ลูกา 9:18-48

ลูกา 9:18-48 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่แต่ลำพัง เหล่าสาวกอยู่กับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<คนทั้งปวงพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>> เหล่าสาวกทูลตอบว่า <<เขาว่าเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ แต่คนอื่นว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณเป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า>> พระองค์จึงกำชับสั่งเขามิให้บอกความนี้แก่ผู้ใด และตรัสว่า <<บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า <<ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น เมื่อท่านจะมาด้วยพระสิริของท่านเอง ของพระบิดา และของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่ซึ่งยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า>> ภายหลังพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ ดูเถิด มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยศักดิ์ศรี และกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นก็ง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้ว เขาก็ได้เห็นพระสิริของพระองค์ และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง>> เปโตรไม่รู้สึกตัวว่าได้พูดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มีเมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเขาอยู่ในเมฆนั้นเขาก็กลัว มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า <<ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ถูกเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด>> เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซูทรงสถิตอยู่องค์เดียว เขาทั้งสามก็นิ่งอยู่ และในกาลครั้งนั้นเขามิได้บอกเหตุการณ์ซึ่งเขาได้เห็นแก่ผู้ใด วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มีคนมากมายมาพบพระองค์ ดูเถิด มีชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้น ร้องว่า <<อาจารย์เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดดูบุตรของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีบุตรคนเดียว และดูเถิด ผีมักจะเข้าสิงเขา เด็กก็โห่ร้องขึ้นทันที ผีทำให้เด็กนั้นชักดิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้ตัวฟกช้ำไม่ใคร่ออกจากเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์ให้ขับมันออกเสีย แต่เขากระทำไม่ได้>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่นี่เถิด>> เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มชักดิ้นใหญ่ แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาเขา คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะความใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่ เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า <<ท่านทั้งหลายจงให้คำเหล่านี้เข้าหูของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือมนุษย์>> แต่คำเหล่านั้นสาวกหาได้เข้าใจไม่ ความก็ถูกซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่ได้เข้าใจ และเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงคำนั้น แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่าในพวกเขาใครเป็นใหญ่ ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขาจึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้พระองค์ แล้วตรัสกับเขาว่า <<ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆคนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ได้รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็ได้รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้ใดเป็นผู้น้อยผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่>>

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พระเยซู​อธิษฐาน​อยู่​คน​เดียว พวก​ศิษย์​ก็​พา​กัน​มา​หา​พระองค์ พระองค์​จึง​ถาม​ว่า “ชาวบ้าน​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บางคน​ว่า​เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ บางคน​ก็​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บางคน​ว่า​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​หนึ่ง​ใน​สมัย​ก่อน​ที่​ฟื้นขึ้น​มา​ใหม่” พระองค์​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “เป็น​กษัตริย์​ผู้ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า” พระเยซู​เตือน​พวก​เขา​ว่า​อย่า​บอก​ให้​ใคร​รู้ พระองค์​พูด​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์ทรมาน​หลาย​อย่าง พวก​ผู้นำ​ชาวยิว พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ก็​จะ​ไม่​ยอมรับ​พระองค์ และ​พระองค์​จะ​ต้อง​ถูก​ฆ่า แต่​พระองค์​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่​ใน​วันที่​สาม” แล้ว​พระองค์​ก็​พูด​กับ​ทุก​คน​ว่า “ถ้า​ใคร​อยาก​จะ​ติดตาม​เรา ต้อง​เลิก​ตามใจ​ตัวเอง แล้ว​แบก​ไม้กางเขน​ของ​ตัวเอง​ตาม​เรา​ทุกๆ​วัน คน​ที่​อยาก​จะ​เอา​ตัว​รอด​จะ​ไม่​รอด แต่​คน​ที่​ยอม​สละ​ตัวเอง​เพื่อ​เรา​จะ​รอด มัน​จะ​ได้​กำไร​ตรง​ไหน ถ้า​ได้​โลก​ทั้งใบ แต่​เสีย​ตัวตน​หรือ​ถูก​ทำลาย​ไป คน​ไหน​ที่​อับอาย​ที่​จะ​ยอมรับ​เรา​และ​ถ้อย​คำ​ของ​เรา บุตร​มนุษย์​ก็​จะ​อับอาย​ที่​จะรับ​คน​นั้น​ด้วย​เหมือน​กัน​ใน​วัน​ที่​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​พร้อม​กับ​สง่าราศี​ของ​พระองค์ สง่าราศี​ของ​พระบิดา และ​ของ​พวก​ทูตสวรรค์​ที่​ศักดิ์สิทธิ์ แต่​เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า มี​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ยัง​ไม่​ตาย​จน​กว่า​จะ​ได้​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เสีย​ก่อน” หลัง​จาก​นั้น​ประมาณ​แปด​วัน​พระองค์​พา​เปโตร ยอห์น และ​ยากอบ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​อธิษฐาน ใน​ขณะ​ที่​อธิษฐาน ใบหน้า​ของ​พระองค์​ก็​เปลี่ยน​ไป เสื้อผ้า​พระองค์​เปลี่ยน​เป็น​สีขาว​เปล่งประกาย​แวววาว อยู่ๆ​ก็​มี​ชาย​สอง​คน คือ​โมเสส​กับ​เอลียาห์ มา​พูด​คุย​อยู่​กับ​พระองค์​ที่​นั่น ทั้ง​สอง​เปล่ง​รัศมี​เจิดจ้า พวก​เขา​กำลัง​พูด​ถึง​การตาย​ของ​พระเยซู​ที่​กำลัง​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม ส่วน​เปโตร​กับ​เพื่อน​อีก​สอง​คน​นั้น​ง่วง​มาก แต่​เมื่อ​พวก​เขา​ตื่น​เต็มที่ ก็​เห็น​รัศมี​อัน​เจิดจ้า​ของ​พระเยซู และ​เห็น​ชาย​สอง​คน​ยืน​อยู่​กับ​พระองค์ เมื่อ​ชาย​สอง​คน​นั้น​กำลัง​จะ​ไป เปโตร​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ ดี​จัง​เลย​ที่​พวก​เรา​อยู่​ที่​นี่ เรา​จะ​ได้​สร้าง​เพิง​ขึ้น​สาม​หลัง สำหรับ​พระองค์​หนึ่ง​หลัง โมเสส​หนึ่ง​หลัง และ​เอลียาห์​อีก​หนึ่ง​หลัง” แต่​เปโตร​ไม่​รู้​หรอก​ว่า​ตัวเอง​กำลัง​พูด​อะไร​ออก​ไป ขณะ​ที่​เปโตร​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น ก็​มี​เมฆ​ลอย​มา​ปกคลุม​พวก​เขา​ไว้ พวก​เขา​กลัว​มาก มี​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ออก​มา​จาก​เมฆ​ว่า “ท่าน​ผู้นี้​คือ​ลูก​ของ​เรา​ที่​เรา​เลือก​ไว้ ให้​เชื่อฟัง​ท่าน” เมื่อ​เสียง​นั้น​เงียบ​ลง พวก​เขา​ก็​เห็น​แต่​พระเยซู​เท่านั้น แล้ว​พวก​ศิษย์​ก็​เก็บ​เรื่อง​ที่​ได้​เห็น​นี้​ไว้​ใน​ใจ ไม่​ได้​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง​เลย​ใน​ตอน​นั้น วัน​ต่อมา เมื่อ​พวก​เขา​เดิน​ลง​มา​จาก​ภูเขา ชาวบ้าน​กลุ่ม​ใหญ่​มา​หา​พระเยซู ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ฝูงชน​นั้น​ร้อง​ขึ้น​ว่า “อาจารย์​ครับ ช่วย​ลูก​ผม​ด้วย ผม​มี​ลูกชาย​เพียง​คน​เดียว​เท่านั้น ผี​ชั่ว​ชอบ​เข้า​สิง​เขา เขา​ก็​จะ​กรีดร้อง​ทันที บาง​ครั้ง​มัน​ก็​ทำ​ให้​เด็ก​ล้ม​ชักดิ้น​ชักงอ น้ำลาย​ฟูม​ปาก มัน​แทบ​จะ​ไม่​เคย​ออก​จาก​ตัว​เขา​เลย และ​ชอบ​ทำร้าย​เขา​อยู่​เรื่อย ผม​ได้​ขอร้อง​ให้​พวก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ขับ​มัน​ออก​ไป แต่​พวก​เขา​ก็​ทำ​ไม่​ได้” พระเยซู​จึง​ตอบ​ว่า “พวก​ขาด​ความเชื่อ​และ​หัวดื้อ เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน เรา​จะ​ต้อง​อดทน​กับ​พวก​คุณ​ไป​ถึง​ไหน พา​ลูก​คุณ​มา​นี่​ซิ” เมื่อ​เด็ก​นั้น​กำลัง​เดิน​เข้า​มา ผีชั่ว​ก็​ทำ​ให้​เขา​ล้มลง​ชักดิ้น​ชักงอ​กับ​พื้น พระเยซู​ได้​ตวาด​ไล่​ผีชั่ว​นั้น​ออก​ไป และ​รักษา​เด็ก​คน​นั้น แล้ว​ส่ง​คืน​ให้​กับ​พ่อ​ของ​เขา ทุก​คน​ต่าง​พา​กัน​ประหลาดใจ​มาก​ถึง​ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า ใน​ขณะ​ที่​ทุก​คน​กำลัง​ประหลาดใจ​กับ​สิ่ง​ที่​พระเยซู​ทำ​นั้น พระองค์​ก็​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “ตั้งใจ​ฟัง​ให้​ดี​ใน​สิ่ง​ที่​เรา​จะ​บอก บุตร​มนุษย์ จะ​ต้อง​ถูก​จับ​ส่ง​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​มนุษย์” แต่​พวก​ศิษย์​ไม่​เข้าใจ​ว่า​พระองค์​พูด​ถึง​เรื่อง​อะไร เพราะ​ความหมาย​ถูกซ่อน​ไป​จาก​ใจ​ของ​พวก​เขา ก็​เลย​ไม่​เข้าใจ แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม พวก​เขา​เริ่ม​เถียง​กัน​ว่า ใน​กลุ่ม​พวก​เขา​ใคร​จะ​ได้​เป็น​ใหญ่​ที่สุด พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่​ใน​ใจ พระองค์​จึง​พา​เด็ก​คน​หนึ่ง​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ​พระองค์ แล้ว​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “คน​ที่​ต้อนรับ​เด็ก​เล็ก​อย่างนี้​เพราะ​เห็นแก่​เรา คน​นั้น​ก็​ต้อนรับ​เรา และ​คน​ที่​ต้อนรับ​เรา​ก็​ต้อนรับ​พระองค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ด้วย คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​หมู่​พวก​คุณ​นั่น​ล่ะ​คือ​คน​ที่​สำคัญ​ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงกำชับสั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้ และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ทำลายหรือสูญเสียตัวเองไป ถ้าใครมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะคนนั้นเมื่อท่านมาด้วยพระรัศมีของท่าน และของพระบิดา และรัศมีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่พบความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า” หลังจากพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา และนี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี และกำลังกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งใกล้จะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นกำลังง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อพวกเขาตาสว่างขึ้น เขาก็เห็นพระรัศมีของพระองค์และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังจะลาจากพระองค์ไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงๆ ที่เราได้มาอยู่ที่นี่ น่าจะทำเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในเมฆนั้นพวกเขาก็กลัว แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ที่เราเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้นแล้ว พระเยซูก็ทรงปรากฏอยู่เพียงลำพัง พวกเขาก็ปิดเรื่องนี้เงียบ และในช่วงเวลาต่อมาเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นนั้น วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับสาวกสามคนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนมาพบพระองค์ นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยดูลูกของข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ามีลูกเพียงคนเดียว เวลาเขาถูกผีสิง เด็กก็กรีดร้องขึ้นทันที ผีมักจะทำให้เขาชักดิ้นชักงอจนน้ำลายฟูมปาก ทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ และไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา ข้าพเจ้าขอให้พวกสาวกของพระองค์ขับมันออก แต่เขาทำไม่ได้” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงไปพาบุตรของท่านมาที่นี่” ระหว่างที่เด็กคนนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มลงชัก แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้น และทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาของเขา ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมากในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ระหว่างที่พวกเขายังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงฟังคำเหล่านี้ให้ดี คือว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์” แต่พวกสาวกไม่เข้าใจคำตรัสนี้ เพราะความหมายถูกซ่อนไว้จากพวกเขา เพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และพวกเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงเรื่องนี้ มีการทุ่มเถียงกันเกิดขึ้นท่ามกลางพวกสาวกว่าในพวกเขาใครยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครยอมรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเรา และใครที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะคนที่เล็กน้อยที่สุดในพวกท่านคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ครั้งหนึ่งขณะพระเยซูทรงกำลังอธิษฐานเป็นการส่วนพระองค์และเหล่าสาวกอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และยังมีบางคนว่าเป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยเก่าก่อนคนหนึ่งที่ได้เป็นขึ้นมาจากตาย” พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “ทรงเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระเยซูทรงกำชับพวกเขาอย่างเคร่งครัดไม่ให้บอกเรื่องนี้แก่ใคร และตรัสว่า “บุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์หลายประการ ถูกบรรดาผู้อาวุโสและพวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ปฏิเสธ พระองค์จะต้องถูกประหาร และในวันที่สามจะทรงมีชีวิตกลับเป็นขึ้นมาใหม่” จากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาทั้งปวงว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะผู้ใดต้องการเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดพลีชีวิตเพื่อเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตรอด จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียตัวของเขาเอง? ถ้าผู้ใดอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขาเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์และพระเกียรติสิริของพระบิดา พร้อมทั้งศักดิ์ศรีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าบางคนซึ่งยืนอยู่ที่นี่จะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่จะลิ้มรสความตาย” ราวแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสดังนั้น พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน ขณะพระองค์ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์สว่างสุกใสดังแสงฟ้าแลบ มีชายสองคนคือโมเสสกับเอลียาห์ มาปรากฏกายอย่างเปี่ยมด้วยสง่าราศีและสนทนากับพระเยซู พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จที่กรุงเยรูซาเล็ม เปโตรกับเพื่อนๆ ง่วงมาก แต่เมื่อตาสว่างเต็มที่พวกเขาก็เห็นพระเกียรติสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ ขณะคนทั้งสองกำลังจะจากไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงที่พวกข้าพระองค์ได้มาอยู่ที่นี่ ให้เราสร้างเพิงขึ้นสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” (เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่) ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เมฆก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพวกเขา เมื่ออยู่ในเมฆพวกเขากลัวมาก มีพระสุรเสียงดังจากเมฆว่า “คนนี้คือลูกของเราซึ่งเราได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังเขาเถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาเห็นว่ามีพระเยซูอยู่เพียงผู้เดียว สาวกทั้งสามเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และในเวลานั้นพวกเขาไม่เล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ใครฟัง วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้” พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด” แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้ เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พระเยซู​อธิษฐาน​อยู่​คน​เดียว พวก​ศิษย์​ก็​พา​กัน​มา​หา​พระองค์ พระองค์​จึง​ถาม​ว่า “ชาวบ้าน​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บางคน​ว่า​เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ บางคน​ก็​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บางคน​ว่า​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​หนึ่ง​ใน​สมัย​ก่อน​ที่​ฟื้นขึ้น​มา​ใหม่” พระองค์​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “เป็น​กษัตริย์​ผู้ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า” พระเยซู​เตือน​พวก​เขา​ว่า​อย่า​บอก​ให้​ใคร​รู้ พระองค์​พูด​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์ทรมาน​หลาย​อย่าง พวก​ผู้นำ​ชาวยิว พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ก็​จะ​ไม่​ยอมรับ​พระองค์ และ​พระองค์​จะ​ต้อง​ถูก​ฆ่า แต่​พระองค์​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่​ใน​วันที่​สาม” แล้ว​พระองค์​ก็​พูด​กับ​ทุก​คน​ว่า “ถ้า​ใคร​อยาก​จะ​ติดตาม​เรา ต้อง​เลิก​ตามใจ​ตัวเอง แล้ว​แบก​ไม้กางเขน​ของ​ตัวเอง​ตาม​เรา​ทุกๆ​วัน คน​ที่​อยาก​จะ​เอา​ตัว​รอด​จะ​ไม่​รอด แต่​คน​ที่​ยอม​สละ​ตัวเอง​เพื่อ​เรา​จะ​รอด มัน​จะ​ได้​กำไร​ตรง​ไหน ถ้า​ได้​โลก​ทั้งใบ แต่​เสีย​ตัวตน​หรือ​ถูก​ทำลาย​ไป คน​ไหน​ที่​อับอาย​ที่​จะ​ยอมรับ​เรา​และ​ถ้อย​คำ​ของ​เรา บุตร​มนุษย์​ก็​จะ​อับอาย​ที่​จะรับ​คน​นั้น​ด้วย​เหมือน​กัน​ใน​วัน​ที่​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​พร้อม​กับ​สง่าราศี​ของ​พระองค์ สง่าราศี​ของ​พระบิดา และ​ของ​พวก​ทูตสวรรค์​ที่​ศักดิ์สิทธิ์ แต่​เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า มี​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ยัง​ไม่​ตาย​จน​กว่า​จะ​ได้​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เสีย​ก่อน” หลัง​จาก​นั้น​ประมาณ​แปด​วัน​พระองค์​พา​เปโตร ยอห์น และ​ยากอบ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​อธิษฐาน ใน​ขณะ​ที่​อธิษฐาน ใบหน้า​ของ​พระองค์​ก็​เปลี่ยน​ไป เสื้อผ้า​พระองค์​เปลี่ยน​เป็น​สีขาว​เปล่งประกาย​แวววาว อยู่ๆ​ก็​มี​ชาย​สอง​คน คือ​โมเสส​กับ​เอลียาห์ มา​พูด​คุย​อยู่​กับ​พระองค์​ที่​นั่น ทั้ง​สอง​เปล่ง​รัศมี​เจิดจ้า พวก​เขา​กำลัง​พูด​ถึง​การตาย​ของ​พระเยซู​ที่​กำลัง​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม ส่วน​เปโตร​กับ​เพื่อน​อีก​สอง​คน​นั้น​ง่วง​มาก แต่​เมื่อ​พวก​เขา​ตื่น​เต็มที่ ก็​เห็น​รัศมี​อัน​เจิดจ้า​ของ​พระเยซู และ​เห็น​ชาย​สอง​คน​ยืน​อยู่​กับ​พระองค์ เมื่อ​ชาย​สอง​คน​นั้น​กำลัง​จะ​ไป เปโตร​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ ดี​จัง​เลย​ที่​พวก​เรา​อยู่​ที่​นี่ เรา​จะ​ได้​สร้าง​เพิง​ขึ้น​สาม​หลัง สำหรับ​พระองค์​หนึ่ง​หลัง โมเสส​หนึ่ง​หลัง และ​เอลียาห์​อีก​หนึ่ง​หลัง” แต่​เปโตร​ไม่​รู้​หรอก​ว่า​ตัวเอง​กำลัง​พูด​อะไร​ออก​ไป ขณะ​ที่​เปโตร​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น ก็​มี​เมฆ​ลอย​มา​ปกคลุม​พวก​เขา​ไว้ พวก​เขา​กลัว​มาก มี​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ออก​มา​จาก​เมฆ​ว่า “ท่าน​ผู้นี้​คือ​ลูก​ของ​เรา​ที่​เรา​เลือก​ไว้ ให้​เชื่อฟัง​ท่าน” เมื่อ​เสียง​นั้น​เงียบ​ลง พวก​เขา​ก็​เห็น​แต่​พระเยซู​เท่านั้น แล้ว​พวก​ศิษย์​ก็​เก็บ​เรื่อง​ที่​ได้​เห็น​นี้​ไว้​ใน​ใจ ไม่​ได้​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง​เลย​ใน​ตอน​นั้น วัน​ต่อมา เมื่อ​พวก​เขา​เดิน​ลง​มา​จาก​ภูเขา ชาวบ้าน​กลุ่ม​ใหญ่​มา​หา​พระเยซู ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ฝูงชน​นั้น​ร้อง​ขึ้น​ว่า “อาจารย์​ครับ ช่วย​ลูก​ผม​ด้วย ผม​มี​ลูกชาย​เพียง​คน​เดียว​เท่านั้น ผี​ชั่ว​ชอบ​เข้า​สิง​เขา เขา​ก็​จะ​กรีดร้อง​ทันที บาง​ครั้ง​มัน​ก็​ทำ​ให้​เด็ก​ล้ม​ชักดิ้น​ชักงอ น้ำลาย​ฟูม​ปาก มัน​แทบ​จะ​ไม่​เคย​ออก​จาก​ตัว​เขา​เลย และ​ชอบ​ทำร้าย​เขา​อยู่​เรื่อย ผม​ได้​ขอร้อง​ให้​พวก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ขับ​มัน​ออก​ไป แต่​พวก​เขา​ก็​ทำ​ไม่​ได้” พระเยซู​จึง​ตอบ​ว่า “พวก​ขาด​ความเชื่อ​และ​หัวดื้อ เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​ไป​อีก​นาน​แค่​ไหน เรา​จะ​ต้อง​อดทน​กับ​พวก​คุณ​ไป​ถึง​ไหน พา​ลูก​คุณ​มา​นี่​ซิ” เมื่อ​เด็ก​นั้น​กำลัง​เดิน​เข้า​มา ผีชั่ว​ก็​ทำ​ให้​เขา​ล้มลง​ชักดิ้น​ชักงอ​กับ​พื้น พระเยซู​ได้​ตวาด​ไล่​ผีชั่ว​นั้น​ออก​ไป และ​รักษา​เด็ก​คน​นั้น แล้ว​ส่ง​คืน​ให้​กับ​พ่อ​ของ​เขา ทุก​คน​ต่าง​พา​กัน​ประหลาดใจ​มาก​ถึง​ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า ใน​ขณะ​ที่​ทุก​คน​กำลัง​ประหลาดใจ​กับ​สิ่ง​ที่​พระเยซู​ทำ​นั้น พระองค์​ก็​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “ตั้งใจ​ฟัง​ให้​ดี​ใน​สิ่ง​ที่​เรา​จะ​บอก บุตร​มนุษย์ จะ​ต้อง​ถูก​จับ​ส่ง​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​มนุษย์” แต่​พวก​ศิษย์​ไม่​เข้าใจ​ว่า​พระองค์​พูด​ถึง​เรื่อง​อะไร เพราะ​ความหมาย​ถูกซ่อน​ไป​จาก​ใจ​ของ​พวก​เขา ก็​เลย​ไม่​เข้าใจ แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม พวก​เขา​เริ่ม​เถียง​กัน​ว่า ใน​กลุ่ม​พวก​เขา​ใคร​จะ​ได้​เป็น​ใหญ่​ที่สุด พระเยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่​ใน​ใจ พระองค์​จึง​พา​เด็ก​คน​หนึ่ง​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ​พระองค์ แล้ว​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “คน​ที่​ต้อนรับ​เด็ก​เล็ก​อย่างนี้​เพราะ​เห็นแก่​เรา คน​นั้น​ก็​ต้อนรับ​เรา และ​คน​ที่​ต้อนรับ​เรา​ก็​ต้อนรับ​พระองค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา​ด้วย คน​ที่​ต่ำต้อย​ที่สุด​ใน​หมู่​พวก​คุณ​นั่น​ล่ะ​คือ​คน​ที่​สำคัญ​ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงกำชับสั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้ และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ทำลายหรือสูญเสียตัวเองไป ถ้าใครมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะคนนั้นเมื่อท่านมาด้วยพระรัศมีของท่าน และของพระบิดา และรัศมีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่พบความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า” หลังจากพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา และนี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี และกำลังกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งใกล้จะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นกำลังง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อพวกเขาตาสว่างขึ้น เขาก็เห็นพระรัศมีของพระองค์และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังจะลาจากพระองค์ไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงๆ ที่เราได้มาอยู่ที่นี่ น่าจะทำเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในเมฆนั้นพวกเขาก็กลัว แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ที่เราเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้นแล้ว พระเยซูก็ทรงปรากฏอยู่เพียงลำพัง พวกเขาก็ปิดเรื่องนี้เงียบ และในช่วงเวลาต่อมาเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นนั้น วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับสาวกสามคนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว มหาชนมาพบพระองค์ นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยดูลูกของข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้ามีลูกเพียงคนเดียว เวลาเขาถูกผีสิง เด็กก็กรีดร้องขึ้นทันที ผีมักจะทำให้เขาชักดิ้นชักงอจนน้ำลายฟูมปาก ทำให้เนื้อตัวเขาฟกช้ำ และไม่ค่อยยอมออกจากตัวเขา ข้าพเจ้าขอให้พวกสาวกของพระองค์ขับมันออก แต่เขาทำไม่ได้” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงไปพาบุตรของท่านมาที่นี่” ระหว่างที่เด็กคนนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มลงชัก แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้น และทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาของเขา ทุกคนต่างก็ประหลาดใจมากในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ระหว่างที่พวกเขายังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำนั้น พระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงฟังคำเหล่านี้ให้ดี คือว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือมนุษย์” แต่พวกสาวกไม่เข้าใจคำตรัสนี้ เพราะความหมายถูกซ่อนไว้จากพวกเขา เพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และพวกเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงเรื่องนี้ มีการทุ่มเถียงกันเกิดขึ้นท่ามกลางพวกสาวกว่าในพวกเขาใครยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครยอมรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเรา และใครที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะคนที่เล็กน้อยที่สุดในพวกท่านคือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาเมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่​แต่ลำพัง เหล่​าสาวกอยู่กับพระองค์ พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “คนทั้งปวงพู​ดก​ั​นว​่า เราเป็นผู้​ใด​” เหล่​าสาวกทูลตอบว่า “เขาว่าเป็นยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ แต่​คนอื่​นว​่าเป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์โบราณเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “​แล​้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นผู้​ใด​” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์​จึงกำชับสั่งเขามิ​ให้​บอกความนี้​แก่​ผู้ใด ตรั​สว​่า “​บุ​ตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้​ใหญ่ พวกปุโรหิตใหญ่ และพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน ในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่​ในวั​นที​่สามท่านจะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์​จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้​ผู้​นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้​นั้นจะเสียชีวิต แต่​ผู้​ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่​เรา ผู้​นั้นจะได้​ชี​วิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้​สิ​่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียตัวของตนเองหรือถูกทิ้งเสีย ผู้​นั้นจะได้​ประโยชน์​อะไร เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุ​ตรมนุษย์​ก็​จะมีความอายเพราะผู้​นั้น เมื่อท่านมาด้วยสง่าราศีของท่านเองและของพระบิดาและของเหล่าทูตสวรรค์​บริสุทธิ์ แต่​เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มี​บางคนที่ยืนอยู่​ที่นี่ ซึ่งยังจะไม่​รู้​รสความตายจนกว่าจะได้​เห​็นอาณาจักรของพระเจ้า” ต่อมาภายหลังพระองค์​ได้​ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์​จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะที่​พระองค์​กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์​ก็​เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์​ก็​ขาวเป็​นม​ันระยับ ดู​เถิด มี​ชายสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสส และเอลียาห์ ผู้​มาปรากฏด้วยสง่าราศี และกล่าวถึงการมรณาของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่​อยู่​ด้วยนั้​นก​็​ง่วงเหงาหาวนอน แต่​เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้วเขาก็​ได้​เห​็นสง่าราศีของพระองค์ และเห็นชายสองคนนั้​นที​่ยืนอยู่กับพระองค์ ต่อมาเมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซู​ว่า “พระอาจารย์​เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่​ที่นี่​ก็ดี ให้​พวกข้าพระองค์ทำพลับพลาสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่​เข​้าใจว่าตัวได้​พู​ดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มี​เมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเข้าอยู่ในเมฆนั้นเขาก็​กลัว มี​พระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้​นว​่า “​ผู้​นี้​เป็นบุตรที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซู​ทรงสถิตอยู่​องค์​เดียว เขาทั้งสามก็​เก​็บเรื่องนี้​ไว้ และในกาลครั้งนั้นเขามิ​ได้​บอกเหตุ​การณ์​ซึ่งเขาได้​เห็นแก่​ผู้ใด ต่อมาวั​นร​ุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มี​คนมากมายมาพบพระองค์ ดู​เถิด มี​ชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้​นร​้องว่า “​อาจารย์​เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดทอดพระเนตรบุตรชายของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามี​บุ​ตรคนเดียว และ ดู​เถิด ผี​มักจะเข้าสิงเขา เด็​กก​็​โห่​ร้องขึ้นทั​นที ผี​ทำให้​เด็กนั้นชั​กด​ิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้​ตัวฟกช้ำ ไม่​ใคร่​ออกจากเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์​ให้​ขับมันออกเสีย แต่​เขากระทำไม่​ได้​” พระเยซู​ตรัสตอบว่า “​โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมี​ทิฐิ​ชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่​นี่​เถิด​” เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผี​ก็​ทำให้​เขาล้มชั​กด​ิ้นใหญ่ แต่​พระเยซู​ตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้​หาย แล​้วส่งคืนให้​บิ​ดาเขา คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะฤทธิ์เดชอันใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่​เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่เพราะเหตุ​การณ์​ทั้งปวงซึ่งพระเยซู​ได้​ทรงกระทำนั้น พระองค์​จึงตรัสแก่​เหล่​าสาวกของพระองค์​ว่า “จงให้คำเหล่านี้​เข้าหู​ของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย” แต่​คำเหล่านั้นสาวกหาได้​เข​้าใจไม่ ความก็​ถู​กซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่​ได้​เข้าใจ และเขาไม่​กล​้าถามพระองค์ถึงคำนั้น แล​้วเหล่าสาวกก็​เก​ิดเถียงกั​นว​่า ในพวกเขาใครจะเป็นใหญ่​ที่สุด ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่​ใกล้​พระองค์ แล​้วตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆคนนี้ในนามของเรา ผู้​นั้​นก​็​ได้​รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้​นั้​นก​็​ได้​รับพระองค์​ผู้​ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้​ใดเป็นผู้ต่ำต้อยที่​สุด ผู้​นั้นแหละเป็นผู้​ใหญ่​”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่แต่ลำพัง เหล่าสาวกอยู่กับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<คนทั้งปวงพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>> เหล่าสาวกทูลตอบว่า <<เขาว่าเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ แต่คนอื่นว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณเป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า>> พระองค์จึงกำชับสั่งเขามิให้บอกความนี้แก่ผู้ใด และตรัสว่า <<บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า <<ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น เมื่อท่านจะมาด้วยพระสิริของท่านเอง ของพระบิดา และของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่ซึ่งยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า>> ภายหลังพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ ดูเถิด มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยศักดิ์ศรี และกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นก็ง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้ว เขาก็ได้เห็นพระสิริของพระองค์ และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง>> เปโตรไม่รู้สึกตัวว่าได้พูดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มีเมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเขาอยู่ในเมฆนั้นเขาก็กลัว มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า <<ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ถูกเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด>> เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซูทรงสถิตอยู่องค์เดียว เขาทั้งสามก็นิ่งอยู่ และในกาลครั้งนั้นเขามิได้บอกเหตุการณ์ซึ่งเขาได้เห็นแก่ผู้ใด วันรุ่งขึ้นเมื่อพระองค์กับเหล่าสาวกลงมาจากภูเขาแล้ว มีคนมากมายมาพบพระองค์ ดูเถิด มีชายคนหนึ่งในหมู่ประชาชนนั้น ร้องว่า <<อาจารย์เจ้าข้า ขอพระองค์ทรงโปรดดูบุตรของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีบุตรคนเดียว และดูเถิด ผีมักจะเข้าสิงเขา เด็กก็โห่ร้องขึ้นทันที ผีทำให้เด็กนั้นชักดิ้น น้ำลายฟูมปาก ทำให้ตัวฟกช้ำไม่ใคร่ออกจากเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอเหล่าสาวกของพระองค์ให้ขับมันออกเสีย แต่เขากระทำไม่ได้>> พระเยซูตรัสตอบว่า <<โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้านานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่นี่เถิด>> เมื่อเด็กนั้นกำลังมา ผีก็ทำให้เขาล้มชักดิ้นใหญ่ แต่พระเยซูตรัสสำทับผีโสโครกนั้นและทรงรักษาเด็กให้หาย แล้วส่งคืนให้บิดาเขา คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักเพราะความใหญ่ยิ่งของพระเจ้า แต่เมื่อเขาทั้งหลายยังประหลาดใจอยู่ เพราะเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งพระเยซูได้ทรงกระทำนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า <<ท่านทั้งหลายจงให้คำเหล่านี้เข้าหูของท่าน เพราะว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ในมือมนุษย์>> แต่คำเหล่านั้นสาวกหาได้เข้าใจไม่ ความก็ถูกซ่อนไว้จากเขา เพื่อเขาจะไม่ได้เข้าใจ และเขาไม่กล้าถามพระองค์ถึงคำนั้น แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่าในพวกเขาใครเป็นใหญ่ ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขาจึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้พระองค์ แล้วตรัสกับเขาว่า <<ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆคนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ได้รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็ได้รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้ใดเป็นผู้น้อยผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่>>

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ครั้งหนึ่งขณะพระเยซูทรงกำลังอธิษฐานเป็นการส่วนพระองค์และเหล่าสาวกอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และยังมีบางคนว่าเป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยเก่าก่อนคนหนึ่งที่ได้เป็นขึ้นมาจากตาย” พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “ทรงเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระเยซูทรงกำชับพวกเขาอย่างเคร่งครัดไม่ให้บอกเรื่องนี้แก่ใคร และตรัสว่า “บุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์หลายประการ ถูกบรรดาผู้อาวุโสและพวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ปฏิเสธ พระองค์จะต้องถูกประหาร และในวันที่สามจะทรงมีชีวิตกลับเป็นขึ้นมาใหม่” จากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาทั้งปวงว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะผู้ใดต้องการเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดพลีชีวิตเพื่อเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตรอด จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียตัวของเขาเอง? ถ้าผู้ใดอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขาเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์และพระเกียรติสิริของพระบิดา พร้อมทั้งศักดิ์ศรีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าบางคนซึ่งยืนอยู่ที่นี่จะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่จะลิ้มรสความตาย” ราวแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสดังนั้น พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน ขณะพระองค์ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์สว่างสุกใสดังแสงฟ้าแลบ มีชายสองคนคือโมเสสกับเอลียาห์ มาปรากฏกายอย่างเปี่ยมด้วยสง่าราศีและสนทนากับพระเยซู พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จที่กรุงเยรูซาเล็ม เปโตรกับเพื่อนๆ ง่วงมาก แต่เมื่อตาสว่างเต็มที่พวกเขาก็เห็นพระเกียรติสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ ขณะคนทั้งสองกำลังจะจากไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงที่พวกข้าพระองค์ได้มาอยู่ที่นี่ ให้เราสร้างเพิงขึ้นสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” (เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่) ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เมฆก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพวกเขา เมื่ออยู่ในเมฆพวกเขากลัวมาก มีพระสุรเสียงดังจากเมฆว่า “คนนี้คือลูกของเราซึ่งเราได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังเขาเถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาเห็นว่ามีพระเยซูอยู่เพียงผู้เดียว สาวกทั้งสามเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และในเวลานั้นพวกเขาไม่เล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ใครฟัง วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว มีฝูงชนกลุ่มใหญ่มาพบพระเยซู ชายคนหนึ่งในฝูงชนร้องทูลว่า “พระอาจารย์ ขอพระองค์โปรดมาทอดพระเนตรลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของข้าพระองค์ มีวิญญาณเข้าสิงเขาและเขาจะกรีดร้องทันที มันทำให้เขาชักทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และมันกำลังทำลายเขา ข้าพระองค์ขอร้องสาวกของพระองค์ให้ขับมันออก แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้” พระเยซูตรัสว่า “คนในยุคที่ขาดความเชื่อและวิปริต เราจะอยู่กับพวกท่านและต้องทนพวกท่านไปนานเท่าใด? พาลูกของท่านมาที่นี่เถิด” แม้ขณะที่เด็กกำลังมา ผีก็ยังทำให้เขาล้มชักบนพื้น แต่พระเยซูทรงกำราบวิญญาณชั่ว และรักษาเด็กคนนั้นแล้วส่งคืนให้บิดา เขาทั้งหลายล้วนศรัทธาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจในการทั้งปวงที่พระเยซูได้ทรงกระทำ พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงตั้งใจฟังสิ่งที่เราจะบอกท่านให้ดี คือบุตรมนุษย์จะถูกทรยศให้ตกอยู่ในมือมนุษย์” แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทรงหมายความว่าอะไร เพราะความข้อนี้ถูกเก็บงำจากเขาเพื่อเขาจะไม่เข้าใจ และเขาก็ไม่กล้าทูลถามพระองค์เรื่องนี้ เกิดการโต้เถียงกันในหมู่สาวกว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงทรงนำเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนอยู่ข้างพระองค์ แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กน้อยนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เพราะผู้เล็กน้อยที่สุดในหมู่พวกท่านทั้งปวง ก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:18-48 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้ง​หนึ่ง ขณะ​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่​เพียง​พระ​องค์​เดียว พระ​องค์​ถาม​บรรดา​สาวก​ที่​อยู่​ด้วย​ว่า “ฝูง​ชน​พูด​กัน​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” สาวก​ตอบ​ว่า “เป็น​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา บ้าง​พูด​ว่า​เป็น​เอลียาห์ บาง​คน​ก็​ว่า เป็น​ผู้​หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​จาก​สมัย​โบราณ​ที่​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​อีก” พระ​องค์​ถาม​ว่า “แต่​พวก​เจ้า​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “พระ​คริสต์​ของ​พระ​เจ้า” พระ​เยซู​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​ใครๆ พระ​องค์​กล่าว​ว่า “บุตรมนุษย์​ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​ประการ และ​พวก​ผู้ใหญ่ บรรดา​มหา​ปุโรหิต และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​จะ​ไม่​ยอมรับ บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​ประหาร​ชีวิต​และ 3 วัน​ต่อ​มา​จะ​ฟื้น​คืนชีวิต” แล้ว​พระ​องค์​กล่าว​กับ​ทุก​คน​ที่​นั่น​ว่า “ถ้า​ใคร​ปรารถนา​ที่​จะ​ตาม​เรา​มา​จะ​ต้อง​ไม่​เห็น​แก่​ตน​เอง เขา​จะ​แบก​ไม้​กางเขน​ของ​ตน​เป็น​ประจำ​ทุก​วัน​และ​ติดตาม​เรา เพราะ​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​ช่วย​ชีวิต​ของ​ตน​ให้​รอด​จะ​สูญเสีย​ชีวิต​นั้น​ไป แต่​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ยอม​เสีย​ชีวิต​ของ​เขา​เพื่อ​เรา​ก็​จะ​มี​ชีวิต​ที่​รอด​พ้น จะ​มี​ประโยชน์​อะไร หาก​คน​หนึ่ง​ได้​ทั้ง​โลก​มา​เป็น​ของ​ตน แต่​ต้อง​สูญเสีย​ชีวิต​ของ​เขา​ไป ใคร​ก็​ตาม​ที่​มี​ความ​อาย​เพราะ​เรา​และ​คำ​พูด​ของ​เรา บุตรมนุษย์​ก็​จะ​มี​ความ​อาย​เพราะ​เขา ใน​เวลา​ที่​ท่าน​มา​ด้วย​สง่า​ราศี​ของ​ท่าน ของ​พระ​บิดา​และ​ของ​บรรดา​ทูต​สวรรค์​ผู้​บริสุทธิ์ เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ไม่​รู้​รส​ความ​ตาย​ก่อน​ที่​จะ​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” หลัง​จาก​ที่​พระ​เยซู​กล่าว​สิ่ง​นี้​ได้​ประมาณ 8 วัน​ก็​พา​เปโตร ยอห์น และ​ยากอบ ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ด้วย​เพื่อ​อธิษฐาน ขณะ​ที่​พระ​องค์​อธิษฐาน​อยู่ ใบหน้า​ของ​พระ​องค์​ก็​เปลี่ยน​ไป และ​เสื้อ​ตัว​นอก​ที่​สวม​ก็​บังเกิด​ขาว​ประกาย​เจิดจ้า มี​ชาย 2 คน​กำลัง​สนทนา​อยู่​กับ​พระ​องค์​คือ​โมเสส​และ​เอลียาห์ เขา​ทั้ง​สอง​ปรากฏ​ตัว​ด้วย​สง่า​ราศี​ที่​รุ่งโรจน์ และ​กำลัง​สนทนา​กัน​ถึง​การ​จาก​ไป​ของ​พระ​องค์ ซึ่ง​ใกล้​ถึง​เวลา​ที่​จะ​กระทำ​ให้​สำเร็จ​เสร็จ​สิ้น​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม เปโตร​และ​สาวก​อีก 2 คน​ที่​ติดตาม​มา​ด้วย​กำลัง​เคลิ้ม แต่​เมื่อ​ตื่น​ขึ้น​ก็​เห็น​พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​เยซู และ​ชาย 2 คน​นั้น​ก็​ยืน​อยู่​ด้วย ขณะ​ที่​ชาย​ทั้ง​สอง​กำลัง​จาก​ไป เปโตร​พูด​กับ​พระ​เยซู​โดย​ไม่​รู้สึก​ตัว​ว่า “นาย​ท่าน ดี​เหลือ​เกิน​ที่​พวก​เรา​ได้​มา​อยู่​กัน​ที่​นี่ ให้​พวก​เรา​สร้าง​กระโจม 3 หลัง​เถิด กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​พระ​องค์ กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​โมเสส และ​กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​เอลียาห์” ขณะ​ที่​กำลัง​พูด เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ปกคลุม​ผู้​คน ณ ที่​นั้น​ไว้ จน​ต่าง​ก็​เกิด​ความ​ตระหนก​ยิ่ง ทั้ง​มี​เสียง​จาก​เมฆ​กล่าว​ว่า “ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ของ​เรา คือ​ผู้​ที่​เรา​ได้​เลือก​ไว้​แล้ว จง​ฟัง​ท่าน​เถิด” สิ้น​เสียง​นั้น​แล้ว​สาวก​ทั้ง​สาม​ก็​พบ​พระ​เยซู​แต่​เพียง​ลำพัง และ​พวก​เขา​เก็บ​เรื่อง​นี้​ไว้​โดย​ไม่​แพร่งพราย​กับ​ผู้​ใด​ใน​เวลา​นั้น​ว่า พวก​เขา​ได้​พบ​อะไร​มา​บ้าง ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น เมื่อ​พระ​องค์​และ​เหล่า​สาวก​ลง​มา​จาก​ภูเขา​ก็​พบ​ว่า มี​ผู้​คน​มาก​มาย​มา​รอ​พบ​พระ​องค์ ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​ฝูง​ชน​ตะโกน​ขึ้น​ว่า “อาจารย์ ขอ​ท่าน​โปรด​ดู​ลูก​ชาย​ของ​ข้าพเจ้า เพราะ​เขา​เป็น​ลูก​คน​เดียว​เท่า​นั้น มี​วิญญาณ​เข้า​สิง​เขา ทำ​ให้​กรีดร้อง​ดัง​ทันที​ทันใด แล้ว​เขา​จะ​ชัก​จน​น้ำลาย​ฟูม​ปาก มัน​ทำ​ให้​เขา​ล้มลุก​คลุกคลาน และ​แทบ​จะ​ไม่​ได้​ละ​ไป​จาก​ร่าง​ของ​เขา​เลย ข้าพเจ้า​ได้​อ้อนวอน​ให้​สาวก​ของ​ท่าน​ขับไล่​มัน​ไป​เสีย แต่​พวก​เขา​ทำ​ไม่​ได้” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คน​ใน​ช่วง​กาล​เวลา​นี้​ช่าง​ไร้​ความ​เชื่อ และ​บิดเบือน​เสีย​จริง เรา​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​เจ้า และ​ทน​ต่อ​เจ้า​ไป​นาน​สัก​เท่าไร จง​นำ​ตัว​ลูก​ชาย​ของ​เจ้า​มา​ที่​นี่​เถิด” ขณะ​ที่​เด็ก​กำลัง​เดิน​มา มาร​ก็​ทำ​ให้​เขา​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​และ​ชัก แต่​พระ​เยซู​ห้าม​วิญญาณ​ร้าย และ​รักษา​เด็ก​จน​หาย​ดี แล้ว​ส่ง​กลับ​ไป​หา​พ่อ​ของ​เขา ฝูง​ชน​ต่าง​อัศจรรย์​ใจ​ใน​ความ​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​เจ้า ขณะ​ที่​ทุก​คน​กำลัง​แปลกใจ​กับ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​พระ​เยซู​กระทำ พระ​องค์​กล่าว​กับ​พวก​สาวก​ว่า “จง​ฟัง​เรา​ให้​ดี จวน​เวลา​แล้ว​ที่​บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​มอบ​ไว้​ใน​มือ​ของ​มนุษย์” แต่​พวก​เขา​ไม่​เข้าใจ​ใน​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​กล่าว​ถึง เขา​ไม่​อาจ​เห็น​ความ​หมาย​ที่​แฝง​อยู่ แต่​ก็​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม​ถึง​ความ​นัย​นั้น พวก​สาวก​เริ่ม​ถกเถียง​กัน​ว่า​ใคร​เป็น​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด​ใน​จำนวน​พวก​เขา พระ​เยซู​ทราบ​ถึง​ความ​คิด​ของ​สาวก​จึง​นำ​เด็ก​เล็กๆ คน​หนึ่ง​มา​ยืน​ใกล้​พระ​องค์ แล้ว​กล่าว​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “ผู้​ใด​ก็​ตาม​ที่​รับ​เด็ก​เล็กๆ คน​นี้​ใน​นาม​ของ​เรา ก็​ถือ​ได้​ว่า รับ​เรา​ด้วย และ​ผู้​ใด​ที่​รับ​เรา ก็​นับ​ว่า​รับ​พระ​องค์​ผู้​ส่ง​เรา​มา ผู้​ที่​ต่ำต้อย​ที่​สุด​ใน​พวก​เจ้า​คือ​ผู้​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​ที่​สุด”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9