มัทธิว 15:21-39
มัทธิว 15:21-39 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากอย่างยิ่ง” พระองค์ไม่ทรงตอบนางสักคำเดียว และสาวกทั้งหลายของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเสียเถิด เพราะนางร้องตามเรามา” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไม่ได้รับใช้มาหาใคร เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” หญิงนั้นก็มากราบและทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “การเอาอาหารของลูกโยนให้กับสุนัขก็ไม่สมควร” ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเศษที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” แล้วพระเยซูตรัสตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย ความเชื่อของท่านก็มาก ให้เป็นไปตามความต้องการของท่านเถิด” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่เวลานั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาและประทับที่นั่น มหาชนมาเฝ้าพระองค์ และพาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ หลายๆ คน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย ฝูงชนก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วพวกเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล พระเยซูทรงเรียกสาวกทั้งหลายของพระองค์มา ตรัสว่า “เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะเขาทั้งหลายค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่ต้องการส่งพวกเขาไปเมื่อยังอดโซอยู่ กลัวว่าพวกเขาจะสิ้นแรงลงตามทาง” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงฝูงชนมากเท่านี้ให้อิ่มได้?” พระเยซูจึงตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ สองสามตัว” พระองค์จึงมีรับสั่งให้ฝูงชนนั่งลงบนพื้น แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อน และปลาเหล่านั้นมา เมื่อขอบพระคุณแล้ว ก็ทรงหักและทรงส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ เหล่าสาวกก็แจกให้ฝูงชน และทุกคนได้รับประทานจนอิ่ม อาหารที่เหลือนั้น พวกเขาเก็บได้เจ็ดกระบุงเต็ม พวกที่รับประทานอาหารนั้น มีผู้ชายสี่พันคนไม่รวมผู้หญิงและเด็ก เมื่อทรงส่งฝูงชนไปแล้ว ก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตเมืองมากาดาน
มัทธิว 15:21-39 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระเยซูออกจากที่นั่น และเข้าไปยังเขตแดนเมืองไทระ และเมืองไซดอน หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้น ได้เข้ามาร้องบอกพระองค์ว่า “องค์เจ้าชีวิต บุตรของดาวิด สงสารฉันด้วยเถอะ ลูกสาวของฉันถูกผีสิง เธอทนทุกข์ทรมานมาก” พระเยซูไม่ได้ตอบเธอเลยสักคำ พวกศิษย์เข้ามายุพระองค์ว่า “ไล่เธอไปเถอะครับ น่ารำคาญ ร้องตะโกนตามตื๊ออยู่ได้” พระเยซูตอบผู้หญิงคนนั้นว่า “พระเจ้าส่งเรามาช่วยเฉพาะคนอิสราเอลที่เป็นเหมือนแกะที่หลงทางของพระองค์” เธอจึงเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าพระเยซู และพูดว่า “องค์เจ้าชีวิต ช่วยฉันด้วยเถิด” พระเยซูจึงตอบว่า “มันไม่ถูกต้องหรอกนะ ที่จะเอาอาหารของลูกๆไปโยนให้หมากิน” หญิงคนนั้นตอบว่า “ใช่ค่ะ แต่หมาก็ยังได้กินเศษอาหารที่หล่นจากโต๊ะของนายมันนะคะ” พระเยซูตอบว่า “เธอนี่มีความเชื่อมากจริงๆ เธอขออะไรก็ให้เป็นไปตามนั้น” แล้วลูกสาวของนางก็หายเป็นปกติทันที พระเยซูออกจากที่นั่น เดินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลีและขึ้นไปบนภูเขา แล้วนั่งพักอยู่บนนั้น มีฝูงชนจำนวนมากมาหาพระเยซู พวกเขาพาคนง่อย คนตาบอด คนพิการ คนใบ้ และคนที่เป็นโรคอื่นๆอีกมากมายมาด้วย และเอามาวางนอนอยู่ที่เท้าของพระองค์ แล้วพระองค์ได้รักษาทุกคนจนหายหมด ผู้คนต่างก็พากันประหลาดใจ เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการก็หาย คนขาเป๋เดินได้ และคนตาบอดก็มองเห็น ทุกคนต่างพากันสรรเสริญพระเจ้าของอิสราเอล พระเยซูเรียกพวกศิษย์ของพระองค์มา แล้วพูดว่า “สงสารคนพวกนี้จริงๆเพราะเขาอยู่ที่นี่กับเรามาสามวันแล้ว และไม่มีอะไรกินด้วย ไม่อยากจะส่งพวกเขากลับไปทั้งๆที่ยังหิวอยู่ อาจจะไปเป็นลมกลางทางได้” พวกศิษย์จึงพูดว่า “ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งอย่างนี้ จะไปเอาอาหารที่ไหนมาเลี้ยงคนตั้งมากมายขนาดนี้ได้ล่ะครับ” พระเยซูถามว่า “พวกคุณมีขนมปังอยู่กี่ก้อน” พวกศิษย์ตอบว่า “เจ็ดก้อนกับปลาตัวเล็กๆอีกไม่กี่ตัว” พระเยซูบอกให้ฝูงชนนั่งลงกับพื้น พระองค์เอาขนมปังทั้งเจ็ดก้อนและปลามา ขอบคุณพระเจ้า แล้วหักขนมปังและปลาส่งให้พวกศิษย์ พวกศิษย์ก็เอาไปแจกให้กับฝูงชนกินกัน เมื่อทุกคนกินอิ่มแล้ว พวกศิษย์เก็บเศษอาหารที่เหลือได้เจ็ดเข่งเต็มๆ นับผู้ชายที่กินอยู่ที่นั่นได้สี่พันคน ไม่รวมผู้หญิงและเด็ก หลังจากที่พระเยซูส่งทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว พระองค์ก็ลงเรือไปแคว้นมากาดาน
มัทธิว 15:21-39 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
แล้วพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่นเข้าไปในเขตแดนเมืองไทระและเมืองไซดอน ดูเถิด มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า “โอ พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก” ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า “ไล่เธอไปเสียเถิด เพราะเธอร้องตามเรามา” พระองค์ตรัสตอบว่า “เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล” ฝ่ายหญิงนั้นก็มานมัสการพระองค์ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด” พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร” ผู้หญิงนั้นทูลว่า “จริงพระองค์เจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน” แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “โอ หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด” และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทับที่นั่น และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนตาบอด คนใบ้ คนพิการ และคนเจ็บอื่นๆหลายคนมาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนเหล่านั้นจึงอัศจรรย์ใจนักเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มาตรัสว่า “เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนเป็นอันมากนี้ให้อิ่มได้” พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว” พระองค์จึงสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดิน แล้วพระองค์ทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนและปลาเหล่านั้นมาขอบพระคุณ แล้วจึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ เหล่าสาวกก็แจกให้ประชาชน และคนทั้งปวงได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้น เขาเก็บได้เจ็ดกระบุงเต็ม ผู้ที่ได้รับประทานอาหารนั้นมีผู้ชายสี่พันคน มิได้นับผู้หญิงและเด็ก พระองค์ตรัสสั่งให้ประชาชนไปแล้ว ก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตเมืองมักดาลา
มัทธิว 15:21-39 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
แล้วพระเยซูเสด็จจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า <<พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่ เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก>> ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาทูลพระองค์ว่า <<ไล่เขาไปเสียเถิด เพราะเขาร้องตามเรามา>> พระองค์ตรัสตอบว่า <<เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล>> ฝ่ายหญิงนั้นก็มากราบทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด>> พระองค์จึงตรัสตอบว่า <<ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร>> ผู้หญิงนั้นทูลว่า <<จริงเจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน>> แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด>> และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทับที่นั่น และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆหลายคน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนเหล่านั้นจึงอัศจรรย์ใจนัก เมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนแขนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มา ตรัสว่า <<เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง>> พวกสาวกทูลพระองค์ว่า <<ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้>> พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านมีขนมปังกี่ก้อน>> เขาทูลว่า <<มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว>> พระองค์จึงสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดิน แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อน และปลาเหล่านั้นมาโมทนาพระคุณแล้ว จึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ เหล่าสาวกก็แจกให้ประชาชน และคนทั้งปวงได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้น เขาเก็บได้เจ็ดตะกร้า ผู้ที่ได้รับประทานอาหารนั้น มีผู้ชายสี่พันคนมิได้นับผู้หญิงและเด็ก พระองค์ตรัสสั่งให้ประชาชนไปแล้ว ก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตเมืองมากาดาน
มัทธิว 15:21-39 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
จากที่นั่นพระเยซูเสด็จเข้าสู่เขตเมืองไทระและเมืองไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากละแวกนั้นมาร้องทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาข้าพระองค์ด้วยเถิด! ลูกสาวของข้าพระองค์ถูกผีสิงทรมานเหลือเกิน” พระเยซูไม่ทรงตอบนางสักคำ เหล่าสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ไล่นางไปเถิดเพราะนางมาร้องเซ้าซี้เรา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะหลงของอิสราเอลเท่านั้น” หญิงนั้นมาคุกเข่าทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย!” พระองค์ตรัสตอบว่า “ที่จะเอาอาหารของลูกโยนให้สุนัขก็ไม่ถูกต้อง” หญิงนั้นทูลว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขยังได้กินเศษอาหารที่หล่นจากโต๊ะของนาย” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “หญิงเอ๋ย เจ้ามีความเชื่อยิ่งใหญ่นัก! ให้เป็นไปตามที่เจ้าขอเถิด” และบุตรสาวของนางก็หายป่วยในขณะนั้นเอง พระเยซูเสด็จจากที่นั่นไปตามชายฝั่งทะเลกาลิลี แล้วทรงขึ้นไปบนเนินเขาและประทับนั่ง ผู้คนมากมายมาเข้าเฝ้าพระองค์ นำคนง่อย คนตาบอด คนพิการ คนใบ้ และคนป่วยอื่นๆ หลายคนมาวางแทบพระบาท และพระองค์ก็ทรงรักษาพวกเขา ประชาชนล้วนประหลาดใจเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ และคนตาบอดมองเห็น เขาทั้งหลายพากันสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูทรงเรียกเหล่าสาวกของพระองค์มาและตรัสว่า “เราสงสารคนเหล่านี้เพราะเขามาอยู่กับเราสามวันแล้วและไม่มีอะไรรับประทาน เราไม่อยากให้พวกเขากลับไปทั้งที่ยังหิวอยู่ พวกเขาอาจจะหมดแรงกลางทาง” เหล่าสาวกทูลว่า “ในที่กันดารอย่างนี้จะหาขนมปังที่ไหนมาพอเลี้ยงคนมากมายเช่นนี้?” พระเยซูตรัสถามว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ สองสามตัว” พระองค์ทรงบอกฝูงชนให้นั่งลงที่พื้น แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนกับปลามา เมื่อทรงขอบพระคุณพระเจ้าแล้วก็หักส่งให้เหล่าสาวก พวกเขาจึงแจกให้ประชาชน ทุกคนได้รับประทานจนอิ่ม หลังจากนั้นเหล่าสาวกเก็บเศษที่เหลือได้เจ็ดตะกร้าเต็ม จำนวนผู้ที่รับประทานอาหารนั้นมีสี่พันคนยังไม่นับผู้หญิงและเด็ก เมื่อพระเยซูทรงให้ฝูงชนกลับไปแล้วก็เสด็จลงเรือไปยังละแวกมากาดาน
มัทธิว 15:21-39 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระเยซูไปจากสถานที่นั้น และไปยังเขตเมืองไทระและไซดอน มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากชายแดนนั้นส่งเสียงร้องว่า “พระองค์ท่าน บุตรของดาวิด โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วย ลูกสาวของข้าพเจ้าถูกมารสิงจนแย่แล้ว” พระองค์ไม่ตอบนางสักคำเดียว บรรดาสาวกของพระองค์มาขอร้องพระองค์ว่า “โปรดขับไล่นางไปเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามพวกเรามา” พระองค์กล่าวตอบว่า “พระเจ้าส่งเรามายังชนชาติอิสราเอลเท่านั้น เพราะพวกเขาเป็นเสมือนฝูงแกะที่หลงหาย” นางมาก้มกราบเบื้องหน้าพระองค์แล้วกล่าวว่า “พระองค์ท่าน โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย” พระองค์กล่าวตอบว่า “การที่จะเอาอาหารของเด็กๆ โยนให้พวกสุนัขนั้นไม่ถูกต้อง” นางพูดว่า “ใช่แล้ว พระองค์ท่าน แต่ว่าแม้พวกสุนัขก็ยังกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนายมัน” พระเยซูกล่าวตอบนางว่า “หญิงเอ๋ย เจ้ามีความเชื่อสูงส่ง จงเป็นไปตามที่เจ้าต้องการเถิด” ครั้นแล้วลูกสาวของนางก็หายดีเป็นปกติทันที พระเยซูจากที่นั่นไปตามริมทะเลสาบกาลิลี แล้วขึ้นไปนั่งอยู่บนภูเขา มหาชนพาคนง่อย คนพิการ คนตาบอด คนใบ้และอื่นๆ อีกมากมาหาพระองค์ พวกเขานำคนเหล่านั้นมาอยู่ที่แทบเท้าของพระองค์ แล้วพระองค์ก็รักษาพวกเขาให้หายขาด ฝูงชนพากันอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็น และเขาเหล่านั้นก็สรรเสริญพระเจ้าของอิสราเอล พระเยซูเรียกบรรดาสาวกของพระองค์มาหาและกล่าวว่า “เราสงสารบรรดาฝูงชน เพราะพวกเขาอยู่กับเรามาได้ 3 วันแล้วโดยไม่มีอะไรรับประทาน เราไม่อยากให้เขาเดินหิวกลับบ้านไป เขาอาจจะเป็นลมระหว่างทางก็ได้” บรรดาสาวกพูดกับพระองค์ว่า “ในที่กันดารเช่นนี้ พวกเราจะเอาขนมปังจากไหนมาเลี้ยงฝูงชนจำนวนมากได้” พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ามีขนมปังกี่ก้อน” เขาตอบว่า “7 ก้อนกับปลาเล็กๆ อีกสองสามตัว” ครั้นแล้วพระองค์ก็สั่งฝูงชนให้นั่งลงบนพื้นดิน พระองค์หยิบขนมปัง 7 ก้อนกับปลานั้นมา และกล่าวขอบคุณพระเจ้า บิส่งให้เหล่าสาวก แล้วพวกเขาก็แจกให้แก่ฝูงชน ทุกคนรับประทานจนอิ่มหนำ พวกเขารวบรวมอาหารที่เหลือได้เต็ม 7 ตะกร้าใหญ่ ผู้ที่รับประทานอาหารเป็นผู้ชาย 4,000 คน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก พระองค์บอกให้ฝูงชนกลับไปบ้าน แล้วก็ลงเรือไปยังเขตเมืองมากาดาน