มัทธิว 2:1-18
มัทธิว 2:1-18 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระเยซู เกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ในสมัยของกษัตริย์เฮโรด ต่อมามีพวกโหราจารย์เดินทางมาจากทิศตะวันออกเข้ามาที่เมืองเยรูซาเล็ม มาถามว่า “รู้หรือเปล่าว่าเด็กคนนั้นที่เกิดมาเป็นกษัตริย์ของชาวยิวอยู่ที่ไหน พวกเราเห็นดวงดาวของพระองค์ขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออก จึงเดินทางมาเพื่อกราบไหว้บูชาพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินก็วุ่นวายใจมาก รวมถึงชาวเมืองเยรูซาเล็มทุกคนด้วย กษัตริย์เฮโรดจึงเรียกให้พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติทุกคนมาประชุมกัน และถามว่า “พระคริสต์ ควรจะเกิดที่ไหน” พวกเขาตอบว่า “ที่เบธเลเฮม ในแคว้นยูเดียครับท่าน เพราะผู้พูดแทนพระเจ้า เขียนไว้ว่า ‘หมู่บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูดาห์ พวกเจ้าไม่ใช่แค่หมู่บ้านกระจอกๆหมู่บ้านหนึ่งในแผ่นดินยูดาห์ เพราะจะมีผู้นำคนหนึ่งออกมาจากพวกเจ้า เป็นผู้ที่จะมาเลี้ยงดูอิสราเอล ประชาชนของเรา’” กษัตริย์เฮโรด จึงเชิญพวกโหราจารย์มาพบอย่างลับๆและถามพวกเขาว่าได้เห็นดาวดวงนั้นครั้งแรกเมื่อไหร่ แล้วกษัตริย์เฮโรดส่งพวกโหราจารย์ไปที่หมู่บ้านเบธเลเฮม และสั่งว่า “ไปตามหาเด็กคนนั้น เจอเมื่อไหร่ให้รีบกลับมาบอก เราจะได้ไปนมัสการเด็กคนนั้นด้วย” เมื่อกษัตริย์เฮโรดสั่งเสร็จแล้ว พวกโหราจารย์ก็ตามดาวดวงนั้นที่พวกเขาเห็นขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออกไป ดาวดวงนั้นนำพวกเขาไปหยุดอยู่เหนือที่ที่เด็กชายคนนั้นอยู่ เมื่อพวกโหราจารย์เห็นอย่างนั้นก็ดีใจมาก จึงพากันเข้าไปในบ้าน และพบเด็กชายกับมารีย์แม่ของเด็ก พวกเขาจึงกราบไหว้บูชาเด็กนั้น พร้อมกับเอาทองคำ กำยาน และมดยอบ ออกมาให้เป็นของขวัญกับเด็กชาย พระเจ้าได้มาเตือนพวกโหราจารย์ในความฝัน ไม่ให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด พวกเขาจึงใช้เส้นทางอื่นกลับไปบ้านเมืองของตน เมื่อพวกโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตขององค์เจ้าชีวิตมาเข้าฝันโยเซฟและบอกว่า “ลุกขึ้น พาเด็กกับแม่ของเด็กหนีไปอยู่ที่อียิปต์ แล้วให้อยู่ที่นั่นจนกว่าจะบอกให้กลับมา เพราะกษัตริย์เฮโรด กำลังจะส่งคนมาตามฆ่าเด็กคนนี้” โยเซฟจึงลุกขึ้น และพาเด็กพร้อมกับแม่ของเด็กออกเดินทางไปอียิปต์ในคืนนั้นเลย พวกเขาอยู่ที่นั่นจนกษัตริย์เฮโรดตาย ซึ่งก็เป็นไปตามที่องค์เจ้าชีวิตเคยพูดผ่านมาทางผู้พูดแทนพระเจ้า ว่า “เราได้เรียกลูกของเราออกมาจากอียิปต์” เมื่อกษัตริย์เฮโรด รู้ว่าโดนพวกโหราจารย์หลอก ก็โกรธมาก จึงสั่งให้คนไปฆ่าเด็กผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาที่อยู่ในหมู่บ้านเบธเลเฮม และบริเวณใกล้เคียงแถวนั้น เพราะพวกโหราจารย์บอกกับกษัตริย์ว่า พวกเขาเห็นดวงดาวปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อสองปีมาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่องค์เจ้าชีวิตเคยพูดผ่านเยเรมียาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ฟังเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจยิ่ง คือเสียงร้องไห้ของราเชลเรื่องลูกๆของเธอ เธอก็ไม่ยอมให้ใครปลอบโยน เพราะลูกๆของเธอตายแล้ว”
มัทธิว 2:1-18 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย แล้วท่านทรงให้ประชุมพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน แล้วก็ตรัสถามพวกเขาว่า “พระคริสต์จะทรงบังเกิดที่ไหน?” พวกเขาทูลว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ ดังนี้ว่า ‘บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็น บ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’ ” แล้วเฮโรดจึงทรงเชิญพวกนักปราชญ์เข้ามาอย่างลับๆ ทรงสอบถามพวกเขาจนได้ความถี่ถ้วนถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น แล้วท่านทรงให้พวกนักปราชญ์ไปยังบ้านเบธเลเฮมรับสั่งว่า “จงไปค้นหาพระกุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เราเพื่อเราจะไปนมัสการท่านด้วย” พวกนักปราชญ์จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งพวกเขาได้เห็นทางทิศตะวันออกนั้นได้นำหน้าพวกเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ซึ่งพระกุมารอยู่นั้น เมื่อพวกนักปราชญ์ได้เห็นดาวนั้นแล้วก็มีความยินดียิ่งนัก เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบพระกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงก้มลงนมัสการพระกุมารนั้น แล้วเปิดหีบสมบัติของพวกเขาและถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ แล้วพวกนักปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่ให้กลับไปเฝ้าเฮโรด พวกเขาจึงกลับไปยังเมืองของพวกตนทางอื่น เมื่อพวกเขาไปแล้วก็มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหาพระกุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย” ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์ เมื่อเฮโรดทรงเห็นว่าพวกนักปราชญ์หลอกท่านก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งคนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหมดในบ้านเบธเลเฮม และในบริเวณใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา โดยนับเวลาตามที่ท่านทรงทราบจากพวกนักปราชญ์ ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า “ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ เสียงดัง คือนางราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบรรดาบุตรของตน นางไม่รับฟังคำปลอบใจ เพราะบุตรทั้งหลายไม่อยู่แล้ว”
มัทธิว 2:1-18 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
ครั้นพระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ดูเถิด มีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “กุมารที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้นในทิศตะวันออก เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน” ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้ว ท่านก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปกับท่านด้วย แล้วท่านให้ประชุมบรรดาปุโรหิตใหญ่กับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน ตรัสถามเขาว่า พระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด เขาทูลท่านว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าศาสดาพยากรณ์ได้เขียนไว้ดังนี้ว่า ‘บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะเป็นบ้านเล็กน้อยที่สุดท่ามกลางบรรดาผู้ครองของยูเดียก็หามิได้ เพราะว่าเจ้านายคนหนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา’” แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกนักปราชญ์เข้ามาเป็นการลับ สอบถามเขาอย่างถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น และท่านได้ให้พวกนักปราชญ์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า “จงไปค้นหากุมารนั้นอย่างถี่ถ้วนกันเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย” ครั้นพวกเขาได้ฟังกษัตริย์แล้ว เขาก็ได้ลาไป และดูเถิด ดาวซึ่งเขาได้เห็นในทิศตะวันออกนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น เมื่อพวกนักปราชญ์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว เขาก็มีความชื่นชมยินดียิ่งนัก ครั้นพวกเขาเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ และพวกนักปราชญ์ได้ยินคำเตือนจากพระเจ้าในความฝัน มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด เขาจึงกลับไปยังบ้านเมืองของตนทางอื่น ครั้นเขาไปแล้ว ดูเถิด ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมารเพื่อจะประหารชีวิตเสีย” ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งได้ตรัสไว้โดยศาสดาพยากรณ์ว่า ‘เราได้เรียกบุตรชายของเราออกมาจากประเทศอียิปต์’ ครั้นเฮโรดเห็นว่าพวกนักปราชญ์หลอกท่าน ก็กริ้วโกรธยิ่งนัก จึงใช้คนไปฆ่าเด็กทั้งหมดในบ้านเบธเลเฮมและที่ใกล้เคียงทั้งสิ้น ตั้งแต่อายุสองขวบลงมา ซึ่งพอดีกับเวลาที่ท่านได้ถามพวกนักปราชญ์อย่างถ้วนถี่นั้น ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสโดยเยเรมีย์ศาสดาพยากรณ์ว่า ‘ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร้องไห้และร่ำไห้เป็นอันมาก คือนางราเชลร้องไห้เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับฟังคำเล้าโลม เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว’
มัทธิว 2:1-18 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า <<กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน>> ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย แล้วท่านให้ประชุมบรรดามหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน ตรัสถามเขาว่า <<ผู้เป็นพระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด>> เขาทูลว่า <<ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ ดังนี้ว่า บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะเป็นบ้านเล็กน้อยที่สุด ในสายตาของบรรดาผู้ครอง แผ่นดินยูเดียก็หามิได้ เพราะว่าเจ้านายคนหนึ่งจะออกมา จากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา>> แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกโหราจารย์เข้ามาเป็นการลับ ถามเขาได้ความถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า <<จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย>> โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ แล้วพวกโหราจารย์ได้ยินคำเตือนในความฝัน มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด เขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น ครั้นเขาไปแล้วก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า ได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า <<จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย>> ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พากุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์ ครั้นเฮโรดเห็นว่าพวกโหราจารย์หลอกท่าน ก็กริ้วโกรธยิ่งนัก จึงใช้คนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหลาย ในบ้านเบธเลเฮมและที่ใกล้เคียงทั้งสิ้น ตั้งแต่อายุสองขวบลงมา ซึ่งพอดีกับเวลาที่ท่านได้ทราบจากพวกโหราจารย์นั้น ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ คือนางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับฟังคำปลอบเล้าโลม เพราะบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว
มัทธิว 2:1-18 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
หลังจากพระเยซูประสูติที่เบธเลเฮมแคว้นยูเดียในสมัยของกษัตริย์เฮโรด มีโหราจารย์จากตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม และถามว่า “ผู้ที่มาบังเกิดเป็นกษัตริย์ของชาวยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของพระองค์เมื่อเราอยู่ที่ตะวันออกจึงมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็ว้าวุ่นพระทัย ทั่วทั้งเยรูซาเล็มก็พลอยว้าวุ่นไปด้วย เฮโรดทรงเรียกประชุมหัวหน้าปุโรหิตทั้งปวงและบรรดาธรรมาจารย์ของประชาชน และตรัสถามพวกเขาว่าพระคริสต์จะประสูติที่ใด คนเหล่านั้นกราบทูลว่า “ที่เบธเลเฮมในแคว้นยูเดียเพราะผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ว่า “ ‘ส่วนเจ้า เบธเลเฮมในดินแดนยูดาห์ ไม่ได้ต่ำต้อยในหมู่ผู้ปกครองแห่งยูดาห์ เพราะจะมีผู้ปกครองผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้เลี้ยงประชากรอิสราเอลของเรา’” แล้วเฮโรดจึงเรียกพวกโหราจารย์มาพบอย่างลับๆ ไต่ถามจนทราบถึงเวลาที่แน่นอนที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น แล้วส่งพวกเขาไปยังเบธเลเฮมพร้อมทั้งรับสั่งว่า “จงไปค้นหาพระกุมารนั้น เมื่อพบแล้วจงแจ้งเราทันทีเพื่อเราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อได้ฟังรับสั่งของกษัตริย์แล้ว โหราจารย์เหล่านั้นก็เดินทางต่อไป และดวงดาวที่พวกเขาได้เห็นเมื่ออยู่ที่ตะวันออกนำทางพวกเขาไปจนมาหยุดอยู่เหนือที่ประทับของพระกุมาร เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ปีติยินดียิ่งนัก เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นพระกุมารกับมารีย์มารดาของพระองค์ จึงกราบนมัสการพระองค์แล้วเปิดหีบนำเครื่องบรรณาการออกมาถวาย คือทองคำ กำยาน และมดยอบ พวกเขาได้รับคำเตือนในความฝันไม่ให้กลับไปพบเฮโรด พวกเขาจึงกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น เมื่อพวกโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันและสั่งว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและมารดาหนีไปยังอียิปต์และอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกให้กลับมา เพราะเฮโรดกำลังจะค้นหาพระกุมารเพื่อประหาร” ในคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้นพามารีย์กับพระกุมารเดินทางไปยังอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “เราเรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์” เมื่อเฮโรดตระหนักว่าพวกโหราจารย์หลอกพระองค์ พระองค์ก็กริ้วนัก จึงบัญชาให้ประหารเด็กผู้ชายทั้งปวงในเบธเลเฮมและละแวกใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา คะเนตามระยะเวลาที่ทราบจากพวกโหราจารย์ ทั้งนี้จึงเป็นจริงตามที่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวไว้ว่า “ได้ยินเสียงหนึ่งในรามาห์ เสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญ ราเชลร่ำไห้ถึงบรรดาบุตรของนาง และไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ เพราะบุตรทั้งหลายจากไปเสียแล้ว”
มัทธิว 2:1-18 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
หลังจากที่พระเยซูได้ถือกำเนิดที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นสมัยของกษัตริย์เฮโรดก็ได้มีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังเมืองเยรูซาเล็มกล่าวว่า “ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นกษัตริย์ของชาวยิวอยู่ที่ไหน เพราะว่าพวกเราเห็นดาวของพระองค์ปรากฏทางทิศตะวันออก จึงได้พากันมานมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็กระวนกระวายใจ รวมไปถึงชาวเมืองเยรูซาเล็มด้วย ท่านเรียกบรรดามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติของประชาชนมาประชุม และไต่ถามว่าพระคริสต์จะบังเกิดที่ไหน พวกเขาพูดว่า “ที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้บันทึกไว้ว่า ‘และเจ้าเอง เมืองเบธเลเฮม ดินแดนแห่งแคว้นยูดาห์ หาใช่จะด้อยที่สุดในบรรดาผู้นำในแคว้นยูเดียไม่ เพราะผู้นำท่านหนึ่งซึ่งมาจากเจ้า จะเป็นผู้นำทางให้แก่อิสราเอล ชนชาติของเรา’” ครั้นแล้วเฮโรดก็เรียกพวกโหราจารย์มาเป็นการลับ เพื่อถามให้ถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น แล้วก็ให้โหราจารย์ไปยังเมืองเบธเลเฮมโดยสั่งว่า “จงไปค้นหาทารกนั้นให้ทั่วจนกว่าจะพบ เมื่อพบแล้วก็มารายงานให้เราทราบ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อรับคำสั่งจากกษัตริย์แล้ว พวกโหราจารย์ก็จากไป ดาวที่พวกเขาเห็นทางทิศตะวันออกก็นำทางล่วงหน้าพวกเขาไป และมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่ทารกอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ยินดียิ่ง ครั้นเข้าไปในเรือน ก็เห็นทารกและมารีย์มารดา จึงกราบนมัสการพระองค์ แล้วเปิดห่อของอันมีค่ามอบแด่พระองค์ ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ พระเจ้าได้เตือนพวกโหราจารย์ในฝันไม่ให้กลับไปหาเฮโรด พวกเขาจึงเดินทางกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น เมื่อพวกเขาได้จากไปแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่โยเซฟในฝันกล่าวว่า “จงลุกขึ้นเถิด พาทารกและมารดาของพระองค์หนีไปประเทศอียิปต์ จงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะว่าเฮโรดจะค้นหาทารกนี้เพื่อจะฆ่าเสีย” โยเซฟจึงลุกขึ้นและพามารดาและทารกออกเดินทางไปในคืนนั้น แล้วเดินทางไปยังอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนเฮโรดเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้โดยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “เราเรียกบุตรของเราออกมาจากประเทศอียิปต์” เมื่อเฮโรดเห็นว่าตนหลงกลพวกโหราจารย์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จึงสั่งให้ฆ่าเด็กชายทุกคนที่อายุตั้งแต่สองขวบลงมา ทั้งในเมืองเบธเลเฮมและย่านใกล้เคียง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้ทราบเรื่องจากโหราจารย์ แล้วก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “เสียงที่ได้ยินในหมู่บ้านรามาห์คือ เสียงร้องไห้และร้องคร่ำครวญอันดัง นางราเชลร่ำไห้เพราะลูกๆ ของนาง และนางไม่ยอมให้ปลอบใจ เพราะลูกๆ ตายเสียแล้ว”