ลูกา 9:1-36

ลูกา 9:1-36 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

พระเยซู​เรียก​ศิษย์​เอก​ทั้ง​สิบสอง​คน​มา แล้ว​พระองค์​ก็​ให้​พวก​เขา​มี​ฤทธิ์​และสิทธิอำนาจ​เหนือ​ผี​ชั่ว​ทั้งหมด และ​รักษา​โรค​ภัย​ไข้​เจ็บ​ได้ แล้ว​พระองค์​ก็​ส่ง​พวก​เขา​ออก​ไป​ประกาศ​เรื่อง​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า และ​ให้​รักษา​คน​เจ็บป่วย พระองค์​สั่ง​ว่า “ไม่​ต้อง​เอา​อะไร​ติดตัว​ไป​เลย ไม่ว่า​จะ​เป็น​ไม้เท้า ถุงย่าม อาหาร เงิน​หรือ​เสื้อผ้า​สำรอง เมื่อ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​บ้าน​หลัง​ไหน​แล้ว ก็​ให้​อยู่​ที่​นั่น​ตลอด​จน​กว่า​จะ​ออก​จาก​เมือง​นั้น​ไป ถ้า​เมือง​ไหน​ไม่​ต้อนรับ ก็​ให้​ออก​จาก​เมือง​นั้น​ไป แล้ว​สะบัด​ฝุ่น​ออก​จาก​เท้า ด้วย เพื่อ​เป็น​การเตือน​พวก​เขา” พวก​เขา​ก็​ได้​ไป​ประกาศข่าว​ดีนี้ ทั่ว​ทุก​หมู่บ้าน​และ​รักษา​คน​เจ็บป่วย​ด้วย เมื่อ​เฮโรด ผู้ปกครอง​แคว้น​กาลิลี ได้ยิน​เรื่อง​ต่างๆ​ที่​เกิด​ขึ้น​นี้ ก็​มึนงง​สงสัย เพราะ​มี​คน​บอก​เขา​ว่า​พระเยซู “เป็น​ยอห์น​ที่​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ความตาย” บางคน​ก็​บอก​ว่า “เป็น​เอลียาห์​ที่​มา​ปรากฏ​ให้​เห็น” แล้ว​บางคน​ก็​บอก​ว่า​เป็น “ผู้​พูด​แทน​พระเจ้า​คน​หนึ่ง​จาก​สมัย​ก่อน​ที่​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่” แต่​เฮโรด​พูด​ว่า “เรา​ตัด​หัว​ยอห์น​ไป​แล้ว แล้ว​คนนี้​ที่​เรา​ได้ยิน​คน​พูด​ถึง เป็น​ใคร​กัน​แน่” พระองค์​ก็​เลย​อยาก​จะ​เจอ​พระเยซู เมื่อ​พวก​ศิษย์​เอก​กลับ​มา ก็​เล่า​เรื่อง​ทุก​อย่าง​ที่​พวก​เขา​ได้​ทำ​และ​สอน ให้​กับ​พระเยซู​ฟัง แล้ว​พระองค์​จึง​พา​พวก​เขา​ปลีก​ตัว​ออก​ไป​ที่​เมือง​เบธไซดา เมื่อ​พวก​ชาวบ้าน​รู้​เข้า ก็​ตาม​พระองค์​ไป พระองค์​ก็​ต้อนรับ​พวก​เขา พร้อม​กับ​เล่า​เรื่อง​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ให้​ฟัง และ​ยัง​ได้​รักษา​คน​ที่​เจ็บไข้ได้ป่วย​ด้วย พอ​ตก​เย็น ศิษย์เอก​ทั้ง​สิบสอง​คน​พา​กัน​มา​หา​พระเยซู พูด​ว่า “ส่ง​ชาวบ้าน​พวกนี้​กลับ​ไป​เถอะ พวก​เขา​จะ​ได้​ไปหา​อาหาร​กิน​และ​หา​ที่​พัก​ตาม​หมู่บ้าน​หรือ​ไร่นา​ใกล้ๆนี้​ใน​คืนนี้ เพราะ​ที่​นี่​เปลี่ยว​มาก” แต่​พระเยซู​กลับ​บอก​ว่า “พวก​คุณ​หา​อะไร​มา​เลี้ยง​พวก​เขา​สิ” พวก​ศิษย์​ตอบ​ว่า “พวก​เรา​มี​แค่​ขนมปัง​ห้า​ก้อน​กับ​ปลา​สอง​ตัว​เท่า​นั้น ถ้า​จะ​ให้​มี​อาหาร​พอ​ก็​ต้อง​ไป​ซื้อ​มา​เลี้ยง​พวก​เขา​ทุก​คน” ขณะ​นั้น​มี​ผู้ชาย​อยู่​ประมาณ​ห้าพัน​คน แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​กับ​พวก​ศิษย์​ว่า “ถ้า​งั้น​ไป​บอก​ให้​พวก​เขา​นั่ง​กัน​เป็น​กลุ่มๆ กลุ่ม​ละ​ประมาณ​ห้าสิบ​คน” พวก​เขา​ก็​ไป​ทำ​ตาม ทุก​คน​นั่ง​ลง​เป็น​กลุ่มๆ พระเยซู​หยิบ​ขนมปัง​ห้า​ก้อน และ​ปลา​สอง​ตัว​ขึ้น​มา พร้อม​แหงน​หน้า​ขึ้น​มอง​ท้องฟ้า ขอบคุณ​พระเจ้า​สำหรับ​อาหาร แล้ว​หัก​ขนมปัง​ส่ง​ให้​กับ​พวก​ศิษย์ เพื่อ​เอา​ไป​แบ่ง​ให้​กับ​ทุก​คน พวก​ชาวบ้าน​ต่าง​กิน​กัน​จน​อิ่ม และ​พวก​ศิษย์​ก็​เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​กิน​ได้​อีก​สิบสอง​เข่ง​เต็มๆ เมื่อ​พระเยซู​อธิษฐาน​อยู่​คน​เดียว พวก​ศิษย์​ก็​พา​กัน​มา​หา​พระองค์ พระองค์​จึง​ถาม​ว่า “ชาวบ้าน​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บางคน​ว่า​เป็น​ยอห์น​คน​ทำ​พิธีจุ่มน้ำ บางคน​ก็​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​บางคน​ว่า​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า​คน​หนึ่ง​ใน​สมัย​ก่อน​ที่​ฟื้นขึ้น​มา​ใหม่” พระองค์​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “เป็น​กษัตริย์​ผู้ยิ่งใหญ่​ของ​พระเจ้า” พระเยซู​เตือน​พวก​เขา​ว่า​อย่า​บอก​ให้​ใคร​รู้ พระองค์​พูด​ว่า “บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์ทรมาน​หลาย​อย่าง พวก​ผู้นำ​ชาวยิว พวก​หัวหน้า​นักบวช​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ก็​จะ​ไม่​ยอมรับ​พระองค์ และ​พระองค์​จะ​ต้อง​ถูก​ฆ่า แต่​พระองค์​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่​ใน​วันที่​สาม” แล้ว​พระองค์​ก็​พูด​กับ​ทุก​คน​ว่า “ถ้า​ใคร​อยาก​จะ​ติดตาม​เรา ต้อง​เลิก​ตามใจ​ตัวเอง แล้ว​แบก​ไม้กางเขน​ของ​ตัวเอง​ตาม​เรา​ทุกๆ​วัน คน​ที่​อยาก​จะ​เอา​ตัว​รอด​จะ​ไม่​รอด แต่​คน​ที่​ยอม​สละ​ตัวเอง​เพื่อ​เรา​จะ​รอด มัน​จะ​ได้​กำไร​ตรง​ไหน ถ้า​ได้​โลก​ทั้งใบ แต่​เสีย​ตัวตน​หรือ​ถูก​ทำลาย​ไป คน​ไหน​ที่​อับอาย​ที่​จะ​ยอมรับ​เรา​และ​ถ้อย​คำ​ของ​เรา บุตร​มนุษย์​ก็​จะ​อับอาย​ที่​จะรับ​คน​นั้น​ด้วย​เหมือน​กัน​ใน​วัน​ที่​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​พร้อม​กับ​สง่าราศี​ของ​พระองค์ สง่าราศี​ของ​พระบิดา และ​ของ​พวก​ทูตสวรรค์​ที่​ศักดิ์สิทธิ์ แต่​เรา​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า มี​บางคน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ยัง​ไม่​ตาย​จน​กว่า​จะ​ได้​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เสีย​ก่อน” หลัง​จาก​นั้น​ประมาณ​แปด​วัน​พระองค์​พา​เปโตร ยอห์น และ​ยากอบ​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​เพื่อ​อธิษฐาน ใน​ขณะ​ที่​อธิษฐาน ใบหน้า​ของ​พระองค์​ก็​เปลี่ยน​ไป เสื้อผ้า​พระองค์​เปลี่ยน​เป็น​สีขาว​เปล่งประกาย​แวววาว อยู่ๆ​ก็​มี​ชาย​สอง​คน คือ​โมเสส​กับ​เอลียาห์ มา​พูด​คุย​อยู่​กับ​พระองค์​ที่​นั่น ทั้ง​สอง​เปล่ง​รัศมี​เจิดจ้า พวก​เขา​กำลัง​พูด​ถึง​การตาย​ของ​พระเยซู​ที่​กำลัง​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม ส่วน​เปโตร​กับ​เพื่อน​อีก​สอง​คน​นั้น​ง่วง​มาก แต่​เมื่อ​พวก​เขา​ตื่น​เต็มที่ ก็​เห็น​รัศมี​อัน​เจิดจ้า​ของ​พระเยซู และ​เห็น​ชาย​สอง​คน​ยืน​อยู่​กับ​พระองค์ เมื่อ​ชาย​สอง​คน​นั้น​กำลัง​จะ​ไป เปโตร​พูด​กับ​พระเยซู​ว่า “อาจารย์​ครับ ดี​จัง​เลย​ที่​พวก​เรา​อยู่​ที่​นี่ เรา​จะ​ได้​สร้าง​เพิง​ขึ้น​สาม​หลัง สำหรับ​พระองค์​หนึ่ง​หลัง โมเสส​หนึ่ง​หลัง และ​เอลียาห์​อีก​หนึ่ง​หลัง” แต่​เปโตร​ไม่​รู้​หรอก​ว่า​ตัวเอง​กำลัง​พูด​อะไร​ออก​ไป ขณะ​ที่​เปโตร​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น ก็​มี​เมฆ​ลอย​มา​ปกคลุม​พวก​เขา​ไว้ พวก​เขา​กลัว​มาก มี​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ออก​มา​จาก​เมฆ​ว่า “ท่าน​ผู้นี้​คือ​ลูก​ของ​เรา​ที่​เรา​เลือก​ไว้ ให้​เชื่อฟัง​ท่าน” เมื่อ​เสียง​นั้น​เงียบ​ลง พวก​เขา​ก็​เห็น​แต่​พระเยซู​เท่านั้น แล้ว​พวก​ศิษย์​ก็​เก็บ​เรื่อง​ที่​ได้​เห็น​นี้​ไว้​ใน​ใจ ไม่​ได้​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง​เลย​ใน​ตอน​นั้น

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:1-36 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วทรงให้พวกเขามีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งหลาย และรักษาโรคต่างๆ ให้หายได้ แล้วพระองค์ทรงใช้เขาทั้งหลายไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้าและรักษาคนป่วยให้หาย พระองค์ทรงสั่งพวกเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่นไม้เท้า หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อสองตัว และถ้าเข้าไปในบ้านไหน ก็จงอาศัยอยู่ในบ้านนั้นจนกว่าจะจากไป ถ้ามีใครไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีดินออกจากเท้าของท่านเพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อต้านพวกเขา” พวกสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยทุกแห่งหนให้หาย เฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ก็รู้สึกสับสนมาก เพราะบางคนบอกว่ายอห์นเป็นขึ้นจากตายแล้ว บางคนบอกว่าเอลียาห์มาปรากฏ คนอื่นว่าผู้เผยพระวจนะโบราณกลับเป็นขึ้นมา เฮโรดจึงกล่าวว่า “ยอห์นคนนั้นเราตัดศีรษะไปแล้ว แต่คนนี้ที่เราได้ยินเรื่องราวต่างๆ เป็นใครกันแน่?” แล้วเฮโรดจึงหาโอกาสที่จะพบพระองค์ เมื่อบรรดาอัครทูตกลับมาแล้ว พวกเขาทูลพระเยซูถึงสิ่งที่ได้ทำนั้น พระองค์จึงพาเขาออกไปตามลำพังใกล้เมืองที่เรียกว่าเบธไซดา แต่เมื่อฝูงชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขา ตรัสสั่งสอนถึงแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการหายโรคพระองค์ก็ทรงรักษา เมื่อกำลังจะใกล้ค่ำ สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอส่งฝูงชนไปตามหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่แถวนี้เพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะที่ที่เราอยู่นี้เป็นที่เปลี่ยว” แต่พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรมาก มีแค่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว นอกเสียจากจะไปหาซื้ออาหารให้ประชาชนทั้งหมดนี้” เพราะมีผู้ชายอยู่ที่นั่นประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งพวกสาวกของพระองค์ว่า “จงให้พวกเขานั่งลงเป็นหมู่ๆ หมู่ละประมาณห้าสิบคน” สาวกก็ทำตาม คือให้ทุกคนนั่งลง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้พวกสาวกเอาไปแจกจ่ายฝูงชน พวกเขาก็ได้กินอิ่มกันทุกคน แล้วพวกสาวกยังเก็บเศษอาหารที่เหลือนั้นได้ถึงสิบสองตะกร้า ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงกำชับสั่งพวกเขาไม่ให้บอกใครเรื่องนี้ และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ทำลายหรือสูญเสียตัวเองไป ถ้าใครมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะคนนั้นเมื่อท่านมาด้วยพระรัศมีของท่าน และของพระบิดา และรัศมีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่พบความตายจนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า” หลังจากพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นได้ประมาณแปดวัน พระองค์ทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา และนี่แน่ะ มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยรัศมี และกำลังกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งใกล้จะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นกำลังง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อพวกเขาตาสว่างขึ้น เขาก็เห็นพระรัศมีของพระองค์และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังจะลาจากพระองค์ไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงๆ ที่เราได้มาอยู่ที่นี่ น่าจะทำเพิงขึ้นสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในเมฆนั้นพวกเขาก็กลัว แล้วมีพระสุรเสียงดังออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ที่เราเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด” เมื่อสิ้นพระสุรเสียงนั้นแล้ว พระเยซูก็ทรงปรากฏอยู่เพียงลำพัง พวกเขาก็ปิดเรื่องนี้เงียบ และในช่วงเวลาต่อมาเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นนั้น

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:1-36 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

พระองค์​ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มาพร้อมกัน แล​้วทรงประทานให้เขามีอำนาจและสิทธิอำนาจเหนือผีทั้งปวงและรักษาโรคต่างๆให้​หาย แล​้วพระองค์ทรงใช้เขาไปประกาศอาณาจักรของพระเจ้า และรักษาคนป่วยเจ็บให้​หาย พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งเขาว่า “อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่น ไม้เท้า หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อคลุมสองตัว และถ้าเข้าไปในเรือนไหน จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้นจนกว่าจะไป ผู้​ใดไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลี​ดิ​นจากเท้าของท่านออกส่อให้​เห​็นความผิดของเขา” เหล่​าสาวกจึงออกไปตามเมืองต่างๆประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยเจ็​บท​ุกแห่งให้​หาย ฝ่ายเฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุ​การณ์​ทั้งปวงซึ่งพระองค์​ได้​ทรงกระทำนั้น จึงคิดสงสัยมาก เพราะบางคนว่ายอห์นเป็นขึ้นมาจากความตาย บางคนก็ว่าเป็นเอลียาห์มาปรากฏ คนอื่​นว​่าเป็นศาสดาพยากรณ์โบราณกลับเป็นขึ้นมาอีก เฮโรดจึงว่า “ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว แต่​คนนี้​ที่​เราได้ยินเหตุ​การณ์​ของเขาอย่างนี้คือผู้ใดเล่า” แล​้วเฮโรดจึงหาโอกาสที่จะเห็นพระองค์ ครั้​นอ​ัครสาวกกลับมาแล้ว เขาทูลพระองค์ถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น พระองค์​จึงพาเขาไปยังที่​เปล​ี่ยวแต่ลำพังใกล้เมืองที่เรียกว่าเบธไซดา แต่​เมื่อประชาชนรู้​แล​้วจึงตามพระองค์​ไป พระองค์​ทรงต้อนรับเขา ตรั​สส​ั่งสอนเขาถึงอาณาจักรของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการให้หายโรคพระองค์​ก็​ทรงรักษาให้ ครั้นกำลังจะเย็นแล้ว สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์​ว่า “​ขอให้​ประชาชนไปตามเมืองต่างๆและชนบทที่​อยู่​แถบนี้ หาที่พักนอนและหาอาหารรับประทาน เพราะที่เราอยู่​นี้​เป็​นที​่​เปลี่ยว​” แต่​พระองค์​ตรัสแก่เขาว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่​มี​อะไรมาก มี​แต่​ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เว้นเสียแต่เราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนทั้งปวงนี้” เพราะว่าคนเหล่านั้นนับแต่​ผู้​ชายได้ประมาณห้าพันคน พระองค์​จึงสั่งเหล่าสาวกของพระองค์​ว่า “จงให้คนทั้งปวงนั่งลงเป็นหมู่​ๆ ราวหมู่ละห้าสิบคน” เขาก็กระทำตาม คือให้คนทั้งปวงนั่งลง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตั​วน​ั้นแล้ว ก็​แหงนพระพักตร์​ดู​ฟ้าสวรรค์​ขอบพระคุณ แล​้วหักส่งให้​แก่​เหล่​าสาวก ให้​เขาแจกแก่​ประชาชน เขาได้กิ​นอ​ิ่​มท​ุกคน แล​้วเขาเก็บเศษอาหารที่ยังเหลือนั้นได้​สิ​บสองกระบุง ต่อมาเมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่​แต่ลำพัง เหล่​าสาวกอยู่กับพระองค์ พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “คนทั้งปวงพู​ดก​ั​นว​่า เราเป็นผู้​ใด​” เหล่​าสาวกทูลตอบว่า “เขาว่าเป็นยอห์นผู้​ให้​รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ แต่​คนอื่​นว​่าเป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์โบราณเป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “​แล​้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นผู้​ใด​” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์​จึงกำชับสั่งเขามิ​ให้​บอกความนี้​แก่​ผู้ใด ตรั​สว​่า “​บุ​ตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้​ใหญ่ พวกปุโรหิตใหญ่ และพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน ในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่​ในวั​นที​่สามท่านจะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่” พระองค์​จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้​ผู้​นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้​นั้นจะเสียชีวิต แต่​ผู้​ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่​เรา ผู้​นั้นจะได้​ชี​วิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้​สิ​่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียตัวของตนเองหรือถูกทิ้งเสีย ผู้​นั้นจะได้​ประโยชน์​อะไร เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุ​ตรมนุษย์​ก็​จะมีความอายเพราะผู้​นั้น เมื่อท่านมาด้วยสง่าราศีของท่านเองและของพระบิดาและของเหล่าทูตสวรรค์​บริสุทธิ์ แต่​เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มี​บางคนที่ยืนอยู่​ที่นี่ ซึ่งยังจะไม่​รู้​รสความตายจนกว่าจะได้​เห​็นอาณาจักรของพระเจ้า” ต่อมาภายหลังพระองค์​ได้​ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์​จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน ขณะที่​พระองค์​กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์​ก็​เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์​ก็​ขาวเป็​นม​ันระยับ ดู​เถิด มี​ชายสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสส และเอลียาห์ ผู้​มาปรากฏด้วยสง่าราศี และกล่าวถึงการมรณาของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่​อยู่​ด้วยนั้​นก​็​ง่วงเหงาหาวนอน แต่​เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้วเขาก็​ได้​เห​็นสง่าราศีของพระองค์ และเห็นชายสองคนนั้​นที​่ยืนอยู่กับพระองค์ ต่อมาเมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซู​ว่า “พระอาจารย์​เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่​ที่นี่​ก็ดี ให้​พวกข้าพระองค์ทำพลับพลาสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” เปโตรไม่​เข​้าใจว่าตัวได้​พู​ดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มี​เมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเข้าอยู่ในเมฆนั้นเขาก็​กลัว มี​พระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้​นว​่า “​ผู้​นี้​เป็นบุตรที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซู​ทรงสถิตอยู่​องค์​เดียว เขาทั้งสามก็​เก​็บเรื่องนี้​ไว้ และในกาลครั้งนั้นเขามิ​ได้​บอกเหตุ​การณ์​ซึ่งเขาได้​เห็นแก่​ผู้ใด

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:1-36 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน แล้วก็ประทานให้เขามีอำนาจเหนือผีทั้งปวง และรักษาโรคต่างๆให้หาย แล้วพระองค์ทรงใช้เขาไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า และรักษาคนป่วยเจ็บให้หาย พระองค์จึงสั่งเขาว่า <<อย่าเอาอะไรไปใช้ตามทาง เช่นไม้เท้า หรือย่าม หรืออาหาร หรือเงิน หรือเสื้อ และถ้าเข้าไปในเรือนไหน ก็จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้นจนกว่าจะไป ผู้ใดไม่ต้อนรับพวกท่าน เมื่อท่านจะไปจากเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีดินจากเท้าของท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของเขา >> เหล่าสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยเจ็บทุกแห่งให้หาย ฝ่ายเฮโรดเจ้าเมืองได้ยินเรื่องเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นนั้น จึงคิดสงสัยมาก เพราะบางคนว่ายอห์นเป็นขึ้นมาจากความตาย บางคนว่าเป็นเอลียาห์มาปรากฏ คนอื่นว่าเป็นผู้เผยพระวจนะโบราณกลับเป็นขึ้นมาอีก เฮโรดจึงว่า <<ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว แต่คนนี้ที่เราได้ยินเหตุการณ์ของเขาอย่างนี้คือผู้ใดเล่า>> แล้วเฮโรดจึงหาโอกาสที่จะเห็นพระองค์ ครั้นอัครทูตกลับมาแล้ว เขาทูลพระองค์ถึงบรรดาการ ซึ่งเขาได้กระทำนั้น พระองค์จึงพาเขาไปแต่ลำพังถึงเมืองที่เรียกว่าเบธไซดา แต่เมื่อประชาชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขา ตรัสสั่งสอนเขาถึงแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการให้หายโรคพระองค์ก็ทรงรักษาให้ ครั้นกำลังจะเย็นแล้ว สาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า <<ขอให้ประชาชนไปตามบ้านไร่บ้านนาที่อยู่แถบนี้ หาที่พักนอนและหาอาหารรับประทานเพราะที่เราอยู่นี้เป็นที่เปลี่ยว>> แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า <<พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด>> เขาทูลว่า <<เราไม่มีอะไรมาก มีแต่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เว้นเสียแต่เราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนทั้งปวงนี้>> เพราะว่าคนเหล่านั้นนับแต่ผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงสั่งเหล่าสาวกของพระองค์ว่า <<จงให้คนทั้งปวงนั่งลงเป็นหมู่ๆ ราวหมู่ละห้าสิบคน>> เขาจึงกระทำตาม คือให้คนทั้งปวงเอนกายลง เมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ขอพร แล้วหักส่งให้แก่เหล่าสาวก ให้เขาแจกแก่ประชาชน เขาได้กินอิ่มทุกคน แล้วเขาเก็บเศษอาหารที่ยังเหลือนั้นได้สิบสองกระบุง เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่แต่ลำพัง เหล่าสาวกอยู่กับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<คนทั้งปวงพูดกันว่าเราเป็นผู้ใด>> เหล่าสาวกทูลตอบว่า <<เขาว่าเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ แต่คนอื่นว่าเป็นคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณเป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า <<แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นใคร>> เปโตรทูลตอบว่า <<เป็นพระคริสต์ของพระเจ้า>> พระองค์จึงกำชับสั่งเขามิให้บอกความนี้แก่ผู้ใด และตรัสว่า <<บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่>> พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า <<ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น เมื่อท่านจะมาด้วยพระสิริของท่านเอง ของพระบิดา และของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีบางคนที่ยืนอยู่ที่นี่ซึ่งยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้า>> ภายหลังพระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นประมาณแปดวัน พระองค์จึงทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ วรรณพระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ ดูเถิด มีสองคนสนทนาอยู่กับพระองค์ คือโมเสสและเอลียาห์ ผู้มาปรากฏด้วยศักดิ์ศรี และกล่าวถึงการจากไปของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม ฝ่ายเปโตรกับคนที่อยู่ด้วยนั้นก็ง่วงเหงาหาวนอน แต่เมื่อเขาตาสว่างขึ้นแล้ว เขาก็ได้เห็นพระสิริของพระองค์ และเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่กับพระองค์ เมื่อสองคนนั้นกำลังลาไปจากพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง>> เปโตรไม่รู้สึกตัวว่าได้พูดอะไร เมื่อเขากำลังพูดคำเหล่านี้ มีเมฆมาคลุมเขาไว้ และเมื่อเขาอยู่ในเมฆนั้นเขาก็กลัว มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า <<ผู้นี้เป็นบุตรของเรา เป็นผู้ถูกเลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังท่านเถิด>> เมื่อพระสุรเสียงนั้นสงบแล้ว พระเยซูทรงสถิตอยู่องค์เดียว เขาทั้งสามก็นิ่งอยู่ และในกาลครั้งนั้นเขามิได้บอกเหตุการณ์ซึ่งเขาได้เห็นแก่ผู้ใด

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:1-36 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

พระเยซูทรงเรียกสาวกสิบสองคนมาพร้อมกัน พระองค์ประทานฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจที่จะขับไล่ผีทั้งปวงและรักษาโรคต่างๆ ให้แก่พวกเขา และพระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าและรักษาคนเจ็บคนป่วย พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “ไม่ต้องนำสิ่งใดติดตัวไปในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือเสื้ออีกตัวหนึ่ง เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใดจงพักที่บ้านนั้นจนกว่าจะออกจากเมืองนั้น หากผู้คนไม่ต้อนรับท่าน เมื่อออกจากเมืองนั้นจงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าเพื่อเป็นพยานกล่าวโทษเขา” เหล่าสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐและรักษาผู้คนทุกหนทุกแห่ง ฝ่ายเฮโรดผู้ครองแคว้นได้ยินเรื่องราวทั้งปวงที่เกิดขึ้นก็สับสนว้าวุ่นเพราะบางคนก็พูดกันว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นจากตาย บางคนก็พูดว่าเอลียาห์มาปรากฏตัว ทั้งยังมีคนอื่นๆ ที่บอกว่าผู้เผยพระวจนะสมัยก่อนคนหนึ่งได้เป็นขึ้นจากตาย แต่เฮโรดกล่าวว่า “เราตัดศีรษะยอห์นไปแล้ว แล้วคนที่เราได้ยินกิตติศัพท์นี่เป็นใครกัน?” เฮโรดจึงพยายามที่จะพบพระองค์ เมื่ออัครทูตกลับมาก็ทูลรายงานพระเยซูถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำ พระองค์จึงทรงพาพวกเขาปลีกตัวไปยังเมืองเบธไซดา แต่ประชาชนรู้เข้าก็ติดตามพระองค์มา พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขา ตรัสกับเขาเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และทรงรักษาโรคให้บรรดาผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เมื่อบ่ายคล้อยสาวกทั้งสิบสองคนจึงมาทูลว่า “ขอทรงให้ประชาชนกลับไปเพื่อพวกเขาจะได้หาอาหารและหาที่พักตามหมู่บ้านและตามชนบทแถบนี้ เพราะเราอยู่ในที่ห่างไกล” พระองค์ตรัสตอบว่า “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด” เหล่าสาวกทูลว่า “เรามีเพียงขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เว้นแต่เราจะไปซื้ออาหารมาให้ฝูงชนทั้งหมดนี้” (ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน) แต่พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ให้พวกเขานั่งกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เหล่าสาวกก็ทำตามนั้น ทุกคนจึงนั่งลง พระเยซูทรงรับขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวมา แล้วเงยพระพักตร์ขึ้นมองฟ้าสวรรค์ ทรงขอบพระคุณพระเจ้า และหักส่งให้เหล่าสาวกแจกจ่ายแก่ประชาชน พวกเขาทุกคนได้กินอิ่มหนำและเหล่าสาวกเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองตะกร้าเต็ม ครั้งหนึ่งขณะพระเยซูทรงกำลังอธิษฐานเป็นการส่วนพระองค์และเหล่าสาวกอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “บางคนก็ว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และยังมีบางคนว่าเป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยเก่าก่อนคนหนึ่งที่ได้เป็นขึ้นมาจากตาย” พระองค์ตรัสถามว่า “แล้วพวกท่านเล่า? พวกท่านว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “ทรงเป็นพระคริสต์ของพระเจ้า” พระเยซูทรงกำชับพวกเขาอย่างเคร่งครัดไม่ให้บอกเรื่องนี้แก่ใคร และตรัสว่า “บุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์หลายประการ ถูกบรรดาผู้อาวุโสและพวกหัวหน้าปุโรหิตกับธรรมาจารย์ปฏิเสธ พระองค์จะต้องถูกประหาร และในวันที่สามจะทรงมีชีวิตกลับเป็นขึ้นมาใหม่” จากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาทั้งปวงว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา เขาต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา เพราะผู้ใดต้องการเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดพลีชีวิตเพื่อเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตรอด จะมีประโยชน์อะไรที่คนๆ หนึ่งจะได้โลกนี้ทั้งโลกแต่ต้องสูญเสียตัวของเขาเอง? ถ้าผู้ใดอับอายในตัวเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ก็จะอับอายในตัวเขาเมื่อพระองค์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์และพระเกียรติสิริของพระบิดา พร้อมทั้งศักดิ์ศรีของเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ เราบอกความจริงแก่ท่านว่าบางคนซึ่งยืนอยู่ที่นี่จะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่จะลิ้มรสความตาย” ราวแปดวันหลังจากที่พระเยซูตรัสดังนั้น พระองค์ทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน ขณะพระองค์ทรงกำลังอธิษฐาน พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์สว่างสุกใสดังแสงฟ้าแลบ มีชายสองคนคือโมเสสกับเอลียาห์ มาปรากฏกายอย่างเปี่ยมด้วยสง่าราศีและสนทนากับพระเยซู พวกเขาพูดถึงการจากไปของพระองค์ซึ่งพระองค์กำลังจะทำให้สำเร็จที่กรุงเยรูซาเล็ม เปโตรกับเพื่อนๆ ง่วงมาก แต่เมื่อตาสว่างเต็มที่พวกเขาก็เห็นพระเกียรติสิริของพระองค์และเห็นชายสองคนยืนอยู่กับพระองค์ ขณะคนทั้งสองกำลังจะจากไป เปโตรทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์ ดีจริงที่พวกข้าพระองค์ได้มาอยู่ที่นี่ ให้เราสร้างเพิงขึ้นสามหลังสำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง” (เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่) ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เมฆก็ปรากฏขึ้นปกคลุมพวกเขา เมื่ออยู่ในเมฆพวกเขากลัวมาก มีพระสุรเสียงดังจากเมฆว่า “คนนี้คือลูกของเราซึ่งเราได้เลือกสรรไว้ จงเชื่อฟังเขาเถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาเห็นว่ามีพระเยซูอยู่เพียงผู้เดียว สาวกทั้งสามเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว และในเวลานั้นพวกเขาไม่เล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ใครฟัง

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9

ลูกา 9:1-36 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ครั้น​แล้ว​พระ​เยซู​จึง​เรียก​อัครทูต​ทั้ง​สิบ​สอง​มา เพื่อ​รับ​อานุภาพ​และ​สิทธิ​อำนาจ​ใน​การ​ขับไล่​มาร​ทั้ง​ปวง รวม​ถึง​การ​รักษา​โรค​ต่างๆ และ​พระ​องค์​ส่ง​พวก​เขา​ออก​ไป​ประกาศ​เรื่อง​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า​และ​รักษา​คน​ป่วย พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​นำ​ของ​ติดตัว​ใน​การ​เดิน​ทาง​เลย เช่น​ไม้เท้า ย่าม อาหาร เงินทอง และ​เสื้อ​สำรอง​ตัว​ใน เมื่อ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ใคร​ก็​จง​อยู่​ที่​นั่น​จน​กว่า​จะ​ออก​ไป​จาก​เมือง ถ้า​ไม่​มี​ผู้​ใด​ต้อนรับ ก็​จง​สลัด​ฝุ่น​ออก​จาก​เท้า​เจ้า​เวลา​ที่​ไป​จาก​เมือง​นั้น เพื่อ​แสดง​ถึง​ความ​ผิด​ของ​เขา​ว่า พระ​เจ้า​จะ​ลง​โทษ​พวก​เขา” ดังนั้น​สาวก​จึง​ไป​ตาม​หมู่บ้าน​เพื่อ​ประกาศ​ข่าว​ประเสริฐ​และ​รักษา​ผู้​คน​ทุก​แห่งหน เมื่อ​เฮโรด​ผู้​ปกครอง​แคว้น​ได้ยิน​เรื่อง​ทั้ง​หมด​ที่​เกิด​ขึ้น​ก็​รู้สึก​งุนงง เพราะ​มี​คำ​เล่าขาน​ว่า​ยอห์น​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย บ้าง​ก็​พูด​ว่า เอลียาห์​มา​ปรากฏ และ​บ้าง​ก็​พูด​ว่า​เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ท่าน​หนึ่ง​ใน​สมัย​โบราณ​ที่​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​อีก เฮโรด​กล่าว​ว่า “เขา​คือ​ยอห์น​ที่​เรา​สั่ง​ตัด​หัว แล้ว​คน​ที่​เรา​ได้ยิน​เรื่อง​ของ​เขา​นี้​คือ​ผู้​ใด” แล้ว​เฮโรด​เอง​ก็​พยายาม​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ได้​พบ​พระ​เยซู หลัง​จาก​ที่​อัครทูต​เดิน​ทาง​กลับ​มา​แล้ว ก็​ได้​รายงาน​การ​ปฏิบัติ​งาน​ของ​เขา​กับ​พระ​เยซู แล้ว​พระ​องค์​ก็​พา​พวก​เขา​ไป​กัน​ตาม​ลำพัง​ถึง​เมือง​เบธไซดา ฝูง​ชน​ที่​ทราบ​เรื่อง​ก็​ตาม​พระ​องค์​ไป พระ​เยซู​ต้อนรับ​พวก​เขา และ​กล่าว​ถึง​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า ทั้ง​ยัง​รักษา​ผู้ป่วย​ที่​จำเป็น​ต้อง​รับ​การ​รักษา ครั้น​ใกล้​เวลา​เย็น อัครทูต​ทั้ง​สิบ​สอง​มา​หา​พระ​องค์​และ​บอก​ว่า “ปล่อย​ให้​ผู้​คน​ไป​ตาม​หมู่บ้าน​ใกล้เคียง​และ​ชนบท เพื่อ​หา​อาหาร​และ​ที่​พัก​เถิด เพราะ​ที่​นี่​เป็น​ที่​กันดาร” พระ​องค์​ตอบ​ว่า “พวก​เจ้า​เอา​อาหาร​มา​ให้​เขา​เถิด” เหล่า​สาวก​พูด​ว่า “เรา​มี​เพียง​ขนมปัง 5 ก้อน​กับ​ปลา​อีก 2 ตัว​เท่า​นั้น นอกจาก​ว่า​เรา​จะ​ไป​ซื้อ​อาหาร​มา​ให้​คน​เหล่า​นี้” มี​ชาย​ประมาณ 5,000 คน​ที่​นั่น แต่​พระ​องค์​กล่าว​กับ​สาวก​ว่า “จง​ให้​คน​นั่ง​ลง​รวม​เป็น​กลุ่มๆ ละ​ประมาณ 50 คน” พวก​สาวก​ก็​ทำ​ตาม โดย​ให้​ทุก​คน​นั่ง​ลง พระ​องค์​หยิบ​ขนมปัง 5 ก้อน​กับ​ปลา 2 ตัว แล้ว​แหงนหน้า​ขึ้น​สู่​สวรรค์ กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า และ​บิ​ขนมปัง​ให้​กับ​พวก​สาวก​เพื่อ​แจก​แก่​ผู้​คน พวก​เขา​ทุก​คน​ได้​รับประทาน​กัน​จน​อิ่มหนำ และ​สามารถ​รวบ​รวม​อาหาร​ที่​เหลือ​ได้ 12 ตะกร้า ครั้ง​หนึ่ง ขณะ​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​อธิษฐาน​อยู่​เพียง​พระ​องค์​เดียว พระ​องค์​ถาม​บรรดา​สาวก​ที่​อยู่​ด้วย​ว่า “ฝูง​ชน​พูด​กัน​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” สาวก​ตอบ​ว่า “เป็น​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา บ้าง​พูด​ว่า​เป็น​เอลียาห์ บาง​คน​ก็​ว่า เป็น​ผู้​หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​จาก​สมัย​โบราณ​ที่​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​อีก” พระ​องค์​ถาม​ว่า “แต่​พวก​เจ้า​พูด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” เปโตร​ตอบ​ว่า “พระ​คริสต์​ของ​พระ​เจ้า” พระ​เยซู​กำชับ​พวก​เขา​ไม่​ให้​บอก​ใครๆ พระ​องค์​กล่าว​ว่า “บุตรมนุษย์​ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​หลาย​ประการ และ​พวก​ผู้ใหญ่ บรรดา​มหา​ปุโรหิต และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​จะ​ไม่​ยอมรับ บุตรมนุษย์​จะ​ถูก​ประหาร​ชีวิต​และ 3 วัน​ต่อ​มา​จะ​ฟื้น​คืนชีวิต” แล้ว​พระ​องค์​กล่าว​กับ​ทุก​คน​ที่​นั่น​ว่า “ถ้า​ใคร​ปรารถนา​ที่​จะ​ตาม​เรา​มา​จะ​ต้อง​ไม่​เห็น​แก่​ตน​เอง เขา​จะ​แบก​ไม้​กางเขน​ของ​ตน​เป็น​ประจำ​ทุก​วัน​และ​ติดตาม​เรา เพราะ​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ต้องการ​ช่วย​ชีวิต​ของ​ตน​ให้​รอด​จะ​สูญเสีย​ชีวิต​นั้น​ไป แต่​ใคร​ก็​ตาม​ที่​ยอม​เสีย​ชีวิต​ของ​เขา​เพื่อ​เรา​ก็​จะ​มี​ชีวิต​ที่​รอด​พ้น จะ​มี​ประโยชน์​อะไร หาก​คน​หนึ่ง​ได้​ทั้ง​โลก​มา​เป็น​ของ​ตน แต่​ต้อง​สูญเสีย​ชีวิต​ของ​เขา​ไป ใคร​ก็​ตาม​ที่​มี​ความ​อาย​เพราะ​เรา​และ​คำ​พูด​ของ​เรา บุตรมนุษย์​ก็​จะ​มี​ความ​อาย​เพราะ​เขา ใน​เวลา​ที่​ท่าน​มา​ด้วย​สง่า​ราศี​ของ​ท่าน ของ​พระ​บิดา​และ​ของ​บรรดา​ทูต​สวรรค์​ผู้​บริสุทธิ์ เรา​ขอบอก​ความ​จริง​กับ​เจ้า​ว่า บาง​คน​ที่​ยืน​อยู่​ที่​นี่​จะ​ไม่​รู้​รส​ความ​ตาย​ก่อน​ที่​จะ​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระ​เจ้า” หลัง​จาก​ที่​พระ​เยซู​กล่าว​สิ่ง​นี้​ได้​ประมาณ 8 วัน​ก็​พา​เปโตร ยอห์น และ​ยากอบ ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ด้วย​เพื่อ​อธิษฐาน ขณะ​ที่​พระ​องค์​อธิษฐาน​อยู่ ใบหน้า​ของ​พระ​องค์​ก็​เปลี่ยน​ไป และ​เสื้อ​ตัว​นอก​ที่​สวม​ก็​บังเกิด​ขาว​ประกาย​เจิดจ้า มี​ชาย 2 คน​กำลัง​สนทนา​อยู่​กับ​พระ​องค์​คือ​โมเสส​และ​เอลียาห์ เขา​ทั้ง​สอง​ปรากฏ​ตัว​ด้วย​สง่า​ราศี​ที่​รุ่งโรจน์ และ​กำลัง​สนทนา​กัน​ถึง​การ​จาก​ไป​ของ​พระ​องค์ ซึ่ง​ใกล้​ถึง​เวลา​ที่​จะ​กระทำ​ให้​สำเร็จ​เสร็จ​สิ้น​ที่​เมือง​เยรูซาเล็ม เปโตร​และ​สาวก​อีก 2 คน​ที่​ติดตาม​มา​ด้วย​กำลัง​เคลิ้ม แต่​เมื่อ​ตื่น​ขึ้น​ก็​เห็น​พระ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​เยซู และ​ชาย 2 คน​นั้น​ก็​ยืน​อยู่​ด้วย ขณะ​ที่​ชาย​ทั้ง​สอง​กำลัง​จาก​ไป เปโตร​พูด​กับ​พระ​เยซู​โดย​ไม่​รู้สึก​ตัว​ว่า “นาย​ท่าน ดี​เหลือ​เกิน​ที่​พวก​เรา​ได้​มา​อยู่​กัน​ที่​นี่ ให้​พวก​เรา​สร้าง​กระโจม 3 หลัง​เถิด กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​พระ​องค์ กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​โมเสส และ​กระโจม​หนึ่ง​สำหรับ​เอลียาห์” ขณะ​ที่​กำลัง​พูด เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ปกคลุม​ผู้​คน ณ ที่​นั้น​ไว้ จน​ต่าง​ก็​เกิด​ความ​ตระหนก​ยิ่ง ทั้ง​มี​เสียง​จาก​เมฆ​กล่าว​ว่า “ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ของ​เรา คือ​ผู้​ที่​เรา​ได้​เลือก​ไว้​แล้ว จง​ฟัง​ท่าน​เถิด” สิ้น​เสียง​นั้น​แล้ว​สาวก​ทั้ง​สาม​ก็​พบ​พระ​เยซู​แต่​เพียง​ลำพัง และ​พวก​เขา​เก็บ​เรื่อง​นี้​ไว้​โดย​ไม่​แพร่งพราย​กับ​ผู้​ใด​ใน​เวลา​นั้น​ว่า พวก​เขา​ได้​พบ​อะไร​มา​บ้าง

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 9