มัทธิว 23:1-39
มัทธิว 23:1-39 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระเยซูพูดกับฝูงชน และพวกศิษย์ของพระองค์ว่า “พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีมีอำนาจในการสอนพวกคุณเรื่องกฎของโมเสส ให้เชื่อฟังและทำตามสิ่งที่เขาสอนนั้น แต่อย่าไปทำตามสิ่งที่เขาทำเลย เพราะเขาสอนอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง เขาสร้างกฎที่เป็นภาระหนักอึ้งให้คนอื่นแบกไว้ แต่ตัวเขาเองไม่ช่วยยกแม้แต่นิ้วเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่ออวดคนเท่านั้น เขาทำกล่องใส่ข้อพระคัมภีร์ อันใหญ่กว่าธรรมดามาผูกที่หน้าผากและข้อมือ และเอาพวกพู่ห้อยที่ยาวกว่าธรรมดามาแขวนที่ชายเสื้อคลุม เขาชอบนั่งอยู่หัวโต๊ะในงานเลี้ยง และนั่งในที่สำคัญที่สุดในที่ประชุม พวกเขาชอบให้คนทำความเคารพเขาที่กลางตลาด และชอบให้คนเรียกว่า ‘อาจารย์’ อย่ายอมให้ใครเรียกคุณว่า ‘อาจารย์’ เพราะคุณมีอาจารย์เพียงคนเดียว และพวกคุณก็เป็นพี่น้องกันหมด อย่าเรียกใครบนโลกนี้ว่า ‘บิดา’ เพราะคุณมีพระบิดาเพียงองค์เดียวอยู่บนสวรรค์ และอย่าให้ใครมาเรียกคุณว่า ‘ครู’ เพราะคุณมีครูเพียงคนเดียวคือพระคริสต์ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกคุณต้องเป็นผู้รับใช้ คนที่ยกตัวเองให้ใหญ่กว่าคนอื่น จะถูกกดให้ต่ำต้อยลง คนที่ถ่อมตัวลง จะถูกเชิดชูให้ยิ่งใหญ่ขึ้น น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด เจ้าปิดหนทางคนอื่นไม่ให้ไปถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์ ตัวเจ้าเองไม่ยอมเข้าไป แล้วยังไปขัดขวางไม่ให้คนอื่นที่เขาพยายามเข้าไปอีกด้วย น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อจะหาคนมานับถือศาสนาอย่างเจ้า แต่พอเจ้าได้เขามาแล้ว เจ้ากลับทำให้เขาสมควรที่จะตกนรกมากกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นคนนำทางตาบอด พวกเจ้าสอนว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อวิหาร ก็ไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อทองคำในวิหารนั้น เขาจะต้องทำตามคำสาบานนั้น’ เจ้าคนโง่ตาบอด อันไหนสำคัญกว่ากัน ระหว่างทองคำกับวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้ายังพูดอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานต่อแท่นบูชา มันไม่มีผลอะไรเลย แต่ถ้าใครสาบานต่อเครื่องเซ่นไหว้บนแท่นบูชานั้น เขาต้องทำตามคำสาบานนั้น’ เจ้ามันตาบอดจริงๆ อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างของเซ่นไหว้กับแท่นบูชาที่ทำให้ของนั้นศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ คนที่สาบานต่อแท่นบูชา ก็สาบานต่อแท่นบูชารวมถึงทุกสิ่งที่อยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย คนที่สาบานต่อวิหาร ก็สาบานต่อวิหารรวมถึงพระองค์ผู้ที่อยู่ในวิหารนั้นด้วย คนที่ได้สาบานต่อสวรรค์ ก็สาบานต่อบัลลังก์ของพระเจ้ารวมถึงพระองค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นด้วย น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ให้หนึ่งในสิบส่วนของทุกอย่างที่เจ้ามีกับพระเจ้า แม้แต่สะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า เจ้าก็ให้ แต่พวกเจ้ากลับมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าในกฎปฏิบัตินั้น คือความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ การให้หนึ่งในสิบส่วนนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรทิ้งคำสอนที่สำคัญกว่านี้ด้วยเหมือนกัน เจ้าคนนำทางตาบอด พวกเจ้ากรองแมลงออกจากน้ำดื่ม แต่กลับกลืนอูฐเข้าไปทั้งตัว น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้ล้างถ้วยล้างจานแต่เพียงภายนอก แต่ภายในมีแต่ความโลภและกิเลสเต็มไปหมด เจ้าฟาริสีตาบอด ทำความสะอาดภายในถ้วยชามเสียก่อน แล้วภายนอกก็จะสะอาดไปเอง น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าเหมือนกับอุโมงค์ฝังศพที่ทาสีขาว ข้างนอกดูสวยงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกสารพัด เหมือนกับพวกเจ้า ที่ภายนอกคนเห็นว่าเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้า แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความชั่วร้าย น่าละอายจริงๆพวกเจ้าที่เป็นครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าได้สร้างอุโมงค์ฝังศพให้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และตกแต่งอนุสาวรีย์ให้กับคนเหล่านั้นที่ทำตามใจพระเจ้า แล้วเจ้าก็พูดว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรานั้น เราจะไม่ยอมร่วมมือกับเขาในการฆ่าพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้แน่’ นี่แสดงให้เห็นว่า พวกเจ้ายอมรับว่า ตัวเองเป็นลูกหลานของคนพวกนั้นที่ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้า ดังนั้นไปทำความบาปที่บรรพบุรุษเจ้าได้เริ่มไว้ให้เสร็จเสียสิ เจ้าพวกงูร้าย พวกอสรพิษ พวกเจ้าจะหนีนรกไปพ้นได้อย่างไร เราส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า คนที่มีปัญญา และครูมาหาเจ้า แล้วพวกเจ้าก็จับพวกเขาไปฆ่าบ้าง ไปตรึงบนไม้กางเขนบ้าง ไปเฆี่ยนในที่ประชุมบ้าง และไล่ล่าพวกเขาหนีจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งบ้าง ดังนั้นเลือดของคนที่ทำตามใจพระเจ้าที่หลั่งไหลลงบนโลกนี้จะตกลงบนพวกเจ้า ตั้งแต่เลือดของอาเบลจนถึงเลือดของเศคาริยาห์ ลูกของเบเรคิยาห์ที่โดนพวกเจ้าฆ่าตายระหว่างวิหารกับแท่นบูชา เราจะบอกให้รู้ว่า ผลกรรมเหล่านั้นจะตกอยู่กับคนในสมัยนี้อย่างแน่นอน เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าได้ฆ่าพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และเอาหินขว้างคนที่พระเจ้าส่งมาหาเจ้าจนตาย มีหลายครั้งที่เราอยากจะโอบลูกๆของเจ้าเข้ามาเหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าก็ไม่ยอม ตอนนี้บ้านของพวกเจ้าจะถูกทิ้งให้รกร้าง จากนี้ไป พวกเจ้าจะไม่ได้เห็นเราอีกจนกว่าพวกเจ้าจะพูดว่า ‘ขอให้พระเจ้าอวยพรผู้ที่มาในนามขององค์เจ้าชีวิต’”
มัทธิว 23:1-39 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
เวลานั้น พระเยซูตรัสกับฝูงชนและบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายสั่งสอนพวกท่านนั้น จงถือและประพฤติตามยกเว้นการประพฤติของพวกเขาอย่าทำตามเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาสอน เพราะพวกเขาเอาห่อของหนักวางบนบ่าของมนุษย์ แต่ส่วนพวกเขาเองไม่ยอมแม้แต่จะใช้สักนิ้วเดียวไปยก การกระทำของพวกเขาล้วนทำเพื่ออวดคนอื่น พวกเขาทำกลักพระธรรมขนาดใหญ่และสวมเสื้อที่มีพู่ห้อยยาว พวกเขาชอบที่นั่งอันมีเกียรติในงานเลี้ยงและที่นั่งโดดเด่นในธรรมศาลา ชอบรับการคำนับที่กลางตลาดและชอบให้คนอื่นเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’ ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’ เพราะพวกท่านมีพระอาจารย์เพียงผู้เดียว และพวกท่านทุกคนเป็นพี่น้องกัน และอย่าให้เกียรติใครในโลกว่าเป็นพระบิดาของพวกท่าน เพราะพวกท่านมีพระบิดาเพียงผู้เดียว คือผู้ที่สถิตในสวรรค์ อย่าให้ใครเรียกท่านทั้งหลายว่า ‘บรมครู’ เพราะว่าบรมครูของพวกท่านมีเพียงผู้เดียวคือพระคริสต์ คนที่เป็นใหญ่ในพวกท่านย่อมต้องปรนนิบัติท่าน ใครยกตัวขึ้น จะต้องถูกทำให้ต่ำลง ใครถ่อมตัวลง จะได้รับการยกขึ้น “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด พวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์เพราะพวกเจ้าเองไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ไม่ยอม [ วิบัติแก่พวกเจ้าพวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าริบเอาบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องมีโทษมากยิ่งขึ้น] “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าไปทั่วทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อจะได้สักคนหนึ่งเข้าจารีต แต่เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาตกนรกยิ่งกว่าพวกเจ้าเองถึงสองเท่า “วิบัติแก่พวกเจ้า คนนำทางที่ตาบอด พวกเจ้าสอนว่า ‘ใครที่จะสาบานโดยอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ใครสาบานโดยอ้างทองคำของพระวิหาร คนนั้นจะต้องทำตามคำสาบาน’ โอ เจ้าพวกคนโง่เขลาและตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์? และพวกเจ้ายังสอนว่า ‘ใครจะสาบานโดยอ้างแท่นบูชา คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ใครสาบานโดยอ้างเครื่องถวายบนแท่นบูชา คนนั้นต้องทำตามคำสาบาน’ เจ้าพวกคนตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่ากัน เครื่องถวาย หรือแท่นบูชาที่ทำให้เครื่องถวายนั้นศักดิ์สิทธิ์? เพราะฉะนั้นใครที่สาบานโดยอ้างแท่นบูชา ก็สาบานโดยอ้างแท่นบูชาและสิ่งสารพัดซึ่งอยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย ใครสาบานโดยอ้างพระวิหาร ก็สาบานโดยอ้างพระวิหารและพระองค์ผู้สถิตในพระวิหารนั้นด้วย ใครสาบานโดยอ้างสวรรค์ ก็สาบานโดยอ้างพระที่นั่งของพระเจ้า และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นด้วย “วิบัติแก่พวกเจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าถวายทศางค์ที่เป็นสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า แต่เรื่องที่สำคัญกว่าในธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตาและความเชื่อนั้นพวกเจ้ากลับละเลย การถวายทศางค์นั้นเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยเรื่องที่สำคัญนั้นด้วย โอ เจ้าพวกคนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออกแต่กลืนตัวอูฐเข้าไป “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยการโจรกรรมและการมัวเมากิเลส โอ พวกฟาริสีตาบอด จงชำระถ้วยชามภายในเสียก่อน เพื่อข้างนอกจะได้สะอาดด้วย “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าพวกเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและทุกอย่างที่โสโครก พวกเจ้าก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความอธรรม “วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าก่อสร้างอุโมงค์ฝังศพของบรรดาผู้เผยพระวจนะ และตกแต่งอุโมงค์ฝังศพของคนชอบธรรมทั้งหลาย แล้วกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยของบรรพบุรุษ เราจะไม่มีส่วนร่วมกับพวกเขา ในการทำให้โลหิตของผู้เผยพระวจนะทั้งหลายตก’ ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า พวกเจ้าเป็นบุตรของพวกที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น เจ้าก็จงทำอย่างที่บรรพบุรุษทำนั้นให้ครบถ้วนเถิด เจ้าพวกงู พวกชาติงูร้าย เจ้าจะพ้นโทษนรกได้อย่างไร? เพราะเหตุนี้ เราจึงใช้บรรดาผู้เผยพระวจนะ บรรดานักปราชญ์ และธรรมาจารย์ทั้งหลายไปหาพวกเจ้า เจ้าทั้งหลายก็จะฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของพวกเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง เพื่อจะให้โลหิตของคนชอบธรรมทั้งหมดที่ตกในแผ่นดินโลกนั้นตกบนตัวพวกเจ้า ตั้งแต่โลหิตของอาเบลคนชอบธรรม จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์บุตรเบเรคียาห์ที่เจ้าฆ่าเสียในที่ระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชานั้น เราบอกความจริงกับพวกเจ้าว่า สิ่งทั้งหมดนี้จะตกกับคนในยุคนี้ “โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็ม เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาหินขว้างพวกที่ถูกส่งให้มาหาเจ้าถึงตาย บ่อยครั้งที่เราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอม นี่แน่ะ นิเวศของเจ้าจะถูกทอดทิ้งให้ร้างเปล่า เพราะว่าเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะไม่เห็นเราอีก จนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ’ ”
มัทธิว 23:1-39 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับฝูงชนและพวกสาวกของพระองค์ ว่า “พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส เหตุฉะนั้นทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การกระทำของเขา อย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่ ด้วยเขาเอาภาระหนักและแบกยากวางบนบ่ามนุษย์ ส่วนเขาเองแม้แต่นิ้วเดียวก็ไม่จับต้องเลย การกระทำของเขาทุกอย่างเป็นการอวดให้คนเห็นเท่านั้น เขาใช้กลักพระบัญญัติอย่างใหญ่ สวมเสื้อที่มีพู่ห้อยอันยาว เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยงและที่นั่งตำแหน่งสูงในธรรมศาลา กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด และชอบให้คนเรียกเขาว่า ‘รับบี รับบี’ ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกท่านว่า ‘รับบี’ ด้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู้เดียวคือพระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกันทั้งหมด และอย่าเรียกผู้ใดในโลกว่าเป็นบิดา เพราะท่านมีพระบิดาแต่ผู้เดียว คือผู้ที่ทรงสถิตในสวรรค์ อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘นาย’ ด้วยว่านายของท่านมีแต่ผู้เดียวคือพระคริสต์ ผู้ใดที่เป็นใหญ่ที่สุดในพวกท่าน ผู้นั้นจะเป็นผู้รับใช้ของท่านทั้งหลาย ผู้ใดจะยกตัวขึ้น ผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง ผู้ใดถ่อมตัวลง ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยว่าพวกเจ้าปิดประตูอาณาจักรแห่งสวรรค์ไว้จากมนุษย์ เพราะพวกเจ้าเองไม่ยอมเข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ขัดขวางไว้ วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าริบเอาเรือนของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะได้รับพระอาชญามากยิ่งขึ้น วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าเที่ยวไปตามทางทะเลและทางบกทั่วไปเพื่อจะได้แม้แต่คนเดียวเข้าจารีต เมื่อได้แล้วเจ้าก็ทำให้เขากลายเป็นลูกแห่งนรกยิ่งกว่าตัวเจ้าเองถึงสองเท่า วิบัติแก่เจ้า คนนำทางตาบอด เจ้ากล่าวว่า ‘ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างพระวิหาร คำปฏิญาณนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างทองคำของพระวิหาร ผู้นั้นจะต้องกระทำตามคำปฏิญาณ’ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารซึ่งกระทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์ และว่า ‘ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างแท่นบูชา คำปฏิญาณนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างเครื่องตั้งถวายบนแท่นบูชานั้น ผู้นั้นต้องกระทำตามคำปฏิญาณ’ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งใดจะสำคัญกว่า เครื่องตั้งถวายหรือแท่นบูชาที่กระทำให้เครื่องตั้งถวายนั้นศักดิ์สิทธิ์ เหตุฉะนี้ ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างแท่นบูชา ก็ปฏิญาณอ้างแท่นบูชาและสิ่งสารพัดซึ่งอยู่บนแท่นบูชานั้น ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างพระวิหาร ก็ปฏิญาณอ้างพระวิหารและอ้างพระองค์ผู้ทรงสถิตในพระวิหารนั้น ผู้ใดจะปฏิญาณอ้างสวรรค์ ก็ปฏิญาณอ้างพระที่นั่งของพระเจ้าและอ้างพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าถวายสิบชักหนึ่งของสะระแหน่ ยี่หร่าและขมิ้น ส่วนข้อสำคัญแห่งพระราชบัญญัติ คือการพิพากษา ความเมตตาและความเชื่อนั้นได้ละเว้นเสีย สิ่งเหล่านั้นพวกเจ้าควรได้กระทำอยู่แล้ว แต่สิ่งอื่นนั้นไม่ควรละเว้นด้วย คนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออก แต่กลืนตัวอูฐเข้าไป วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้นเต็มด้วยโจรกรรมและการมัวเมากิเลส พวกฟาริสีตาบอด จงชำระสิ่งที่อยู่ภายในถ้วยชามเสียก่อน เพื่อข้างนอกจะได้สะอาดด้วย วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงามจริงๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและการโสโครกสารพัด เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกนั้นปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความชั่วช้า วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าก่อสร้างอุโมงค์ฝังศพของพวกศาสดาพยากรณ์ และตกแต่งอุโมงค์ฝังศพของผู้ชอบธรรมให้งดงาม แล้วกล่าวว่า ‘ถ้าเราได้อยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรานั้น เราจะมีส่วนกับเขาในการทำโลหิตของพวกศาสดาพยากรณ์ให้ตกก็หามิได้’ อย่างนั้นเจ้าทั้งหลายก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า เจ้าเป็นบุตรของผู้ที่ได้ฆ่าศาสดาพยากรณ์เหล่านั้น เจ้าทั้งหลายจงกระทำตามที่บรรพบุรุษได้กระทำนั้นให้ครบถ้วนเถิด เจ้าพวกงู เจ้าชาติงูร้าย เจ้าจะพ้นการลงโทษในนรกอย่างไรได้ เหตุฉะนั้น ดูเถิด เราใช้พวกศาสดาพยากรณ์ พวกนักปราชญ์ และพวกธรรมาจารย์ต่างๆไปหาพวกเจ้า เจ้าก็ฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง ดังนั้นบรรดาโลหิตอันชอบธรรมซึ่งตกที่แผ่นดินโลก ตั้งแต่โลหิตของอาแบลผู้ชอบธรรมจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์บุตรชายบารัคยา ที่พวกเจ้าได้ฆ่าเสียในระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชานั้น ย่อมตกบนพวกเจ้าทั้งหลาย เราบอกความจริงแก่เจ้าทั้งหลายว่า บรรดาสิ่งเหล่านี้จะตกกับคนสมัยนี้ โอ เยรูซาเล็มๆ ที่ได้ฆ่าบรรดาศาสดาพยากรณ์ และเอาหินขว้างผู้ที่ได้รับใช้มาหาเจ้าถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ ดูเถิด ‘บ้านเมืองของเจ้าจะถูกละทิ้งให้รกร้างแก่เจ้า’ ด้วยเราว่าแก่เจ้าทั้งหลายว่า เจ้าจะไม่เห็นเราอีกจนกว่าเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ’”
มัทธิว 23:1-39 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ครั้นแล้วพระเยซูกล่าวกับฝูงชนและเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสีนั่งในที่นั่งของโมเสส ฉะนั้นจงกระทำตามทุกสิ่งที่พวกเขาบอกให้เจ้าฟัง แต่อย่ากระทำตามการกระทำของเขา เพราะเขาสอนเท่านั้น แต่ไม่ปฏิบัติตาม พวกเขาให้ผู้คนแบกหามภาระหนัก โดยที่พวกเขาไม่ยอมแม้แต่จะยกนิ้วขึ้นช่วยเขาเลย พวกเขาปฏิบัติตนให้คนสังเกตเห็น ติดเครื่องรางขนาดใหญ่ไว้กับตัว และมีพู่ยาวห้อยจากเสื้อ พวกเขาชอบที่นั่งอันมีเกียรติในงานเลี้ยง และที่นั่งสำหรับคนสำคัญที่สุดในศาลาที่ประชุม ชอบให้คนทักทายแสดงความเคารพในย่านตลาดและให้ผู้คนเรียกพวกเขาว่า ‘รับบี’ อย่าให้คนเรียกเจ้าว่า ‘รับบี’ เพราะมีผู้เดียวที่เป็นอาจารย์ และทุกคนในพวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน อย่าเรียกใครในโลกนี้ว่าบิดา เพราะเจ้ามีพระบิดาผู้เดียว และพระองค์สถิตบนสวรรค์ อย่าให้คนเรียกเจ้าว่า ‘ผู้สอน’ เพราะเจ้ามีผู้สอนผู้เดียว พระองค์คือพระคริสต์ แต่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในพวกเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเจ้า ผู้ใดที่ยกย่องตัวเองก็จะถูกเหยียดลง และผู้ใดที่ถ่อมตัวก็จะได้รับการยกย่อง วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านได้ปิดอาณาจักรแห่งสวรรค์ไม่ให้คนเข้า ท่านเองไม่ได้เข้าไปและยังขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นล่วงเข้าไปเสียด้วย [วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ท่านริบบ้านเรือนของพวกหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาวเพื่อให้คนเห็น ฉะนั้นท่านจะถูกกล่าวโทษอย่างหนัก] วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำเพื่อจะทำให้คนหนึ่งเชื่อในศาสนายิว เมื่อเขาหันมาเชื่อแล้วท่านก็ทำให้เขาลงนรกยิ่งกว่าท่านเองถึง 2 เท่า วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกผู้นำทางที่มีแต่ความมืดบอด ท่านพูดว่า ‘ใครก็ตามที่อ้างถึงพระวิหารเวลาสาบาน เขาก็ไม่ต้องทำตามคำสาบาน แต่ใครก็ตามที่อ้างถึงทองของพระวิหารเวลาสาบาน ผู้นั้นผูกมัดกับคำสาบานแล้ว’ พวกท่านช่างโง่เขลามืดบอด อะไรสำคัญกว่ากัน ทองหรือพระวิหารซึ่งทำให้ทองบริสุทธิ์ และท่านพูดว่า ‘ใครก็ตามที่อ้างถึงแท่นบูชาเวลาสาบาน เขาก็ไม่ต้องทำตามคำสาบาน แต่ใครก็ตามที่อ้างถึงของบูชาบนแท่นนั้น เขาผูกมัดกับคำสาบานแล้ว’ พวกท่านช่างมืดบอดเสียจริง อะไรสำคัญกว่ากัน ของบูชาหรือแท่นซึ่งทำให้ของบูชาบริสุทธิ์ ฉะนั้นคนที่สาบานโดยอ้างถึงแท่นบูชา ก็อ้างถึงแท่นบูชาและทุกสิ่งที่อยู่บนแท่นด้วย และคนที่สาบานโดยอ้างถึงพระวิหาร ก็อ้างถึงพระวิหารและพระองค์ผู้สถิตในนั้นด้วย และคนที่สาบานโดยอ้างถึงสวรรค์ ก็อ้างถึงบัลลังก์ของพระเจ้าและพระองค์ผู้สถิตบนนั้นด้วย วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านให้หนึ่งในสิบของสะระแหน่ ผักชี และยี่หร่า แต่กลับเพิกเฉยต่อกฎบัญญัติที่สำคัญกว่าคือ ความเป็นธรรม ความเมตตา และความเชื่อ สิ่งเหล่านี้ท่านควรกระทำอยู่ก่อนแล้วโดยไม่ละเลยจำนวนหนึ่งในสิบด้วย พวกผู้นำทางที่มีแต่ความมืดบอด พวกท่านกรองตัวริ้นออกและกลืนตัวอูฐลงไป วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านทำความสะอาดถ้วยชามภายนอก แต่ภายในกลับเต็มด้วยความโลภและกิเลส ท่านฟาริสีก็เต็มด้วยความมืดบอดเสียจริง จงล้างภายในถ้วยชามก่อน เพื่อภายนอกจะได้สะอาดด้วย วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านเป็นเหมือนถ้ำเก็บศพฉาบด้วยปูนขาวซึ่งภายนอกดูสวยงาม แต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกของคนตายและสิ่งที่เป็นมลทินทั้งปวง ภายนอกดูเหมือนว่าท่านมีความชอบธรรมในสายตามนุษย์ แต่ภายในท่านเต็มด้วยความหลอกลวงและความชั่วช้า วิบัติจงเกิดแก่ท่าน พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสี ท่านเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก เพราะท่านสร้างถ้ำเก็บศพให้พวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และประดับประดาหลุมฝังศพของคนมีความชอบธรรม ท่านพูดว่า ‘ถ้าพวกเราได้มีชีวิตอยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรา เราก็จะไม่มีส่วนร่วมในการนองเลือดของพวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแล้ว’ ดังนั้น ท่านได้ยืนยันว่าท่านเป็นบรรดาบุตรของพวกที่ฆ่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ฉะนั้นท่านก็กระทำต่อให้ครบขั้นตอนของบรรพบุรุษของท่านเถิด ท่านเป็นพวกงู พวกชาติอสรพิษ ท่านจะพ้นจากโทษแห่งนรกได้อย่างไร ฉะนั้นเรากำลังส่งพวกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า พวกผู้มีปัญญา และเหล่าอาจารย์ มายังท่าน ท่านจะฆ่าและตรึงพวกเขาบางคนบนไม้กางเขน สำหรับบางคน ท่านก็จะเฆี่ยนเขาในศาลาที่ประชุมของท่าน และข่มเหงไปทั่วทุกเมือง ผลที่ตามมาก็คือโลหิตที่หลั่งออกจากบรรดาผู้มีความชอบธรรมลงสู่พื้นนั้นจะตกอยู่กับท่าน นับตั้งแต่โลหิตของอาเบลผู้มีความชอบธรรม จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์บุตรของเบเรคิยาห์ที่ท่านได้ฆ่าในระหว่างพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าและแท่นบูชา เราขอบอกความจริงกับท่านว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับคนในช่วงกาลเวลานี้ โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าได้ฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และได้เอาหินขว้างผู้ที่พระเจ้าส่งมาให้เจ้า หลายต่อหลายครั้งที่เราอยากจะปกป้องลูกๆ ของเจ้าไว้เหมือนกับแม่ไก่โอบลูกไก่ไว้ใต้ปีก พวกเจ้านั่นแหละที่ไม่ยินยอม ดูเถิด บ้านของเจ้าถูกทิ้งร้างไว้ เราขอบอกว่า เจ้าจะไม่เห็นเราอีกจนกว่าเจ้าจะพูดว่า ‘ขอพระองค์ผู้มาในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจงเป็นสุขเถิด’”