มัทธิว 26:1-30
มัทธิว 26:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
เมื่อพระเยซูพูดเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว พระองค์บอกกับพวกศิษย์ว่า “พวกคุณก็รู้แล้วว่า อีกสองวันจะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย และบุตรมนุษย์จะถูกส่งมอบไปให้ศัตรูเพื่อเอาไปตรึงที่กางเขน” พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสมาประชุมกันที่บ้านของคายาฟาสนักบวชสูงสุด พวกเขาวางแผนจับตัวพระเยซูไปฆ่า แต่พวกเขาตกลงกันว่า “อย่าเพิ่งทำในช่วงเทศกาล เพราะประชาชนจะก่อการจลาจลขึ้น” ในเมืองเบธานี ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนที่เคยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง มีผู้หญิงคนหนึ่งถือขวดใส่น้ำหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ เธอชโลมน้ำหอมลงบนศีรษะของพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังกินอาหารอยู่ เมื่อพวกศิษย์เห็นอย่างนั้นก็โกรธ ต่างพูดกันว่า “ทำไมถึงทำให้เสียของอย่างนี้ มันคงขายได้เงินมากทีเดียว แล้วก็เอาเงินนั้นไปแจกจ่ายให้กับคนจน” เมื่อพระเยซูได้ยิน จึงห้ามพวกศิษย์ว่า “ไปวุ่นวายกับเธอทำไม เธอได้ทำสิ่งที่ดีงามให้กับเรา พวกคุณจะมีคนจนอยู่ด้วยเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับพวกคุณเสมอไป ที่เธอเทน้ำหอมลงบนตัวเรานั้น ก็เพื่อเตรียมเราไว้สำหรับการฝังศพ เราจะบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าข่าวดีนี้จะประกาศออกไปที่ไหนๆในโลกนี้ ก็จะมีคนพูดถึงเรื่องที่เธอทำให้กับเรานี้เสมอ เพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ” ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคนของพระเยซู ได้ไปพบพวกหัวหน้านักบวช เขาถามว่า “ถ้าผมส่งตัวพระเยซูให้ จะจ่ายให้ผมเท่าไหร่” แล้วพวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ ตั้งแต่นั้นมา ยูดาสก็คอยจ้องหาโอกาสที่จะส่งพระเยซูให้กับพวกเขา วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกศิษย์ได้เข้ามาถามพระเยซูว่า “อาจารย์จะให้พวกเราเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้อาจารย์ที่ไหนครับ” พระเยซูตอบว่า “ให้เข้าไปในเมืองหาชายคนหนึ่ง แล้วบอกเขาว่า ‘อาจารย์บอกว่า เวลาของเราใกล้มาถึงแล้ว เราจะเลี้ยงฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์ของเราที่บ้านของคุณ’” พวกศิษย์ทำตามที่พระเยซูบอก และจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น เมื่อถึงตอนเย็น พระเยซูเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับศิษย์ทั้งสิบสองคน ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูได้พูดขึ้นว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนหนึ่งในพวกคุณจะหักหลังเรา” พวกศิษย์ตระหนกตกใจมาก ต่างถามพระองค์ว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์” พระเยซูตอบว่า “คนที่เอามือจิ้มลงในชามเดียวกับเราจะเป็นคนที่หักหลังเรา บุตรมนุษย์จะต้องตาย เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้แล้ว แต่คนที่หักหลังบุตรมนุษย์นี้น่าละอายจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมา ก็คงจะดีกว่า” พอยูดาสคนที่จะหักหลังพระองค์ถามว่า “คงไม่ใช่ผมนะ อาจารย์” พระองค์จึงตอบว่า “คุณนั่นแหละ” ขณะที่กำลังกินกันอยู่นั้น พระเยซูหยิบขนมปังมา ขอบคุณพระเจ้า จากนั้นหักขนมปังให้พวกศิษย์และพูดว่า “รับไปกินสิ นี่คือร่างกายของเรา” แล้วพระองค์หยิบถ้วยขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า ส่งไปให้พวกเขาและพูดว่า “ให้ทุกคนดื่มจากถ้วยนี้ เพราะนี่คือเลือดของเรา พระเจ้าได้ทำสัญญาขึ้นมาด้วยเลือดนี้ มันได้หลั่งไหลออกมาเพื่อยกโทษให้กับความบาปของคนทั้งหลาย เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นนี้อีก จนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราจะได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่ด้วยกันกับพวกคุณในอาณาจักรของพระบิดาเรา” เมื่อพวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแล้ว ก็ออกไปที่ภูเขามะกอกเทศ
มัทธิว 26:1-30 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว จึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา และบุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวให้เอาไปตรึงที่กางเขน” เวลานั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและบรรดาผู้ใหญ่ของประชาชนมาประชุมกันที่สำนักของมหาปุโรหิตที่ชื่อว่าคายาฟาส เขาทั้งหลายปรึกษากันที่จะจับพระเยซูด้วยอุบายและเอาไปฆ่าเสีย แต่เขาพูดกันว่า “อย่าเพิ่งทำในช่วงเทศกาลเลย มิฉะนั้นประชาชนจะเกิดความวุ่นวาย” ในระหว่างที่พระเยซูประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานีในบ้านของซีโมนคนเคยเป็นโรคเรื้อน มีหญิงคนหนึ่งถือขวดน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์ขณะพระองค์ประทับและเสวยอาหาร เมื่อสาวกทั้งหลายของพระองค์เห็นก็ไม่พอใจ จึงพูดว่า “ทำไมต้องสิ้นเปลืองอย่างนี้? น้ำมันหอมนี้ถ้าขายก็ได้เงินจำนวนมาก แล้วเอาไปแจกคนยากจนได้” พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “กวนใจหญิงคนนี้ทำไม? นางได้ทำความดีต่อเรา เพราะว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอแต่เราไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป การที่หญิงนี้เทน้ำมันหอมบนกายเราก็เพื่อเตรียมการฝังศพของเรา เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า สิ่งที่หญิงคนนี้ทำจะถูกกล่าวขวัญถึงทั่วโลกที่มีการประกาศข่าวประเสริฐนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง” เวลานั้นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกหัวหน้าปุโรหิต บอกว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบตัวเขาให้พวกท่าน ท่านจะให้ข้าพเจ้าเท่าไหร่?” พวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ ตั้งแต่นั้นมา ยูดาสคอยหาช่องที่จะทรยศพระองค์ ในวันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อบรรดาสาวกมาทูลถามพระเยซูว่า “จะให้พวกข้าพระองค์เตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงเข้าไปในเมืองหาคนผู้หนึ่ง แล้วบอกเขาว่า ‘อาจารย์พูดว่า “กำหนดเวลาของเรามาใกล้แล้ว เราจะถือปัสกาที่บ้านของท่านพร้อมกับสาวกทั้งหลายของเรา” ’ ” พวกสาวกจึงทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง และเตรียมปัสกาไว้พร้อม พอถึงเวลาพลบค่ำ พระองค์ประทับและเสวยอาหารกับสาวกสิบสองคน เมื่อรับประทานกันอยู่ พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในท่านจะทรยศเรา” พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์ ต่างคนต่างเริ่มทูลถามพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คือข้าพระองค์หรือ?” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนที่เอามือจิ้มลงในชามเดียวกันกับเรานั่นแหละ คือคนที่จะทรยศเรา บุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติมีแก่คนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้เกิดมาก็จะดีกว่า” ยูดาสคนที่ทรยศพระองค์ทูลว่า “พระอาจารย์ คือข้าพระองค์หรือ?” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ท่านว่าถูกแล้ว” ระหว่างรับประทานอยู่นั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังขึ้นมา และเมื่อขอพระพรแล้ว ก็ทรงหักส่งให้บรรดาสาวกตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้ว ก็ทรงส่งให้พวกเขาตรัสว่า “จงรับไปดื่มทุกคนเถิด เพราะว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มจากผลของเถาองุ่นนี้อีกต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น ที่เราจะดื่มกับพวกท่านอีกในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาทั้งหลายก็พากันไปที่ภูเขามะกอกเทศ
มัทธิว 26:1-30 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ต่อมาเมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว พระองค์จึงรับสั่งแก่พวกสาวกของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา และบุตรมนุษย์จะต้องถูกทรยศให้ถูกตรึงที่กางเขน” ครั้งนั้นพวกปุโรหิตใหญ่ พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่ของประชาชนได้ประชุมกันที่คฤหาสน์ของมหาปุโรหิต ผู้ซึ่งเรียกขานกันว่า คายาฟาส ปรึกษากันเพื่อจะจับพระเยซูด้วยอุบายเอาไปฆ่าเสีย แต่พวกเขาพูดว่า “ในวันเทศกาลเลี้ยงอย่าพึ่งทำเลย กลัวว่าประชาชนจะเกิดการวุ่นวาย” ในคราวที่พระเยซูทรงประทับอยู่หมู่บ้านเบธานีในเรือนของซีโมนคนโรคเรื้อน ขณะเมื่อพระองค์ทรงเอนพระกายลงเสวยอยู่ มีหญิงผู้หนึ่งถือผอบน้ำมันหอมราคาแพงมากมาเฝ้าพระองค์ แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์ พวกสาวกของพระองค์เมื่อเห็นก็ไม่พอใจ จึงว่า “เหตุใดจึงทำให้ของนี้เสียเปล่า ด้วยน้ำมันนี้ถ้าขายก็ได้เงินมาก แล้วจะแจกให้คนจนก็ได้” เมื่อพระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า “กวนใจหญิงนี้ทำไม เธอได้กระทำการดีแก่เรา ด้วยว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านเสมอ แต่เราไม่อยู่กับท่านเสมอไป ซึ่งหญิงนี้ได้เทน้ำมันหอมบนกายเรา เธอกระทำเพื่อการศพของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ที่ไหนๆทั่วโลกซึ่งข่าวประเสริฐนี้จะประกาศไป การซึ่งหญิงนี้ได้กระทำจะเลื่องลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่นั่นด้วย” ครั้งนั้นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคนชื่อ ยูดาสอิสคาริโอท ได้ไปหาพวกปุโรหิตใหญ่ ถามว่า “ถ้าข้าพเจ้าจะมอบพระองค์ไว้แก่ท่าน ท่านทั้งหลายจะให้อะไรข้าพเจ้า” ฝ่ายเขาก็สัญญาจะให้เหรียญเงินแก่ยูดาสสามสิบเหรียญ ตั้งแต่เวลานั้นมายูดาสก็คอยหาช่องที่จะทรยศพระองค์ ในวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกสาวกมาทูลถามพระเยซูว่า “พระองค์ทรงปรารถนาจะให้ข้าพระองค์ทั้งหลายจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเข้าไปหาผู้หนึ่งในกรุงนั้น บอกเขาว่า ‘พระอาจารย์ว่า เวลาของเรามาใกล้แล้ว เราจะถือปัสกาที่บ้านของท่านพร้อมกับพวกสาวกของเรา’” ฝ่ายสาวกเหล่านั้นก็กระทำตามที่พระเยซูทรงรับสั่ง แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ พระองค์เอนพระกายลงร่วมสำรับกับสาวกสิบสองคน เมื่อรับประทานกันอยู่พระองค์จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา” ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์นัก ต่างคนต่างเริ่มทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า คือข้าพระองค์หรือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ผู้ที่เอาอาหารจิ้มในชามเดียวกันกับเรา ผู้นั้นแหละที่จะทรยศเรา บุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่ได้เขียนไว้ว่าด้วยพระองค์นั้น แต่วิบัติแก่ผู้ที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมาก็จะเป็นการดีต่อคนนั้นเอง” ยูดาสที่ได้ทรยศพระองค์ทูลถามว่า “อาจารย์เจ้าข้า คือข้าพระองค์หรือ” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ท่านพูดเองแล้วนี่” ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อขอบพระคุณแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยมาขอบพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า “จงรับไปดื่มทุกคนเถิด ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในอาณาจักรแห่งพระบิดาของเรา” เมื่อพวกเขาร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ
มัทธิว 26:1-30 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว จึงรับสั่งแก่พวกสาวกของพระองค์ว่า <<ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกา และบุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ให้เขาตรึงที่กางเขน>> ครั้งนั้นพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชน ได้ประชุมกันที่สำนักของมหาปุโรหิตประจำการชื่อคายาฟาส ปรึกษากันเพื่อจะจับพระเยซูด้วยอุบายเอาไปฆ่าเสีย แต่เขาตกลงกันว่า <<ในช่วงเทศกาลอย่าเพิ่งทำเลย เดี๋ยวประชาชนจะเกิดวุ่นวาย>> ในเวลาที่พระเยซูทรงประทับอยู่หมู่บ้านเบธานี ในเรือนของซีโมนคนโรคเรื้อน ขณะเมื่อทรงนั่งเสวยพระกระยาหารอยู่ มีหญิงผู้หนึ่งถือผอบน้ำมันหอมราคาแพงมากมาเฝ้าพระองค์ แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์ พวกสาวกของพระองค์เมื่อเห็นก็ไม่พอใจ จึงว่า <<เหตุใดจึงทำให้ของนี้เสียเปล่า น้ำมันนั้นถ้าขายก็ได้เงินมาก แล้วจะแจกให้คนจนก็ได้>> พระเยซูทรงทราบจึงตรัสแก่เขาว่า <<กวนใจหญิงนี้ทำไม เขาได้กระทำการดีแก่เรา ด้วยว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านเสมอแต่เราไม่อยู่กับท่านเสมอไป ซึ่งหญิงนี้ได้เทน้ำมันหอมบนกายเรา เขากระทำเพื่อการศพของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า การซึ่งหญิงนี้ได้กระทำจะเลื่องลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่ไหนๆที่ข่าวประเสริฐนี้จะประกาศไปทั่วพิภพ>> ครั้งนั้นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคนชื่อยูดาสอิสคาริโอท ได้ไปหาพวกมหาปุโรหิต ถามว่า <<ถ้าข้าพเจ้าจะชี้พระองค์ให้ท่านจับ ท่านทั้งหลายจะให้ข้าพเจ้าเท่าไร>> ฝ่ายเขาก็ให้เงินแก่ยูดาสสามสิบเหรียญเงิน ตั้งแต่นั้นมา ยูดาสคอยหาช่องที่จะชี้พระองค์ให้แก่เขา เมื่อวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พวกสาวกมาทูลถามพระองค์ว่า <<จะให้ข้าพระองค์จัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<จงเข้าไปหาผู้หนึ่งในกรุง บอกเขาว่า <พระอาจารย์ว่า <<กาลกำหนดของเรามาใกล้แล้ว เราจะถือปัสกาที่บ้านของท่านพร้อมกับพวกสาวกของเรา>> > >> ฝ่ายสาวกเหล่านั้นก็กระทำตามรับสั่ง แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ พระองค์ประทับร่วมสำรับกับสาวกสิบสองคน เมื่อรับประทานกันอยู่ จึงตรัสว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเรา>> ฝ่ายพวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์นัก ต่างคนต่างทูลถามพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า คือข้าพระองค์หรือ>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<ผู้ที่เอาอาหารจิ้มในชามเดียวกันกับเรา ผู้นั้นแหละ ที่จะอายัดเราไว้ บุตรมนุษย์จะเสด็จไปตามที่ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ว่าด้วยพระองค์นั้น แต่วิบัติแก่ผู้ที่จะอายัดบุตรมนุษย์ไว้ ถ้าคนนั้นมิได้บังเกิดมา ก็จะดีกว่า>> ยูดาสที่ได้อายัดพระองค์ทูลถามว่า <<อาจารย์เจ้าข้า คือข้าพระองค์หรือ>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า<<ท่านว่าถูกแล้ว>> ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา และเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า <<จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา>> แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณและส่งให้เขา ตรัสว่า <<จงรับไปดื่มทุกคนเถิด ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีกจนวันนั้นมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่านในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา>> เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว เขาก็พากันออกไปยังภูเขามะกอกเทศ
มัทธิว 26:1-30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
เมื่อจบคำอุปมาทั้งปวงนี้แล้ว พระเยซูก็ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกท่านก็รู้ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกาและบุตรมนุษย์จะถูกมอบให้เขาตรึงตายที่ไม้กางเขน” ครั้งนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนมาประชุมกันที่คฤหาสน์ของมหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส และพวกเขาคบคิดกันหาอุบายที่จะจับพระเยซูมาฆ่าเสีย เขาพูดกันว่า “แต่อย่าลงมือในช่วงเทศกาลเลย มิฉะนั้นจะเกิดจลาจลในหมู่ประชาชน” ที่หมู่บ้านเบธานี ขณะพระเยซูประทับอยู่ในบ้านของซีโมนคนโรคเรื้อน หญิงคนหนึ่งถือผอบน้ำมันหอมราคาแพงมากเข้ามารินรดพระเศียรขณะที่พระองค์ทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อเหล่าสาวกเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจจึงกล่าวว่า “ทำไมทำให้เสียของเปล่าๆ? น้ำมันหอมนี้ถ้าขายจะได้ราคาดี เอาเงินให้คนยากจนได้” พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ไปกวนใจหญิงนี้ทำไม? นางได้ทำสิ่งดีงามให้แก่เรา ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป ที่นางรินน้ำหอมนี้บนกายเราก็เพื่อเตรียมตัวเราสำหรับการฝังศพ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่ว่าข่าวประเสริฐจะเผยแผ่ไปที่ใดๆ ทั่วโลก เขาจะเล่าขานถึงสิ่งที่หญิงนี้ได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง” แล้วยูดาสอิสคาริโอท หนึ่งในสาวกสิบสองคน ไปพบพวกหัวหน้าปุโรหิต ถามว่า “พวกท่านจะให้อะไรแก่ข้าพเจ้าถ้าข้าพเจ้ามอบพระองค์ให้แก่ท่าน?” พวกเขาจึงนับเหรียญเงินสามสิบเหรียญส่งให้ยูดาส นับตั้งแต่นั้นยูดาสก็จ้องหาโอกาสที่จะมอบพระเยซูให้แก่คนเหล่านั้น วันแรกของเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อเหล่าสาวกมาทูลถามพระเยซูว่า “พระองค์ทรงประสงค์จะให้เราจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?” พระองค์ตรัสว่า “จงเข้าไปหาคนหนึ่งในเมือง บอกเขาว่า ‘พระอาจารย์ตรัสดังนี้ว่าใกล้จะถึงกำหนดเวลาของเราแล้ว เราจะฉลองปัสการ่วมกับเหล่าสาวกของเราที่บ้านของท่าน’ ” ดังนั้นเหล่าสาวกจึงไปทำตามที่พระเยซูทรงบัญชาและจัดเตรียมปัสกา พอพลบค่ำพระเยซูทรงนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะอาหารร่วมกับสาวกสิบสองคน ระหว่างรับประทานอาหารกันอยู่นั้นพระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าคนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา” เหล่าสาวกเสียใจมากต่างทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?” พระเยซูตรัสตอบว่า “ผู้ที่หยิบอาหารจุ่มในชามเดียวกับเราคือผู้ที่จะทรยศเรา บุตรมนุษย์จะไปตามที่เขียนไว้ แต่วิบัติแก่ผู้นั้นที่ทรยศบุตรมนุษย์! ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาเลยยังจะดีกับตัวเขามากกว่า” แล้วยูดาสผู้ที่จะทรยศต่อพระองค์ทูลว่า “รับบี ไม่ใช่ข้าพระองค์แน่ใช่ไหม?” พระเยซูตรัสตอบว่า “คือท่านเอง” ขณะรับประทานอาหารพระเยซูทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วหักส่งให้เหล่าสาวกและตรัสว่า “จงรับไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วยื่นให้กับพวกเขาและตรัสว่า “ท่านทุกคนจงรับไปดื่มเถิด นี่คือโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งหลั่งรินเพื่ออภัยโทษบาปแก่คนเป็นอันมาก เราบอกท่านว่าเราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นนี้อีกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราดื่มร่วมกับท่านใหม่ในอาณาจักรของพระบิดาของเรา” เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้วพวกเขาก็ออกไปยังภูเขามะกอกเทศ
มัทธิว 26:1-30 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
เมื่อพระเยซูกล่าวถึงสิ่งเหล่านั้นจบแล้ว ก็กล่าวกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกเจ้ารู้แล้วว่าอีก 2 วันก็จะถึงเทศกาลปัสกา บุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวไปตรึงบนไม้กางเขน” พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนเข้าร่วมประชุมกันในวังของหัวหน้ามหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส เขาเหล่านั้นวางแผนกันเพื่อจับกุมและฆ่าพระเยซูอย่างลับๆ พวกเขาพูดว่า “ต้องไม่ทำในระหว่างเทศกาล มิฉะนั้นจะเกิดการจลาจลในหมู่ผู้คน” ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนชายโรคเรื้อนในหมู่บ้านเบธานี มีหญิงคนหนึ่งเอาผอบหินซึ่งบรรจุด้วยน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ และชโลมบนศีรษะของพระองค์ขณะที่พระองค์เอนกายลงรับประทาน แต่พวกสาวกเห็นเข้าก็โกรธและพูดว่า “ทำไมจึงทำให้เสียของเปล่าๆ เช่นนี้ เพราะว่าน้ำหอมนี้อาจจะขายได้ราคาสูง และเอาเงินไปแจกแก่ผู้ยากไร้ได้” พระเยซูตระหนักดีถึงสิ่งนั้น จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ทำไมเจ้าจึงยุ่งกับหญิงคนนี้ นางได้ทำสิ่งดีให้เรา พวกเจ้ามีผู้ยากไร้อยู่ด้วยเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าตลอดไป การที่นางเทน้ำมันหอมบนกายของเรา เท่ากับนางได้เตรียมพิธีฝังศพของเรา เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไม่ว่าข่าวประเสริฐนี้จะถูกประกาศไปที่ใดในโลกก็ตาม สิ่งที่นางได้ทำจะเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง” คนหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกมหาปุโรหิต และพูดว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบพระองค์ให้ท่านจับกุมตัว ท่านจะให้อะไรแก่ข้าพเจ้า” แล้วพวกเขาก็นับเหรียญเงินให้ 30 เหรียญ หลังจากนั้น เขาก็รอโอกาสที่จะทรยศพระองค์ ในวันแรกของเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ พวกสาวกมาหาพระเยซูแล้วพูดว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราเตรียมอาหารวันปัสกาเพื่อพระองค์รับประทานที่ไหน” พระเยซูกล่าวว่า “จงเข้าไปในเมือง ไปหาชายคนหนึ่งและพูดกับเขาว่า ‘อาจารย์กล่าวว่า “ถึงกำหนดเวลาของเราแล้ว เราต้องฉลองปัสกากับสาวกของเราที่บ้านของท่าน”’” เหล่าสาวกกระทำตามที่พระเยซูได้สั่งพวกเขาไว้ แล้วก็เตรียมอาหารวันปัสกากัน ครั้นเย็นลง พระองค์เอนกายลงรับประทานกับเหล่าสาวกทั้งสิบสอง ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอยู่ พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนหนึ่งในพวกเจ้าจะทรยศเรา” เหล่าสาวกเศร้าใจยิ่งนัก ต่างก็พูดว่า “พระองค์ท่าน เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” พระองค์กล่าวตอบว่า “คนที่ใช้มือจิ้มร่วมกับเราในถ้วยนี้เป็นคนที่จะทรยศเรา บุตรมนุษย์ต้องไป ตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้มาเกิดก็จะดีกว่า” ยูดาสคนที่กำลังทรยศพระองค์ถามว่า “รับบี เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” พระองค์กล่าวว่า “เจ้าได้พูดขึ้นเอง” ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังรับประทานกันอยู่ พระเยซูหยิบขนมปังและกล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่เหล่าสาวก พลางกล่าวว่า “เอาไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” เมื่อพระองค์หยิบถ้วยและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงยื่นให้แก่พวกเขาและกล่าวว่า “ทุกคนจงดื่มจากถ้วยนี้ เพราะนี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งหลั่งออกให้แก่คนจำนวนมาก เพื่อเป็นการยกโทษบาป เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีก จนจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกเจ้าในอาณาจักรของพระบิดาของเรา” หลังจากที่ได้ร้องเพลงสรรเสริญกันแล้วก็พากันออกไปยังภูเขามะกอก