ลูกา 9:37-62

ลูกา 9:37-62 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับสาวกสามคนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนมาพบพระองค์ นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยดูลูกของข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ามีลูกเพียงคนเดียว เวลาเขาถูกผีสิง เด็กก็กรีดร้องขึ้นทันที ผีมักจะทำให้เขาชักดิ้นชักงอจนน้ำลายฟูมปาก ทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ และไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา ข้าพเจ้าขอให้พวกสาวกของพระองค์ขับมันออก แต่เขาทำไม่ได้” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงไปพาบุตรของท่านมาที่นี่” ระหว่างที่เด็กคนนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มลงชัก แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้น และทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาของเขา ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมากในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ระหว่างที่พวกเขายังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงฟังคำเหล่านี้ให้ดี คือว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์” แต่พวกสาวกไม่เข้าใจคำตรัสนี้ เพราะความหมายถูกซ่อนไว้จากพวกเขา เพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และพวกเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงเรื่องนี้ มีการทุ่มเถียงกันเกิดขึ้นท่ามกลางพวกสาวกว่าในพวกเขาใครยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครยอมรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเรา และใครที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะคนที่เล็กน้อยที่สุดในพวกท่านคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และข้าพระองค์ห้ามเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรา” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อสู้ท่านก็อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านแล้ว” เมื่อใกล้เวลาที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป พระองค์ตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงใช้ผู้ส่งข่าวล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อไปจัดเตรียมให้พระองค์ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ต้อนรับพระองค์เนื่องจากตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อสาวกของพระองค์คือยากอบและยอห์นเห็นอย่างนั้นก็ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาไหม?” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสห้ามพวกเขา แล้วพระองค์กับพวกสาวกก็เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เมื่อพระองค์กับบรรดาสาวกกำลังเดินทางไป มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “ท่านไปทางไหน ข้าพเจ้าจะตามท่านไปทางนั้น” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “หมาจิ้งจอกยังมีโพรงและนกในอากาศก็ยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” แล้วพระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่คนนั้นทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปฝังศพพ่อก่อน” แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า” แล้วมีอีกคนหนึ่งมาทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไป แต่ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์อำลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ไม่มีใครที่เอามือจับคันไถแล้วหันหลังกลับ จะสมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้” พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด” แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้ เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นชายคนหนึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์และพวกเราพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเรา” พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้ต่อต้านท่าน ก็อยู่ฝ่ายท่าน” เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงส่งคนไปล่วงหน้า พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมสำหรับพระองค์ แต่ผู้คนที่นั่นไม่ต้อนรับพระองค์ เพราะทรงมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อยากอบกับยอห์นสาวกของพระองค์เห็นเช่นนี้ก็ทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาทำลายพวกเขาหรือไม่?” แต่พระเยซูทรงหันมาตำหนิพวกเขา แล้ว พวกเขาพากันไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง มีชายคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ไม่ว่าจะทรงไปยังที่ใด” พระเยซูตรัสตอบว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” พระองค์ตรัสกับชายอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามา” แต่เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาก่อน” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังผู้ตายของพวกเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า” อีกคนทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ แต่ขอกลับไปร่ำลาครอบครัวของข้าพระองค์ก่อน” พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่มือจับคันไถแล้วยังเหลียวมองข้างหลังก็ไม่เหมาะกับการรับใช้ในอาณาจักรของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

วัน​ต่อมา เมื่อ​พวก​เขา​เดิน​ลง​มา​จาก​ภูเขา ชาวบ้าน​กลุ่ม​ใหญ่​มา​หา​พระเยซู ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ฝูงชน​นั้น​ร้อง​ขึ้น​ว่า “อาจารย์​ครับ ช่วย​ลูก​ผม​ด้วย ผม​มี​ลูกชาย​เพียง​คน​เดียว​เท่านั้น ผี​ชั่ว​ชอบ​เข้า​สิง​เขา เขา​ก็​จะ​กรีดร้อง​ทันที บาง​ครั้ง​มัน​ก็​ทำ​ให้​เด็ก​ล้ม​ชักดิ้น​ชักงอ น้ำลาย​ฟูม​ปาก มัน​แทบ​จะ​ไม่​เคย​ออก​จาก​ตัว​เขา​เลย และ​ชอบ​ทำร้าย​เขา​อยู่​เรื่อย ผม​ได้​ขอร้อง​ให้​พวก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ขับ​มัน​ออก​ไป แต่​พวก​เขา​ก็​ทำ​ไม่​ได้” พระเยซู​จึง​ตอบ​ว่า “พวก​ขาด​ความเชื่อ​และ​หัวดื้อ เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน เรา​จะ​ต้อง​อดทน​กับ​พวก​คุณ​ไป​ถึง​ไหน พา​ลูก​คุณ​มา​นี่​ซิ” เมื่อ​เด็ก​นั้น​กำลัง​เดิน​เข้า​มา ผีชั่ว​ก็​ทำ​ให้​เขา​ล้มลง​ชักดิ้น​ชักงอ​กับ​พื้น พระเยซู​ได้​ตวาด​ไล่​ผีชั่ว​นั้น​ออก​ไป และ​รักษา​เด็ก​คน​นั้น แล้ว​ส่ง​คืน​ให้​กับ​พ่อ​ของ​เขา ทุก​คน​ต่าง​พา​กัน​ประหลาดใจ​มาก​ถึง​ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า ใน​ขณะ​ที่​ทุก​คน​กำลัง​ประหลาดใจ​กับ​สิ่ง​ที่​พระเยซู​ทำ​นั้น พระองค์​ก็​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “ตั้งใจ​ฟัง​ให้​ดี​ใน​สิ่ง​ที่​เรา​จะ​บอก บุตร​มนุษย์ จะ​ต้อง​ถูก​จับ​ส่ง​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​มนุษย์” แต่​พวก​ศิษย์​ไม่​เข้าใจ​ว่า​พระองค์​พูด​ถึง​เรื่อง​อะไร เพราะ​ความหมาย​ถูกซ่อน​ไป​จาก​ใจ​ของ​พวก​เขา ก็​เลย​ไม่​เข้าใจ แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม พวก​เขา​เริ่ม​เถียง​กัน​ว่า ใน​กลุ่ม​พวก​เขา​ใคร​จะ​ได้​เป็น​ใหญ่​ที่สุด พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่​ใน​ใจ พระองค์​จึง​พา​เด็ก​คน​หนึ่ง​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ​พระองค์ แล้ว​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “คน​ที่​ต้อนรับ​เด็ก​เล็ก​อย่างนี้​เพราะ​เห็นแก่​เรา คน​นั้น​ก็​ต้อนรับ​เรา และ​คน​ที่​ต้อนรับ​เรา​ก็​ต้อนรับ​พระองค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ด้วย คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​หมู่​พวก​คุณ​นั่น​ล่ะ​คือ​คน​ที่​สำคัญ​ที่สุด” ยอห์น​พูด​ว่า “อาจารย์​ครับ พวก​เรา​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​ขับ​ผีชั่ว​ออก​โดย​อ้าง​ชื่อ​ของ​อาจารย์ พวก​เรา​ก็​เลย​พยายาม​ห้าม​เขา เพราะ​เขา​ไม่​ใช่​พวก​เรา” พระเยซู​พูด​กับ​ยอห์น​ว่า “อย่า​ไป​ห้าม​เขา​เลย เพราะ​คน​ที่​ไม่​ได้​ต่อต้าน​คุณ​ก็​เป็น​พวก​คุณ​อยู่​แล้ว” เมื่อ​ใกล้​ถึง​เวลา​ที่​พระเยซู​จะ​ถูก​รับขึ้น​ไป​บน​สวรรค์ พระองค์​ตัดสินใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม พระองค์​จึง​ส่ง​ศิษย์​บาง​คน​ล่วงหน้า​ไป​ก่อน พวก​เขา​เข้า​ไป​ที่​หมู่บ้าน​ของ​ชาวสะมาเรีย เพื่อ​จัดเตรียม​สิ่ง​ต่างๆ​ให้​พร้อม​สำหรับ​พระองค์ แต่​คน​ที่​นั่น​ไม่​ต้อนรับ​พระองค์ เพราะ​พวก​เขา​เห็น​ว่า​พระองค์​ตั้งใจ​จะ​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม เมื่อ​ยากอบ​และ​ยอห์น ศิษย์​ของ​พระองค์​เห็น​อย่าง​นั้น ก็​พูด​ขึ้น​ว่า “อาจารย์ จะ​ให้​เรา​สั่ง​ไฟ​จาก​สวรรค์​ลง​มา​เผาผลาญ​คน​พวกนี้​ให้​สิ้น​ซาก​ไป​เลย​ดี​ไหม​ครับ” แต่​พระเยซู​หัน​มา​ต่อว่า​พวก​เขา แล้ว​ออก​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ยัง​หมู่บ้าน​อื่น ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​ไป​ตาม​ถนน มี​ชาย​คน​หนึ่ง​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “ไม่ว่า​อาจารย์​จะ​ไป​ที่​ไหน ผม​จะ​ติด​ตาม​ไป​ด้วย” พระเยซู​จึง​ตอบ​ไป​ว่า “หมา​จิ้งจอก​ยัง​มี​โพรง นก​ยัง​มี​รัง แต่​บุตร​มนุษย์​ไม่​มี​แม้แต่​ที่​จะ​ซุก​หัว​นอน” พระองค์​พูด​กับ​อีก​คน​หนึ่ง​ว่า “ตาม​เรา​มา” แต่​ชาย​คน​นั้น​ตอบ​ว่า “ขอ​อนุญาต​ไป​ฝังศพ​พ่อ​ก่อน​นะ​ครับ” พระเยซู​จึง​บอก​ว่า “ปล่อย​ให้​คน​ตาย​ฝัง​คน​ตาย​กัน​เอง​เถอะ ส่วน​คุณ​ให้​ไป​ประกาศ​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เถอะ” ชาย​อีก​คน​หนึ่ง​พูด​ว่า “ผม​จะ​ตาม​พระองค์​ไป​แน่ แต่​ขอ​กลับ​ไป​ร่ำลา​คน​ที่​บ้าน​ก่อน​นะ​ครับ” พระเยซู​จึง​ตอบ​ว่า “ถ้า​คน​ที่​จับ​คันไถ​แล้ว​ยัง​ห่วง​หน้า​พะวง​หลัง​อยู่ คน​นั้น​ก็​ไม่​เหมาะสม​กับ​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับสาวกสามคนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนมาพบพระองค์ นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยดูลูกของข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ามีลูกเพียงคนเดียว เวลาเขาถูกผีสิง เด็กก็กรีดร้องขึ้นทันที ผีมักจะทำให้เขาชักดิ้นชักงอจนน้ำลายฟูมปาก ทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ และไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา ข้าพเจ้าขอให้พวกสาวกของพระองค์ขับมันออก แต่เขาทำไม่ได้” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงไปพาบุตรของท่านมาที่นี่” ระหว่างที่เด็กคนนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มลงชัก แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้น และทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาของเขา ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมากในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ระหว่างที่พวกเขายังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงฟังคำเหล่านี้ให้ดี คือว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์” แต่พวกสาวกไม่เข้าใจคำตรัสนี้ เพราะความหมายถูกซ่อนไว้จากพวกเขา เพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และพวกเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงเรื่องนี้ มีการทุ่มเถียงกันเกิดขึ้นท่ามกลางพวกสาวกว่าในพวกเขาใครยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครยอมรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเรา และใครที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะคนที่เล็กน้อยที่สุดในพวกท่านคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และข้าพระองค์ห้ามเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มเรา” พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อสู้ท่านก็อยู่ฝ่ายเดียวกับท่านแล้ว” เมื่อใกล้เวลาที่พระองค์จะถูกรับขึ้นไป พระองค์ตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงใช้ผู้ส่งข่าวล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อไปจัดเตรียมให้พระองค์ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ต้อนรับพระองค์เนื่องจากตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อสาวกของพระองค์คือยากอบและยอห์นเห็นอย่างนั้นก็ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาไหม?” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสห้ามพวกเขา แล้วพระองค์กับพวกสาวกก็เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เมื่อพระองค์กับบรรดาสาวกกำลังเดินทางไป มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “ท่านไปทางไหน ข้าพเจ้าจะตามท่านไปทางนั้น” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “หมาจิ้งจอกยังมีโพรงและนกในอากาศก็ยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” แล้วพระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่คนนั้นทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปฝังศพพ่อก่อน” แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า” แล้วมีอีกคนหนึ่งมาทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไป แต่ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์อำลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ไม่มีใครที่เอามือจับคันไถแล้วหันหลังกลับ จะสมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาวั​นร​ุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มี​คนมากมายมาพบพระองค์ ดู​เถิด มี​ชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้​นร​้องว่า “​อาจารย์​เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดทอดพระเนตรบุตรชายของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามี​บุ​ตรคนเดียว และ ดู​เถิด ผี​มักจะเข้าสิงเขา เด็​กก​็​โห่​ร้องขึ้นทั​นที ผี​ทำให้​เด็กนั้นชั​กด​ิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้​ตัวฟกช้ำ ไม่​ใคร่​ออกจากเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์​ให้​ขับมันออกเสีย แต่​เขากระทำไม่​ได้​” พระเยซู​ตรัสตอบว่า “​โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมี​ทิฐิ​ชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่​นี่​เถิด​” เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผี​ก็​ทำให้​เขาล้มชั​กด​ิ้นใหญ่ แต่​พระเยซู​ตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้​หาย แล​้วส่งคืนให้​บิ​ดาเขา คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะฤทธิ์เดชอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่​เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุ​การณ์​ทั้งปวงซึ่งพระเยซู​ได้​ทรงกระทำนั้น พระองค์​จึงตรัสแก่​เหล่​าสาวกของพระองค์​ว่า “จงให้คำเหล่านี้​เข้าหู​ของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย” แต่​คำเหล่านั้นสาวกหาได้​เข​้าใจไม่ ความก็​ถู​กซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่​ได้​เข้าใจ และเขาไม่​กล​้าถามพระองค์ถึงคำนั้น แล​้วเหล่าสาวกก็​เก​ิดเถียงกั​นว​่า ในพวกเขาใครจะเป็นใหญ่​ที่สุด ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่​ใกล้​พระองค์ แล​้วตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆคนนี้ในนามของเรา ผู้​นั้​นก​็​ได้​รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้​นั้​นก​็​ได้​รับพระองค์​ผู้​ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้​ใดเป็นผู้ต่ำต้อยที่​สุด ผู้​นั้นแหละเป็นผู้​ใหญ่​” ฝ่ายยอห์นทูลพระองค์​ว่า “พระอาจารย์​เจ้าข้า พวกข้าพระองค์​เห​็นผู้​หน​ึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์ และข้าพระองค์​ได้​ห้ามเขาเสีย เพราะเขาไม่ตามพวกเรามา” พระเยซู​ตรัสแก่เขาว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ใดไม่เป็นฝ่ายต่อสู้​เรา ก็​เป็นฝ่ายเราแล้ว” ต่อมาครั้นจวนเวลาที่​พระองค์​จะทรงถู​กร​ับขึ้นไป พระองค์​ทรงมุ่งพระพักตร์​แน่​วไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงใช้​ผู้​ส่งข่าวล่วงหน้าไปก่อน เขาก็​เข​้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรียเพื่อจะเตรียมไว้​ให้​พระองค์ ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์ เพราะดูเหมือนว่าพระองค์กำลังทรงมุ่งพระพักตร์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และเมื่อสาวกของพระองค์ คือยากอบและยอห์นได้​เห​็นดังนั้น เขาทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า พระองค์​พอพระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์ เผาผลาญเขาเสียอย่างเอลียาห์​ได้​กระทำนั้นหรือ” แต่​พระองค์​ทรงเหลียวมาห้ามปรามเขา และตรั​สว​่า “ท่านไม่​รู้​ว่าท่านมี​จิ​ตใจทำนองใด เพราะว่าบุตรมนุษย์​มิได้​มาเพื่อทำลายชีวิตมนุษย์ แต่​มาเพื่อช่วยเขาทั้งหลายให้​รอด​” แล​้วพระองค์กับเหล่าสาวกก็เลยไปที่​หมู่​บ้านอีกแห่งหนึ่ง ต่อมาเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกกำลังเดินทางไป มี​คนหนึ่งทูลพระองค์​ว่า “​พระองค์​เจ้าข้า พระองค์​เสด็จไปทางไหน ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไปทางนั้น” พระเยซู​ตรัสแก่เขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยั​งม​ี​โพรง และนกในอากาศก็ยั​งม​ี​รัง แต่​บุ​ตรมนุษย์​ไม่มี​ที่​ที่​จะวางศีรษะ” พระองค์​ตรัสแก่​อี​กคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่​คนนั้นทูลตอบว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาข้าพระองค์​ก่อน​” พระเยซู​จึงตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด แต่​ส่วนท่านจงไปประกาศอาณาจักรของพระเจ้า” อี​กคนหนึ่งทูลว่า “​พระองค์​เจ้าข้า ข้าพระองค์จะตามพระองค์​ไป แต่​ขออนุญาตให้ข้าพระองค์ไปลาคนที่​อยู่​ในบ้านของข้าพระองค์​ก่อน​” พระเยซู​ตรัสกับเขาว่า “​ผู้​ใดเอามือจับคันไถแล้วหันหน้ากลับเสีย ผู้​นั้​นก​็​ไม่​สมควรกับอาณาจักรของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มีคนมากมายมาพบพระองค์ ดูเถิด มีชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้น ร้องว่า <<อาจารย์เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดดูบุตรของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีบุตรคนเดียว และดูเถิด ผีมักจะเข้าสิงเขา เด็กก็โห่ร้องขึ้นทันที ผีทำให้เด็กนั้นชักดิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้ตัวฟกช้ำไม่ใคร่ออกจากเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์ให้ขับมันออกเสีย แต่เขากระทำไม่ได้>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่นี่เถิด>> เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มชักดิ้นใหญ่ แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาเขา คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะความใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่ เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า <<ท่านทั้งหลายจงให้คำเหล่านี้เข้าหูของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือมนุษย์>> แต่คำเหล่านั้นสาวกหาได้เข้าใจไม่ ความก็ถูกซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่ได้เข้าใจ และเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงคำนั้น แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่าในพวกเขาใครเป็นใหญ่ ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขาจึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้พระองค์ แล้วตรัสกับเขาว่า <<ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆคนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ได้รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็ได้รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้ใดเป็นผู้น้อยผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่>> ฝ่ายยอห์นทูลพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์เห็นผู้หนึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์และข้าพระองค์ห้ามเขาเสีย เพราะเขาไม่ตามพวกเรามา>> พระเยซูตรัสแก่เขาว่า <<อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ใดไม่เป็นฝ่ายต่อสู้ท่าน ก็เป็นฝ่ายท่านแล้ว>> ครั้นจวนเวลาที่พระองค์จะทรงถูกรับขึ้นไป พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงใช้ทูตล่วงหน้าไปก่อน เขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อจะเตรียมไว้ให้พระองค์ ชาวบ้านนั้นไม่รับรองพระองค์เพราะพระองค์กำลังเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อสาวกของพระองค์ คือยากอบและยอห์นได้เห็นดังนั้น เขาทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า พระองค์พอพระทัยจะให้ข้าพระองค์ขอไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเขาเสีย หรือ>> แต่พระองค์ทรงเหลียวมาห้ามปรามเขา แล้วพระองค์กับเหล่าสาวกก็เลยไปที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกกำลังเดินทางไป มีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เสด็จไปทางไหน ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไปทางนั้น>> พระเยซูตรัสแก่เขาว่า <<หมาจิ้งจอกยังมีโพรงและนกในอากาศก็ยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ>> พระองค์ตรัสแก่อีกคนหนึ่งว่า <<จงตามเรามาเถิด>> แต่คนนั้นทูลตอบว่า <<พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาข้าพระองค์ก่อน>> พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า <<ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด แต่ส่วนท่าน จงไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า>> อีกคนหนึ่งทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตให้ข้าพระองค์ไปลาคนที่อยู่ในบ้านของข้าพระองค์ก่อน>> พระเยซูตรัสกับเขาว่า <<ผู้ใดเอามือจับคันไถแล้ว หันหน้ากลับเสีย ผู้นั้นก็ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า>>

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้” พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด” แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้ เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นชายคนหนึ่งขับผีออกในพระนามของพระองค์และพวกเราพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเรา” พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้ต่อต้านท่าน ก็อยู่ฝ่ายท่าน” เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงตั้งพระทัยที่จะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงส่งคนไปล่วงหน้า พวกเขาก็เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของชาวสะมาเรีย เพื่อเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อมสำหรับพระองค์ แต่ผู้คนที่นั่นไม่ต้อนรับพระองค์ เพราะทรงมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อยากอบกับยอห์นสาวกของพระองค์เห็นเช่นนี้ก็ทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงต้องการให้พวกข้าพระองค์ขอไฟจากสวรรค์ลงมาทำลายพวกเขาหรือไม่?” แต่พระเยซูทรงหันมาตำหนิพวกเขา แล้ว พวกเขาพากันไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ขณะที่พวกเขาเดินไปตามทาง มีชายคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ไม่ว่าจะทรงไปยังที่ใด” พระเยซูตรัสตอบว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” พระองค์ตรัสกับชายอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามา” แต่เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ให้ข้าพระองค์ไปฝังศพบิดาก่อน” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้คนตายฝังผู้ตายของพวกเขาเองเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า” อีกคนทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะติดตามพระองค์ แต่ขอกลับไปร่ำลาครอบครัวของข้าพระองค์ก่อน” พระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่มือจับคันไถแล้วยังเหลียวมองข้างหลังก็ไม่เหมาะกับการรับใช้ในอาณาจักรของพระเจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:37-62 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น เมื่อ​พระ​องค์​และ​เหล่า​สาวก​ลง​มา​จาก​ภูเขา​ก็​พบ​ว่า มี​ผู้​คน​มาก​มาย​มา​รอ​พบ​พระ​องค์ ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ฝูง​ชน​ตะโกน​ขึ้น​ว่า “อาจารย์ ขอ​ท่าน​โปรด​ดู​ลูก​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​เขา​เป็น​ลูก​คน​เดียว​เท่า​นั้น มี​วิญญาณ​เข้า​สิง​เขา ทำ​ให้​กรีดร้อง​ดัง​ทันที​ทันใด แล้ว​เขา​จะ​ชัก​จน​น้ำลาย​ฟูม​ปาก มัน​ทำ​ให้​เขา​ล้มลุก​คลุกคลาน และ​แทบ​จะ​ไม่​ได้​ละ​ไป​จาก​ร่าง​ของ​เขา​เลย ข้าพเจ้า​ได้​อ้อนวอน​ให้​สาวก​ของ​ท่าน​ขับไล่​มัน​ไป​เสีย แต่​พวก​เขา​ทำ​ไม่​ได้” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คน​ใน​ช่วง​กาล​เวลา​นี้​ช่าง​ไร้​ความ​เชื่อ และ​บิดเบือน​เสีย​จริง เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า และ​ทน​ต่อ​เจ้า​ไป​นาน​สัก​เท่าไร จง​นำ​ตัว​ลูก​ชาย​ของ​เจ้า​มา​ที่​นี่​เถิด” ขณะ​ที่​เด็ก​กำลัง​เดิน​มา มาร​ก็​ทำ​ให้​เขา​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​และ​ชัก แต่​พระ​เยซู​ห้าม​วิญญาณ​ร้าย และ​รักษา​เด็ก​จน​หาย​ดี แล้ว​ส่ง​กลับ​ไป​หา​พ่อ​ของ​เขา ฝูง​ชน​ต่าง​อัศจรรย์​ใจ​ใน​ความ​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​เจ้า ขณะ​ที่​ทุก​คน​กำลัง​แปลกใจ​กับ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​พระ​เยซู​กระทำ พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​สาวก​ว่า “จง​ฟัง​เรา​ให้​ดี จวน​เวลา​แล้ว​ที่​บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​มนุษย์” แต่​พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​ใน​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​กล่าว​ถึง เขา​ไม่​อาจ​เห็น​ความ​หมาย​ที่​แฝง​อยู่ แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม​ถึง​ความ​นัย​นั้น พวก​สาวก​เริ่ม​ถกเถียง​กัน​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​จำนวน​พวก​เขา พระ​เยซู​ทราบ​ถึง​ความ​คิด​ของ​สาวก​จึง​นำ​เด็ก​เล็กๆ คน​หนึ่ง​มา​ยืน​ใกล้​พระ​องค์ แล้ว​กล่าว​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “ผู้​ใด​ก็​ตาม​ที่​รับ​เด็ก​เล็กๆ คน​นี้​ใน​นาม​ของ​เรา ก็​ถือ​ได้​ว่า รับ​เรา​ด้วย และ​ผู้​ใด​ที่​รับ​เรา ก็​นับ​ว่า​รับ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา ผู้​ที่​ต่ำต้อย​ที่​สุด​ใน​พวก​เจ้า​คือ​ผู้​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด” ยอห์น​พูด​ว่า “นาย​ท่าน พวก​เรา​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​ขับไล่​พวก​มาร​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์ และ​พวก​เรา​พยายาม​ที่​จะ​ห้าม​เขา เพราะ​ว่า​เขา​ไม่​ใช่​คน​ของ​เรา” พระ​เยซู​กล่าว​ว่า “อย่า​ห้าม​เขา​เลย คน​ที่​ไม่​เป็น​ฝ่าย​ค้าน​พวก​เจ้า​ก็​เป็น​ฝ่าย​เจ้า” เมื่อ​ใกล้​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​คืน​สู่​สวรรค์ พระ​เยซู​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​ส่ง​พวก​ผู้​ส่ง​ข่าว​ล่วงหน้า​ไป​ยัง​หมู่บ้าน​ของ​ชาว​สะมาเรีย เพื่อ​เตรียม​สิ่ง​ต่างๆ ให้​พร้อม แต่​ผู้​คน​ที่​นั่น​กลับ​ไม่​ยอมรับ​พระ​องค์ เพราะ​เมือง​เยรูซาเล็ม​เป็น​จุดหมาย​ปลาย​ทาง​ของ​พระ​องค์ เมื่อ​สาวก​ของ​พระ​องค์​คือ​ยากอบ​และ​ยอห์น​เห็น​ดังนั้น​จึง​ถาม​ว่า “พระ​องค์​ท่าน พระ​องค์​จะ​โปรด​ให้​พวก​เรา​ขอ​ไฟ​ลง​มา​จาก​สวรรค์​ทำลาย​เขา​เสีย​ไหม” แต่​พระ​เยซู​หัน​กลับ​และ​ห้าม​พวก​เขา​ไว้ แล้ว​พระ​องค์​กับ​เหล่า​สาวก​จึง​ไป​ยัง​หมู่บ้าน​อื่น ขณะ​ที่​พวก​เขา​กำลัง​เดิน​กัน​ไป​ตาม​ถนน ได้​มี​ชาย​คน​หนึ่ง​พูด​กับ​พระ​องค์​ว่า “ข้าพเจ้า​จะ​ติดตาม​พระ​องค์​ไป​ทุก​แห่งหน” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “สุนัข​จิ้งจอก​อาศัย​ใน​โพรง นก​มี​รัง แต่​บุตรมนุษย์​ไม่​มี​ที่​อาศัย​นอน” พระ​องค์​กล่าว​กับ​อีก​คน​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” ชาย​ผู้​นั้น​พูด​ว่า “พระ​องค์​ท่าน โปรด​ให้​ข้าพเจ้า​ได้​ไป​ฝัง​ศพ​บิดา​ของ​ข้าพเจ้า​ก่อน” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “ปล่อย​ให้​คน​ตาย​ฝัง​ศพ​คน​ตาย​ของ​เขา​เอง เจ้า​จง​ไป​เพื่อ​ประกาศ​เรื่อง​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” อีก​คน​พูด​ว่า “พระ​องค์​ท่าน ข้าพเจ้า​จะ​ติดตาม​พระ​องค์​ไป แต่​ขอ​ให้​ได้​ร่ำลา​ครอบครัว​ของ​ข้าพเจ้า​ก่อน” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​ผู้​ใด​ที่​จับ​คันไถ​แล้ว​หัน​หน้า​กลับ​ไป จะ​เหมาะสม​กับ​การ​เป็น​ผู้​รับใช้​ใน​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9