มัทธิว 25:14-46

มัทธิว 25:14-46 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

<<และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า <นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์> นายจึงตอบว่า <ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด> คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า <นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์> นายจึงตอบว่า <ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด> ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า <นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน> นายจึงตอบว่า <อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน> <<เมื่อบุตรมนุษย์ทรงพระสิริเสด็จมากับทั้งหมู่ทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์ บรรดาประชาชาติต่างๆ จะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็นสองพวก เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะจะแยกแกะออกจากแพะ ส่วนฝูงแกะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แต่ฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องซ้าย ขณะนั้น พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า <ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักร ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา> เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า <พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไร ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า และได้ต้อนรับไว้ หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร> แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า <เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย> พระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า <ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น เพราะว่าเมื่อเราหิวท่านก็มิได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำท่านก็มิได้ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านไม่ได้เยี่ยมเรา> เขาทั้งหลายจะทูลว่า <พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือเปลือยพระกาย หรือประชวร หรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และข้าพระองค์มิได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นแต่เมื่อไร> เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสกับเขาว่า <เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านมิได้กระทำแก่ผู้ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ ก็เหมือนท่านมิได้กระทำแก่เราด้วย> และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์>>

มัทธิว 25:14-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หรือ​เรา​อาจ​จะ​เปรียบ​อาณาจักร​นั้น​เหมือน​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​กำลัง​จะ​เดินทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ จึง​เรียก​พวก​ทาส​มา​และ​ฝาก​ทรัพย์สิน​ให้​พวก​เขา​ดูแล เขา​ให้​เงิน​ห้า​ถุง​กับ​ทาส​คน​หนึ่ง ให้​เงิน​สอง​ถุง​กับ​ทาส​อีก​คน​หนึ่ง และ​ให้​เงิน​หนึ่ง​ถุง กับ​ทาส​คน​สุดท้าย โดย​ได้​แบ่ง​ให้​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​แต่​ละ​คน แล้ว​เขา​ก็​ออก​เดิน​ทาง​ไป ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​ห้า​ถุง เอา​เงิน​ไป​ค้าขาย​ทันที และ​ได้​กำไร​มา​อีก​ห้า​ถุง ทาส​ที่​ได้​เงิน​สอง​ถุง เอา​เงิน​ไป​ค้าขาย​เหมือนกัน และ​ได้​กำไร​มา​อีก​สอง​ถุง แต่​ทาส​ที่​ได้​เงิน​หนึ่ง​ถุง​ได้​ขุด​หลุม​ซ่อน​เงิน​ของ​เจ้านาย​ไว้​ใน​พื้นดิน หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน เจ้า​นาย​กลับ​มา​และ​เรียก​พวก​เขา​มา​ถาม​ว่า​เอา​เงิน​ไป​ทำ​อะไร​กัน​บ้าง ทาส​ที่​ได้​เงิน​ไป​ห้า​ถุง​ได้​นำ​เงิน​กำไร​อีก​ห้า​ถุง​มา​ให้​นาย และ​บอก​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ท่าน​ให้​ผม​ดูแล​เงิน​ห้า​ถุง และ​นี่​ผม​ได้​กำไร​มา​อีก​ห้า​ถุง’ นาย​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘เยี่ยม​มาก เจ้า​เป็น​ทาส​ที่​ดี​และ​ซื่อสัตย์ เจ้า​ได้​ซื่อสัตย์​ใน​สิ่ง​เล็กๆ​น้อยๆ​เรา​จะ​ตั้ง​ให้​เจ้า​ดูแล​ของ​จำนวน​มาก มา​ร่วม​ฉลอง​กับ​เรา’ แล้ว​ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​สอง​ถุง​ก็​มา และ​พูด​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ท่าน​ให้​ผม​ดูแล​เงิน​สอง​ถุง ดู​สิ​ครับ ผม​ได้​กำไร​มา​อีก​สอง​ถุง’ นาย​พูด​กับ​เขา​ว่า ‘เจ้า​ทำ​ดี​มาก เจ้า​เป็น​ทาส​ที่​ดี​และ​ซื่อสัตย์ เจ้า​ซื่อสัตย์​ใน​สิ่ง​เล็กๆ​น้อยๆ เรา​จะ​ตั้ง​ให้​เจ้า​ดูแล​ของ​จำนวน​มาก มา​ร่วม​ฉลอง​กับ​เรา’ แล้ว​ทาส​ที่​ได้รับ​เงิน​ถุง​เดียว​ก็​มา และ​พูด​ว่า ‘เจ้านาย​ครับ ผม​รู้​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​ที่​โหดร้าย​ทารุณ ท่าน​เก็บเกี่ยว​ใน​ที่ดิน​ซึ่ง​ท่าน​ไม่​ได้​ปลูก และ​เก็บ​พืชผล​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน ผม​กลัว​ท่าน ก็​เลย​เอา​ถุง​เงิน​ไป​ฝัง​ดิน​ซ่อน​ไว้ นี่​ไง​ถุง​เงิน​ของ​ท่าน’ นาย​จึง​ด่า​เขา​ว่า ‘ไอ้​ทาส​ชาติชั่ว​จอมขี้เกียจ ใน​เมื่อ​เจ้า​รู้​ว่า​ข้า​เก็บเกี่ยว​ใน​ที่ดิน​ซึ่ง​ข้า​ไม่​ได้​ปลูก และ​เก็บ​พืชผล​ที่​ข้า​ไม่​ได้​หว่าน ถ้า​อย่าง​นั้น เจ้า​ก็​น่า​จะ​เอา​เงิน​ของ​ข้า​ไป​ฝาก​ธนาคาร​ไว้ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​ข้า​กลับ​มา ข้า​ก็​จะ​ได้​เงิน​กลับ​มา​พร้อม​ทั้ง​ดอกเบี้ย​ด้วย’ แล้ว​เจ้านาย​ก็​บอก​ให้​เอา​ถุง​เงิน​จาก​เขา​ไป​ให้​คน​ที่​มี​ถุง​เงิน​สิบ​ถุง เพราะ​คน​ที่​ทำ​ประโยชน์​จาก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่ ก็​จะ​ได้รับ​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​จน​เหลือ​เฟือ แต่​คน​ที่​ไม่​ได้​ทำ​ประโยชน์​จาก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่ ทุก​สิ่ง​ที่​เขา​มี​จะ​ถูก​ริบ​ไป​จน​หมด​ด้วย จาก​นั้น​เขา​ก็​สั่ง​ให้​เอา​ตัว​ทาส​ที่​ไร้​ประโยชน์นี้​โยน​ออก​ไป​ที่​มืด​ข้างนอก ที่​นั่น​จะ​มี​เสียง​ร้องไห้​โหยหวน​ด้วย​ความเจ็บปวด เมื่อ​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​อย่าง​สง่างาม​พร้อม​เหล่า​ทูตสวรรค์​ของ​พระองค์ พระองค์​จะ​นั่ง​บน​บัลลังก์​อัน​ยิ่งใหญ่​ของ​พระองค์ คน​ทุก​เชื้อชาติ​จะ​มา​รวม​กัน​ต่อหน้า​บุตร​มนุษย์ พระองค์​จะ​แยก​พวก​เขา​ออก​จาก​กัน เหมือน​กับ​คน​เลี้ยง​แกะ​ที่​แยก​แกะ​ออก​จาก​แพะ พระองค์​จะ​แยก​แกะ​ไว้​ทาง​ขวา​มือ และ​แยก​แพะ​ไว้​ทาง​ซ้าย​มือ กษัตริย์​จะ​พูด​กับ​พวก​ที่​อยู่​ทาง​ขวา​มือ​ว่า ‘พวก​เจ้า​ที่​ได้รับ​พร​จาก​พระบิดา​ของ​เรา มา​รับ​อาณาจักร​ที่​ได้​เตรียม​ไว้​สำหรับ​พวก​เจ้า​ตั้งแต่​เริ่ม​สร้าง​โลก เพราะ​เมื่อ​เรา​หิว พวก​เจ้า​ก็​เลี้ยง​เรา เรา​กระหาย​น้ำ เจ้า​ก็​ให้​น้ำ​เรา​ดื่ม เรา​เป็น​คน​แปลกหน้า เจ้า​ก็​ต้อนรับ​เรา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน เรา​ไม่​มี​เสื้อผ้า​ใส่ เจ้า​ก็​หา​เสื้อผ้า​มา​ให้ เรา​ไม่​สบาย เจ้า​ก็​ดูแล เรา​ติด​คุก เจ้า​ก็​มา​เยี่ยม’ แล้ว​พวก​ที่​ทำ​ตามใจ​พระเจ้า​จะ​ตอบ​ว่า ‘องค์​เจ้า​ชีวิต พวก​เรา​เคย​เห็น​ท่าน​หิว​และ​เลี้ยง​ท่าน​ตั้งแต่​เมื่อไหร่ หรือ​เห็น​ท่าน​กระหาย​น้ำ แล้ว​ให้​น้ำ​ท่าน​ดื่ม​ตั้งแต่​เมื่อไหร่ แล้ว​พวก​เรา​เคย​เห็น​ท่าน​เป็น​คน​แปลกหน้า แล้ว​เชิญ​ท่าน​เข้า​มา​ใน​บ้าน หรือ​เห็น​ท่าน​ไม่​มี​เสื้อผ้า​ใส่ แล้ว​หา​เสื้อผ้า​มา​ให้​ใส่​ตั้งแต่​เมื่อไหร่ แล้ว​พวก​เรา​เห็น​ท่าน​ป่วย หรือ​อยู่​ใน​คุก แล้ว​ไป​เยี่ยม​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​หรือ​ครับ​ท่าน’ กษัตริย์​จะ​ตอบ​พวก​เขา​ว่า ‘เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า เมื่อไหร่​ก็​ตาม​ที่​พวก​เจ้า​ทำ​อะไร​ให้​กับ​คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​คน​หนึ่ง​ใน​หมู่​พี่น้อง​ของ​เรา เจ้า​ก็​ได้​ทำ​ให้​กับ​เรา​ด้วย’ แล้ว​กษัตริย์​หัน​ไป​ตวาด​ใส่​พวก​ที่​อยู่​ทาง​ซ้าย​มือ​ว่า ‘ไป​ให้​พ้น พวก​ที่​ถูก​สาป​แช่ง ไป​ตกใน​กองไฟ​ที่​ไม่​มี​วัน​ดับ ซึ่ง​เตรียม​ไว้​สำหรับ​มาร​และ​พวก​ผู้ช่วย​ของ​มัน เพราะ​เมื่อ​เรา​หิว เจ้า​ก็​ไม่​ได้​ให้​อะไร​เรา​กิน เรา​กระหาย​น้ำ เจ้า​ก็​ไม่​ได้​ให้​อะไร​เรา​ดื่ม เรา​เป็น​คน​แปลกหน้า เจ้า​ก็​ไม่​ได้​เชิญ​เรา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน เรา​ไม่​มี​เสื้อผ้า​ใส่ เจ้า​ก็​ไม่​ได้​ให้​เสื้อผ้า​เรา​ใส่ เรา​ไม่​สบาย​และ​อยู่​ใน​คุก เจ้า​ก็​ไม่​เคย​มา​ดูแล​เรา’ แล้ว​พวก​เขา​ก็​จะ​ตอบ​ว่า ‘องค์​เจ้า​ชีวิต ตอน​ไหน​กัน​ที่​พวก​เรา​เห็น​ท่าน​หิว​หรือ​กระหาย​น้ำ หรือ​เป็น​คน​แปลกหน้า หรือ​ไม่​มี​เสื้อผ้า​ใส่ หรือ​ไม่​สบาย หรือ​ติด​คุก แล้ว​พวก​เรา​ไม่​ได้​ช่วยเหลือ​ท่าน’ กษัตริย์​จะ​ตอบ​ว่า ‘เรา​ขอ​บอก​ให้​รู้​ว่า​อะไร​ก็​ตาม​ที่​พวก​เจ้า​ไม่​ได้​ทำ​ให้​กับ​คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​คน​หนึ่ง​ใน​พวกนี้ เจ้า​ก็​ไม่​ได้​ทำ​กับ​เรา’ แล้ว​พวก​เขา​ก็​จะ​ต้อง​ไป​รับ​โทษ​ตลอด​ไป แต่​คน​ที่​ทำ​ตามใจ​พระเจ้า​จะ​เข้า​สู่​ชีวิต​กับ​พระเจ้า​ตลอด​ไป”

มัทธิว 25:14-46 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

“เพราะว่าเหมือนอย่างชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง เขาจึงเรียกบ่าวทั้งหลายของตนมา และฝากทรัพย์สิ่งของของตนกับพวกเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็ไปทันที เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้กำไรอีกห้าตะลันต์ คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรอีกสองตะลันต์เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นออกไปขุดหลุมและซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายของบ่าวทั้งหลายก็มาคิดบัญชีกับพวกเขา คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับตะลันต์เดียวก็มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจตระหนี่ เกี่ยวผลในที่ที่ท่านไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ไอ้บ่าวชั่วและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราเกี่ยวในที่ที่เราไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่เราไม่ได้โปรย เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะว่าใครที่มีอยู่แล้วจะให้แก่คนนั้นจนมีอย่างเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่มีอยู่ก็จะเอาไปจากเขา เอาไอ้บ่าวชั่วช้าไปทิ้งเสียยังที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระรัศมีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมด แล้วพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ประชาชาติทั้งหมดจะมาประชุมกันเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกพวกเขาออกจากกัน เหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ พระองค์จะทรงจัดให้ฝูงแกะอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ และฝูงแพะอยู่เบื้องซ้าย ขณะนั้น พระมหากษัตริย์จะตรัสกับพวกผู้ที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว พวกท่านก็จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า พวกท่านก็ต้อนรับเรา เราเปลือยกายพวกท่านก็ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็มาดูแลเรา เมื่อเราอยู่ในคุก พวกท่านก็มาเยี่ยมเรา’ เวลานั้นบรรดาคนชอบธรรมจะกราบทูลว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พวกข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวและจัดให้เสวยหรือทรงกระหายน้ำ และจัดมาถวายนั้นตั้งแต่เมื่อไร? ที่พวกข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้ หรือเปลือยพระกายและสวมฉลองพระองค์ให้นั้นตั้งแต่เมื่อไร? ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือทรงถูกจำคุก และมาเฝ้าพระองค์นั้นตั้งแต่เมื่อไร?’ แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ซึ่งพวกท่านได้ทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำกับเราด้วย’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ‘พวกท่านผู้ถูกแช่งสาปจงถอยไปจากเราและเข้าไปอยู่ในไฟที่ไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและบริวารของมัน เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านก็ไม่ได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำ พวกท่านก็ไม่ได้ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า พวกท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องถูกจำคุก พวกท่านก็ไม่ได้เยี่ยมเรา’ แล้วพวกเขาจะทูลว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พวกข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิว หรือทรงกระหายน้ำ ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือทรงเปลือยพระกาย ประชวรหรือทรงถูกจำอยู่ในคุก และพวกข้าพระองค์ไม่ได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นตั้งแต่เมื่อไร?’ เวลานั้นพระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า การที่พวกท่านไม่ได้ทำกับผู้เล็กน้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ ก็เหมือนไม่ได้ทำกับเราด้วย’ และคนเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่บรรดาคนชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์”

มัทธิว 25:14-46 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

อาณาจักรแห่งสวรรค์ยังเปรียบเหมือนชายผู้​หน​ึ่งจะออกเดินทางไปยังเมืองไกล จึงเรียกพวกผู้​รับใช้​ของตนมา และฝากทรัพย์​สมบัติ​ของเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์​เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล​้​วท​่านก็ออกเดินทางทั​นที คนที​่​ได้​รับห้าตะลันต์นั้​นก​็เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้​กำไรมาอี​กห​้าตะลันต์ คนที​่​ได้​รับสองตะลันต์นั้​นก​็​ได้​กำไรอีกสองตะลันต์​เหมือนกัน แต่​คนที​่​ได้​รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ ครั้นอยู่มาช้านาน นายจึงมาคิดบัญชีกับผู้​รับใช้​เหล่านั้น คนที​่​ได้​รับห้าตะลันต์​ก็​เอาเงินกำไรอี​กห​้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์​ไว้​กับข้าพเจ้า ดู​เถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอี​กห​้าตะลันต์’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​ดี​แล้ว เจ้​าเป็นผู้​รับใช้​ดี​และสัตย์​ซื่อ เจ้​าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้​ดู​แลของมาก เจ้​าจงปรี​ดี​ร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ คนที​่​ได้​รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์​ไว้​กับข้าพเจ้า ดู​เถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​ดี​แล้ว เจ้​าเป็นผู้​รับใช้​ดี​และสัตย์​ซื่อ เจ้​าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้​ดู​แลของมาก เจ้​าจงปรี​ดี​ร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ ฝ่ายคนที่​ได้​รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้จักท่านว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เก​ี่ยวผลที่ท่านมิ​ได้​หว่าน เก​็บส่ำสมที่ท่านมิ​ได้​โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้​ใต้ดิน ดู​เถิด นี่​แหละเงินของท่าน’ นายจึงตอบเขาว่า ‘​เจ้​าผู้​รับใช้​ชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้​าก็​รู้อยู่​ว่าเราเกี่ยวที่เรามิ​ได้​หว่าน เก​็บส่ำสมที่เรามิ​ได้​โปรย เหตุ​ฉะนั้น เจ้​าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้​ที่​ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้​คนที​่​มี​สิ​บตะลันต์ ด้วยว่าทุกคนที่​มี​อยู่​แล้ว จะเพิ่มเติมให้​แก่​ผู้​นั้นจนมี​เหลือเฟือ แต่​ผู้​ที่​ไม่มี แม้ว​่าซึ่งเขามี​อยู่​ก็​จะต้องเอาไปจากเขา จงเอาเจ้าผู้​รับใช้​ที่​ไร้ประโยชน์​นี้​ไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมี​การร้องไห้​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​’ เมื่​อบ​ุตรมนุษย์จะเสด็จมาในสง่าราศีของพระองค์​พร​้อมกับเหล่าทูตสวรรค์อันบริ​สุทธิ​์​ทั้งปวง เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่​งอ​ั​นร​ุ่งเรืองของพระองค์ บรรดาประชาชาติต่างๆจะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์​พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายโดยแยกพวกหนึ่งออกจากอีกพวกหนึ่ง เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ และพระองค์จะทรงจัดฝูงแกะให้​อยู่​เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แต่​ฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้​อยู่​เบื้องซ้าย ขณะนั้น พระมหากษัตริย์​จะตรัสแก่บรรดาผู้​ที่อยู่​เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์​ว่า ‘ท่านทั้งหลายที่​ได้​รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรั​บท​่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลกเป็นมรดก เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็​ได้​จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็​ให้​เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็​ได้​ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็​ได้​ให้​เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วย ท่านก็​ได้​มาเยี่ยมเรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในคุก ท่านก็​ได้​มาเยี่ยมเรา’ เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลพระองค์​ว่า ‘​พระองค์​เจ้าข้า ที่​ข้าพระองค์​เห​็นพระองค์ทรงหิว และได้จัดมาถวายแด่​พระองค์​แต่​เมื่อไร หรือทรงกระหายน้ำ และได้ถวายให้​พระองค์​ดื่มแต่​เมื่อไร ที่​ข้าพระองค์​ได้​เห​็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า และได้ต้อนรับพระองค์​ไว้​แต่​เมื่อไร หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์​ให้​แต่​เมื่อไร ที่​ข้าพระองค์​เห​็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในคุก และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่​เมื่อไร​’ แล​้วพระมหากษั​ตริ​ย์จะตรัสตอบเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้​ถึงแม้​จะต่ำต้อยเพียงไร ก็​เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย’ แล​้วพระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้​ที่อยู่​เบื้องซ้ายพระหัตถ์​ด้วยว่า ‘ท่านทั้งหลาย ผู้​ต้องสาปแช่ง จงถอยไปจากเราเข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้​อยู่​เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับพญามารและสมุนของมันนั้น เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านก็​มิได้​ให้​เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็​มิได้​ให้​เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็​ไม่ได้​ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็​ไม่ได้​ให้​เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องจำอยู่ในคุก ท่านไม่​ได้​เยี่ยมเรา’ เขาทั้งหลายจะทูลพระองค์​ด้วยว่า ‘​พระองค์​เจ้าข้า ที่​ข้าพระองค์​ได้​เห​็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือเปลือยพระกาย หรือประชวร หรือต้องจำอยู่ในคุก และข้าพระองค์​มิได้​ปรนนิบัติ​พระองค์​นั้นแต่​เมื่อไร​’ เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสตอบเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านมิ​ได้​กระทำแก่​ผู้​ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ ก็​เหมือนท่านมิ​ได้​กระทำแก่​เรา​’ และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่​เป็นนิตย์ แต่​ผู้​ชอบธรรมจะเข้าสู่​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์”

มัทธิว 25:14-46 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

“และอาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบเหมือนชายคนหนึ่งจะออกเดินทาง จึงเรียกคนรับใช้มามอบหมายทรัพย์สินให้ดูแล เขาให้เงินคนหนึ่งห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วเขาก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำเงินไปลงทุนทันทีและได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็เช่นกันได้กำไรมาอีกสองตะลันต์ ส่วนคนที่ได้รับตะลันต์เดียวไปขุดหลุมเอาเงินของนายซ่อนไว้ “อีกนานหลังจากนั้นนายก็กลับมาและสะสางบัญชีกับคนรับใช้ คนที่ได้รับห้าตะลันต์นำอีกห้าตะลันต์มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า! ท่านให้ไว้ห้าตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’ “คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็มาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านให้ไว้สองตะลันต์ ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ดีมาก เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและสัตย์ซื่อ! เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก มาร่วมยินดีในความสุขกับนายของเจ้าเถิด!’ “แล้วคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาเรียนว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนใจแข็งซึ่งเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่ท่านไม่ได้หว่าน ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินไปซ่อนไว้ในดิน ดูเถิด นี่คือเงินของท่าน’ “เจ้านายของเขาตอบว่า ‘ไอ้บ่าวเลวแสนขี้เกียจ! เจ้าก็รู้ว่าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่ได้เพาะปลูกและรวบรวมผลที่เราไม่ได้หว่าน เช่นนั้นแล้วก็น่าจะเอาเงินของเราไปฝากธนาคารไว้ เพื่อเวลาที่เรากลับมา เราจะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย “ ‘จงริบเงินหนึ่งตะลันต์นี้ไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะทุกคนที่มีจะได้รับเพิ่มและเขาจะมีเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่ไม่มี แม้ที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบไปจากเขา โยนไอ้บ่าวไร้ค่าคนนั้นออกไปที่มืดข้างนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์พร้อมด้วยทูตสวรรค์ทั้งหมด พระองค์จะประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ด้วยพระเกียรติสิริแห่งฟ้าสวรรค์ มวลประชาชาติจะมาชุมนุมกันต่อหน้าพระองค์ และพระองค์จะทรงแยกประชากรออกจากกันเหมือนคนเลี้ยงแยกแกะออกจากแพะ แกะนั้นจะทรงให้อยู่เบื้องขวาของพระองค์ ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย “แล้วองค์ราชันจะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาของพระองค์ว่า ‘ท่านผู้ได้รับพรจากพระบิดาของเรามารับมรดกของท่านเถิด คืออาณาจักรที่เตรียมไว้สำหรับท่านตั้งแต่ทรงสร้างโลก เพราะเมื่อเราหิวท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับเราไว้ เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม ท่านก็ให้เรา เราเจ็บป่วยท่านก็ดูแล เราอยู่ในคุกท่านก็มาเยี่ยม’ “แล้วผู้ชอบธรรมจะทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวและได้เลี้ยงดูพระองค์ หรือเห็นพระองค์ทรงกระหายและได้ให้พระองค์ทรงดื่ม? เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์เป็นคนแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้ หรือถวายฉลองพระองค์เมื่อทรงประสงค์? เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรืออยู่ในคุกและได้ไปเยี่ยมพระองค์?’ “องค์ราชันจะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่าสิ่งใดที่ท่านทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรา ท่านก็ได้ทำให้เราด้วย’ “แล้วพระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายของพระองค์ว่า ‘จงไปเสียจากเรา เจ้าทั้งหลายผู้ถูกสาปแช่ง จงไปยังไฟนิรันดร์ที่เตรียมไว้สำหรับมารร้ายกับสมุนของมัน เพราะเมื่อเราหิว เจ้าก็ไม่ได้ให้เรากิน เรากระหาย เจ้าก็ไม่ได้ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้ามา เจ้าก็ไม่ได้ต้อนรับ เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม เจ้าก็ไม่ได้ให้ เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก เจ้าก็ไม่ได้ดูแล’ “พวกเขาก็ทูลเช่นกันว่า ‘พระองค์เจ้าข้าเมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือกระหาย หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือต้องการฉลองพระองค์ หรือประชวร หรืออยู่ในคุก แล้วข้าพระองค์ไม่ได้ช่วยเหลือ?’ “พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าสิ่งใดที่เจ้าไม่ได้ทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในคนเหล่านี้ เจ้าก็ไม่ได้ทำให้เราด้วย’ “แล้วคนเหล่านี้ก็ต้องออกไปรับโทษนิรันดร์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์”

มัทธิว 25:14-46 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

และ​ยัง​เปรียบ​เสมือน​ชาย​คนหนึ่ง​ที่​ออก​เดินทาง​ไป เขา​เรียก​บรรดา​ผู้​รับใช้​มา​เพื่อ​ให้​ดูแล​ทรัพย์​สมบัติ​ของ​เขา เขา​ให้​เงิน​จำนวน 5 ตะลันต์​แก่​คนหนึ่ง อีก​คน​ได้​รับ 2 ตะลันต์ และ​อีก​คน​ได้ 1 ตะลันต์ แต่​ละ​คน​ได้​รับ​ตาม​ความ​สามารถ​ของ​ตน แล้ว​เขา​ก็​เดินทาง​ไป คน​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​ก็​เอา​เงิน​นั้น​ไป​ทำ​การ​ค้า​ทันที จน​ได้มา​อีก 5 ตะลันต์ คน​ที่​ได้​รับ 2 ตะลันต์​ก็​ทำ​เช่น​เดียว​กัน​คือ​ได้​มา​อีก 2 ตะลันต์ แต่​คน​ที่​ได้​รับ 1 ตะลันต์​ออกไป​ขุด​ดิน​ซ่อน​เงิน​ของ​นาย​เขา​ไว้ เป็น​เวลา​นาน​หลัง​จาก​นั้น นาย​ของ​พวก​ผู้​รับใช้​เหล่า​นั้น​ก็​กลับ​มา และ​คิด​บัญชี​กับ​พวก​เขา คน​ที่​ได้​รับ 5 ตะลันต์​มาหา​พร้อม​กับ​นำ​เงิน​อีก 5 ตะลันต์​มา​พูด​ว่า ‘นายท่าน ท่าน​ให้​ข้าพเจ้า​ดูแล 5 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้า​ได้​เพิ่ม​อีก 5 ตะลันต์’ นาย​ของ​เขา​กล่าว​ว่า ‘ดี​มาก ผู้​รับใช้​ที่​ดี​และ​ภักดี เจ้า​ได้​รับ​การ​ไว้วางใจ​เพียง​ไม่​กี่​สิ่ง เรา​จะ​ให้​เจ้า​ดูแล​อีก​หลาย​สิ่ง เข้ามา​ร่วม​สุข​กับ​นาย​ของ​เจ้า​เถิด’ คน​ที่​ได้​รับ 2 ตะลันต์​ก็​มาหา​ด้วย และ​พูด​ว่า ‘นายท่าน ท่าน​ได้​ให้​ข้าพเจ้า​ดูแล 2 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้า​ได้​เพิ่ม​อีก 2 ตะลันต์’ นาย​ของ​เขา​กล่าว​ว่า ‘ดี​มาก ผู้​รับใช้​ที่​ดี​และ​ภักดี เจ้า​ได้​รับ​การ​ไว้วางใจ​เพียง​ไม่​กี่​สิ่ง เรา​จะ​ให้​เจ้า​ดูแล​อีก​หลาย​สิ่ง เข้ามา​ร่วม​สุข​กับ​นาย​ของ​เจ้า​เถิด’ คน​ที่​ได้​รับ 1 ตะลันต์​ก็​มาหา​ด้วย และ​พูด​ว่า ‘นายท่าน ข้าพเจ้า​ทราบ​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​เข้มงวด ท่าน​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​หว่าน และ​เก็บ​รวบ​รวม​สิ่ง​ที่​ท่าน​ไม่​ได้​โปรย​เมล็ด​ไว้ ข้าพเจ้า​เกรงกลัว​จึง​เอา​เงิน​ตะลันต์​ไป​ซ่อน​ไว้​ใต้​ดิน ดูสิ ท่าน​ได้​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​ท่าน​ไป’ นาย​คนนั้น​กล่าว​ตอบ​เขา​ว่า ‘เจ้า​เป็น​ผู้​รับใช้​ที่​ชั่วช้า ขี้เกียจ เจ้า​รู้​ว่า​เรา​เก็บ​เกี่ยว​สิ่ง​ที่​เรา​ไม่​ได้​หว่าน และ​รวบ​รวม​สิ่ง​ที่​เรา​ไม่​ได้​โปรย​เมล็ด​ไว้ ถ้า​เช่นนั้น​เจ้า​ควร​ฝาก​เงิน​ของ​เรา​ไว้​ใน​ธนาคาร เมื่อ​เรา​กลับ​มา​เรา​จะ​ได้​รับ​เงิน​ที่​ฝากไว้​คืน​มา​พร้อม​ดอกเบี้ย ฉะนั้น​จง​เอา​เงิน​ตะลันต์​จาก​เขา​ไป​ให้​แก่​คน​ที่​มี​อยู่ 10 ตะลันต์’ เพราะ​ทุก​คน​ที่​มี​อยู่​แล้ว ก็​จะ​ได้​รับ​มาก​ขึ้น เขา​จะ​มี​อย่าง​อุดม​สมบูรณ์ และ​ใคร​ที่​ไม่​มี แม้แต่​สิ่ง​ที่​เขา​มี​อยู่​ก็​จะ​ถูก​ริบ​ไป​จาก​เขา และ​จง​โยน​ผู้​รับใช้​ไร้​ประโยชน์​ออกไป​ยัง​ความ​มืด​ข้างนอก ณ ที่นั่น​จะ​มี​การ​ร่ำไห้​และ​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน เมื่อ​บุตรมนุษย์​มา​ด้วย​สง่า​ราศี​พร้อม​กับ​ทูต​สวรรค์​ทั้ง​หมด แล้ว​ท่าน​จะ​นั่ง​บน​บัลลังก์​อัน​สง่างาม ชน​ทุก​ชาติ​จะ​มา​ชุมนุม​ร่วมกัน​ใน​เบื้อง​หน้า​ท่าน​และ​ท่าน​จะ​แยก​พวก​เขา​ออกจาก​กัน ดังเช่น​ผู้​เลี้ยงดู​ฝูง​แกะ​จำแนก​แกะ​ออกจาก​แพะ ท่าน​จะ​จัด​ให้​แกะ​อยู่​ทาง​ขวามือ​ของ​ท่าน​และ​แพะ​อยู่​ทาง​ซ้าย​มือ แล้ว​กษัตริย์​จะ​กล่าว​กับ​พวก​ที่​อยู่​ทาง​ขวามือ​ว่า ‘พวก​เจ้า​เป็น​บรรดา​ผู้​ที่​พระ​บิดา​ของ​เรา​ได้​ให้​พร มารับ​เอา​อาณาจักร​ซึ่ง​เตรียม​ไว้​ให้​เจ้า​ตั้งแต่​แรก​สร้าง​โลก​เถิด เพราะ​เมื่อ​ครั้ง​ที่​เรา​หิว เจ้า​ก็​ให้​เรา​รับประทาน เรา​กระหาย เจ้า​ก็​ให้​เรา​ดื่ม เรา​เป็น​คน​แปลก​หน้า​แต่​เจ้า​ก็​เชิญ​เรา​เข้าไป เรา​เปลือยกาย เจ้า​ก็​ให้​เสื้อผ้า​เรา​นุ่งห่ม เรา​เจ็บไข้ เจ้า​ก็​ดูแล​เรา เรา​ถูก​จำคุก เจ้า​ก็​มาหา​เรา’ แล้ว​บรรดา​ผู้​มี​ความ​ชอบธรรม​จะ​ตอบ​ท่าน​ว่า ‘พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เมื่อไร​ที่​พวก​เรา​เห็น​พระ​องค์​หิว​ก็​ให้​รับประทาน หรือ​กระหาย​ก็​ให้​ดื่ม เมื่อไร​ที่​พวก​เรา​เห็น​พระ​องค์​เป็น​คน​แปลก​หน้า และ​เชิญ​พระ​องค์​เข้าไป หรือ​เปลือยกาย​ก็​ให้​นุ่งห่ม เมื่อไร​ที่​พวก​เรา​เห็น​พระ​องค์​เจ็บไข้​หรือ​ถูก​จำคุก​และ​มา​เยี่ยม​พระ​องค์’ แล้ว​กษัตริย์​จะ​กล่าว​ตอบ​พวก​เขา​ว่า ‘เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า เท่าที่​พวก​เจ้า​ได้​กระทำ​ต่อ​ผู้​ที่​ต่ำต้อย​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่น้อง​ของ​เรา​นี้ ก็​เหมือน​ได้​กระทำ​ต่อ​เรา​ด้วย’ ครั้น​แล้ว​ท่าน​จะ​กล่าว​กับ​พวก​คน​ที่​อยู่​ทาง​ซ้าย​มือ​ของ​ท่าน​ด้วย​ว่า ‘จง​ไป​ให้​พ้น​หน้า​เรา เจ้า​พวก​ที่​ถูก​สาปแช่ง จง​เข้าไป​สู่​ไฟ​ที่​ลุก​ไหม้​ชั่วนิรันดร์​ซึ่ง​ได้​เตรียม​ไว้​ให้​พญามาร​กับ​พวก​ทูต​ของ​มัน เพราะ​เมื่อ​ครั้ง​ที่​เรา​หิว เจ้า​ไม่​ให้​อะไร​เรา​รับประทาน เรา​กระหาย เจ้า​ไม่​ให้​อะไร​เรา​ดื่ม เรา​เป็น​คน​แปลก​หน้า เจ้า​ไม่​ได้​เชิญ​เรา​เข้าไป เรา​เปลือยกาย เจ้า​ไม่​ได้​ให้​เสื้อ​เรา​นุ่งห่ม เรา​เจ็บไข้​และ​ถูก​จำคุก เจ้า​ก็​ไม่​ได้​ดูดำดูดี’ แล้ว​พวก​เขา​จะ​ตอบ​ด้วย​ว่า ‘พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เมื่อไร​ที่​พวก​เรา​เห็น​พระ​องค์​หิว​หรือ​กระหาย หรือ​เป็น​คน​แปลก​หน้า หรือ​เปลือยกาย หรือ​เจ็บไข้ หรือ​จำคุก​และ​ไม่​ได้​ช่วย​ดูแล​พระ​องค์’ ครั้น​แล้ว​ท่าน​จะ​กล่าว​ตอบ​พวก​เขา​ว่า ‘เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า เท่าที่​พวก​เจ้า​ไม่​ได้​กระทำ​ต่อ​ผู้​ที่​ต่ำต้อย​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่น้อง​ของ​เรา​นี้ เจ้า​ก็​ไม่​ได้​กระทำ​ต่อ​เรา’ เขา​เหล่า​นี้​จะ​ต้อง​ไป​รับ​โทษ​อัน​เป็น​นิรันดร์ แต่​สำหรับ​พวก​ที่​มี​ความ​ชอบธรรม​จะ​เข้า​สู่​ชีวิต​อัน​เป็น​นิรันดร์”