มัทธิว 13:34-56

มัทธิว 13:34-56 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ข้อความทั้งหมดนี้ พระองค์ตรัสกับฝูงชนเป็นอุปมา และนอกจากอุปมา พระองค์ไม่ได้ตรัสกับพวกเขาเลย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่กล่าวโดยผู้เผยพระวจนะว่า “เราจะอ้าปากกล่าวอุปมา เราจะกล่าวข้อความ ซึ่งปิดซ่อนไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างโลก” แล้วพระเยซูเสด็จไปจากฝูงชนเข้าไปในบ้าน พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ทูลว่า “ขอพระองค์โปรดอธิบายให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าใจอุปมาเรื่องข้าวละมานในนานั้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “ผู้หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้แก่บุตรมนุษย์ และนานั้นได้แก่โลก ส่วนเมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย ศัตรูผู้หว่านเมล็ดพืชเลวได้แก่มารนั้น ฤดูเกี่ยวได้แก่เวลาสิ้นยุค และผู้เกี่ยวทั้งหลายนั้นได้แก่ทูตสวรรค์ เพราะฉะนั้นเขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร เมื่อเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น บุตรมนุษย์จะใช้บรรดาทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และพวกผู้ที่ทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน และจะทิ้งลงในเตาไฟที่ลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เวลานั้นบรรดาคนชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในแผ่นดินพระบิดาของพวกเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมีหูจงฟังเถิด “แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความยินดีจึงไปขายทุกสิ่งที่เขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น “อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกอย่างดี และเมื่อพบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายทุกสิ่งซึ่งเขามีอยู่ ไปซื้อไข่มุกนั้น “อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนอวนที่ลากอยู่ในทะเล ติดปลามาทุกชนิด เมื่อเต็มแล้วเขาก็ลากขึ้นฝั่ง นั่งเลือกเอาแต่ที่ดีใส่ตะกร้า แต่ที่ไม่ดีนั้นก็ทิ้งเสีย ในเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหลายจะออกมาแยกพวกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม แล้วจะทิ้งลงในเตาไฟที่ลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” “ข้อความเหล่านี้ท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วหรือ?” พวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “เข้าใจพระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เพราะเหตุนี้พวกธรรมาจารย์ทุกคน ที่ได้เรียนรู้ถึงแผ่นดินสวรรค์แล้ว ก็เป็นเหมือนเจ้าของบ้านที่เอาทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน” เมื่อพระเยซูตรัสอุปมาเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่น เมื่อเสด็จมาถึงตำบลบ้านของพระองค์แล้ว ก็ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา จนคนทั้งหลายประหลาดใจแล้วพูดกันว่า “คนนี้ได้สติปัญญาและฤทธิ์เดชนี้มาจากไหน? คนนี้เป็นลูกช่างไม้ แม่ของเขาชื่อมารีย์ไม่ใช่หรือ? น้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาสไม่ใช่หรือ? และน้องสาวทั้งหมดก็อยู่กับเราไม่ใช่หรือ? เขาได้สิ่งทั้งหมดนี้มาจากไหน?”

มัทธิว 13:34-56 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พระเยซู​เล่า​เรื่อง​พวกนี้​ให้​ฟัง และ​ใช้​เรื่อง​เปรียบ​เทียบ​ทั้งหมด ไม่​มี​สัก​เรื่อง​เลย ที่​ไม่​ได้​ใช้​เรื่อง​เปรียบเทียบ​เล่า ซึ่ง​ก็​เป็น​จริง​ตาม​ที่​ผู้พูดแทนพระเจ้า​พูด​ไว้​ว่า “เรา​จะ​พูด​ออก​มา​เป็น​เรื่อง​เปรียบเทียบ เรา​จะ​พูด​ถึง​ความลับ​ที่​ถูก​ปกปิด​ไว้​ตั้งแต่​สร้าง​โลก​มา” พระเยซู​จาก​ฝูงชน​มา แล้ว​เข้า​ไป​ใน​บ้าน พวก​ศิษย์​เข้า​มา​บอก​พระองค์​ว่า “ช่วย​อธิบาย​เรื่อง​ต้น​วัชพืช​ใน​นา​นั้น​ให้​หน่อย​ครับ” พระองค์​ตอบ​ว่า “คน​ที่​หว่าน​เมล็ด​พืชพันธุ์​ดี​คือ บุตรมนุษย์ ไร่นา​คือ​โลกนี้ เมล็ด​พืชพันธุ์​ดี​คือ​คน​ของ​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า ต้น​วัชพืช​คือ​คน​ของ​มารร้าย ศัตรู​ที่​เข้า​มา​หว่าน​วัชพืช​คือ​มารร้าย ฤดู​เก็บเกี่ยว​คือ​วัน​สิ้น​ยุค และ​พวก​คน​งาน​ที่​เก็บเกี่ยว​ก็​คือ​พวก​ทูตสวรรค์ ต้น​วัชพืช​ถูก​ถอน​ไป​เผา​ไฟ​อย่างไร เมื่อ​วัน​สิ้น​ยุค​มา​ถึง​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น บุตรมนุษย์​จะ​ส่ง​ทูตสวรรค์​ของ​พระองค์​ออก​ไป​รวบรวม​ทุก​อย่าง​ที่​ทำ​ให้​คน​ทำ​บาป​และ​คน​ที่​ทำ​ชั่ว ให้​ออก​ไป​จาก​อาณาจักร​ของ​พระองค์ ทูตสวรรค์​จะ​เอา​คน​พวกนี้ ไป​โยน​ลง​ใน​เตาไฟ​ที่​ร้อนแรง ที่​มี​แต่​เสียง​ร้องไห้​โหยหวน​อย่าง​เจ็บปวด แล้ว​คน​ที่​ทำ​ตามใจ​พระเจ้า​ก็​จะ​ส่อง​สว่าง​เหมือน​กับ​ดวง​อาทิตย์​ใน​อาณาจักร​ของ​พระบิดา​ของ​พวก​เขา ใคร​มี​หู ก็​ฟัง​ไว้​ให้​ดี” “อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เหมือน​กับ​ทรัพย์​สมบัติ​ที่​ซ่อน​ไว้​ใน​ทุ่งนา เมื่อ​มี​คน​มา​พบ​เข้า​ก็​เอา​ไป​ซ่อน​ไว้​เหมือน​เดิม และ​ด้วย​ความ​ดีใจ​จึง​ไป​ขาย​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ที่​เขา​มี แล้ว​ไป​ซื้อ​ที่​นา​นั้น” “อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เหมือน​พ่อค้า​ที่​ไป​หา​ไข่มุก​เม็ด​งาม เมื่อ​ได้​พบ​ไข่มุก​ที่​มี​ค่า​มหาศาล​เม็ด​หนึ่ง จึง​ไป​ขาย​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง​ที่​เขา​มี และ​ไป​ซื้อ​ไข่มุก​เม็ด​นั้น” “อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เหมือน​อวน​ที่​ทอด​อยู่​ใน​ทะเลสาบ​และ​จับ​ปลา​ได้​หลาย​ชนิด เมื่อ​อวน​เต็ม ก็​ลาก​อวน​ขึ้น​ฝั่ง นั่ง​เลือก​แต่​ปลา​ที่​ดีๆ​ใส่​เข่ง และ​โยน​ปลา​ที่​ไม่​ดี​ทิ้ง​ไป ใน​วัน​สิ้น​ยุค​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น เหล่า​ทูตสวรรค์​จะ​ออก​มา​แยก​พวก​คนชั่ว​ออก​จาก​พวก​คนดี แล้ว​จะ​โยน​พวก​คนชั่ว​ลง​ใน​เตาไฟ​ที่​ร้อนแรง​ที่​มี​แต่​เสียง​ร้องไห้​โหยหวน​อย่าง​เจ็บปวด” “ทั้งหมด​ที่​เรา​พูด​มา​นี้ พวก​คุณ​เข้าใจ​แล้ว​หรือ​ยัง” พวก​ศิษย์​ตอบ​ว่า “เข้าใจ​แล้ว​ครับ” พระเยซู​จึง​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ทุก​คน ที่​ได้​เรียนรู้​ถึง​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​แล้ว ก็​เหมือน​เจ้าของ​บ้าน​คน​หนึ่ง ที่​ได้​เอา​สมบัติ​ทั้ง​เก่า​และ​ใหม่​ออก​มา​จาก​ห้อง​เก็บ​ของ” เมื่อ​พระเยซู​เล่า​เรื่อง​เปรียบเทียบ​พวกนี้​เสร็จ​แล้ว พระองค์​ได้​ไป​จาก​ที่​นั่น กลับ​ไป​ที่​บ้าน​เมือง​ของ​พระองค์ แล้ว​เริ่ม​สอน​คน​ใน​ที่​ประชุม​ชาว​ยิว พวก​เขา​ก็​ทึ่ง​และ​ถาม​กัน​ว่า “ไอ้​หมอ​นี่​ไป​ได้​สติปัญญา​และ​ฤทธิ์​อำนาจ​ใน​การ​ทำ​เรื่อง​อัศจรรย์นี้​มา​จาก​ไหน​กัน นี่​มัน​ลูก​ช่างไม้​ไม่​ใช่​หรือ มี​แม่​ชื่อ​มารีย์ มี​น้องชาย​ชื่อ​ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และ​ยูดาส ไม่​ใช่​หรือ น้องสาว​ทุก​คน​ของ​มัน​ก็​อยู่​เมือง​เดียว​กับ​พวก​เรา​ด้วย​ไม่​ใช่​หรือ แล้ว​มัน​ไป​ได้​สติปัญญา​และ​ฤทธิ์​อำนาจ​อย่างนี้​มา​จาก​ที่​ไหน”

มัทธิว 13:34-56 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ข้อความเหล่านี้​ทั้งสิ้น พระเยซู​ตรัสกับหมู่ชนเป็นคำอุปมา และนอกจากคำอุปมา พระองค์​มิได้​ตรัสกับเขาเลย ทั้งนี้​เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสโดยศาสดาพยากรณ์​ว่า ‘เราจะอ้าปากกล่าวคำอุปมา เราจะกล่าวข้อความซึ่งปิดซ่อนไว้​ตั้งแต่​เดิมสร้างโลก’ แล​้วพระเยซูจึงทรงให้ฝูงชนเหล่านั้นจากไปและเสด็จเข้าไปในเรือน พวกสาวกของพระองค์​ก็​มาเฝ้าพระองค์ทูลว่า “ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายให้พวกข้าพระองค์​เข​้าใจคำอุปมาที่ว่าด้วยข้าวละมานในนานั้น” พระองค์​ตรัสตอบเขาว่า “​ผู้​หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้​แก่​บุ​ตรมนุษย์ นาน​ั้นได้​แก่​โลก ส่วนเมล็ดพืชดี​ได้แก่​ลูกหลานแห่งอาณาจั​กร แต่​ข้าวละมานได้​แก่​ลูกหลานของมารร้าย ศัตรู​ผู้​หว่านข้าวละมานได้​แก่​พญามาร ฤดู​เก​ี่ยวได้​แก่​การสิ้นสุดของโลกนี้ และผู้​เก​ี่ยวนั้นได้​แก่​พวกทูตสวรรค์ เหตุ​ฉะนั้น เขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร ในการสิ้นสุดของโลกนี้​ก็​จะเป็นอย่างนั้น บุ​ตรมนุษย์จะใช้พวกทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่​ทำให้​หลงผิด และบรรดาผู้​ที่​ทำความชั่วช้าไปจากอาณาจักรของท่าน และจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่​นั่นจะมี​การร้องไห้​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คราวนั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในอาณาจักรพระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมี​หู​จงฟังเถิด อี​กประการหนึ่ง อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่​อม​ี​ผู้​ใดพบแล้​วก​็​กล​ับซ่อนเสี​ยอ​ีก และเพราะความปรี​ดี​จึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามี​อยู่ แล​้วไปซื้อทุ่งนานั้น อี​กประการหนึ่ง อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่​มุ​กอย่างดี ซึ่งเมื่อได้พบไข่​มุ​กเม็ดหนึ่​งม​ีค่ามาก ก็​ไปขายสิ่งสารพัดซึ่งเขามี​อยู่ ไปซื้อไข่​มุ​กนั้น อี​กประการหนึ่ง อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนอวนที่ลากอยู่ในทะเล ติ​ดปลารวมทุกชนิด ซึ่งเมื่อเต็มแล้วเขาก็ลากขึ้นฝั่งนั่งเลือกเอาแต่​ที่​ดี​ใส่​ในภาชนะ แต่​ที่​ไม่ดี​นั้​นก​็ทิ้งเสีย ในการสิ้นสุดของโลกก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ พวกทูตสวรรค์จะออกมาแยกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม แล​้วจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่​นั่นจะมี​การร้องไห้​ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน​” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “ข้อความเหล่านี้ท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วหรือ” เขาทูลตอบพระองค์​ว่า “​เข้าใจ พระเจ้าข้า” ฝ่ายพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เพราะฉะนั้นพวกธรรมาจารย์​ทุ​กคนที่​ได้​รับการสั่งสอนถึงอาณาจักรแห่งสวรรค์​แล้ว ก็​เป็นเหมือนเจ้าของบ้านที่เอาทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน” ต่อมาเมื่อพระเยซู​ได้​ตรัสคำอุปมาเหล่านี้เสร็จแล้ว พระองค์​ก็​เสด็จไปจากที่​นั่น เมื่อพระองค์เสด็จมาถึ​งบ​้านเมืองของพระองค์​แล้ว พระองค์​ก็​สั่งสอนในธรรมศาลาของเขา จนคนทั้งหลายประหลาดใจแล้วพู​ดก​ั​นว​่า “คนนี้​มีสติ​ปัญญาและการอิทธิ​ฤทธิ์​อย่างนี้​มาจากไหน คนนี้เป็นลูกช่างไม้​มิใช่​หรือ มารดาของเขาชื่อมารีย์​มิใช่​หรือ และน้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเสส ซี​โมน และยูดาสมิ​ใช่​หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็​อยู่​กับเรามิ​ใช่​หรือ เขาได้​สิ​่งทั้งปวงเหล่านี้มาจากไหน”

มัทธิว 13:34-56 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ข้อความเหล่านี้ทั้งสิ้น พระองค์ตรัสกับหมู่ชนเป็นคำอุปมา และนอกจากคำอุปมา พระองค์มิได้ตรัสกับเขาเลย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะ ที่ตรัสโดยผู้เผยพระวจนะว่า เราจะอ้าปากกล่าวคำอุปมา เราจะกล่าวข้อความ ซึ่งปิดซ่อนไว้ตั้งแต่เดิมสร้างโลก แล้วพระเยซูเสด็จไปจากคนเหล่านั้นเข้าไปในเรือน พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ทูลว่า <<ขอพระองค์ทรงโปรดอธิบายให้พวกข้าพระองค์เข้าใจคำอุปมาที่ว่าด้วยข้าวละมานในนานั้น>> พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<ผู้หว่านเมล็ดพืชดีนั้นได้แก่บุตรมนุษย์ และนานั้นได้แก่โลก ส่วนเมล็ดพืชดีได้แก่พลเมืองแห่งแผ่นดินของพระเจ้า แต่ข้าวละมานได้แก่พลเมืองของมารร้าย ศัตรูผู้หว่านเมล็ดพืชชั่วได้แก่มารนั้น ฤดูเกี่ยวได้แก่เวลาสิ้นยุค และผู้เกี่ยวนั้นได้แก่ทูตสวรรค์ เหตุฉะนั้นเขาเก็บข้าวละมานเผาไฟเสียอย่างไร เมื่อเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น บุตรมนุษย์จะใช้ทูตของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และบรรดาผู้ที่กระทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน และจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คราวนั้นผู้ชอบธรรมจะส่องแสงอยู่ในแผ่นดินพระบิดาของเขาดุจดวงอาทิตย์ ใครมีหูจงฟังเถิด <<แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้ได้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความปรีดีจึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น <<อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกอย่างดี และเมื่อได้พบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายสิ่งสารพัดซึ่งเขามีอยู่ ไปซื้อไข่มุกนั้น <<อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนอวนที่ลากอยู่ในทะเล ติดปลารวมทุกชนิด เมื่อเต็มแล้วเขาก็ลากขึ้นฝั่ง นั่งเลือกเอาแต่ที่ดีใส่ตะกร้า แต่ที่ไม่ดีนั้นก็ทิ้งเสีย ในเวลาสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น พวกทูตสวรรค์จะออกมาแยกคนชั่วออกจากคนชอบธรรม แล้วจะทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโพลง ที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน <<ข้อความเหล่านี้ท่านทั้งหลายเข้าใจแล้วหรือ>> เขาทูลตอบพระองค์ว่า <<เข้าใจพระเจ้าข้า>> ฝ่ายพระองค์ตรัสกับเขาว่า <<เพราะฉะนั้นพวกธรรมาจารย์ทุกคน ที่ได้เรียนรู้ถึงแผ่นดินพระเจ้าแล้ว ก็เป็นเหมือนเจ้าของบ้านที่เอาทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน>> เมื่อพระเยซูได้ตรัสคำเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่น เมื่อเสด็จมาถึงตำบลบ้านของพระองค์แล้ว ก็สั่งสอนในธรรมศาลาของเขา จนคนทั้งหลายประหลาดใจแล้วพูดกันว่า <<คนนี้มีสติปัญญาและฤทธิ์มหัศจรรย์อย่างนี้มาจากไหน คนนี้เป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ มีแม่ชื่อมารีย์ และน้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาสมิใช่หรือ และน้องสาวก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาได้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้มาจากไหน>>

มัทธิว 13:34-56 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ทั้งหมดนี้พระเยซูตรัสแก่ฝูงชนเป็นคำอุปมา พระองค์ไม่ได้ตรัสสิ่งใดกับพวกเขาเลยนอกจากคำอุปมา ทั้งนี้เป็นจริงตามที่กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “ข้าพเจ้าจะเอื้อนเอ่ยคำอุปมา จะเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ตั้งแต่ครั้งทรงสร้างโลก” จากนั้นทรงละฝูงชนเข้าไปในบ้าน เหล่าสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ขอทรงอธิบายคำอุปมาเรื่องวัชพืชด้วยเถิด” พระเยซูตรัสตอบว่า “ผู้ที่หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรมนุษย์ นาคือโลก เมล็ดพันธุ์ดีหมายถึงพลเมืองของอาณาจักรของพระเจ้า ส่วนวัชพืชหมายถึงพลเมืองของมาร ศัตรูที่หว่านวัชพืชนั้นคือมาร เวลาเก็บเกี่ยวคือเมื่อสิ้นยุค และผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์ “วัชพืชถูกถอนมาเผาไฟอย่างไร เมื่อสิ้นยุคก็จะเป็นอย่างนั้น บุตรมนุษย์จะส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มากำจัดทุกสิ่งอันเป็นต้นเหตุของบาปและกำจัดทุกคนที่ทำชั่วออกจากอาณาจักรของพระองค์ แล้วโยนลงในเตาไฟลุกโชนที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วผู้ชอบธรรมจะส่องสว่างเหมือนดวงตะวันในอาณาจักรของพระบิดาของพวกเขา ใครมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด” “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา เมื่อมีผู้พบเข้าก็กลับซ่อนไว้และด้วยความตื่นเต้นยินดีจึงไปขายทุกสิ่งที่มีแล้วมาซื้อทุ่งนานั้น “อนึ่งอาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม เมื่อเขาได้พบไข่มุกล้ำค่าเม็ดหนึ่งจึงไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อไข่มุกนั้น “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้กับอวนซึ่งทอดลงในทะเลและจับปลาได้สารพัดชนิด พอเต็มแล้วชาวประมงก็ลากอวนขึ้นฝั่งแล้วคัดเอาแต่ปลาที่ดีใส่ตะกร้า ส่วนที่ไม่ดีก็ทิ้งไป เมื่อสิ้นยุคก็จะเป็นเช่นนี้ คือทูตสวรรค์จะมาแยกคนชั่วช้าออกจากคนชอบธรรม และนำไปทิ้งลงในเตาไฟอันลุกโชนที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” พระเยซูตรัสถามว่า “ทั้งหมดนี้พวกท่านเข้าใจหรือไม่?” พวกเขาทูลตอบว่า “เข้าใจพระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสว่า “เพราะฉะนั้นธรรมาจารย์ทุกคนที่รับคำสอนเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์ก็เป็นเหมือนเจ้าของบ้านซึ่งนำสมบัติใหม่และสมบัติเก่าออกมาจากคลังของตน” เมื่อพระเยซูตรัสคำอุปมาเหล่านี้จบแล้วก็เสด็จออกจากที่นั่น เมื่อมาถึงบ้านเกิดของพระองค์ พระองค์ทรงสั่งสอนประชาชนในธรรมศาลาและพวกเขาก็ประหลาดใจและพูดกันว่า “คนนี้ได้สติปัญญาและฤทธิ์อำนาจอัศจรรย์เหล่านี้มาจากไหน? เขาเป็นลูกช่างไม้ไม่ใช่หรือ? แม่ของเขาชื่อมารีย์และน้องชายของเขาคือยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาส ไม่ใช่หรือ?” น้องสาวของเขาทุกคนก็อยู่กับเราไม่ใช่หรือ? แล้วเขาได้สิ่งเหล่านี้มาจากไหนกัน?

มัทธิว 13:34-56 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

พระ​เยซู​เล่า​เรื่อง​เหล่า​นี้​ให้​ฝูง​ชน​ฟัง​เป็น​อุปมา พระ​องค์​ไม่​ได้​กล่าว​สิ่งใด​โดย​ไม่​ใช้​คำ​อุปมา​ให้​พวก​เขา​ฟัง เพื่อ​เป็นไป​ตามที่​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​กล่าวไว้​คือ “เรา​จะ​เปิด​ปาก​ของ​เรา​กล่าว​คำ​อุปมา เรา​จะ​เล่า​เรื่อง​ที่​ซ่อนเร้น​ตั้งแต่​แรก​สร้าง​โลก” ครั้น​แล้ว​พระ​เยซู​ก็​จาก​ฝูง​ชน​เข้าไป​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง สาวก​ของ​พระ​องค์​ได้​กล่าว​กับ​พระ​องค์​ว่า “โปรด​อธิบาย​คำ​อุปมา​เรื่อง​วัชพืช​ใน​นา​ให้​พวก​เรา​ฟัง​ด้วย​เถิด” พระ​องค์​กล่าวตอบ​ว่า “ผู้​ที่​หว่าน​เมล็ดพืช​ชนิด​ดี คือ​บุตรมนุษย์ นา​ก็​คือ​โลก เมล็ดพืช​ชนิด​ดี​คือ​บรรดา​บุตร​ของ​อาณาจักร และ​เมล็ด​วัชพืช​คือ​บรรดา​บุตร​ของ​มารร้าย ศัตรู​ที่​หว่าน​คือ​พญามาร และ​ฤดู​เก็บ​เกี่ยว​แสดง​ถึง​การ​สิ้น​ยุค​นี้ บรรดา​ผู้​เก็บ​เกี่ยว​คือ​ทูต​สวรรค์ ฉะนั้น​เมล็ด​วัชพืช​ถูก​รวบ​รวม​และ​ถูก​ไฟ​เผา​อย่างไร การ​สิ้น​ยุค​นี้​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น บุตรมนุษย์​จะ​ส่ง​เหล่า​ทูต​สวรรค์​ของ​ท่าน​ให้​มา​รวบ​รวม​ทุก​สิ่ง​ที่​เป็น​เหตุ​ให้​คน​ทำบาป และ​พวก​ที่​ประพฤติ​ชั่วร้าย​ไป​เสีย​จาก​อาณาจักร​ของ​ท่าน แล้ว​โยน​พวก​เขา​ลง​ใน​เตาไฟ ณ ที่​นั่น​จะ​มี​การ​ร่ำไห้​และ​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน แล้ว​รัศมี​ของ​บรรดา​ผู้​มี​ความ​ชอบธรรม​จะ​สาดส่อง​ดุจ​ดวง​อาทิตย์​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​บิดา​ของ​เขา ผู้​ใด​มี​หู จง​ฟัง​เถิด อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เสมือน​สมบัติ​ที่​ซ่อน​ไว้​ใน​ทุ่งนา​ซึ่ง​ชาย​คนหนึ่ง​มา​พบ​แล้ว​นำ​ไป​ซ่อน​อีก ชาย​คน​ดัง​กล่าว​ยินดี​ยิ่ง​จึง​ได้​ขาย​ทุก​สิ่ง​ที่​ตน​มี​อยู่ เพื่อ​ซื้อ​ที่​นา​นั้น อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​ได้​อีก​เสมือน​พ่อค้า​คนหนึ่ง​ที่​เสาะหา​ไข่มุก​ชนิด​ดี เมื่อ​พบ​ไข่มุก​เม็ดหนึ่ง​ซึ่ง​มี​ค่า​มหาศาล เขา​ก็​ไป​ขาย​ทุก​สิ่ง​ที่​มีอยู่ แล้ว​มา​ซื้อ​ไข่มุก​นั้น อีก​ประการ​หนึ่ง อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์​เปรียบ​เสมือน​อวน​ที่​ทอด​อยู่ใน​ทะเล มี​ปลา​ทุก​ชนิด​ติดอยู่ เมื่อ​อวน​เต็ม เขา​ก็​ลาก​ขึ้น​ชาย​ฝั่ง​และ​นั่ง​แยก​ปลา​ชนิด​ดี​ใส่​ถัง ส่วนตัว​ที่​ไม่​ดี​ก็​โยน​ทิ้งไป เมื่อ​ถึง​การ​สิ้น​ยุค​นี้​ก็​เช่น​กัน เหล่า​ทูต​สวรรค์​จะ​มา​เอา​ตัว​พวก​คน​ชั่วร้าย​แยก​ไป​จาก​บรรดา​ผู้​มี​ความ​ชอบธรรม แล้ว​โยน​พวก​เขา​ลง​ใน​เตาไฟ ณ ที่​นั่น​จะ​มี​การ​ร่ำไห้​และ​ขบเขี้ยว​เคี้ยวฟัน” พระ​เยซู​ถาม​พวก​เขา​ว่า “เจ้า​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นี้​แล้ว​ยัง” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “เข้าใจ” พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ฉะนั้น​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ทุก​คน​ที่​เรียนรู้​ถึง​อาณาจักร​แห่ง​สวรรค์ เปรียบ​เสมือน​เจ้าบ้าน​ที่​เอา​สมบัติ​ทั้ง​ใหม่​และ​เก่า​ของ​ตน​ออกมา​ให้​ดู” ครั้น​พระ​เยซู​เล่า​เรื่อง​อุปมา​เหล่า​นี้​จบ​แล้ว พระ​องค์​ก็​จาก​ที่นั้น​ไป และ​เมื่อ​มาถึง​เมือง​ที่​พระ​องค์​เติบโต​มา พระ​องค์​ก็​เริ่ม​สั่งสอน​ผู้​คน​ใน​ศาลา​ที่​ประชุม จน​พวก​เขา​อัศจรรย์ใจ​กัน​และ​พูด​ว่า “ชาย​ผู้นี้​ได้​สติ​ปัญญา​และ​อานุภาพ​อัน​อัศจรรย์​นี้​มา​จาก​ไหน ผู้นี้​เป็น​บุตร​ช่าง​ไม้​มิ​ใช่​หรือ แม่​ชื่อ​มารีย์​มิ​ใช่​หรือ พวก​น้อง​ชาย​คือ​ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และ​ยูดาส และ​น้อง​สาว​ทั้ง​ปวง​อยู่​กับ​เรา​มิ​ใช่​หรือ แล้ว​ชาย​ผู้นี้​เอา​สิ่ง​เหล่า​นี้​มาจาก​ไหน”