มัทธิว 19:1-15

มัทธิว 19:1-15 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้จบก็เสด็จจากแคว้นกาลิลีเข้าไปในเขตยูเดียอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ฝูงชนกลุ่มใหญ่ติดตามพระองค์มาและพระองค์ทรงรักษาพวกเขาที่นั่น พวกฟาริสีบางคนมาทดสอบพระองค์ พวกเขาทูลถามว่า “ผิดบัญญัติหรือไม่ที่ผู้ชายจะขอหย่าภรรยาเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดก็ตาม?” พระองค์ทรงตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือที่ว่าในปฐมกาลพระผู้สร้าง ‘ทรงสร้างพวกเขาเป็นผู้ชายและผู้หญิง’ และกล่าวว่า ‘เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะละจากบิดามารดาของตนไปผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยาและทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน’? ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นสองอีกต่อไปแต่เป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้นที่พระเจ้าทรงผูกพันเข้าด้วยกันแล้วอย่าให้มนุษย์มาพรากจากกันเลย” พวกเขาทูลว่า “ก็แล้วทำไมโมเสสสั่งให้ผู้ชายทำหนังสือหย่าและให้ภรรยาไปได้?” พระเยซูตรัสว่า “โมเสสอนุญาตให้ท่านหย่าภรรยาของท่านเพราะใจของท่านทั้งหลายแข็งกระด้าง แต่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น เราบอกท่านว่าผู้ใดหย่าภรรยาของตนด้วยเหตุอื่นๆ ยกเว้นการผิดศีลธรรมทางเพศ แล้วไปแต่งงานกับหญิงอื่น ชายผู้นั้นก็ล่วงประเวณี” เหล่าสาวกทูลว่า “ถ้าสภาพระหว่างสามีและภรรยาเป็นอย่างนี้ก็อย่าแต่งงานเลยดีกว่า” พระเยซูทรงตอบว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่รับข้อนี้ได้เว้นแต่บรรดาผู้ที่ประทานให้ เพราะบางคนก็เกิดมาเป็นขันที บางคนก็ถูกมนุษย์ทำให้เป็นเช่นนั้น และที่ครองตัวเป็นโสดเพื่ออาณาจักรสวรรค์ก็มี ใครยอมรับเช่นนี้ได้ก็จงรับเถิด” แล้วมีผู้พาเด็กเล็กๆ มาหาพระเยซูเพื่อให้วางพระหัตถ์และอธิษฐานเผื่อ แต่เหล่าสาวกตำหนิผู้ที่พาเด็กๆ มา พระเยซูตรัสว่า “จงให้เด็กเล็กๆ มาหาเรา อย่าขัดขวางเขาเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนที่เป็นเหมือนเด็กเหล่านี้” เมื่อพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนพวกเขาแล้วก็เสด็จไปจากที่นั่น

มัทธิว 19:1-15 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

หลังจาก​ที่​พระเยซู​พูด​เรื่อง​พวกนี้​แล้ว พระองค์​ก็​ออก​จาก​แคว้น​กาลิลี​ไป​ที่​แคว้น​ยูเดีย ที่​อยู่​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน มี​คน​ตาม​พระองค์​ไป​เป็น​จำนวน​มาก และ​พระองค์​รักษา​คนป่วย​ที่​นั่น พวก​ฟาริสี​บางคน​มา​หา​พระองค์​และ​ทดสอบ​พระองค์​โดย​ถาม​ว่า “มัน​ถูก​กฎ​หรือ​เปล่า​ที่​ผู้ชาย​จะ​หย่า​กับ​ภรรยา​ไม่ว่า​ด้วย​เหตุผล​ใด​ก็​ตาม” พระเยซู​ตอบ​ว่า “พวก​คุณ​ไม่​เคย​อ่าน​หรือ​ว่า ‘เมื่อ​เริ่ม​แรก​พระผู้สร้าง​ได้​สร้าง​มนุษย์​เป็น​ชาย​และ​หญิง’ พระองค์​พูด​ว่า ‘ผู้ชาย​จะ​แยก​จาก​พ่อ​แม่​ไป​อยู่​ร่วม​กัน​กับ​ภรรยา​ของ​เขา แล้ว​ทั้ง​สอง​จะ​กลาย​เป็น​คนๆ​เดียว​กัน’ พวก​เขา​จึง​ไม่​ใช่​สอง​คน​อีก​ต่อ​ไป แต่​เป็น​คนๆ​เดียว​กัน ดังนั้น​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ได้​ผูกพัน​เข้า​ด้วย​กัน​แล้ว ก็​อย่า​ให้​ใคร​มา​แยก​ออก​จาก​กัน​เลย” พวก​ฟาริสี​จึง​ถาม​อีก​ว่า “แล้ว​ทำไม​โมเสส​ถึง​สั่ง​ให้​ผู้ชาย​แค่​เขียน​ใบหย่า​ให้​กับ​ภรรยา แล้ว​ก็​หย่า​ได้” พระเยซู​ตอบ​ว่า “โมเสส​อนุญาต​ให้​พวก​คุณ​หย่า​กับ​ภรรยา​ได้ เพราะ​คุณ​ดื้อดึง​ไม่​เชื่อฟัง​คำ​สอน​ของ​พระเจ้า แต่​พระเจ้า​ไม่​ได้​ตั้งใจ​ให้​เป็น​อย่าง​นั้น​ตั้ง​แต่​แรก เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ใคร​ก็​ตาม​ที่​หย่า​กับ​ภรรยา​แล้ว​ไป​แต่งงาน​ใหม่ ก็​ถือ​ว่า​มี​ชู้ นอก​จาก​เขา​จะ​หย่า​เพราะ​ภรรยา​ทำ​บาป​ทางเพศ​เท่านั้น” พวก​ศิษย์​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “ถ้า​นั่น​เป็น​เหตุผล​เดียว​ที่​ผู้ชาย​จะ​หย่า​ภรรยา​ได้ ก็​อย่า​แต่งงาน​เสีย​เลย​จะ​ดี​กว่า” พระเยซู​ตอบ​ว่า “ไม่​ใช่​ผู้ชาย​ทุก​คน​จะ​รับ​คำสอนนี้​ได้ แต่​มี​บางคน​ที่​พระเจ้า​ทำ​ให้​รับ​ได้ มี​หลาย​เหตุผล​ที่​คน​ไม่​แต่งงาน บางคน​เกิด​มา​เป็น​ขันที บางคน​ถูก​จับ​ตอน และ​บาง​คน​ไม่​แต่งงาน​เพราะ​เห็นแก่​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์ ถ้า​ใคร​สามารถ​อยู่​เป็น​โสด​ได้ ก็​ไม่​ควร​แต่ง” มี​คน​พา​เด็ก​เล็กๆ​เข้า​มา เพื่อ​ให้​พระเยซู​วางมือ และ​อธิษฐาน​ให้ แต่​พวก​ศิษย์​ได้​ต่อว่า​คน​พวก​นั้น​ที่​พา​เด็กๆ​มา แต่​พระเยซู​บอก​ว่า “ปล่อย​ให้​พวก​เด็ก​เล็กๆ​เข้า​มา​หา​เรา อย่า​ห้าม​พวก​เขา เพราะ​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เป็น​ของ​คน​ที่​เป็น​เหมือน​กับ​เด็ก​เล็กๆ​พวกนี้” หลัง​จาก​ที่​พระองค์​วางมือ​บน​ตัว​เด็กๆ​แล้ว พระองค์​ก็​ไป​จาก​ที่​นั่น

มัทธิว 19:1-15 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็เสด็จจากแคว้นกาลิลีเข้าไปในเขตแดนแคว้นยูเดียที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน มหาชนติดตามพระองค์ไป และพระองค์ทรงรักษาโรคของเขาทั้งหลายที่นั่น พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์โดยทูลถามว่า “ผู้ชายจะหย่าภรรยาของเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมนั้น ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า ‘เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน’ ด้วยเหตุนี้เขาทั้งสองจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย” พวกเขาจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมโมเสสสั่งให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าได้?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “โมเสสยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยา เพราะใจของท่านแข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า ใครก็ตามที่หย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี เว้นแต่ว่านางเป็นชู้กับชายอื่น” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น ไม่แต่งงานยังจะดีกว่า” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่ใช่ทุกคนจะรับคำสอนนี้ได้ ยกเว้นคนที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น เพราะคนที่เป็นขันทีตั้งแต่เกิดก็มี คนที่มนุษย์ทำให้เป็นขันทีก็มี คนที่ทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มี ใครรับได้ก็ให้รับเอาเถิด” เวลานั้นมีคนพาเด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์วางพระหัตถ์และทรงอธิษฐาน แต่พวกสาวกต่อว่าคนที่พาพวกเขามา พระเยซูตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาเฝ้าเรา อย่าห้ามพวกเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น” เมื่อพระองค์วางพระหัตถ์บนเด็กเหล่านั้นแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่น

มัทธิว 19:1-15 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาเมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว พระองค์​ได้​เสด็จจากแคว้นกาลิลี เข​้าไปในเขตแดนแคว้นยูเดียฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ฝูงชนเป็​นอ​ันมากได้ตามพระองค์​ไป แล​้วพระองค์ทรงรักษาโรคของเขาให้หายที่​นั่น พวกฟาริ​สี​มาทดลองพระองค์ทูลถามว่า “​ผู้​ชายจะหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุใดๆก็​ตาม เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญั​ติ​หรือไม่​” พระองค์​ตรัสตอบเขาว่า “พวกท่านไม่​ได้​อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์​แต่เดิม ‘​ได้​ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง’ และตรั​สว​่า ‘​เพราะเหตุนี้​ผู้​ชายจะจากบิดามารดาของเขา จะไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้​ออ​ันเดียวกัน’ เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่​เป็นเนื้​ออ​ันเดียวกัน เหตุ​ฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพั​นก​ันแล้ว อย่าให้​มนุษย์​ทำให้​พรากจากกันเลย” เขาจึงทูลถามพระองค์​ว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมโมเสสได้สั่งให้ทำหนังสือหย่าให้​ภรรยา แล้วก็​หย่าได้” พระองค์​ตรัสแก่เขาว่า “โมเสสได้​ยอมให้​ท่านทั้งหลายหย่าภรรยาของตน เพราะใจท่านทั้งหลายแข็งกระด้าง แต่​เมื่อเดิมมิ​ได้​เป็นอย่างนั้น ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้​ใดหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุ​ต่างๆ เว้นแต่​เป็นชู้​กับชายอื่นแล้วไปมีภรรยาใหม่​ก็​ผิดประเวณี และผู้ใดรับหญิงที่หย่าแล้​วน​ั้นมาเป็นภรรยาก็​ผิดประเวณี​ด้วย​” พวกสาวกของพระองค์ทูลพระองค์​ว่า “ถ้ากรณีของฝ่ายชายต้องเป็นเช่นนั้​นก​ับภรรยาของเขา การสมรสก็​ไม่ดี​เลย​” พระองค์​ทรงตอบเขาว่า “​มิใช่​ทุ​กคนจะรับประพฤติตามข้อนี้​ได้ เว้นแต่​ผู้​ที่​ทรงให้​ประพฤติ​ได้ ด้วยว่าผู้​ที่​เป็นขั​นที​ตั้งแต่​กำเนิดจากครรภ์มารดาก็​มี ผู้​ที่​มนุษย์​กระทำให้เป็นขั​นที​ก็​มี ผู้​ที่​กระทำตัวเองให้เป็นขั​นที​เพราะเห็นแก่อาณาจักรแห่งสวรรค์​ก็​มี ใครถือได้​ก็​ให้​ถือเอาเถิด” ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้​พระองค์​ทรงวางพระหัตถ์และอธิษฐาน แต่​เหล่​าสาวกก็ห้ามปรามไว้ ฝ่ายพระเยซูตรั​สว​่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์ย่อมเป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น” เมื่อพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเด็กเหล่านั้นแล้ว ก็​เสด็จไปจากที่​นั่น

มัทธิว 19:1-15 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระเยซูตรัสถ้อยคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ได้เสด็จจากแคว้นกาลิลีเข้าไปในเขตแดนแคว้นยูเดีย ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออก ฝูงชนเป็นอันมากได้ตามพระองค์ไป แล้วพระองค์ทรงรักษาโรคของเขาให้หายที่นั่น พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์ทูลถามว่า <<ผู้ชายจะหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุใดๆก็ตาม เป็นการถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<พวกท่านไม่ได้อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิม ได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า เพราะเหตุนั้น บุรุษจึงต้องละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน เขาจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย>> เขาจึงย้อนถามพระองค์ว่า <<ถ้าอย่างนั้นทำไมโมเสสได้สั่งให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าได้>> พระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<โมเสสได้ยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยาของตน เพราะใจท่านทั้งหลายแข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมมิได้เป็นอย่างนั้น ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุต่างๆ เว้นแต่เป็นชู้กับชายอื่น แล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี [และผู้ใดรับหญิงที่หย่าแล้วนั้นมาเป็นภรรยา ก็ผิดประเวณีด้วย]>> พวกสาวกทูลพระองค์ว่า <<ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นสามีภรรยากันเลยก็ดีกว่า>> พระองค์ทรงตอบเขาว่า <<มิใช่ทุกคนจะรับประพฤติตามข้อนี้ได้ เว้นแต่ผู้ที่ทรงให้ประพฤติได้ ด้วยว่าผู้ที่เป็นขันทีตั้งแต่กำเนิดก็มี ผู้ที่มนุษย์กระทำให้เป็นขันทีก็มี ผู้ที่กระทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มี ใครถือได้ก็ให้ถือเอาเถิด>> ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์ทรงวางพระหัตถ์และอธิษฐาน แต่เหล่าสาวกก็ห้ามปรามไว้ ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า <<จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าชาวแผ่นดินสวรรค์เป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น>> เมื่อพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเด็กเหล่านั้นแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่น

มัทธิว 19:1-15 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

เมื่อ​พระ​เยซู​กล่าว​สิ่ง​เหล่า​นั้น​จบ​แล้ว ก็​ไป​จาก​แคว้น​กาลิลี​จนถึง​แคว้น​ยูเดีย คือ​อีก​ฟาก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน มหา​ชน​ยัง​คง​ติดตาม​พระ​องค์​ไป และ​พระ​องค์​รักษา​โรค​ของ​พวก​เขา​ให้​หายขาด​ที่​นั่น พวก​ฟาริสี​บาง​คน​มา​ทดสอบ​พระ​องค์​โดย​ถาม​ว่า “ถูกต้อง​ตาม​กฎ​หรือ​ไม่ ถ้า​ผู้​ชาย​จะ​หย่า​ร้าง​ภรรยา​ด้วย​เหตุผล​ใดๆ ก็​ตาม” พระ​องค์​กล่าว​ตอบ​ว่า “ท่าน​ไม่​เคย​อ่าน​หรือ​ว่า พระ​องค์​ผู้​ได้​สร้าง​มนุษย์​ตั้งแต่​ครั้ง​ปฐมกาล ได้​สร้าง​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง และ​กล่าว​ว่า ‘ด้วย​เหตุ​นี้ ผู้​ชาย​จะ​ละ​จาก​บิดา​มารดา​ของ​เขา​ไป และ​ผูกพัน​อยู่​กับ​ภรรยา​ของ​ตน และ​ทั้ง​สอง​จะ​เป็น​หนึ่ง​เดียวกัน’ ดังนั้น​เขา​ไม่​ใช่​คน​สอง​คน​อีก​ต่อ​ไป แต่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​กัน ฉะนั้น​อะไร​ก็​ตาม​ที่​พระ​เจ้า​ได้​เชื่อม​สัมพันธ์​กัน​แล้ว ก็​อย่า​ให้​ผู้​ใด​แยก​จาก​กัน​เลย” พวก​เขา​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “แล้ว​ทำไม​โมเสส​จึง​ออก​คำ​สั่ง​ให้​ยื่น​ใบ​หย่าร้าง แล้ว​สามารถ​หย่าร้าง​ภรรยา​ได้” พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “เป็น​เพราะ​ความ​แข็ง​กระด้าง​ใน​จิตใจ​ของ​ท่าน โมเสส​จึง​ได้​อนุญาต​ให้​ท่าน​หย่าร้าง​จาก​ภรรยา แต่​มิได้​เป็น​เช่นนั้น​ใน​ปฐมกาล เรา​ขอบอก​ท่าน​ว่า ใคร​ก็​ตามที่​หย่าร้าง​จาก​ภรรยา​ของ​ตน​และ​ไป​สมรส​กับ​หญิง​อื่น​นับว่า​ผิด​ประเวณี ยกเว้น​กรณี​ที่​ภรรยา​ประพฤติ​ผิด​ทาง​เพศ” เหล่า​สาวก​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ถ้า​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ผู้​ชาย​กับ​ภรรยา​เป็น​เช่นนี้ การ​ที่​ไม่​สมรส​ก็​จะ​ดี​กว่า” พระ​องค์​กล่าว​ว่า “มิ​ใช่​ทุก​คน​ที่​สามารถ​รับ​ข้อ​นี้​ได้ มี​เพียง​บาง​คน​ที่​พระ​เจ้า​จะ​ให้​รับ​ได้​เท่า​นั้น เพราะ​มี​พวก​ขันที​ที่​เป็น​แต่​กำเนิด บ้าง​ก็​เป็น​พวก​ที่​มนุษย์​กระทำ​ให้​เป็น และ​บ้าง​ก็​ไม่​สมรส​เพื่อ​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์ ใคร​ที่​สามารถ​รับ​ข้อ​นี้​ได้​ก็​ให้​เขา​รับ​ไป” ครั้น​แล้ว​มี​คน​นำ​เด็กๆ มา​หา​พระ​องค์ เพื่อ​พระ​องค์​จะได้​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​ตัว​พวก​เขา​และ​อธิษฐาน​ให้ แต่​บรรดา​สาวก​ห้าม​ไว้ พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “ปล่อย​ให้​เด็กๆ มา​หา​เรา​เถิด อย่า​ห้าม​พวก​เขา​เลย เพราะ​ว่า​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เป็น​ของ​คน​อย่าง​เด็ก​เหล่า​นี้” หลัง​จาก​พระ​องค์​ได้​วาง​มือ​ทั้ง​สอง​บน​ตัว​พวก​เขา และ​อธิษฐาน​ให้ แล้ว​พระ​องค์​ก็​จาก​ที่​นั่น​ไป