ที่​เรียก​กัน​ว่า​พระคริสต์” ปีลาต​รู้​ดี​ว่า​ที่​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ผู้นำ​อาวุโส​จับ​พระเยซู​ส่ง​มา​ให้​กับ​เขา​นั้น​มัน​เกิด​จาก​ความอิจฉา ขณะ​ที่​ปีลาต​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​ตัดสิน​คดี ภรรยา​ของ​เขา​ได้​ส่ง​ข้อความ​มา​ให้​เขา​ว่า “อย่า​ไป​ยุ่ง​กับ​ผู้ชาย​ที่​บริสุทธิ์​คนนี้​เลย เพราะ​เมื่อ​คืน​ฉัน​ฝัน​ร้าย​ถึง​เขา ทำ​ให้​ฉัน​กลุ้ม​ทั้ง​วัน” แต่​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​ได้​ยุยง​ประชาชน​ให้​ขอ​ปีลาต​ปล่อย​บารับบัส และ​ให้​ฆ่า​พระเยซู เจ้าเมือง​ถาม​ประชาชน​ว่า “จะ​ให้​ปล่อย​ใคร​ดี​ระหว่าง​สอง​คนนี้” ประชาชน​ตะโกน​ว่า “บารับบัส” ปีลาต​ถาม​ว่า “แล้ว​จะ​ให้​ทำ​อะไร​กับ​เยซู​ที่​คน​เรียก​กัน​ว่า​พระคริสต์” พวก​เขา​ทุก​คน​ก็​ตะโกน​ว่า “ตรึง​มัน​ซะ” ปีลาต​ถาม​ว่า “ทำไม เขา​ทำ​ผิด​อะไร​หรือ” แต่​ประชาชน​กลับ​ยิ่ง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​ว่า “ตรึง​มัน​ซะ” เมื่อ​ปีลาต​เห็น​ว่า​เขา​ทำ​อะไร​ไม่​ได้​มาก​กว่า​นี้ และ​เริ่ม​เกิด​ความ​วุ่นวาย​ขึ้น​แล้ว เขา​จึง​เอา​น้ำ​มา​ล้าง​มือ​ต่อหน้า​ประชาชน และ​พูด​ว่า “เรา​ไม่​เกี่ยวกับ​การตาย​ของ​ชาย​คนนี้ พวก​คุณ​รับผิดชอบ​กัน​เอา​เอง​ก็​แล้ว​กัน” ประชาชน​ทั้งหมด​บอก​ว่า “พวก​เรา​และ​ลูกๆ​ของ​เรา​จะ​รับผิดชอบ​ต่อ​การตาย​ของ​เขา​เอง” ปีลาต​ก็​เลย​ปล่อย​บารับบัส​ให้​พวก​เขา จาก​นั้น​เขา​สั่ง​ให้​เฆี่ยน​ตี​พระเยซู และ​ส่ง​ตัว​พระองค์​ไป​ให้​กับ​ทหาร​เพื่อ​เอา​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน ทหาร​ของ​ปีลาต​นำ​ตัว​พระเยซู​เข้า​ไป​ที่​ศูนย์​บัญชาการ​ใหญ่​ของ​พวก​เขา แล้ว​ให้​ทหาร​ทั้ง​กอง​เข้า​มา​รายล้อม​พระองค์​ไว้ พวก​เขา​ถอด​เสื้อผ้า​ของ​พระองค์ แล้ว​เอา​ชุด​สีแดง​มา​ใส่​ให้​แทน พวก​เขา​เอา​กิ่ง​หนาม​มา​สาน​เป็น​มงกุฎ​สวม​หัว​ของ​พระองค์ และ​ให้​ถือ​ไม้​อ้อ​ไว้​ใน​มือ​ขวา จาก​นั้น​พวก​เขา​ก็​แกล้ง​ทำ​เป็น​คุก​เข่า​ลง​ต่อ​หน้า​พระองค์ ล้อเลียน​พระองค์​ว่า “กษัตริย์​ของ​ชาวยิว จงเจริญ” แล้ว​ก็​ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระองค์ และ​เอา​ไม้​อ้อ​มา​ตี​หัว​พระองค์ เมื่อ​ล้อเลียน​จน​พอใจ​แล้ว พวก​เขา​ก็​ถอด​ชุด​สีแดง ใส่​เสื้อผ้า​ชุด​เดิม​ให้ และ​นำ​ตัว​พระองค์​ไป​ตรึง​ที่​ไม้กางเขน

มัทธิว 27:1-31 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พอรุ่งเช้า พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของประชาชนก็ปรึกษากันเรื่องพระเยซู เพื่อจะฆ่าพระองค์ พวกเขาจึงมัดพระองค์พาไปมอบไว้กับปีลาตเจ้าเมือง เมื่อยูดาสคนที่ทรยศพระองค์เห็นว่าพระองค์ทรงถูกลงโทษก็เสียใจ จึงนำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าทำบาปที่ทรยศคนบริสุทธิ์ถึงตาย” พวกเขาจึงกล่าวว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเรา? มันเป็นเรื่องของเจ้าเอง” ยูดาสจึงทิ้งเงินนั้นไว้ในพระวิหารและจากไป แล้วออกไปผูกคอตาย พวกหัวหน้าปุโรหิตจึงเก็บเงินนั้นมาแล้วกล่าวว่า “ถ้าเก็บเงินนี้ไว้ในคลังพระวิหารก็ผิดพระบัญญัติ เพราะเป็นเงินที่เปื้อนเลือด” เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันแล้วตกลงว่า ให้เอาเงินนั้นไปซื้อทุ่งช่างหม้อสำหรับฝังศพคนต่างบ้านต่างเมือง เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกทุ่งนั้นว่า ทุ่งโลหิต มาจนถึงทุกวันนี้ ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่กล่าวโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “พวกเขารับเงินสามสิบเหรียญซึ่งเป็นราคาของผู้นั้น ที่เผ่าพันธุ์อิสราเอลตีราคาไว้ แล้วไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาข้าพเจ้า” เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามว่า “เจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านพูดถูกแล้ว” แต่เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสตอบประการใด ปีลาตจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “เจ้าไม่ได้ยินสิ่งทั้งปวงที่พวกเขาเป็นพยานกล่าวหาเจ้าหรือ?” แต่พระองค์ไม่ได้ตรัสตอบสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงประหลาดใจยิ่งนัก ในช่วงเทศกาล เป็นธรรมเนียมที่เจ้าเมืองจะปล่อยนักโทษคนหนึ่งตามที่ฝูงชนต้องการ เวลานั้นมีนักโทษอุกฉกรรจ์อยู่รายหนึ่งชื่อบารับบัส เมื่อทุกคนมาประชุมพร้อมกันแล้ว ปีลาตก็ถามเขาทั้งหลายว่า “พวกเจ้าต้องการให้เราปล่อยคนไหน บารับบัส หรือเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์?” เพราะท่านรู้แล้วว่าพวกเขามอบตัวพระองค์ไว้เพราะความอิจฉา ในขณะที่ปีลาตนั่งว่าราชการอยู่นั้น ภรรยาของท่านใช้คนมาเรียนว่า “อย่าพัวพันกับเรื่องของคนชอบธรรมนั้นเลย เพราะว่าวันนี้ดิฉันไม่สบายใจมากเนื่องด้วยความฝันที่เกี่ยวกับคนนั้น” แต่พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ก็ยุยงฝูงชนให้ขอปล่อยบารับบัส และประหารพระเยซูเสีย เจ้าเมืองจึงถามพวกเขาว่า “ในสองคนนี้พวกเจ้าจะให้เราปล่อยคนไหน?” พวกเขาตอบว่า “บารับบัส” ปีลาตจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรกับเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์?” พวกเขาพากันร้องว่า “ให้ตรึงที่กางเขน” เจ้าเมืองถามว่า “ตรึงทำไม? เขาทำผิดอะไร?” แต่พวกเขายิ่งร้องว่า “ให้ตรึงที่กางเขน” เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การ มีแต่จะเกิดความวุ่นวาย ท่านจึงเอาน้ำมาล้างมือต่อหน้าฝูงชน แล้วกล่าวว่า “เราไม่มีความผิดเรื่องความตายของคนนี้ พวกเจ้าต้องรับผิดชอบเอาเองเถิด” ฝูงชนทั้งหมดก็ร้องว่า “ให้ความผิดเรื่องความตายของเขาตกอยู่กับเราและลูกๆ ของเรา” ท่านจึงปล่อยบารับบัสให้พวกเขา และเมื่อโบยตีพระเยซูแล้วก็มอบตัวให้ตรึงไว้ที่กางเขน พวกทหารของเจ้าเมืองจึงพาพระเยซูไปไว้ในกองบัญชาการปรีโทเรียม และรวมทหารทั้งกองไว้เฉพาะพระพักตร์พระองค์ แล้วเปลื้องฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อคลุมสีแดงเข้มมาสวมให้พระองค์ เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมบนพระเศียรของพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อมาให้พระองค์ทรงถือไว้ในพระหัตถ์ขวา และคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์พระองค์เยาะเย้ยว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของพวกยิว ขอทรงพระเจริญ” แล้วก็ถ่มน้ำลายรด และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์ เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้ว พวกเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวนั้นออก และเอาฉลองพระองค์ของพระองค์มาสวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่กางเขน

มัทธิว 27:1-31 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ครั้​นร​ุ่งเช้า บรรดาพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่​แห่​งประชาชนปรึกษากันด้วยเรื่องพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์​เสีย เขาจึ​งม​ัดพระองค์พาไปมอบไว้​แก่​ปอนทิอัสปีลาตเจ้าเมือง เมื่อย​ูดาสผู้ทรยศพระองค์​เห​็​นว​่าพระองค์ต้องปรับโทษก็​กลับใจ นำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้​แก่​พวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปที่​ได้​ทรยศโลหิ​ตอ​ันบริ​สุทธิ​์” คนเหล่านั้นจึงว่า “การนั้นเป็นธุระอะไรของเรา เจ้​าต้องรับธุระเอาเอง” ยู​ดาสจึงทิ้งเงินนั้นไว้ในพระวิหารและจากไป แล​้วเขาก็ออกไปผูกคอตาย พวกปุโรหิตใหญ่จึงเก็บเอาเงินนั้นมาแล้​วว​่า “เป็นการผิดพระราชบัญญั​ติ​ที่​จะเก็บเงินนั้นไว้ในคลังพระวิ​หาร เพราะเป็นค่าโลหิต” เขาก็ปรึกษากันและได้เอาเงินนั้นไปซื้อทุ่งช่างหม้อไว้ สำหรับเป็​นที​่ฝังศพคนต่างบ้านต่างเมือง เหตุ​ฉะนั้น ทุ​่งนั้นจึงเรียกว่า ทุ​่งโลหิต จนถึงทุกวันนี้ ครั้งนั้​นก​็สำเร็จตามพระวจนะโดยเยเรมีย์​ศาสดาพยากรณ์ ซึ่งว่า ‘และพวกเขาก็รับเงินสามสิบเหรียญ ซึ่งเป็นราคาของผู้​ที่​เขาตีราคาไว้​นั้น​’ คือที่คนอิสราเอลบางคนตีราคาไว้ ‘​แล​้วไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ตามที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาข้าพเจ้า’ เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้​าเมืองจึงถามพระองค์​ว่า “ท่านเป็นกษั​ตริ​ย์ของพวกยิวหรือ” พระเยซู​ตรัสกั​บท​่านว่า “​ก็​ท่านว่าแล้​วน​ี่” แต่​เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่​ได้​ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์​มิได้​ทรงตอบประการใด ปี​ลาตจึงกล่าวแก่​พระองค์​ว่า “ซึ่งเขาได้​กล​่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่​ได้​ยินหรือ” แต่​พระองค์​ก็​มิได้​ตรัสตอบท่านสักคำเดียว เจ้​าเมืองจึ​งอ​ัศจรรย์ใจยิ่งนัก ในเทศกาลเลี้ยงนั้น เจ้​าเมืองเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้​แก่​หมู่​ชนตามใจชอบ คราวนั้นพวกเขามีนักโทษสำคัญคนหนึ่งชื่อบารับบัส เหตุ​ฉะนั้นเมื่อคนทั้งปวงชุ​มนุ​มกันแล้ว ปี​ลาตได้ถามเขาว่า “​เจ้​าทั้งหลายปรารถนาให้ข้าพเจ้าปล่อยผู้ใดแก่​เจ้า บารับบัสหรือพระเยซู​ที่​เรียกว่า พระคริสต์” เพราะท่านรู้​อยู่​แล​้​วว​่าเขาได้มอบพระองค์​ไว้​ด้วยความอิจฉา ขณะเมื่อปีลาตนั่​งบ​ัลลั​งก​์พิพากษาอยู่​นั้น ภรรยาของท่านได้​ใช้​คนมาเรียนท่านว่า “ท่านอย่าพัวพั​นก​ับเรื่องของคนชอบธรรมนั้นเลย ด้วยว่าวันนี้​ดิ​ฉันทุกข์ใจหลายประการกับความฝันเกี่ยวกั​บท​่านผู้​นั้น​” ฝ่ายพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่​ก็​ยุ​ยงหมู่ชนขอให้ปล่อยบารับบัส และให้ประหารพระเยซู​เสีย เจ้​าเมืองจึงถามเขาว่า “ในสองคนนี้​เจ้​าจะให้เราปล่อยคนไหนให้​แก่​เจ้า​” เขาตอบว่า “บารับบัส” ปี​ลาตจึงถามพวกเขาว่า “​ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรแก่​พระเยซู​ที่​เรียกว่า พระคริสต์” เขาพากั​นร​้องแก่ท่านว่า “​ให้​ตรึงเขาเสียที่กางเขนเถิด” เจ้​าเมืองถามว่า “ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดประการใด” แต่​เขาทั้งหลายยิ่งร้องว่า “​ให้​ตรึงเขาเสียที่กางเขนเถิด” เมื่อปีลาตเห็​นว​่าไม่​ได้​การมี​แต่​จะเกิดวุ่นวายขึ้น ท่านก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่​ชน แล​้​วว​่า “เราไม่​มี​ผิดด้วยเรื่องโลหิตของคนชอบธรรมคนนี้ เจ้​ารับธุระเอาเองเถิด” บรรดาหมู่ชนเรียนว่า “​ให้​โลหิตของเขาตกอยู่​แก่​เราทั้​งบ​ุตรของเราเถิด” ท่านจึงปล่อยบารับบัสให้​เขา และเมื่อท่านได้โบยตี​พระเยซู​แล้ว ท่านก็มอบพระองค์​ให้​ถู​กตรึงที่​กางเขน พวกทหารของเจ้าเมืองจึงพาพระเยซูไปไว้ในศาลาปรี​โทเร​ี​ยม แล้วก็​รวมทหารทั้งกองล้อมพระองค์​ไว้ และพวกเขาเปลื้องฉลองพระองค์​ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมพระองค์ เมื่อพวกเขาเอาหนามสานเป็นมงกุฎ เขาก็สวมพระเศียรของพระองค์ แล​้วเอาไม้อ้อให้ถือไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และเขาได้​คุ​กเข่าลงต่อพระพักตร์​พระองค์ เยาะเย้ยพระองค์​ว่า “​กษัตริย์​ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ” แล​้วเขาก็ถ่​มน​้ำลายรดพระองค์ และเอาไม้​อ้อน​ั้นตีพระเศียรพระองค์ เมื่อพวกเขาเยาะเย้ยพระองค์​แล้ว เขาถอดเสื้อนั้นออก แล​้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไปเพื่อจะตรึงเสียที่​กางเขน

มัทธิว 27:1-31 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ครั้นรุ่งเช้า พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่แห่งประชาชนปรึกษากันด้วยเรื่องพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์เสีย เขาจึงมัดพระองค์พาไปมอบไว้แก่ปีลาตเจ้าเมือง เมื่อยูดาสผู้อายัดพระองค์ เห็นว่าพระองค์ต้องปรับโทษก็กลับใจ นำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้แก่พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ กล่าวว่า <<ข้าพเจ้าได้ทำบาป ที่ได้อายัดคนบริสุทธิ์มาให้ถึงความตาย>> คนเหล่านั้นจึงว่า <<การนั้นไม่ใช่ธุระอะไรของเรา เจ้าต้องรับธุระเอาเอง>> ยูดาสจึงทิ้งเงินนั้นไว้ในพระวิหารและจากไป แล้วเขาก็ออกไปผูกคอตาย พวกมหาปุโรหิตจึงเก็บเอาเงินนั้นมาแล้วว่า <<เป็นการผิดกฎหมายที่จะเก็บเงินนั้นไว้ในคลังพระวิหาร เพราะเป็นค่าโลหิต>> เขาก็ปรึกษาตกลงกันว่า ให้เอาเงินนั้นไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ไว้สำหรับเป็นที่ฝังศพคนต่างบ้านต่างเมือง เหตุฉะนั้นเขาจึงเรียกทุ่งนั้นว่า ทุ่งโลหิต จนถึงทุกวันนี้ ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ซึ่งว่า เขารับเงินสามสิบเหรียญซึ่งเป็นราคาของผู้นั้น ที่เผ่าพันธุ์แห่งอิสราเอลบางคนตีราคาไว้ แล้วไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาข้าพเจ้า เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามว่า <<ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<ก็ท่านว่าแล้วนี่>> แต่เมื่อพวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์มิได้ทรงตอบประการใด ปีลาตจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า <<ซึ่งเขาได้กล่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่ได้ยินหรือ>> แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงอัศจรรย์ใจนัก ในเทศกาลนั้น เจ้าเมืองเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้แก่หมู่ชนตามใจชอบ คราวนั้นมีนักโทษสำคัญคนหนึ่งชื่อบารับบัส เมื่อคนทั้งปวงชุมนุมกันแล้ว ปีลาตได้ถามเขาว่า <<เจ้าทั้งหลายปรารถนาให้ปล่อยผู้ใด บารับบัส หรือเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์>> เพราะท่านรู้อยู่แล้ว ว่าเขาได้อายัดพระองค์ไว้ด้วยความอิจฉา ขณะเมื่อปีลาตนั่งว่าราชการอยู่นั้น ภรรยาของท่านได้ใช้คนมาเรียนว่า <<อย่าพัวพันกับเรื่องของคนชอบธรรมนั้นเลย ด้วยว่าวันนี้ดิฉันฝันร้าย ไม่มีความสบายใจเพราะท่านผู้นั้น>> ฝ่ายพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ ก็ยุยงหมู่ชนให้ขอให้ปล่อยบารับบัส และให้ประหารพระเยซูเสีย เจ้าเมืองจึงถามเขาว่า <<ในสองคนนี้เจ้าจะให้เราปล่อยคนไหน>> เขาตอบว่า <<บารับบัส>> ปีลาตจึงถามว่า <<ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรแก่พระเยซู ที่เรียกว่าพระคริสต์>> เขาพากันร้องว่า <<ให้ตรึงเสียที่กางเขนเถิด>> เจ้าเมืองถามว่า <<ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดประการใด>> แต่เขาทั้งหลายยิ่งร้องว่า <<ให้ตรึงเสียที่กางเขนเถิด>> เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การมีแต่จะเกิดวุ่นวายขึ้น ก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่ชน แล้วว่า <<เราไม่มีผิดด้วยเรื่องความตายของคนนี้ เจ้ารับธุระเอาเองเถิด>> บรรดาหมู่ชนเรียนว่า <<ให้ความผิดด้วยเรื่องความตายของเขาตกอยู่แก่เรา ทั้งบุตรของเราด้วย>> ท่านจึงปล่อยบารับบัสให้เขา และเมื่อให้โบยตีพระเยซูแล้วก็มอบให้ตรึงไว้ที่กางเขน พวกทหารของเจ้าเมืองจึงพาพระเยซูไปไว้ในศาลาปรีโทเรียม แล้วก็รวมทหารทั้งกองไว้ข้างหน้าพระองค์ และเปลื้องฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมพระองค์ เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อให้ถือไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และได้คุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระองค์เยาะเย้ยว่า <<กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ>> แล้วก็ถ่มน้ำลายรด และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์ เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้วเขาถอดเสื้อนั้นออก แล้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไป เพื่อจะตรึงเสียที่กางเขน

มัทธิว 27:1-31 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พอรุ่งเช้าบรรดาหัวหน้าปุโรหิตและผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนได้ตกลงกันว่าจะประหารพระเยซู พวกเขามัดพระองค์พาไปมอบตัวแก่ผู้ว่าการปีลาต เมื่อยูดาสผู้ทรยศพระเยซูเห็นว่าพระองค์ถูกตัดสินลงโทษก็รู้สึกผิดจับใจ เขาจึงนำเงินสามสิบเหรียญมาคืนแก่พวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโส และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปไปแล้วด้วยการทรยศผู้บริสุทธิ์ ทำให้เขาถึงตาย” พวกนั้นตอบว่า “แล้วเราเกี่ยวอะไรด้วย? นั่นเป็นความรับผิดชอบของเจ้า” ดังนั้นยูดาสจึงขว้างเงินนั้นเข้าไปในพระวิหาร แล้วออกไปผูกคอตาย พวกหัวหน้าปุโรหิตเก็บเงินมาแล้วกล่าวว่า “ผิดบทบัญญัติที่จะเก็บเงินนี้เข้าคลังพระวิหารเพราะเป็นเงินค่าโลหิต” เขาจึงตกลงกันว่าจะใช้เงินนั้นซื้อที่ดินซึ่งรู้จักกันว่า ทุ่งช่างปั้นหม้อ ไว้เป็นที่ฝังศพคนต่างด้าว ฉะนั้นทุ่งดังกล่าวจึงได้ชื่อว่า ทุ่งโลหิต มาจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็เป็นจริงตามที่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวไว้ว่า “เขาทั้งหลายนำเงินสามสิบเหรียญซึ่งเป็นค่าตัวของเขาตามที่ชนอิสราเอลตั้งให้ ไปซื้อที่ดินของช่างปั้นหม้อตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้” ขณะเดียวกันพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าผู้ว่าการและผู้ว่าการถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?” พระเยซูตรัสว่า “ใช่อย่างที่ท่านว่า” พระองค์ไม่ได้ทรงตอบข้อกล่าวหาของพวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสเลย ปีลาตจึงถามว่า “ท่านไม่ได้ยินข้อหาที่พวกเขาฟ้องท่านหรือ?” แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบข้อกล่าวหาใดๆ เลยทำให้ผู้ว่าการประหลาดใจยิ่งนัก ในช่วงเทศกาลเป็นธรรมเนียมที่ผู้ว่าการจะปล่อยตัวนักโทษคนหนึ่งตามที่ประชาชนเลือก ครั้งนั้นมีนักโทษอุกฉกรรจ์ชื่อเยซูบารับบัส เมื่อประชาชนมารวมตัวกันแล้วปีลาตจึงถามว่า “พวกท่านต้องการให้เราปล่อยคนไหน เยซูบารับบัสหรือเยซูที่เรียกกันว่าพระคริสต์?” เพราะปีลาตรู้ว่าพวกเขาจับพระเยซูมาด้วยความอิจฉา ขณะปีลาตนั่งอยู่บนบัลลังก์พิพากษา ภรรยาของท่านส่งคนมาเรียนท่านว่า “อย่าไปเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์คนนี้เลยเนื่องจากวันนี้ดิฉันฝันร้ายไม่สบายใจมากเพราะท่านผู้นี้” แต่พวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสยุยงประชาชนว่าให้พวกเขาขอปีลาตให้ปล่อยบารับบัสและให้ประหารพระเยซู ผู้ว่าการถามว่า “ท่านต้องการให้ปล่อยคนไหนในสองคนนี้?” พวกเขาตอบว่า “บารับบัส” ปีลาตถามว่า “แล้วจะให้เราทำอย่างไรกับเยซูที่เรียกกันว่าพระคริสต์?” พวกนั้นทั้งหมดพากันร้องว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!” ปีลาตถามว่า “ทำไม? เขาทำผิดอะไร?” แต่ทุกคนร้องตะโกนดังขึ้นอีกว่า “ตรึงเขาที่ไม้กางเขน!” เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การมีแต่จะลุกฮือขึ้น เขาจึงเอาน้ำล้างมือต่อหน้าฝูงชนและกล่าวว่า “เราไม่มีความผิดเรื่องการตายของชายผู้นี้ เป็นความรับผิดชอบของพวกท่าน!” คนทั้งปวงตอบว่า “ให้เลือดของเขาตกอยู่กับเราและลูกหลานของเราเถิด!” แล้วปีลาตจึงปล่อยบารับบัสให้พวกเขา แต่ให้คนโบยตีพระเยซูและมอบตัวให้ไปตรึงที่ไม้กางเขน จากนั้นทหารของผู้ว่าการนำพระเยซูเข้าไปในศาลปรีโทเรียมและระดมทหารทั้งกองมารายล้อมพระองค์ พวกเขาเปลื้องเสื้อผ้าของพระองค์ออก แล้วเอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมให้พระองค์ จากนั้นจึงสานมงกุฎหนามสวมที่พระเศียร หยิบไม้ใส่พระหัตถ์ขวา แล้วคุกเข่าต่อหน้าพระองค์และเยาะเย้ยว่า “ข้าแต่กษัตริย์ของชาวยิว ขอจงทรงพระเจริญ!” เขาถ่มน้ำลายรดพระองค์และเอาไม้นั้นตีพระเศียรครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเยาะเย้ยพระองค์แล้ว ก็ถอดเสื้อนั้นออก เอาเสื้อผ้าของพระองค์เองมาสวมให้ แล้วนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงที่ไม้กางเขน

มัทธิว 27:1-31 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​ถึง​เวลา​ฟ้า​สาง​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ของ​ประชาชน​ได้​ร่วม​คบคิด​กัน​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​พระ​เยซู​ได้​รับ​โทษ​ถึงตาย พวก​เขา​มัด​ตัว​พระ​องค์​และ​พา​ไป​ส่ง​มอบ​ให้​แก่​ปีลาต​ผู้ว่า​ราชการ เมื่อ​ยูดาส​ผู้​ทรยศ​เห็น​พระ​องค์​ถูก​กล่าวโทษ จึง​เสียใจ​และ​คืน​เหรียญ​เงิน 30 เหรียญ​แก่​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ผู้ใหญ่ เขา​พูด​ว่า “เรา​ได้​กระทำ​บาป​ด้วยการ​ทรยศ​คน​ที่​ไร้​ความ​ผิด” แต่​พวก​เขา​พูด​ว่า “แล้ว​เรื่อง​อะไร​ของ​เรา​เล่า มัน​เป็น​ธุระ​ของ​ท่าน” ยูดาส​ก็​โยน​เหรียญ​เงิน​นั้น​ไว้​ใน​พระ​วิหาร​แล้ว​จาก​ไป และ​เขา​ก็​ไป​ผูกคอ​ตาย พวก​มหา​ปุโรหิต​เอา​เงิน​เหรียญ​ไป​พลาง​กล่าว​ว่า “ไม่​ถูก​กฎ​บัญญัติ​ที่​จะ​เก็บ​เหรียญ​ไว้​ใน​คลัง​พระ​วิหาร ใน​เมื่อ​เป็น​เงิน​เปื้อน​เลือด” พวก​เขา​ปรึกษา​กัน​แล้ว​ก็​ซื้อ​ที่​นา​ของ​ช่าง​ปั้นหม้อ​ไว้​สำหรับ​ฝัง​ชาว​ต่าง​แดน ด้วยเหตุ​นี้​ผู้​คน​จึง​เรียก​ทุ่งนา​นั้น​ว่า ทุ่ง​โลหิต มาจนถึง​ทุกวันนี้ สิ่ง​เหล่า​นี้​จึง​เป็นไป​ตามที่​พระ​เจ้า​กล่าว​ผ่าน​เยเรมีย์​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ไว้​ว่า “และ​พวก​เขา​ได้​เอา​เงิน 30 เหรียญ​ซึ่ง​เป็น​ราคา​ที่​ตั้ง​ให้​ผู้นั้น​โดย​พวก​ชน​ชาติ​อิสราเอล และ​เขา​เหล่า​นั้น​ได้​ให้​เงิน​เป็น​ค่า​ทุ่งนา​ของ​ช่าง​ปั้นหม้อ ตามที่​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​สั่ง​ข้าพเจ้า​ไว้” ขณะนั้น​พระ​เยซู​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​ผู้ว่า​ราชการ​ซึ่ง​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​หรือ” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “เป็น​ตาม​ที่​ท่าน​พูด” เมื่อ​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ผู้ใหญ่​กล่าวหา​พระ​องค์ พระ​องค์​ไม่​ได้​ตอบ​กลับ แล้ว​ปีลาต​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​ไม่​ได้ยิน​หรือ​ว่า​พวก​เขา​อ้าง​คำ​ยืนยัน​ที่​ต่อต้าน​ท่าน​มากมาย” และ​พระ​องค์​ไม่​ได้​แก้​ข้อ​กล่าวหา​แม้แต่​ข้อ​เดียว ฉะนั้น​ผู้ว่า​ราชการ​จึง​ประหลาดใจ​เป็น​อย่าง​ยิ่ง ใน​งาน​เทศกาล ผู้ว่า​ราชการ​มักจะ​ปลดปล่อย​นักโทษ 1 คน​ตามที่​ฝูง​ชน​ต้องการ ใน​เวลา​นั้น​พวก​เขา​กำลัง​กัก​ตัว​นักโทษ​ร้ายกาจ​คน​หนึ่ง ชื่อ​บารับบัส ฉะนั้น​เมื่อ​พวก​เขา​ประชุม​กัน ปีลาต​พูด​ว่า “พวก​ท่าน​จะ​ให้​เรา​ปลดปล่อย​ใคร บารับบัส​หรือ​เยซู​ที่​เรียก​ว่า​พระ​คริสต์” เขา​รู้​อยู่​ว่า ชาว​ยิว​ได้​มอบ​พระ​เยซู​ให้​แก่​เขา​เนื่องจาก​ความ​อิจฉา ขณะที่​ปีลาต​นั่ง​ตัดสินความ​อยู่นั้น ภรรยา​ของ​เขา​ส่ง​คน​มา​เรียน​ว่า “อย่า​ไป​ทำ​อะไร​กับ​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​ผิด​คน​นั้น​เลย เพราะ​ว่า​เมื่อคืน​ดิฉัน​ฝัน​ถึง​เขา และ​ก็​ทำ​ให้​ดิฉัน​ทรมาน​มาก” แต่​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ชักจูง​ฝูง​ชน​ให้​ขอ​ปลดปล่อย​บารับบัส และ​ฆ่า​พระ​เยซู​เสีย ผู้ว่า​ราชการ​พูด​ว่า “พวก​ท่าน​อยาก​ให้​เรา​ปลดปล่อย​คน​ใด​ใน 2 คน​นี้” และ​พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บารับบัส” ปีลาต​พูด​ว่า “แล้ว​เรา​ควร​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​เยซู​ที่​เรียก​ว่า​พระ​คริสต์” พวก​เขา​ต่าง​ตอบ​ว่า “ให้​ตรึง​เขา​บน​ไม้​กางเขน” ปีลาต​ถาม​ว่า “ทำไม​เล่า เขา​ทำ​อะไร​ชั่วร้าย​หรือ” แต่​พวก​เขา​ตะโกน​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​ว่า “ให้​ตรึง​เขา​ไว้​บน​ไม้​กางเขน” เมื่อ​ปีลาต​เห็น​ว่า​ไม่​มี​ประโยชน์​อันใด และ​การ​จลาจล​กำลัง​ก่อตัว เขา​จึง​เอา​น้ำ​ล้าง​มือ​ต่อ​หน้า​ฝูง​ชน​พลาง​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่​รับ​ผิดชอบ​กับ​ความ​ตาย​ของ​ชาย​ผู้นี้ นี่​เป็น​เรื่อง​ของ​พวก​ท่านเอง” แล้ว​ทุก​คน​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​และ​ลูก​หลาน​ของ​เรา​รับ​ผิดชอบ​การ​ตาย​ของ​เขา​เอง” ครั้น​แล้ว​ปีลาต​จึง​ปลดปล่อย​บารับบัส​ให้​แก่​พวก​เขา​ไป หลัง​จาก​ที่​สั่ง​ให้​เฆี่ยน​พระ​เยซู​แล้ว ก็​ให้​นำ​พระ​องค์​ไป​ตรึง​ไว้​บน​ไม้​กางเขน ดังนั้น​พวก​ทหาร​ของ​ผู้ว่า​ราชการ​จึง​นำ​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​วัง​ซึ่ง​เรียก​ว่า​ปรีโทเรียม และ​รวบ​รวม​ทหาร​ใน​กอง​ทั้ง​หมด​มา​ยืน​ห้อมล้อม​พระ​องค์ พวก​เขา​กระชาก​เสื้อ​ของ​พระ​องค์​ออก และ​คลุม​ด้วย​เสื้อ​คลุม​สี​แดง​สด แล้ว​สวม​มงกุฎ​หนาม​สาน​ไว้​บน​ศีรษะ​ของ​พระ​เยซู ให้​ถือ​ไม้อ้อ​ไว้​ใน​มือ​ขวา และ​พวก​เขา​คุกเข่า​ลง​เบื้อง​หน้า​พระ​องค์​และ​ล้อเลียน​ว่า “ไชโย ขอ​ต้อนรับ​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว” พวก​เขา​ถ่ม​น้ำลาย​ใส่ และ​เอา​ไม้อ้อ​นั้น​ตบ​ตี​ศีรษะ​ของ​พระ​องค์ หลัง​จาก​ที่​พวก​เขา​ได้​ล้อเลียน​พระ​เยซู​แล้ว​ก็​ถอด​เสื้อ​คลุม​ออก สวม​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​พระ​องค์​คืน​ให้ แล้ว​นำ​พระ​องค์​ออก​ไป​เพื่อ​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน