มัทธิว 26:31-75

มัทธิว 26:31-75 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พระเยซู​บอก​พวก​ศิษย์​ว่า “คืนนี้​พวก​คุณ​จะ​ทิ้ง​เรา​ไป​กัน​หมด​ทุก​คน เหมือน​กับ​ที่​เขียน​ไว้​ใน​พระคัมภีร์​ว่า ‘เรา​จะ​ฆ่า​คน​เลี้ยง​แกะ และ​แกะ​ฝูง​นั้น​จะ​กระเจิด​กระเจิง​ไป’ แต่​เมื่อ​เรา​ฟื้น​ขึ้น​มา เรา​จะ​ล่วงหน้า​พวก​คุณ​ไป​ที่​แคว้น​กาลิลี​ก่อน” เปโตร​ตอบ​ว่า “ถึง​แม้​คน​อื่นๆ​จะ​ทิ้ง​อาจารย์​ไป​หมด แต่​ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ทำ​อย่าง​นั้น” พระเยซู​จึง​ตอบ​เปโตร​ว่า “เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า คืนนี้​ก่อน​ไก่​ขัน คุณ​จะ​พูด​ว่า​ไม่​รู้จัก​เรา​ถึง​สาม​ครั้ง” แต่​เปโตร​ยืนยัน​ว่า “ถึง​ผม​จะ​ต้อง​ตาย​กับ​อาจารย์ ผม​ก็​ไม่​มี​วัน​พูด​ว่า​ไม่​รู้จัก​อาจารย์” และ​พวก​ศิษย์​ทั้งหมด​ก็​พูด​อย่าง​เดียว​กัน จาก​นั้น​พระเยซู​ก็​พา​ศิษย์​ไป​ที่​สวน​แห่ง​หนึ่ง​เรียกว่า เกทเสมนี และ​บอก​พวก​ศิษย์​ว่า “นั่ง​คอย​อยู่​ที่​นี่​นะ เรา​จะ​ไป​อธิษฐาน​ทาง​โน้น” พระองค์​พา​เปโตร​กับ​ลูก​ทั้ง​สอง​คน​ของ​เศเบดี​ไป​ด้วย พระองค์​รู้สึก​โศกเศร้า​และ​เป็น​ทุกข์​มาก พระองค์​จึง​บอก​พวก​เขา​ว่า “เรา​ทุกข์ใจ​มาก​จน​แทบ​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว ให้​ตื่น​และเฝ้า​ระวัง​อยู่​กับ​เรา​หน่อย” พระองค์​เดิน​ห่าง​ออก​ไป​นิด​หนึ่ง ก้ม​หน้า​ซบลง​กับ​พื้นดิน แล้ว​อธิษฐาน​ว่า “พระบิดา ถ้า​เป็น​ไป​ได้ ขอ​ให้​ถ้วย แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​ผ่าน​พ้น​ไป​จาก​ลูก​ด้วย​เถิด แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความต้องการ​ของ​พระองค์​ไม่​ใช่​ของ​ลูก” แล้ว​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา​เห็น​พวกศิษย์​หลับ​อยู่ พระองค์​จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “พวก​คุณ​ตื่น​อยู่​เป็น​เพื่อน​เรา​สัก​ชั่วโมง​ไม่​ได้​เลย​หรือ ให้​เฝ้า​ระวัง​และ​อธิษฐาน เพื่อ​จะ​ได้​ไม่​แพ้​ต่อ​การยั่วยวน ถึง​แม้​จิตใจ​อยาก​จะ​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ถูกต้อง แต่​ร่างกาย​ยัง​อ่อนแอ​อยู่” พระองค์​เดิน​กลับ​ไป และ​อธิษฐาน​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง​ว่า “พระบิดา ถ้า​ถ้วย​แห่ง​ความ​ทุกข์ยาก​นี้​ผ่าน​พ้น​ลูก​ไป​ไม่​ได้ นอก​จาก​ลูก​จะ​ต้อง​ดื่ม​มัน ก็​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความต้องการ​ของ​พระองค์​เถิด” จาก​นั้น​พระองค์​ก็​เดิน​กลับ​มา ก็​พบ​ว่า​พวก​ศิษย์​ยัง​หลับ​อยู่ เพราะ​เปลือก​ตา​เขา​หนัก​อึ้ง​จน​ลืม​ไม่​ขึ้น พระองค์​จึง​เดิน​ไป​จาก​พวก​เขา และ​อธิษฐาน​เหมือน​เดิม​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม พระองค์​เดิน​กลับ​มา​ที่​พวก​ศิษย์​อีก และ​พูด​ว่า “ยัง​นอน​หลับ​พักผ่อน​กัน​อยู่​อีก​หรือ ชั่วโมง​ที่​บุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​หักหลัง​ให้​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป​นั้น​มา​ถึง​แล้ว ลุก​ขึ้น​ไป​กัน​เถอะ นั่น​ไง​คน​ที่​หักหลัง​เรา​มา​ถึง​แล้ว” พระองค์​พูด​ยัง​ไม่ทัน​ขาดคำ ยูดาส​ศิษย์​คน​หนึ่ง​ใน​สิบสอง​คน​ของ​พระองค์​ก็​มา​ถึง พร้อม​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ที่​ถือ​ทั้ง​ดาบ​และ​ไม้กระบอง คน​พวกนี้​ถูก​ส่ง​มา​จาก​พวก​หัวหน้า​นักบวช​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส ยูดาส​ได้​ตกลง​กับ​พวก​นั้น​ไว้​ก่อน​ล่วงหน้า​แล้ว​ว่า “คน​ที่​ผม​จูบ​คือ​คนๆ​นั้น เข้า​ไป​จับ​กุม​ได้​เลย” ยูดาส​ก็​ตรง​เข้า​ไป​หา​พระเยซู​ทันที พร้อม​กับ​พูด​ว่า “สวัสดี​ครับ อาจารย์” และ​จูบ​พระองค์ พระเยซู​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “เพื่อน​เอ๋ย มา​ทำ​อะไร​ก็​รีบ​ทำ​ไป​เลย” แล้ว​คน​เหล่า​นั้น ก็​เข้า​มา​จับ​ตัว​พระองค์​และ​คุมตัว​ไว้ ศิษย์​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​กับ​พระเยซู​จึง​ชัก​ดาบ​ออก​มา​แล้ว​ก็​ฟัน​ถูก​หู​ทาส​คน​หนึ่ง​ของ​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด​ขาด​ไป พระเยซู​พูด​กับ​เขา​ว่า “เก็บ​ดาบ​ใส่​ฝัก​เสีย เพราะ​คน​ที่​ใช้​ดาบ​จะ​ตาย​เพราะ​ดาบ คุณ​คิด​ว่า เรา​จะ​ขอ​ความช่วยเหลือ​จาก​พระบิดา​เรา​ไม่​ได้​หรือ พระองค์​จะ​ส่ง​ทูตสวรรค์​มา​ให้​กับ​เรา​มาก​กว่า​สิบสอง​กอง ได้​ทัน​ที แต่​ถ้า​เรา​ทำ​อย่าง​นั้น มัน​ก็​จะ​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​ที่​พระคัมภีร์​เขียน​ไว้” แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​นั้น​ว่า “เห็น​เรา​เป็น​โจร​หรือ​ยังไง ถึง​ได้​ถือ​ดาบ​และ​ไม้กระบอง​มา​จับ​เรา ตอน​ที่​เรา​นั่ง​สอน​อยู่​ใน​วิหาร​ทุก​วัน กลับ​ไม่​มา​จับ แต่​ทั้งหมดนี้​เกิด​ขึ้น ก็​เพื่อ​จะ​ได้​เป็น​จริง​ตาม​ที่​พวก​ผู้พูดแทนพระเจ้า​ได้​เขียน​ไว้” แล้ว​พวก​ศิษย์​ของ​พระองค์​ได้​ทิ้ง​พระองค์​และ​หนี​ไป พวก​นั้น​จับ​พระเยซู​ไป​ที่​บ้าน​ของ​คายาฟาส​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด ที่​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​และพวก​ผู้นำ​อาวุโส​ได้​ประชุม​กัน​อยู่ เปโตร​ตาม​พระองค์​มา​ห่างๆ​จน​ถึง​ลาน​บ้าน​ของ​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด แล้ว​เขา​เข้า​ไป​นั่ง​อยู่​ใน​ลาน​บ้าน​กับ​พวก​ผู้คุม เพื่อ​ดู​ว่า​จะ​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​สมาชิก​สภา​แซนฮีดริน​ทั้งหมด​พยายาม​หา​พยานเท็จ​มา​ปรักปรำ​พระเยซู เพื่อ​จะ​ได้​ฆ่า​พระองค์ แต่​ก็​หา​ไม่​ได้​เลย ถึง​แม้ว่า​จะ​มี​พยาน​เท็จ​มา​ปรักปรำ​พระองค์​หลาย​คน พวก​เขา​ก็​ไม่​สามารถ​หา​หลักฐาน​ที่​ดี​พอที่​จะ​ตัดสิน​ฆ่า​พระองค์​ได้ ใน​ที่​สุด​ก็​มี​สอง​คน​ให้​การ​ว่า “ชาย​คนนี้​เคย​พูด​ว่า ‘เรา​สามารถ​ทำลาย​วิหาร​ของ​พระเจ้า และ​สร้าง​ขึ้น​มา​ใหม่​ภาย​ใน​สาม​วัน’” หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด​จึง​ยืน​ขึ้น ถาม​พระเยซู​ว่า “แก​จะ​ไม่​แก้​ตัว​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​กล่าว​หา​แก​หรือ” แต่​พระเยซู​ยัง​นิ่งเงียบ หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด จึง​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “เรา​ขอ​สั่ง​แก​ใน​นาม​ของ​พระเจ้า​ที่​มี​ชีวิต​อยู่ บอก​พวก​เรา​มา​สิ​ว่า แก​คือ​พระคริสต์ พระบุตร​ของ​พระเจ้า​หรือ​เปล่า” พระองค์​จึง​ตอบ​เขา​ว่า “ท่าน​พูด​ถูก​แล้ว แต่​เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ใน​อนาคต​ท่าน​จะ​ได้​เห็น​บุตร​มนุษย์​นั่ง​อยู่​ทาง​ขวา​ของ​พระเจ้า​ผู้​ยิ่งใหญ่ และ​เสด็จ​มา​บน​เมฆ​ใน​ท้องฟ้า” แล้ว​หัวหน้า​นักบวช​สูงสุด ก็​ฉีกทึ้ง​เสื้อผ้า​ของ​ตัวเอง​และ​พูด​ว่า “มัน​พูด​หมิ่นประมาท​พระเจ้า​ชัดๆ เรา​ยัง​ต้องการ​พยาน​อะไร​อีก เห็น​ไหม พวก​คุณ​ก็​ได้ยิน​คำหมิ่นประมาท​แล้ว พวก​คุณ​คิด​ว่า​อย่างไร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “มัน​มี​ความ​ผิด มัน​สมควร​ตาย” พวก​เขา​ถ่ม​น้ำลาย​รด​หน้า​พระองค์ และ​ชกต่อย​พระองค์ บางคน​ก็​ตบ​หน้า​พระองค์ และ​พูด​ว่า “ทาย​มา​สิ ไอ้​คริสต์ ใคร​ตบ​หน้า​แก” ใน​ขณะ​เดียว​กัน เปโตร​กำลัง​นั่ง​อยู่​ข้างนอก​ที่​ลาน​บ้าน และ​สาวใช้​คน​หนึ่ง​เข้า​มา​ทัก​เขา​ว่า “แก​ก็​อยู่​กับ​เยซู​คน​กาลิลี​ด้วย​นี่​นา” แต่​เปโตร​พูด​ต่อหน้า​ทุก​คน​ว่า “ผม​ไม่​รู้​ว่า​คุณ​พูด​เรื่อง​อะไร” แล้ว​เขา​ก็​เดิน​ออก​ไป​ที่​ประตู​บ้าน สาวใช้​อีก​คน​ที่​เห็น​เขา​ก็​บอก​กับ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ตรง​นั้น​ว่า “คนนี้​อยู่​กับ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​ด้วย” เปโตร​ปฏิเสธ​ว่า “สาบาน​ได้​เลย ผม​ไม่​เคย​รู้จัก​ชาย​คน​นั้น” อีก​สักครู่​หนึ่ง คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​ก็​เดิน​เข้า​มา​หา​เปโตร และ​พูด​ว่า “แก​เป็น​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น​แน่ๆ สำเนียง​ของ​แก​มัน​ฟ้อง​อยู่​ชัดๆ” เปโตร​ขอ​ให้​ตัวเอง​ถูก​สาปแช่ง​ถ้า​โกหก แล้ว​เขา​สาบาน​ว่า “ผม​ไม่​รู้จัก​ชาย​คนนี้” ทันใด​นั้น​ไก่​ก็​ขัน เปโตร​จึง​นึก​ขึ้น​ได้​ถึง​คำพูด​ที่​พระเยซู​เคย​บอก​กับ​เขา​ว่า “ก่อน​ไก่​ขัน คุณ​จะ​พูด​ว่า​ไม่​รู้จัก​เรา​สาม​ครั้ง” เปโตร​ออก​ไป​ข้างนอก แล้ว​ร้องไห้​อย่าง​ขมขื่น

มัทธิว 26:31-75 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เวลานั้นพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ในคืนวันนี้พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน” เปโตรทูลพระองค์ว่า “แม้ทุกคนจะทิ้งพระองค์ไป ข้าพระองค์จะไม่มีวันทิ้งพระองค์เลย” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรทูลพระองค์ว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” พวกสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน แล้วพระเยซูทรงพาสาวกทั้งหลายมายังที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเกทเสมนี แล้วตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราไปอธิษฐานที่โน่น” พระองค์ก็ทรงพาเปโตรกับบุตรทั้งสองของเศเบดีไปด้วย พระองค์ทรงเริ่มโศกเศร้าและทรงทุกข์ใจอย่างยิ่ง จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา” แล้วทรงดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็ซบพระพักตร์ลงถึงดินอธิษฐานว่า “โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” แล้วพระองค์เสด็จกลับมาหาพวกสาวก ทอดพระเนตรเห็นเขาทั้งหลายนอนหลับอยู่ พระองค์ตรัสกับเปโตรว่า “เป็นอย่างไรนะ พวกท่านจะเฝ้าระวังอยู่กับเราสักชั่วโมงไม่ได้หรือ? ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” พระองค์จึงเสด็จไปทรงอธิษฐานอีกเป็นครั้งที่สอง “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” เมื่อเสด็จกลับมาอีกก็ทอดพระเนตรเห็นบรรดาสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น จึงเสด็จไปจากพวกเขา เสด็จไปทรงอธิษฐานเป็นครั้งที่สาม ทูลขอเหมือนคราวก่อนๆ อีก แล้วเสด็จมายังพวกสาวกตรัสว่า “พวกท่านยังจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ? นี่แน่ะ เวลามาใกล้แล้ว บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป ลุกขึ้นไปกันเถิด คนที่ทรยศเรามาใกล้แล้ว” พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสที่เป็นหนึ่งในกลุ่มสิบสองคนก็มาถึง พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่มาจากพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนซึ่งถือดาบ ถือไม้ตะบองมา คนที่ทรยศพระองค์ก็ให้สัญญาณกับพวกเขาว่า “เราจูบคำนับใครก็คือคนนั้นแหละ จงจับเขาไว้” แล้วยูดาสก็ตรงมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า “สวัสดีพระอาจารย์” แล้วจูบพระองค์ พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย จงทำตามที่ท่านตั้งใจเถิด” แล้วพวกเขาก็เข้ามาและลงมือจับกุมพระเยซู คนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูก็ยื่นมือออกชักดาบฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย เพราะว่าพวกที่ใช้ดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะทูลขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ? และพระองค์ก็จะประทานทูตสวรรค์ให้เรามากกว่าสิบสองกองพลในทันที แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?” ในเวลานั้นพระเยซูตรัสกับกลุ่มชนว่า “ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ ถึงได้ถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เรานั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน ท่านก็ไม่ได้จับเรา แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามที่ผู้เผยพระวจนะเขียนไว้” แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์ และพากันหนีไป พวกคนที่จับพระเยซูก็พาพระองค์ไปถึงบ้านคายาฟาสมหาปุโรหิต ซึ่งเป็นที่ที่บรรดาธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ประชุมกันอยู่ แต่เปโตรตามพระองค์ไปห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต และเข้าไปนั่งข้างในลานบ้านกับบรรดาคนรับใช้ เพื่อคอยดูว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร พวกหัวหน้าปุโรหิตกับสมาชิกสภายิวทั้งหมดก็หาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซูเพื่อจะประหารพระองค์เสีย แต่ถึงแม้มีพยานเท็จหลายคนมาให้การก็ยังหาหลักฐานไม่ได้ ในที่สุดมีสองคนมาให้การ ว่า “คนนี้กล่าวว่าเขาสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” มหาปุโรหิตจึงลุกขึ้นถามพระองค์ว่า “เจ้าจะไม่แก้ตัวในข้อหาที่พวกเขาเป็นพยานกล่าวหาเจ้าหรือ?” แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่ ท่านมหาปุโรหิตจึงกล่าวว่า “เราให้เจ้าสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราว่าเจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านได้พูดแล้ว แต่เราจะบอกท่านทั้งหลายด้วยว่า ตั้งแต่นี้ไป พวกท่านจะเห็น บุตรมนุษย์ ประทับข้างขวาของผู้ทรงฤทธิ์เดช และ เสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์ ” แล้วมหาปุโรหิตก็ฉีกเสื้อของตนกล่าวว่า “เขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เราต้องการพยานอะไรอีก ท่านก็ได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว พวกท่านคิดอย่างไร?” พวกเขาตอบว่า “เขาสมควรตาย” แล้วพวกเขาก็ถ่มน้ำลายรดพระพักตร์และทุบตีพระองค์ บางคนก็ตบพระองค์ แล้วกล่าวว่า “เจ้าพระคริสต์ จงทำนายให้เรารู้ซิว่าใครตีเจ้า” เปโตรนั่งอยู่นอกตึกที่ลานบ้าน มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า “เจ้าก็อยู่กับเยซูชาวกาลิลีด้วย” แต่เปโตรปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งหมดว่า “ที่เจ้าพูดนั้นข้าไม่รู้เรื่อง” เมื่อเปโตรออกไปที่ประตูบ้าน สาวใช้อีกคนหนึ่งเห็นเขาจึงบอกคนทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นว่า “คนนี้เคยอยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ” เปโตรจึงปฏิเสธอีกทั้งสาบานด้วยว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” อีกสักครู่หนึ่ง คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นก็มาพูดกับเปโตรว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ เพราะว่าสำเนียงของเจ้าส่อตัวเอง” เปโตรก็เริ่มสบถสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น” ทันใดนั้นไก่ก็ขัน เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์อย่างมาก

มัทธิว 26:31-75 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ในคื​นว​ันนี้ท่านทุกคนจะสะดุดเพราะเรา ด้วยมีคำเขียนไว้​ว่า ‘เราจะตี​ผู้​เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’ แต่​เมื่อเราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิ​ลีก​่อนหน้าท่าน” ฝ่ายเปโตรทูลตอบพระองค์​ว่า “​แม้​คนทั้งปวงจะสะดุดเพราะพระองค์ ข้าพระองค์จะสะดุ​ดก​็​หามิได้​เลย​” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนนี้ก่อนไก่​ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรทูลพระองค์​ว่า “​ถึงแม้​ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์​ก็​จะไม่ปฏิเสธพระองค์​เลย​” เหล่​าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน แล​้วพระเยซูทรงพาสาวกมายังที่​แห่งหน​ึ่งเรียกว่า เกทเสมนี แล​้วตรัสกับสาวกว่า “จงนั่งอยู่​ที่นี่​ขณะเมื่อเราจะไปอธิษฐานที่​โน่น​” พระองค์​ก็​พาเปโตรกับบุตรชายทั้งสองของเศเบดีไปด้วย พระองค์​ทรงเริ่มโศกเศร้าและหนักพระทัยยิ่งนัก พระองค์​จึงตรัสกับเขาว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่กับเราที่​นี่​เถิด​” แล​้วพระองค์เสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็​ซบพระพักตร์ลงถึ​งด​ิน อธิษฐานว่า “​โอ พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้​ขอให้​ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์​เถิด แต่​อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่​ให้​เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” พระองค์​จึงเสด็จกลับมายังสาวกเหล่านั้น เห​็นเขานอนหลั​บอย​ู่ และตรัสกับเปโตรว่า “เป็นอย่างไรนะ ท่านทั้งหลายจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักชั่วเวลาหนึ่งไม่​ได้​หรือ จงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่​เข​้าในการทดลอง จิ​ตใจพร้อมแล้​วก​็​จริง แต่​เนื้อหนังยั​งอ​่อนกำลัง” พระองค์​จึงเสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สองอี​กว่า “​โอ ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์​ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็​ให้​เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์” ครั้นพระองค์เสด็จกลับมาก็ทรงพบสาวกนอนหลับอีก เพราะเขาลืมตาไม่​ขึ้น พระองค์​จึงทรงละพวกเขาไว้ เสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สามด้วยถ้อยคำเช่นเดิ​มอ​ีก แล​้วพระองค์เสด็จมายังพวกสาวกของพระองค์ ตรั​สว​่า “​เดี๋ยวนี้ จงนอนต่อไปให้หายเหนื่อยเถิด ดู​เถิด เวลามาใกล้​แล้ว และบุตรมนุษย์จะต้องถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาป ลุ​กขึ้นไปกันเถิด ดู​เถิด ผู้​ที่​จะทรยศเรามาใกล้​แล้ว​” พระองค์​ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ดู​เถิด ยู​ดาส คนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น ได้​เข้ามา และมีประชาชนเป็​นอ​ันมากถือดาบ ถือไม้​ตะบอง มาจากพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่​แห่​งประชาชน ผู้​ที่​จะทรยศพระองค์นั้นได้​ให้​อาณัติ​สัญญาณแก่เขาว่า “เราจะจุบผู้​ใด ก็​เป็นผู้​นั้นแหละ จงจั​บก​ุมเขาไว้​ให้​แน่​นหนาเถิด” ขณะนั้น ยู​ดาสตรงมาหาพระเยซูทูลว่า “​สวัสดี พระอาจารย์” แล​้วจุบพระองค์ พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “สหายเอ๋ย มาที่​นี่​ทำไม​” คนเหล่านั้​นก​็​เข​้ามาจับพระเยซูและคุมไป ดู​เถิด มี​คนหนึ่งที่​อยู่​กับพระเยซู ยื่​นม​ือชักดาบออก ฟันหู​ผู้รับใช้​คนหนึ่งของมหาปุโรหิตขาด พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “จงเอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย ด้วยว่าบรรดาผู้ถือดาบจะพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะอธิษฐานขอพระบิดาของเรา และในบัดเดี๋ยวนั้นพระองค์จะทรงประทานทูตสวรรค์​แก่​เรากว่าสิบสองกองไม่​ได้​หรือ แต่​ถ้าเป็นเช่นนั้นพระคัมภีร์​ที่ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้ จะสำเร็จได้​อย่างไร​” ขณะนั้นพระเยซูตรัสกับหมู่ชนว่า “ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือจึงถือดาบ ถือตะบองออกมาจับเรา เราได้นั่​งก​ั​บท​่านทั้งหลายสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน ท่านก็หาได้จับเราไม่ แต่​เหตุการณ์​ทั้งสิ้​นที​่​ได้​บังเกิดขึ้นนี้ ก็​เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์​ที่​พวกศาสดาพยากรณ์​ได้​เข​ียนไว้” แล​้วสาวกทั้งหมดก็​ได้​ละทิ้งพระองค์​ไว้​และพากันหนี​ไป ผู้​ที่​จับพระเยซู​ได้​พาพระองค์ไปยังคายาฟาสมหาปุโรหิต ที่​ซึ่งพวกธรรมาจารย์และพวกผู้​ใหญ่​ได้​ประชุมกันอยู่ แต่​เปโตรได้​ติ​ดตามพระองค์ไปห่างๆจนถึงคฤหาสน์ของมหาปุโรหิต แล​้วเข้าไปนั่งข้างในกับคนใช้ เพื่อจะดูว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร พวกปุโรหิตใหญ่ พวกผู้​ใหญ่ กับบรรดาสมาชิกสภาได้หาพยานเท็จมาเบิกปรักปรำพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์​เสีย แต่​หาหลักฐานไม่​ได้ เออ ถึงแม้​มี​พยานเท็จหลายคนมาให้​การก​็หาหลักฐานไม่​ได้ ในที่สุ​ดก​็​มี​พยานเท็จสองคนมา กล่าวว่า “คนนี้​ได้​ว่า ‘เราสามารถจะทำลายพระวิหารของพระเจ้า และจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน’” มหาปุโรหิตจึงลุกขึ้นถามพระองค์​ว่า “ท่านจะไม่ตอบอะไรหรือ คนเหล่านี้เป็นพยานปรักปรำท่านด้วยเรื่องอะไร” แต่​พระเยซู​ทรงนิ่งอยู่ มหาปุโรหิตจึงกล่าวแก่​พระองค์​ว่า “เราสั่งให้ท่านปฏิญาณโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์​อยู่ ให้​บอกเราว่า ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “ท่านว่าถูกแล้ว และยิ่งกว่านั้​นอ​ีก เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในเวลาเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งหลายจะได้​เห​็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธานุ​ภาพ และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์” ขณะนั้นมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตน แล​้​วว​่า “เขาได้​พู​ดหมิ่นประมาทแล้ว เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ดู​เถิด บัดนี้ ท่านทั้งหลายก็​ได้​ยินเขาพูดหมิ่นประมาทแล้ว ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร” คนทั้งปวงก็ตอบว่า “เขามีความผิดถึงตาย” แล​้วเขาถ่​มน​้ำลายรดพระพักตร์​พระองค์​และตี​พระองค์ และคนอื่นเอาฝ่ามือตบพระองค์ แล​้​วว​่า “​เจ้​าพระคริสต์ จงพยากรณ์​ให้​เรารู้ว่าใครตบเจ้า” ขณะนั้นเปโตรนั่งอยู่ภายนอกบริเวณคฤหาสน์​นั้น มี​สาวใช้​คนหนึ่งมาพู​ดก​ับเขาว่า “​เจ้​าได้​อยู่​กับเยซูชาวกาลิลี​ด้วย​” แต่​เปโตรได้ปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “​ที่​เจ้​าว่านั้นข้าไม่​รู้เรื่อง​” เมื่อเปโตรได้ออกไปที่​ระเบียง สาวใช้​อี​กคนหนึ่งแลเห็นจึงบอกคนทั้งปวงที่​อยู่​ที่​นั่​นว​่า “คนนี้​ได้​อยู่​กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย” เปโตรจึงปฏิเสธอีก ด้วยคำปฏิญาณว่า “ข้าไม่​รู้​จักคนนั้น” อีกสักครู่​หน​ึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่​ใกล้​ๆนั้​นก​็มาว่าแก่เปโตรว่า “​เจ้​าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่​แล้ว ด้วยว่าสำเนียงของเจ้าก็ส่อตัวเจ้าเอง” แล​้วเปโตรก็เริ่มสบถและสาบานว่า “ข้าไม่​รู้​จักคนนั้น” ในทันใดนั้นไก่​ก็​ขัน เปโตรจึงระลึกถึงคำของพระเยซู​ที่​ตรัสแก่เขาว่า “ก่อนไก่​ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล​้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้อย่างขมขื่นยิ่งนัก

มัทธิว 26:31-75 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า <<ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะทิ้งเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้น จะกระจัดกระจายไป แต่เมื่อทรงให้เราฟื้นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน>> ฝ่ายเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า <<แม้คนทั้งปวงจะทิ้งพระองค์ ข้าพระองค์จะทิ้งก็หามิได้เลย>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในคืนวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง>> เปโตรทูลพระองค์ว่า <<ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย>> เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน แล้วพระเยซูทรงพาสาวกมายังที่แห่งหนึ่ง เรียกว่าเกทเสมนี แล้วตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า <<จงนั่งอยู่ที่นี่ ขณะเมื่อเราจะไปอธิษฐานที่โน่น>> พระองค์ก็พาเปโตรกับบุตรทั้งสองของเศเบดีไปด้วย พระองค์ทรงโศกเศร้าและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเขาว่า <<ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่กับเราที่นี่เถิด>> แล้วเสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็ซบพระพักตร์ลงถึงดินอธิษฐานว่า <<โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์>> จึงเสด็จกลับมายังสาวกเหล่านั้น เห็นเขานอนหลับอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า <<เป็นอย่างไรนะ ท่านทั้งหลายจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง>> พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สองอีกว่า <<ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์>> ครั้นเสด็จกลับมาก็ทรงเห็นสาวกนอนหลับอยู่ เพราะเขาลืมตาไม่ขึ้น จึงทรงละเขาไว้เสด็จไปอธิษฐานครั้งที่สาม เหมือนคราวก่อนๆอีก แล้วเสด็จมายังพวกสาวกตรัสว่า <<ท่านจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ เวลามาใกล้แล้ว บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือคนบาป ลุกขึ้นไปกันเถิด ผู้ที่จะอายัดเรามาใกล้แล้ว>> พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสคนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้นได้เข้ามา และมีประชาชนเป็นอันมากถือดาบ ถือไม้ตะบอง มาจากพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่แห่งประชาชน ผู้ที่จะอายัดพระองค์นั้นได้ให้อาณัติสัญญาณแก่เขาว่า <<เราจะจุบคำนับผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้>> ขณะนั้นยูดาสตรงมาหาพระเยซูทูลว่า <<สวัสดีพระอาจารย์>> แล้วจุบคำนับพระองค์ พระเยซูได้ตรัสกับเขาว่า <<สหายเอ๋ย มาที่นี่ทำไม>> คนเหล่านั้นก็เข้ามาจับพระเยซูและคุมไป ขณะนั้น มีคนหนึ่งที่อยู่กับพระเยซูยื่นมือชักดาบออกฟันหูทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตประจำการขาด พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<จงเอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย ด้วยว่าบรรดาผู้ถือดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ และในครู่เดียวพระองค์จะประทานทูตสวรรค์แก่เรากว่าสิบสองกอง แต่ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ที่ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้ จะสำเร็จได้อย่างไร>> ขณะนั้นพระเยซูได้ตรัสกับหมู่ชนว่า <<ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ จึงถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา เราได้นั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหารทุกวัน ท่านก็หาได้จับเราไม่ แต่เหตุการณ์ที่ได้บังเกิดขึ้นครั้งนี้ เพื่อจะสำเร็จตามที่ผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้>> แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้ และพากันหนีไป ผู้ที่จับพระเยซูได้พาพระองค์ไปถึงบ้านคายาฟาสมหาปุโรหิตประจำการ ที่พวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ได้ประชุมกันอยู่ที่นั่น แต่เปโตรได้ติดตามพระองค์ไปห่างๆ จนถึงลานบ้านของท่านมหาปุโรหิต แล้วเข้าไปนั่งข้างในลานบ้านกับคนใช้ของท่านมหาปุโรหิต จะคอยดูว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร พวกมหาปุโรหิตกับบรรดาสมาชิกสภา จึงหาพยานเท็จมาเบิกปรักปรำพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์เสีย แต่ถึงแม้มีพยานเท็จหลายคนมาให้การก็หาหลักฐานไม่ได้ ในที่สุดมีสองคนมาให้การ ว่า <<คนนี้ได้ว่าเขาสามารถจะทำลายพระวิหารของพระเจ้า และจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน>> มหาปุโรหิตประจำการจึงลุกขึ้นถามพระองค์ว่า <<ท่านจะไม่แก้ตัวในข้อหาที่พยานเขาตั้งมานี้หรือ>> แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่ ท่านมหาปุโรหิตจึงว่า <<เราให้ท่านสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราว่าท่านเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<ท่านว่าถูกแล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกเราบอกท่านทั้งหลายว่า ในเวลาเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์>> ขณะนั้นท่านมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตน แล้วว่า <<เขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ท่านทั้งหลายก็ได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร>> คนทั้งปวงก็ตอบว่า <<ควรปรับโทษถึงตาย>> แล้วเขาถ่มน้ำลายรดพระพักตร์และตีพระองค์ และบางคนเอามือตบพระองค์ แล้วว่า <<เจ้าพระคริสต์ จงเผยให้เรารู้ว่าใครตบเจ้า>> ฝ่ายเปโตรนั่งอยู่นอกตึกที่ลานบ้าน มีสาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเขาว่า <<แกได้อยู่กับเยซูชาวกาลิลีด้วยเหมือนกัน>> แต่เปโตรได้ปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า <<ที่เจ้าว่านั้นข้าไม่รู้เรื่อง>> เมื่อเปโตรได้ออกไปที่ประตูบ้าน สาวใช้อีกคนหนึ่งแลเห็นจึงบอกคนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นว่า <<คนนี้ได้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วย>> เปโตรจึงปฏิเสธอีกทั้งสาบานว่า <<ข้าไม่รู้จักคนนั้น>> อีกสักครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นก็มาว่าแก่เปโตรว่า <<เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่แล้ว ด้วยว่าสำเนียงของเจ้าส่อตัวเอง>> เปโตรก็สบถสาบานใหญ่ว่า <<ข้าไม่รู้จักคนนั้น>> ในทันใดนั้นไก่ก็ขัน เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูตรัสไว้ว่า <<ก่อนไก่ขันเจ้าจะปฏิเสธเราสามครั้ง>> แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์ยิ่งนัก

มัทธิว 26:31-75 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แล้วพระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “ในคืนวันนี้เองพวกท่านจะทิ้งเราไปกันหมด เพราะมีเขียนไว้ว่า “ ‘เราจะฟาดฟันคนเลี้ยงแกะ และฝูงแกะจะกระจัดกระจายไป’ แต่หลังจากที่เราเป็นขึ้น เราจะไปยังกาลิลีก่อนหน้าท่าน” เปโตรทูลตอบว่า “ถึงใครๆ ทิ้งพระองค์ไปหมด ข้าพระองค์ก็จะไม่มีวันทิ้งพระองค์” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าในคืนนี้เองก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” แต่เปโตรประกาศว่า “ถึงแม้ข้าพระองค์ต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์” แล้วสาวกที่เหลือก็พูดแบบเดียวกัน แล้วพระเยซูกับเหล่าสาวกของพระองค์มายังที่แห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐานที่นั่น” พระองค์ทรงพาเปโตรกับบุตรชายทั้งสองคนของเศเบดีไปกับพระองค์ด้วย พระองค์ทรงโศกเศร้าและเป็นทุกข์ยิ่งนัก จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จิตวิญญาณของเราท่วมท้นด้วยความทุกข์โศกแทบจะตาย จงเฝ้าระวังอยู่กับเราที่นี่” พระองค์ทรงดำเนินไปได้สักหน่อยก็ทรงซบพระพักตร์ลงที่พื้นและทรงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบิดา หากเป็นไปได้ขอให้ถ้วยนี้พ้นไปจากข้าพระองค์เถิด อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” แล้วพระองค์ทรงกลับมาหาสาวกของพระองค์ และพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับอยู่จึงตรัสถามเปโตรว่า “พวกท่านจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักชั่วโมงเดียวก็มิได้หรือ? จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง” พระองค์เสด็จไปอธิษฐานเป็นครั้งที่สองว่า “ข้าแต่พระบิดา หากถ้วยนี้ไม่อาจพ้นไปและข้าพระองค์ต้องดื่ม ก็ขอให้สำเร็จดังพระประสงค์ของพระองค์” เมื่อพระองค์ทรงกลับมาก็ทรงพบว่าพวกเขายังคงหลับอยู่เพราะพวกเขาง่วงมากจนลืมตาไม่ขึ้น พระองค์จึงทรงละพวกเขาไว้ แล้วเสด็จไปอธิษฐานเป็นครั้งที่สามและอธิษฐานเรื่องเดิม จากนั้นพระองค์ทรงกลับมาหาเหล่าสาวกและตรัสว่า “พวกท่านยังนอนหลับพักผ่อนอยู่อีกหรือ? ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาแล้วและบุตรมนุษย์ถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือของคนบาป ลุกขึ้นไปกันเถิด! ผู้ทรยศเรามาแล้ว!” พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกสิบสองคนก็มาถึงพร้อมกับคนหมู่ใหญ่ซึ่งถือดาบถือกระบอง คนเหล่านี้เป็นพวกที่บรรดาหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสของประชาชนส่งมา ผู้ทรยศได้กำหนดอาณัติสัญญาณกับพวกเขาว่า “คนที่เราจูบคือผู้นั้น จงจับกุมเขา” ยูดาสตรงเข้ามาหาพระเยซูและทูลว่า “ขอคำนับรับบี!” แล้วจูบพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย จะมาทำอะไรก็ทำเถิด” แล้วคนเหล่านั้นก็ตรงเข้าจับกุมพระเยซู คนหนึ่งในพวกที่อยู่กับพระองค์เอื้อมมือคว้าดาบชักออกมาฟันหูบ่าวของมหาปุโรหิตขาด พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เก็บดาบเสียเถิดเพราะคนทั้งปวงที่ชักดาบจะตายด้วยดาบ ท่านคิดว่าเราไม่อาจทูลขอพระบิดาหรือ? พระองค์จะให้ทูตสวรรค์กว่าสิบสองกองแก่เราทันที แต่ถ้าเช่นนั้นจะเป็นจริงตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้หรือว่าต้องเป็นไปตามนี้?” แล้วพระองค์ตรัสกับคนกลุ่มนั้นว่า “เราก่อการกบฏหรือ? พวกท่านจึงได้ถือดาบถือกระบองมาจับเรา เรานั่งสอนอยู่ในลานพระวิหารทุกวันและท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่ทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่ผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้” แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์แล้วหนีไป ผู้ที่จับพระเยซูนำพระองค์มาพบมหาปุโรหิตคายาฟาสในที่ซึ่งพวกธรรมาจารย์และผู้อาวุโสมาชุมนุมกัน ฝ่ายเปโตรตามพระองค์มาห่างๆ จนถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต เขาเข้าไปนั่งกับพวกยามเพื่อคอยดูผลที่จะเกิดขึ้น พวกหัวหน้าปุโรหิตและทั้งสภาแซนเฮดรินค้นหาหลักฐานเท็จมามัดตัวพระเยซูเพื่อจะได้ประหารพระองค์ แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้จะมีพยานเท็จหลายคนมากล่าวหาพระองค์ ในที่สุดมีสองคนออกมา ให้การว่า “คนนี้พูดว่า ‘ข้าพเจ้าสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าและสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในสามวัน’” แล้วมหาปุโรหิตจึงยืนขึ้นกล่าวกับพระเยซูว่า “ท่านจะไม่ตอบอะไรหรือ? คำให้การที่คนเหล่านี้กล่าวหาท่านเป็นเรื่องอะไรกัน?” แต่พระเยซูทรงนิ่งอยู่ มหาปุโรหิตจึงกล่าวกับพระองค์ว่า “ภายใต้คำสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เราสั่งท่านว่าถ้าท่านคือพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าก็จงบอกเรามา” พระเยซูตรัสว่า “ใช่อย่างที่ท่านพูด เราขอบอกท่านทุกคนว่าในอนาคตท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ขององค์ทรงฤทธิ์และเสด็จมาบนหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์” มหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนและพูดว่า “เขาได้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า! เราจะต้องหาพยานอีกทำไม? ดูเถิด บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ยินคำหมิ่นประมาทแล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร?” พวกนั้นตอบว่า “เขาสมควรตาย” แล้วพวกเขาถ่มน้ำลายใส่พระพักตร์และต่อยพระองค์ คนอื่นๆ ก็ตบพระองค์ และว่า “เจ้าพระคริสต์ ทำนายให้เราฟังสิ ใครตบเจ้า?” ฝ่ายเปโตรนั่งอยู่ที่ลานบ้าน สาวใช้คนหนึ่งมาพูดกับเปโตรว่า “เจ้าก็อยู่กับเยซูแห่งกาลิลีด้วย” แต่เปโตรปฏิเสธต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่รู้เรื่อง” แล้วเปโตรออกไปที่ประตูรั้ว สาวใช้อีกคนหนึ่งเห็นเขาก็พูดกับคนที่นั่นว่า “คนนี้อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ” เปโตรปฏิเสธอีกพร้อมทั้งสาบานว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!” สักครู่ผู้คนที่อยู่แถวนั้นมาพูดกับเปโตรว่า “ใช่แน่ๆ เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้น ฟังจากสำเนียงของเจ้าก็รู้” แล้วเปโตรจึงสบถสาบานเป็นการใหญ่ว่า “ข้าไม่รู้จักคนนั้น!” ทันใดนั้นไก่ก็ขัน เปโตรจึงนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” เขาจึงออกไปข้างนอกและร้องไห้อย่างขมขื่น

มัทธิว 26:31-75 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ทุก​คน​จะ​ละ​ทิ้ง​เรา​ใน​คืน​นี้ เพราะ​มี​บันทึก​ไว้​ว่า ‘เรา​จะ​ฟาดฟัน​ผู้​เลี้ยงดู​ฝูง​แกะ และ​บรรดา​แกะ​ใน​ฝูง​จะ​กระจัด​กระจาย​ไป’ แต่​หลัง​จาก​ที่​เรา​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​แล้ว เรา​จะ​ไป​ล่วงหน้า​พวก​เจ้า​ยัง​แคว้น​กาลิลี” แต่​เปโตร​พูด​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “แม้​คน​ทั้ง​ปวง​จะ​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ไม่​มีวัน​ทิ้ง​พระ​องค์​แน่นอน” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า ใน​คืน​วัน​นี้​เอง ก่อน​ไก่​จะ​ขัน เจ้า​จะ​ปฏิเสธ 3 ครั้ง​ว่า​เจ้า​ไม่​รู้จัก​เรา” เปโตร​พูด​กับ​พระ​เยซู​ว่า “ถึง​แม้​ข้าพเจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​ไป​ด้วย​กับ​พระ​องค์ ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ไม่​ปฏิเสธ​พระ​องค์” สาวก​ต่าง​ก็​พูด​เป็น​เสียง​เดียว​กัน​อย่าง​นั้น​ทุก​คน แล้ว​พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​มา​ยัง​ที่​แห่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​เรียก​ว่า​เกทเสมนี พระ​องค์​กล่าว​กับ​เหล่า​สาวก​ว่า “จง​นั่ง​ลง​ที่​นี่​ขณะ​ที่​เรา​ไป​อธิษฐาน​ที่​โน่น” พระ​องค์​พา​เปโตร​และ​บุตร​ชาย​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบดี​ไป​ด้วย พระ​องค์​เริ่ม​เศร้าใจ​และ​หนักใจ พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “จิตใจ​ของ​เรา​เป็น​ทุกข์​เจียน​ตาย จง​อยู่​ตรง​นี้ เฝ้าคอย​อยู่​กับ​เรา​เถิด” พระ​องค์​เดิน​เลย​พวก​เขา​ไป​เล็ก​น้อย​แล้ว​ซบ​หน้า​ลง​ที่​พื้น​ดิน​อธิษฐาน​ว่า “พระ​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า ถ้า​เป็น​ไป​ได้ โปรด​ให้​ถ้วย​นี้​ผ่าน​พ้น​ไป​จาก​ข้าพเจ้า ถึง​กระนั้น ขอ​อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​ข้าพเจ้า แต่​ขอ​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​เถิด” พระ​เยซู​เดิน​มาหา​เหล่า​สาวก​และ​พบ​ว่า​พวก​เขา​กำลัง​นอน​หลับ​กัน พระ​องค์​กล่าว​กับ​เปโตร​ว่า “พวก​เจ้า​ไม่​สามารถ​คอย​เฝ้า​อยู่​กับ​เรา​สัก​ชั่วโมง​เดียว​หรือ จง​คอย​เฝ้า​และ​อธิษฐาน​เถิด​ว่า พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ตก​อยู่​ใน​สิ่ง​ยั่วยุ ฝ่าย​วิญญาณ​มี​ความ​ตั้งใจ​ดี แต่​ฝ่าย​เนื้อหนัง​กลับ​อ่อนแอ” พระ​องค์​เดิน​จาก​ไป​อีก​เป็น​ครั้งที่​สอง และ​อธิษฐาน​ว่า “พระ​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า หาก​ถ้วย​นี้​ผ่าน​ข้าพเจ้า​ไป​ไม่​ได้ นอกจาก​ว่า​ข้าพเจ้า​จะ​ต้อง​ดื่ม​ก่อน ก็​ขอให้​เป็นไป​ตาม​ความ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​เถิด” แล้ว​พระ​เยซู​กลับ​มา​อีก​ก็​พบ​ว่า​พวก​เขา​นอน​หลับ​กัน เพราะ​ง่วง​จน​ลืมตา​ไม่​ขึ้น พระ​องค์​เดิน​จาก​พวก​เขา​ไป​อีก​และ​อธิษฐาน​เป็น​ครั้งที่​สาม โดย​กล่าว​เช่น​เดิม​อีก พระ​องค์​มาหา​เหล่า​สาวก​และ​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​ยัง​นอน​หลับ​และ​พักผ่อน​อยู่​หรือ ดู​เถิด ใกล้​เวลา​แล้ว และ​บุตรมนุษย์​กำลัง​ถูก​ทรยศ​ส่ง​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป จง​ลุก​ขึ้น ไป​กัน​เถิด ดู​สิ คน​ทรยศ​เรา​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว” พระ​องค์​ยัง​กล่าว​ไม่​ทัน​ขาด​คำ ยูดาส​หนึ่ง​ใน​สาวก​ทั้ง​สิบ​สอง​ก็​เดิน​มา พร้อม​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​จาก​บรรดา​มหา​ปุโรหิต​และ​ผู้ใหญ่​ของ​ประชาชน ต่าง​ถือ​ดาบ​และ​ไม้ตะบอง​มา​ด้วย ผู้​ทรยศ​นั้น​ได้​ให้​สัญญาณ​แก่​พวก​เขา​โดย​กล่าว​ว่า “เป็น​คน​ที่​เรา​จะ​จูบ​แก้ม​นั่น​แหละ จง​จับกุม​เขา​ได้​เลย” เขา​ไป​หา​พระ​เยซู​ทันที​และ​พูด​ว่า “สวัสดี รับบี” แล้ว​ก็​จูบ​แก้ม​พระ​องค์ พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เพื่อน​เอ๋ย มา​เพื่อ​อะไร​ก็​ทำไป​เถิด” ครั้น​แล้ว​พวก​เขา​ก็​เข้ามา​จับกุม​พระ​เยซู ใน​ทันใด​นั้น คนหนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้​ที่​อยู่​กับ​พระ​เยซู​ชัก​ดาบ​ออก​ฟัน​หู​ผู้​รับใช้​ของ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​ขาด พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “เก็บ​ดาบ​เสีย เพราะ​ทุก​คน​ที่​ใช้​ดาบ​จะ​ตาย​เพราะ​ดาบ เจ้า​คิด​หรือ​ว่า​เรา​จะ​ร้องขอ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ให้​ช่วย​ไม่​ได้ พระ​องค์​จะ​ส่ง​ทูต​สวรรค์​มา​เป็น​จำนวน​มาก​กว่า 12 เลเกโอน​ให้​เรา​ได้​ทันที ถ้า​เช่นนั้น​แล้ว​จะ​เป็นไป​ตาม​พระ​คัมภีร์​ได้​อย่างไร เรื่อง​จะ​ต้อง​เป็นไป​เช่นนี้” ใน​เวลา​นั้น พระ​เยซู​กล่าว​กับ​ฝูง​ชน​ว่า “พวก​ท่าน​เอา​ดาบ​และ​ไม้ตะบอง​พา​กัน​มา​จับกุม​เรา เหมือน​กับ​ว่า​เรา​เป็น​โจร​อย่าง​นั้น​หรือ ทุก​วัน​เรา​เคย​นั่ง​สั่งสอน​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร แต่​ท่าน​ก็​ไม่​ได้​จับกุม​เรา สิ่ง​เหล่า​นี้​เกิด​ขึ้น​ก็​เพื่อ​เป็นไป​ตาม​พระ​คัมภีร์​ใน​หมวด​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า” เหล่า​สาวก​ก็​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์​ไว้​และ​พา​กัน​หนี​ไป แล้ว​พวก​ที่​จับกุม​พระ​เยซู​ก็​พา​พระ​องค์​ไป​หา​คายาฟาส​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต ณ ที่​ซึ่ง​พวก​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​และ​พวก​ผู้ใหญ่​ประชุม​ร่วมกัน แต่​เปโตร​ก็​ได้​ติดตาม​พระ​องค์​ไป​อยู่​ห่างๆ เขา​เข้า​ใกล้​ที่สุด​ได้​ถึง​ใน​บริเวณ​ลาน​บ้าน​ของ​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต แล้ว​นั่ง​ลง​กับ​พวก​เจ้าหน้าที่​เพื่อ​ดู​ว่า​เรื่อง​จะ​เป็น​อย่างไร ฝ่าย​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​สมาชิก​ทั้ง​หมด​ใน​ศาสนสภา​พยายาม​หา​พยาน​เท็จ​ปรักปรำ​พระ​เยซู​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​พระ​องค์​ได้​รับ​โทษ​ถึง​ตาย แต่​พวก​เขา​ก็​ไม่​สามารถ​ทำ​ได้ แม้ว่า​พยาน​เท็จ​จำนวน​มาก​มา​ให้การ แต่​ใน​ที่​สุด​มี 2 คน​มา​ให้การ​ว่า “ชาย​คนนี้​กล่าว​ว่า ‘เรา​สามารถ​ทำลาย​พระ​วิหาร​ของ​พระ​เจ้า​ได้​และ​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ใน 3 วัน’” หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​ยืน​ขึ้น​และ​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​ไม่​ตอบ​อะไร​หรือ ท่าน​จะ​ว่า​อย่างไร​กับ​คำ​ให้​การ​ที่​กล่าวหา​ท่าน​มา​นี้” แต่​พระ​เยซู​นิ่ง​เงียบ ส่วน​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “เรา​ให้​ท่าน​สาบาน​ต่อ​หน้า​พระ​เจ้า​ผู้​ดำรงอยู่ ให้​ท่าน​บอก​เรา​ว่า ท่าน​เป็น​พระ​คริสต์​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​หรือ​ไม่” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “ท่าน​เป็น​คน​พูด​เช่นนั้น​เอง แต่​เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า หลัง​จาก​นี้​พวก​ท่าน​จะ​เห็น​บุตรมนุษย์​นั่ง​อยู่ ณ เบื้อง​ขวา​ของ​องค์​ผู้​มี​อานุภาพ​มา​พร้อม​เมฆ​แห่ง​สวรรค์” ครั้น​แล้ว​หัวหน้า​มหา​ปุโรหิต​จึง​ฉีก​เสื้อ​ตัว​นอก​ของ​ตนเอง​จน​ขาด และ​กล่าว​ว่า “เขา​ได้​พูดจา​หมิ่น​ประมาท พวก​เรา​จำต้อง​มี​พยาน​อะไร​มาก​กว่า​นี้ ดูสิ พวก​ท่าน​ก็​ได้ยิน​คำ​พูด​หมิ่น​ประมาท​แล้ว พวก​ท่าน​เห็น​ว่า​อย่างไร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เขา​สมควร​ตาย” แล้ว​พวก​เขา​ถ่ม​น้ำลาย​ใส่​หน้า​พระ​องค์ และ​ชก​พระ​องค์​ด้วย​กำปั้น บ้าง​ก็​ตบ​พระ​องค์ และ​พูด​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​พระ​คริสต์ จง​พยากรณ์​ซิ​ว่า​ใคร​เป็น​คน​ตบตี​ท่าน” ขณะ​นั้น​เปโตร​กำลัง​นั่ง​อยู่​ข้างนอก​ที่​ลาน​บ้าน และ​ผู้​รับใช้​หญิง​คนหนึ่ง​เดิน​เข้า​มา​ใกล้​เขา​และ​พูด​ว่า “ท่าน​ก็​ด้วย ท่าน​อยู่​กับ​เยซู​ชาว​กาลิลี” แต่​เขา​ปฏิเสธ​ต่อ​หน้า​ทุก​คน​โดย​พูด​ว่า “เรา​ไม่​รู้​ว่า​เจ้า​พูด​ถึง​อะไร” เมื่อ​เขา​ออก​ไป​ทาง​ประตู ผู้​รับใช้​หญิง​อีก​คน​เห็น​เปโตร​จึง​พูด​กับ​พวก​ที่​ยืน​อยู่​ว่า “ชาย​คน​นี้​อยู่​กับ​เยซู​แห่ง​เมือง​นาซาเร็ธ” เขา​สาบาน​ไม่​ยอม​รับ​อีกว่า “เรา​ไม่​รู้จัก​ชาย​ผู้นั้น” อีก​ชั่วครู่​ต่อ​มา พวก​ที่​ยืน​อยู่​มาหา​เปโตร​และ​พูด​ว่า “แน่​แล้ว ท่าน​ด้วย​ที่​เป็น​พวก​เดียวกัน​กับ​เขา ก็​สำเนียง​ของ​ท่าน​ส่อ​ให้​รู้​นี่นา” แล้ว​เปโตร​ก็​เริ่ม​สบถ​สาบาน​ว่า “เรา​ไม่​รู้จัก​ชาย​ผู้​นั้น” ใน​ทันใด​นั้น ไก่​ก็​ขัน แล้ว​เปโตร​นึกถึง​คำ​ซึ่ง​พระ​เยซู​ได้​กล่าวไว้​ว่า “ก่อน​ไก่​จะ​ขัน เจ้า​จะ​ปฏิเสธ 3 ครั้ง​ว่า​เจ้า​ไม่​รู้จัก​เรา” เขา​จึง​ออก​ไป​ข้าง​นอก​แล้ว​ร้องไห้​ด้วย​ความ​ปวดร้าว​ใจ​ยิ่ง​นัก