มัทธิว 20:17-34
มัทธิว 20:17-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
ขณะที่พระเยซูกำลังเดินทางไปเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์พาศิษย์ทั้งสิบสองคนปลีกตัวออกมาอยู่กันตามลำพัง และพูดกับพวกเขาว่า “ฟังนะ พวกเรากำลังจะขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกจับส่งไปให้กับพวกหัวหน้านักบวช และครูสอนกฎปฏิบัติ แล้วพวกนั้นจะตัดสินประหารชีวิตเขา จากนั้นก็จะส่งมอบเขาไปให้กับคนที่ไม่ใช่ชาวยิว เพื่อพวกนั้นจะได้หัวเราะเยาะเขา เฆี่ยนตีเขา และตรึงเขาที่กางเขน แต่เขาก็จะฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม” ภรรยาของเศเบดี พร้อมกับลูกสองคนมาหาพระเยซู นางกราบลงและขอให้พระองค์ทำสิ่งหนึ่งให้กับนาง พระเยซูถามนางว่า “มีอะไรหรือ” นางตอบว่า “เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ขอให้ลูกชายทั้งสองคนนี้ของฉันนั่งอยู่ทางขวาของพระองค์คนหนึ่ง และนั่งอยู่ทางซ้ายอีกคนหนึ่งด้วยเถิดค่ะ” พระเยซูตอบพวกเขาว่า “พวกคุณไม่รู้ว่ากำลังขออะไรอยู่ คุณจะดื่มจากจอกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่เรากำลังจะดื่มได้หรือ” ทั้งสองคนตอบว่า “ได้ครับ” พระเยซูพูดกับทั้งสองคนว่า “พวกคุณจะได้ดื่มแน่ แต่จะให้ใครนั่งทางขวาหรือทางซ้ายของเรานั้น เราไม่ได้เป็นคนเลือก พระบิดาของเราจะเป็นผู้เลือกเอง” เมื่อศิษย์ที่เหลืออีกสิบคนรู้เรื่องนี้เข้า ก็โกรธสองคนพี่น้องนั้นมาก พระเยซูก็เลยเรียกพวกเขาทั้งหมดเข้ามาและพูดว่า “พวกคุณก็รู้ว่า ผู้ครอบครองของคนที่ไม่ใช่ชาวยิวชอบทำตัวเป็นเจ้าเป็นนายเหนือประชาชน และพวกผู้นำชอบวางอำนาจเหนือประชาชน แต่สำหรับพวกคุณ มันจะไม่เป็นอย่างนั้น ในหมู่พวกคุณถ้าคนไหนอยากจะเป็นใหญ่ ก็ให้เขาเป็นผู้รับใช้คุณ และถ้าคนไหนอยากเป็นคนสำคัญที่สุด ก็ให้เขาเป็นทาสรับใช้ในหมู่พวกคุณ เหมือนกับบุตรมนุษย์ ที่ไม่ได้มาเพื่อให้คนอื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้คนอื่น และยอมสละชีวิตเพื่อปลดปล่อยให้คนมากมายเป็นอิสระ” เมื่อพระเยซูและพวกศิษย์กำลังออกจากเมืองเยริโค ก็มีฝูงชนเดินตามเป็นจำนวนมาก มีชายตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมถนน เมื่อได้ยินว่าพระเยซูกำลังผ่านมา ก็เริ่มร้องตะโกนว่า “องค์เจ้าชีวิต บุตรของดาวิด สงสารพวกเราด้วยเถอะ” ฝูงชนต่อว่าพวกเขาให้เงียบ แต่เขาทั้งสองยิ่งตะโกนดังขึ้นอีกว่า “องค์เจ้าชีวิต บุตรของดาวิด สงสารพวกเราด้วยเถอะ” พระเยซูจึงหยุดและเรียกพวกเขาเข้ามาถามว่า “อยากให้เราช่วยอะไร” พวกเขาตอบว่า “องค์เจ้าชีวิต พวกเราอยากจะมองเห็น” พระเยซูรู้สึกสงสารพวกเขา จึงแตะดวงตาพวกเขา พวกเขาก็มองเห็นได้ทันที แล้วก็ติดตามพระองค์ไป
มัทธิว 20:17-34 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
ขณะพระเยซูกำลังเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนไปกันตามลำพังและตรัสกับเขาทั้งหลายตามทางว่า “ฟังนะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และพวกเขาจะลงโทษท่านถึงตาย ทั้งจะมอบตัวท่านไว้กับพวกต่างชาติเพื่อให้เยาะเย้ย เฆี่ยนตีและตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่” ขณะนั้นมารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดี มาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบและทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านปรารถนาอะไร?” นางทูลว่า “ขอพระองค์รับสั่งตั้งบุตรทั้งสองของข้าพระองค์ให้นั่งเบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง และเบื้องซ้ายคนหนึ่งในราชอาณาจักรของพระองค์” แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่ขอนั้น ถ้วยที่เราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ?” พวกเขาทูลว่า “ได้พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจะดื่มถ้วยของเราแน่ แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่เราเป็นผู้ให้ แต่จะให้กับคนเหล่านั้นที่พระบิดาของเราทรงเตรียมไว้” เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้วก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” เมื่อพระองค์กับพวกสาวกกำลังออกไปจากเมืองเยรีโค มีมหาชนติดตามพระองค์ไป และมีคนตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมหนทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูเสด็จมา จึงร้องว่า “[องค์พระผู้เป็นเจ้า]ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” ฝูงชนก็ห้ามเขาทั้งสองและให้นิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องขึ้นอีกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” พระเยซูทรงหยุดยืนอยู่ ทรงเรียกเขามาและตรัสว่า “ท่านทั้งสองต้องการให้เราทำอะไรเพื่อท่าน” เขาทั้งสองทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้นัยน์ตาของข้าพระองค์ทั้งสองหายบอด” พระเยซูทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขาทั้งสองด้วยพระทัยสงสาร ในทันใดนั้นเขาทั้งสองก็มองเห็น และติดตามพระองค์ไป
มัทธิว 20:17-34 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
เมื่อพระเยซูจะเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ขณะอยู่ตามหนทางได้พาเหล่าสาวกสิบสองคนไปแต่ลำพัง และตรัสกับเขาว่า “ดูเถิด เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้อยู่กับพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่” ขณะนั้นมารดาของบุตรแห่งเศเบดีพาบุตรชายทั้งสองมาเฝ้าพระองค์ นมัสการทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงทรงถามนางนั้นว่า “ท่านปรารถนาอะไร” นางทูลพระองค์ว่า “ขอทรงโปรดอนุญาตให้บุตรชายของข้าพระองค์สองคนนี้นั่งในราชอาณาจักรของพระองค์ เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง” แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “ที่ท่านขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ และบัพติศมานั้นซึ่งเราจะรับ ท่านจะรับได้หรือ” เขาทูลพระองค์ว่า “พวกข้าพระองค์ทำได้” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มจากถ้วยของเรา และรับบัพติศมาด้วยบัพติศมาที่เราจะรับก็จริง แต่ซึ่งจะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จะมอบให้ แต่พระบิดาของเราได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใด ก็จะให้แก่ผู้นั้น” เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้ว พวกเขาก็มีความขุ่นเคืองพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่า ผู้ครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้นในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รับใช้ของพวกท่าน อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติ และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก” เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกออกไปจากเมืองเยรีโค ฝูงชนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป และดูเถิด มีชายตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมหนทาง เมื่อเขาได้ยินว่าพระเยซูเสด็จผ่านมา จึงร้องว่า “โอ พระองค์ผู้เป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด” ฝ่ายประชาชนก็ห้ามเขาให้นิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องขึ้นอีกว่า “โอ พระองค์ผู้เป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด” พระเยซูจึงหยุดประทับยืนอยู่ เรียกเขามา และตรัสว่า “ท่านทั้งสองใคร่จะให้เราทำอะไรเพื่อท่าน” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอให้ตาของข้าพระองค์มองเห็น” พระเยซูจึงมีพระทัยเมตตา ก็ทรงถูกต้องตาเขา ในทันใดนั้นตาของเขาก็เห็นได้และเขาทั้งสองได้ติดตามพระองค์ไป
มัทธิว 20:17-34 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
เมื่อพระเยซูจะเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ก็พาเหล่าสาวกสิบสองคนไปแต่ลำพัง และตรัสกับเขาตามทางว่า <<เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเขาจะมอบบุตรมนุษย์ไว้กับพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สาม ท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่>> ขณะนั้นมารดาของบุตรแห่งเศเบดี พาบุตรทั้งสองมาเฝ้าพระองค์กราบไหว้ทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงทรงถามนางนั้นว่า <<ท่านปรารถนาอะไร>> นางทูลว่า <<ขอพระองค์รับสั่งตั้งให้บุตรของข้าพระองค์สองคนนี้ นั่งในราชอาณาจักรของพระองค์เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง>> แต่พระเยซูตรัสตอบว่า <<ที่ท่านทั้งสองขอนั้นท่านไม่เข้าใจ ถ้วยซึ่งเราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ>> เขาทูลว่า <<ได้พระเจ้าข้า>> พระองค์ตรัสกับเขาว่า <<ท่านทั้งหลายจะดื่มถ้วยของเราเป็นแน่ แต่ซึ่งจะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่พนักงานของเราที่จะจัดให้ แต่พระบิดาของเราได้ทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น>> เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้ว ก็มีความขุ่นเคืองพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า <<ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก>> เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกออกไปจากเมืองเยรีโค ฝูงชนเป็นอันมากก็ตามพระองค์ไป และนี่แน่ะ มีคนตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมหนทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูเสด็จ จึงร้องว่า <<พระองค์ผู้เป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด>> ฝ่ายประชาชนก็ห้ามเขาให้นิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องขึ้นอีกว่า <<พระองค์เจ้าข้า พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิด ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด>> พระเยซูจึงหยุดประทับยืนอยู่ เรียกเขามาและตรัสว่า <<ท่านทั้งสองจะใคร่ให้เราทำอะไรเพื่อท่าน>> เขาทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า ขอให้นัยน์ตาของข้าพระองค์หายบอด>> พระเยซูมีพระทัยสงสาร ก็ทรงถูกต้องนัยน์ตาเขา ในทันใดนั้นตาของเขาก็เห็นได้ และเขาทั้งสองได้ติดตามพระองค์ไป
มัทธิว 20:17-34 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
ขณะพระเยซูกำลังเสด็จไปเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาสาวกสิบสองคนเลี่ยงออกมาและตรัสว่า “พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกทรยศและมอบให้พวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ พวกเขาจะตัดสินประหารพระองค์ และจะมอบพระองค์ให้คนต่างชาติเยาะเย้ยโบยตีและตรึงตายบนไม้กางเขน แล้วในวันที่สามพระเจ้าจะทรงให้พระองค์คืนพระชนม์!” แล้วภรรยาของเศเบดีพาบุตรชายทั้งสองของนางมาคุกเข่าทูลขอพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “ท่านประสงค์สิ่งใด?” นางทูลว่า “ขอให้ลูกชายของข้าพระองค์ได้นั่งในราชอาณาจักรของพระองค์ คนหนึ่งอยู่ข้างขวา อีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย” พระเยซูตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ถ้วยที่เรากำลังจะดื่มท่านดื่มได้หรือ?” พวกเขาทูลตอบว่า “ได้พระเจ้าข้า” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ท่านจะได้ดื่มจากถ้วยของเราแน่ แต่ที่จะได้นั่งซ้ายมือหรือขวามือของเราไม่ใช่เราจัดให้ แต่ที่นั้นเป็นของผู้ที่พระบิดาของเราทรงเตรียมไว้แล้ว” เมื่อสาวกอีกสิบคนได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่พอใจพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูทรงเรียกเหล่าสาวกมาพร้อมหน้ากันและตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ปกครองของคนต่างชาติเป็นเจ้าเหนือเขาและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ใช้อำนาจเหนือพวกเขา แต่สำหรับพวกท่านไม่เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ใครอยากเป็นใหญ่ในพวกท่านต้องรับใช้พวกท่าน และผู้ใดปรารถนาที่จะเป็นเอกต้องยอมเป็นทาสของพวกท่าน เหมือนกับที่บุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติและประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่เพื่อคนเป็นอันมาก” ขณะที่พระเยซูกับเหล่าสาวกของพระองค์กำลังจะออกจากเมืองเยรีโค ฝูงชนหมู่ใหญ่ตามพระองค์มา ชายตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมทางได้ยินว่าพระเยซูกำลังเสด็จผ่านก็ร้องตะโกนว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!” ฝูงชนจึงตำหนิและบอกให้เขาเงียบ แต่ทั้งสองยิ่งร้องดังขึ้นว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!” พระเยซูทรงหยุดและเรียกทั้งสองมาตรัสถามว่า “ท่านต้องการให้เราทำอะไรให้?” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์อยากมองเห็น” พระเยซูทรงสงสารเขาและทรงแตะตาของเขา ทันใดนั้นทั้งสองก็มองเห็นและตามพระองค์ไป
มัทธิว 20:17-34 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
ขณะที่พระเยซูกำลังขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์พาเพียงสาวกทั้งสิบสองไปพูดตามลำพังว่า “ดูเถิด พวกเรากำลังจะขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็ม บุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวให้แก่พวกมหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ และพวกเขาจะกล่าวโทษให้ท่านถึงแก่ความตาย และจะมอบตัวท่านให้บรรดาคนนอกล้อเลียน โบยและตรึงบนไม้กางเขน แล้วในวันที่สามจะฟื้นคืนชีวิต” ขณะนั้นภรรยาและบุตรทั้งสองของเศเบดีมาหาพระองค์ นางก้มกราบขอร้องสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์กล่าวกับนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางพูดว่า “โปรดรับสั่งว่าบุตรทั้งสองของข้าพเจ้าจะได้นั่งในอาณาจักรของพระองค์ คนหนึ่งทางด้านขวาและอีกคนหนึ่งทางด้านซ้ายของพระองค์” แต่พระเยซูกล่าวตอบว่า “พวกเจ้าไม่รู้ว่ากำลังขออะไรกันอยู่ เจ้าสามารถดื่มจากถ้วยที่เราจะดื่มได้หรือ” พวกเขาตอบว่า “เราทำได้” พระองค์กล่าวกับเขาว่า “ถ้วยของเรานั้นเจ้าจะดื่ม แต่จะนั่งทางขวามือและทางซ้ายมือของเรา ไม่ใช่สิทธิ์ของเราที่จะให้ แต่เป็นที่สำหรับบรรดาผู้ซึ่งพระบิดาของเราได้เตรียมให้ไว้” เมื่อสาวก 10 คนได้ยินดังนั้นก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูจึงเรียกพวกเขามาหาและกล่าวว่า “เจ้าก็รู้อยู่ว่า พวกที่อยู่ในระดับปกครองของบรรดาคนนอกย่อมมีสิทธิอำนาจเหนือพวกเขา และคนใหญ่คนโตของเขาใช้อำนาจกับพวกเขา มิใช่เช่นนั้นในพวกเจ้า ใครก็ตามที่อยากจะเป็นใหญ่ในพวกเจ้าต้องเป็นผู้รับใช้ของเจ้า และใครก็ตามที่อยากเป็นคนแรกในพวกเจ้า ต้องเป็นทาสรับใช้เจ้า แม้แต่บุตรมนุษย์ก็ไม่ได้มาเพื่อให้ผู้ใดรับใช้ แต่มาเพื่อจะรับใช้ และเพื่อมอบชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่แก่คนจำนวนมาก” ขณะที่พระองค์และเหล่าสาวกกำลังออกไปจากเมืองเยรีโค มหาชนก็ติดตามพระองค์ไป ชายตาบอด 2 คนนั่งอยู่ข้างถนนได้ยินว่าพระเยซูกำลังเดินผ่านมาจึงร้องตะโกนขึ้นว่า “พระองค์ท่าน บุตรของดาวิด โปรดเมตตาพวกเราด้วย” ฝูงชนห้ามพวกเขาและบอกให้เงียบเสีย แต่เขายิ่งตะโกนดังมากขึ้นว่า “พระองค์ท่าน บุตรของดาวิด โปรดเมตตาพวกเราด้วย” พระเยซูหยุดเดินและเรียกเขามาพูดว่า “เจ้าต้องการจะให้เราทำอะไรให้เล่า” พวกเขาพูดว่า “พระองค์ท่าน ช่วยให้ตาของเรามองเห็นเถิด” พระเยซูมีความสงสารจึงแตะที่ตาของเขา ในทันใดนั้นทั้งสองคนก็มองเห็นได้และตามพระองค์ไป