ลูกา 5:12-39

ลูกา 5:12-39 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ต่อมาขณะที่พระเยซูประทับอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ซบหน้าลงถึงดินทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอเพียงแต่พระองค์เต็มพระทัยเท่านั้น ก็จะทำให้ข้าพระองค์หายสะอาดได้” พระองค์จึงยื่นพระหัตถ์แตะต้องเขาแล้วตรัสว่า “เราเต็มใจ จงหายสะอาดเถิด” ทันใดนั้นโรคเรื้อนของเขาก็หาย พระองค์จึงกำชับเขาไม่ให้บอกใคร และตรัสว่า “จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิต และถวายเครื่องบูชาสำหรับคนที่หายโรคเรื้อนแล้วตามที่โมเสสสั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อทุกคน” แต่กิตติศัพท์ของพระองค์ยิ่งเลื่องลือไป และมหาชนมาชุมนุมกันเพื่อจะฟังพระองค์และรับการรักษาโรคต่างๆ แต่พระองค์มักจะเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน ต่อมาวันหนึ่ง ขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ มีพวกฟาริสีและพวกอาจารย์สอนธรรมบัญญัติมานั่งอยู่ด้วย เป็นคนที่มาจากทั่วทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย และกรุงเยรูซาเล็ม ฤทธิ์เดชขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็อยู่กับพระองค์เพื่อที่จะรักษาโรคได้ และนี่แน่ะ มีบางคนหามคนง่อยซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมา พวกเขาพยายามหาทางหามคนง่อยเข้ามาวางตรงหน้าพระองค์ แต่หาทางเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคาตึก แล้วหย่อนคนง่อยพร้อมกับที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้อง วางตรงหน้าพระเยซูท่ามกลางฝูงชน เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของพวกเขา พระองค์จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปต่างๆ ของท่านได้รับการยกโทษแล้ว” พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจึงคิดในใจว่า “คนนี้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เขาเป็นใครกัน? ใครจะอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น?” แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ทำไมท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้? การที่พูดว่า ‘บาปต่างๆ ของท่านได้รับการยกโทษแล้ว’ กับการพูดว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แบบไหนจะง่ายกว่ากัน? แต่ทั้งนี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะยกโทษบาปได้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “เราสั่งท่านว่าจงลุกขึ้นยกที่นอนแล้วกลับไปที่บ้านของท่าน” ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าทุกคน ยกที่นอนแล้วกลับบ้าน พร้อมกับถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ทุกคนก็อัศจรรย์ใจและได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความเกรงกลัวและพูดกันว่า “วันนี้เราได้เห็นสิ่งที่เหลือเชื่อ” หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นแล้ว พระองค์เสด็จออกไป และทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้น สละทิ้งทุกสิ่งและตามพระองค์ไป แล้วเลวีก็จัดงานเลี้ยงใหญ่เพื่อพระองค์ในบ้านของตน มีคนเก็บภาษีกลุ่มใหญ่และคนอื่นๆ มาร่วมในงานนั้นด้วย พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ในคณะของเขาก็บ่นว่าพวกสาวกของพระองค์ กล่าวว่า “ทำไมพวกท่านมากินดื่มกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาป?” พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสบายไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่” เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า “ศิษย์ของยอห์นถืออดอาหารกันและอธิษฐานบ่อยๆ และศิษย์ของพวกฟาริสีก็ทำเหมือนกัน แต่ศิษย์ของท่านทั้งกินทั้งดื่ม” พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านจะให้เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวอดอาหารขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขาอย่างนั้นหรือ? แต่วันที่เจ้าบ่าวจะต้องจากสหายไปจะมาถึง และในวันนั้นเขาจะถืออดอาหาร” แล้วพระองค์ทรงกล่าวคำเปรียบเทียบเรื่องหนึ่งแก่พวกเขาด้วย “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่มาปะเสื้อเก่า ถ้าทำอย่างนั้นเสื้อใหม่จะขาด และผ้าที่ได้จากเสื้อใหม่ก็จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าด้วย ไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ไปใส่ไว้ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้น เหล้าองุ่นหมักใหม่จะทำให้ถุงหนังเก่าขาด และเหล้าองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เหล้าองุ่นหมักใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครเมื่อดื่มเหล้าองุ่นหมักเก่าแล้ว จะอยากได้เหล้าองุ่นหมักใหม่ เพราะเขาย่อมจะกล่าวว่า ‘ของเก่านั้นดีกว่า’ ”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5

ลูกา 5:12-39 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

เมื่อ​พระเยซู​อยู่​ใน​เมืองๆ​หนึ่ง มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ทั่ว​ทั้ง​ตัว เมื่อ​เขา​เห็น​พระเยซู ก็​มา​ก้มกราบ​อ้อนวอน​ว่า “นาย​ท่าน ถ้า​ท่าน​อยาก​ช่วย ท่าน​ก็​ทำ​ให้​ผม​หาย​ได้” พระเยซู​จึง​ยื่น​มือ​ออก​ไป​แตะ​ตัว​เขา​แล้ว​พูด​ว่า “เรา​อยาก​ช่วย หาย​จาก​โรค​เถิด” เขา​ก็​หาย​จาก​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ทันที แล้ว​พระเยซู​สั่ง​ว่า “อย่า​ไป​เล่า​ให้​ใคร​ฟัง แต่​ไป​ให้​นักบวช​ตรวจ​ดู และ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ตาม​ที่​โมเสส​สั่ง​ไว้​ให้​คน​ที่​หาย​จาก​โรค​ผิวหนัง​ร้ายแรง​ต้อง​ทำ​เพื่อ​คน​อื่น​จะ​ได้​รู้​ว่า​คุณ​หาย​แล้ว” ถึง​แม้ว่า​พระองค์​จะ​สั่ง​ห้าม​ไม่​ให้​เขา​พูด แต่​ข่าว​เกี่ยว​กับ​พระองค์​ก็​ยิ่ง​แพร่กระจาย​ออก​ไป​มาก​ขึ้น ดังนั้น​ชาวบ้าน​มากมาย​จึง​พา​กัน​มา​ฟัง​พระองค์​สั่งสอน และ​มา​รับ​การรักษา​ให้​หาย​จาก​โรค​ต่างๆ แต่​บ่อย​ครั้ง​ที่​พระเยซู​หลบ​ไป​ที่​สงบเงียบ​เพื่อ​อธิษฐาน อยู่​มา​วัน​หนึ่ง​ใน​ขณะ​ที่​พระเยซู​กำลัง​สอน​อยู่ มี​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​ที่​เดินทาง​มา​จาก​ทุก​หมู่บ้าน​ใน​แคว้น​กาลิลี แคว้น​ยูเดีย และ​เมือง​เยรูซาเล็ม​นั่ง​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย และ​องค์​เจ้า​ชีวิต​ให้​ฤทธิ์​อำนาจ​กับ​พระเยซู​เพื่อ​จะ​รักษา​โรค​ได้ มี​บางคน​หาม​คน​เป็น​อัมพาต​ที่​นอน​อยู่​บน​เปล​มา และ​พยายาม​ที่​จะ​พา​เขา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​เพื่อ​วาง​ไว้​ต่อหน้า​พระเยซู แต่​ก็​ไม่​สำเร็จ​เพราะ​คน​แน่น​มาก พวก​เขา​จึง​พา​กัน​ขึ้น​ไป​บน​หลังคา​บ้าน รื้อ​หลังคา​ออก​เป็น​ช่อง แล้ว​หย่อน​ชาย​ที่​นอน​บน​เปล​นั้น​ลง​ไป​กลาง​ฝูงชน​ตรงหน้า​พระเยซู เมื่อ​พระเยซู​เห็น​ความเชื่อ​ของ​พวก​เขา พระองค์​ก็​พูด​ว่า “เพื่อน​เอ๋ย บาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การอภัย​แล้ว” พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​และ​พวก​ฟาริสี​ก็​คิด​ใน​ใจ​ว่า “คนนี้​เป็น​ใคร​กัน บังอาจ​พูดจา​ดูหมิ่น​พระเจ้า มี​แต่​พระเจ้า​เท่า​นั้น​ที่​ให้​อภัย​บาป​ได้” แต่​พระเยซู​รู้​ถึง​ความคิด​เหล่า​นั้น ก็​เลย​ตอบ​พวก​เขา​ไป​ว่า “ทำไม​คุณ​ถึง​คิด​อย่าง​นั้น ระหว่าง​พูด​ว่า ‘บาป​ของ​คุณ​ได้รับ​การอภัย​แล้ว’ หรือ​พูด​ว่า ‘ลุก​ขึ้น​เดิน’ อย่าง​ไหน​จะ​ง่าย​กว่า​กัน แต่​เพื่อ​จะ​ให้​พวก​คุณ​รู้​ว่า ใน​โลกนี้​บุตร​มนุษย์​มี​สิทธิอำนาจ​ที่​จะ​ให้​อภัย​บาป​ได้” แล้ว​พระองค์​จึง​พูด​กับ​ชาย​ที่​เป็น​อัมพาต​ว่า “เรา​ขอ​สั่ง​คุณ​ให้​ลุก​ขึ้น เก็บ​เปล​แล้ว​กลับ​บ้าน​ไป​เถอะ” ชาย​คน​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​ทันที​ต่อหน้า​คน​ทั้งหมด เขา​ยก​เปล​ที่​เขา​เคย​นอน​กลับ​ไป​บ้าน​และ​สรรเสริญ​พระเจ้า คน​ทั้งหลาย​ต่าง​ประหลาดใจ​และ​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า พวก​เขา​รู้สึก​เกรง​กลัว​และ​พา​กัน​พูด​ว่า “วันนี้​พวก​เรา​ได้​เห็น​สิ่ง​มหัศจรรย์​จริงๆ” หลังจาก​นั้น​พระเยซู​ก็​เดิน​ออก​ไป และ​พบ​คน​เก็บ​ภาษี ชื่อ​เลวี นั่ง​อยู่​ที่​ด่าน​เก็บ​ภาษี พระเยซู​พูด​กับ​เขา​ว่า “ตาม​เรา​มา” เลวี​จึง​ทิ้ง​ทุก​สิ่ง​ทุก​อย่าง และ​ตาม​พระองค์​ไป แล้ว​เลวี​ก็​จัด​งานเลี้ยง​ใหญ่​ให้​กับ​พระเยซู​ที่​บ้าน​ของ​เขา มี​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​เป็น​จำนวน​มาก และ​คน​อื่นๆ​มา​ร่วม​งาน​ด้วย พวก​ฟาริสี​และ​พวก​ครู​สอน​กฎปฏิบัติ​บ่น​กับ​ลูกศิษย์​ของ​พระองค์​ว่า “ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​กิน​และ​ดื่ม​กับ​พวก​คน​เก็บ​ภาษี และ​พวก​คน​บาป​แบบนี้” พระเยซู​ก็​ตอบ​กลับ​ไป​ว่า “คน​ที่​สบาย​ดี​ไม่​ต้องการ​หมอ แต่​คน​เจ็บ​ป่วย​ต้องการ​หมอ เรา​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​เรียก​คน​ดี แต่​มา​เพื่อ​เรียก​คน​บาป​ให้​กลับตัว​กลับใจ” พวก​เขา​พูด​กับ​พระองค์​ว่า “ลูกศิษย์​ของ​ยอห์น​ถือ​ศีล​อดอาหาร​และ​อธิษฐาน​บ่อยๆ ลูกศิษย์​ของ​พวก​ฟาริสี​ก็​เหมือน​กัน แต่​ทำไม​ลูกศิษย์​ของ​อาจารย์​ถึง​ทั้ง​กิน​ทั้ง​ดื่ม​อยู่​เรื่อย” พระเยซู​พูด​กับ​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “เพื่อน​เจ้าบ่าว​จะ​อดอาหาร​ตอน​ที่​เลี้ยง​ฉลอง​อยู่​กับ​เจ้าบ่าว​ได้​หรือ แต่​เมื่อ​ถึง​วัน​นั้น​ที่​เจ้าบ่าว​ถูก​พราก​ไป​จาก​พวก​เขา ใน​วันนั้น​แหละ​พวก​เขา​จะ​อดอาหาร” พระองค์​เล่า​เรื่อง​เปรียบเทียบนี้​ให้​ฟัง “คง​ไม่​มี​ใคร​ฉีก​ผ้า​จาก​เสื้อ​ใหม่​ไป​ปะ​รู​เสื้อ​เก่า​หรอก เพราะ​ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น เสื้อ​ใหม่​ก็​จะ​ฉีก​ขาด​และ​ชิ้น​ผ้า​ใหม่​ก็​ไม่​เข้า​กับ​เสื้อ​เก่า แล้ว​คง​ไม่​มี​ใคร​เอา​เหล้าองุ่น​ใหม่​ไป​ใส่​ไว้​ใน​ถุง​หนัง​เก่า​หรอก ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น​เหล้าองุ่น​ใหม่​จะ​ทำ​ให้​ถุง​หนัง​นั้น​แตก เหล้า​ก็​จะ​ไหล​ออก​มา​หมด และ​ถุง​หนัง​ก็​จะ​พัง​ไป​ด้วย แต่​เหล้าองุ่น​ใหม่​ต้อง​ใส่​ใน​ถุง​หนัง​ใหม่ ไม่​มี​ใคร​ที่​ดื่ม​เหล้าองุ่น​เก่า​แล้ว​ยัง​อยาก​ดื่ม​เหล้าองุ่น​ใหม่​อีก เพราะ​เขา​จะ​บอก​ว่า ‘เหล้าองุ่น​เก่า​ดี​กว่า’”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5

ลูกา 5:12-39 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงอยู่ในเมืองหนึ่ง ดู​เถิด มี​คนเป็นโรคเรื้อนเต็​มท​ั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซู​ก็​ซบหน้าลงถึ​งด​ิ​นอ​้อนวอนทูลพระองค์​ว่า “​พระองค์​เจ้าข้า เพียงแต่​พระองค์​จะโปรดก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้” พระองค์​ทรงยื่นพระหัตถ์​ถู​กต้องเขาแล้วตรั​สว​่า “เราพอใจแล้ว จงสะอาดเถิด” ในทันใดนั้นโรคเรื้อนของเขาก็​หาย พระองค์​จึงกำชับเขาไม่​ให้​บอกผู้​ใด และตรั​สว​่า “​แต่​จงไปแสดงตัวแก่​ปุ​โรหิต และถวายเครื่องบูชาสำหรับคนที่หายโรคเรื้อนแล้วตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว” แต่​กิตติศัพท์​ของพระองค์ยิ่งเลื่องลือไป และประชาชนเป็​นอ​ันมากมาชุ​มนุ​มกันเพื่อจะฟังพระองค์ และรับการรักษาโรคต่างๆของเขา แต่​พระองค์​เสด็จออกไปในที่​เปลี่ยว และทรงอธิษฐาน คราวนั้​นว​ันหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ มี​พวกฟาริ​สี​และพวกธรรมาจารย์ฝ่ายพระราชบัญญั​ติ​นั่งอยู่​ด้วย เป็นผู้มาจากทุกเมืองในแคว้นกาลิลี แคว​้นยูเดีย และจากกรุงเยรูซาเล็ม ฤทธิ์​เดชขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สถิตอยู่เพื่อจะรักษาเขาให้หายโรค และดู​เถิด มี​ผู้​หามคนอัมพาตคนหนึ่งนอนบนที่​นอน และเขาหาช่องที่จะหามคนอัมพาตนั้นเข้ามาวางตรงพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อหาช่องเอาเข้ามาไม่​ได้​เพราะคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังคาบ้านหย่อนคนอัมพาตลงมา ทั้งที่​นอนตามช่องกระเบื้องตรงกลางหมู่คนต่อพระพักตร์​พระเยซู เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย พระองค์​จึงตรัสกับคนอัมพาตว่า “​บุ​รุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริ​สี​เริ่มคิดในใจว่า “คนนี้​ที่​พู​ดหมิ่นประมาทเป็นผู้ใดเล่า ใครจะยกความผิดบาปได้​เว้นแต่​พระเจ้าเท่านั้น” แต่​เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา พระองค์​จึงตรัสแก่เขาว่า “ไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้ ที่​จะว่า ‘บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว’ หรือจะว่า ‘จงลุกขึ้นเดินไปเถิด’ นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่​เพื่อท่านทั้งหลายจะได้​รู้​ว่า บุ​ตรมนุษย์​มีฤทธิ์​อำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้” (​พระองค์​จึงตรั​สส​ั่งคนอัมพาตว่า) “เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนไปบ้านของเจ้าเถิด” ในทันใดนั้น เขาจึงลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง ยกที่นอนซึ่งเขาได้นอนนั้น กล​ับไปบ้านของตน พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า คนทั้งปวงก็​อัศจรรย์​ใจและได้สรรเสริญพระเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความกลัวและพูดว่า “​วันนี้​เราได้​เห​็นสิ่งแปลกประหลาด” ภายหลังเหตุ​การณ์​เหล่านี้​พระองค์​ได้​เสด็จออกไป และทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่ง ชื่อเลวีนั่งอยู่​ที่​ด่านเก็บภาษี พระองค์​จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ละทิ้งสิ่งสารพัด ลุ​กขึ้นตามพระองค์​ไป เลว​ี​ได้​จัดให้​มี​การเลี้ยงใหญ่ในเรือนของตนเพื่อเป็นเกียรติยศแก่​พระองค์ มี​คนมากมายเป็นคนเก็บภาษีและคนอื่นๆมาเอนกายลงรับประทานด้วยกัน ฝ่ายพวกธรรมาจารย์ของเขา และพวกฟาริ​สี​กระซิบบ่นติพวกสาวกของพระองค์​ว่า “​เหตุ​ไฉนพวกท่านมากินและดื่มร่วมกับพวกเก็บภาษีและพวกคนบาป” พระเยซู​ตรัสตอบเขาว่า “คนปกติ​ไม่​ต้องการหมอ แต่​คนเจ็บต้องการหมอ เรามิ​ได้​มาเพื่อจะเรียกคนที่​เห​็​นว​่าตัวชอบธรรม แต่​มาเรียกคนบาปให้​กล​ับใจเสียใหม่” เขาทั้งหลายทูลพระองค์​ว่า “ทำไมพวกศิษย์ของยอห์นถืออดอาหารเนืองๆและอธิษฐานอ้อนวอน และศิษย์ของพวกฟาริ​สี​ก็​ถือเหมือนกัน แต่​สาวกของท่านกินและดื่ม” ฝ่ายพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านจะให้สหายของเจ้าบ่าวอดอาหารเมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับเขากระนั้นหรือ แต่​วันนั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าบ่าวจะต้องจากสหายไป ในวันนั้นสหายจะถืออดอาหาร” พระองค์​ยังตรัสคำอุปมาข้อหนึ่งแก่เขาด้วยว่า “​ไม่มี​ผู้​ใดฉีกท่อนผ้าจากเสื้อใหม่มาปะเสื้อเก่า ถ้าทำอย่างนั้นเสื้อใหม่นั้นจะขาดเสียไป ทั้งท่อนผ้าที่เอามาจากเสื้อใหม่นั้​นก​็จะไม่สมกับเสื้อเก่าด้วย ไม่มี​ผู้​ใดเอาน้ำองุ่นใหม่มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นน้ำองุ่นใหม่จะทำให้ถุงหนังเก่าขาดไป และน้ำองุ่นจะรั่ว ถุงหนั​งก​็จะเสียไปด้วย แต่​น้ำองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ ทั้งสองจะถนอมรักษาด้วยกันได้ ไม่มี​ผู้​ใดเมื่​อด​ื่​มน​้ำองุ่นเก่าแล้ว จะอยากได้น้ำองุ่นใหม่​ทันที เพราะเขาว่า ‘ของเก่านั้​นก​็​ดีกว่า​’”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5

ลูกา 5:12-39 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

เมื่อพระเยซู ทรงอยู่ในเมืองหนึ่ง นี่แน่ะมีคนเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ซบหน้าลงถึงดินอ้อนวอนทูลพระองค์ว่า <<พระองค์เจ้าข้า เพียงแต่พระองค์จะโปรดก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้>> พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องเขาแล้วตรัสว่า <<เราพอใจแล้ว จงหายเถิด>> ในทันใดนั้นโรคเรื้อนของเขาก็หาย พระองค์จึงกำชับเขาไม่ให้บอกผู้ใด และตรัสว่า <<แต่จงไปสำแดงตัวแก่ปุโรหิต และถวายเครื่องบูชาสำหรับคนที่หายโรคเรื้อนแล้ว ตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้ เพื่อเป็นหลักฐานต่อคนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว>> แต่กิตติศัพท์ของพระองค์ยิ่งเลื่องลือไป และประชาชนเป็นอันมากมาชุมนุมกันเพื่อจะฟังพระองค์ และรับการรักษาโรคต่างๆของเขา แต่พระองค์เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน คราวนั้นวันหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ มีพวกฟาริสีและพวกบาเรียนนั่งอยู่ด้วย เป็นผู้มาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดียและจากกรุงเยรูซาเล็ม ฤทธิ์เดชของพระเป็นเจ้าก็อยู่ในพระองค์ เพื่อจะรักษาเขาให้หายโรค และดูเถิด มีผู้หามคนง่อยคนหนึ่งนอนบนที่นอน และเขาหาช่องที่จะหามคนง่อยนั้นเข้ามาวางลงตรงพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อหาช่องเอาเข้ามาไม่ได้เพราะคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังคาตึก หย่อนคนง่อยลงมาทั้งที่นอน ตามช่องกระเบื้องตรงกลางหมู่คน ต่อพระพักตร์พระเยซู เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสกับคนง่อยว่า <<บุรุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว>> ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีคิดในใจว่า <<คนนี้ที่พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าเป็นผู้ใดเล่า ใครจะยกความผิดบาปได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น>> แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<ไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้ ที่จะว่า <บาปทั้งปวงของเจ้าได้รับอภัยแล้ว> และจะว่า <จงลุกขึ้นเดินไปเถิด> นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้>> (พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า) <<เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนไปบ้านของเจ้าเถิด>> ในทันใดนั้นเขาจึงลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง ยกที่นอนซึ่งเขาได้นอนนั้นกลับไปบ้านของตน พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจมากยิ่งนัก และได้สรรเสริญพระเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความกลัว และพูดว่า <<วันนี้เราได้เห็นสิ่งแปลกประหลาด>> ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้นพระองค์ได้เสด็จออกไป และทรงเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า <<จงตามเรามาเถิด>> เขาก็สละสิ่งสารพัดทิ้ง ลุกขึ้นตามพระองค์ไป เลวีได้จัดให้มีการเลี้ยงใหญ่ในเรือนของตน เพื่อเป็นเกียรติยศแก่พระองค์ มีคนมากมายเป็นคนเก็บภาษีและคนอื่นๆ มาร่วมสำรับด้วยกัน ฝ่ายพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ของเขากระซิบบ่นติพวกศิษย์ของพระองค์ว่า <<เหตุไฉนพวกท่านมากินและดื่มด้วยกันกับพวกเก็บภาษีและพวกคนบาป>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีตให้กลับใจเสียใหม่>> เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า <<พวกศิษย์ของยอห์นถืออดอาหารเนืองๆ และอธิษฐานถือเป็นกิจวัตร และศิษย์ของพวกฟาริสีก็ถือเหมือนกัน แต่ศิษย์ของท่านกินและดื่ม>> ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่เขาว่า <<ท่านจะให้สหายของเจ้าบ่าวอดอาหาร เมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับเขากระนั้นหรือ แต่จะมีวันหนึ่งเมื่อเจ้าบ่าวจะต้องจากสหายไป ในวันนั้นสหายจะถืออดอาหาร>> พระองค์ยังตรัสคำเปรียบข้อหนึ่งแก่เขาด้วยว่า <<ไม่มีผู้ใดฉีกท่อนผ้าจากเสื้อใหม่มาปะเสื้อเก่า ถ้าทำอย่างนั้นเสื้อใหม่นั้นจะขาดเสียไป ทั้งท่อนผ้าที่เอามาจากเสื้อใหม่นั้นก็จะไม่สมกับเสื้อเก่าด้วย ไม่มีผู้ใดเอาน้ำองุ่นหมักใหม่มาใส่ไว้ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นน้ำองุ่นหมักจะทำให้ถุงหนังเก่าขาดไป และน้ำองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่น้ำองุ่นหมักใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ ไม่มีผู้ใดเมื่อกินเหล้าองุ่นเก่าแล้ว จะอยากได้น้ำองุ่นหมักใหม่เพราะเขาย่อมว่า <ของเก่านั้นดีแล้ว> >>

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5

ลูกา 5:12-39 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ขณะพระเยซูทรงอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง มีคนเป็นโรคเรื้อนทั้งตัวเดินมาตามทาง เมื่อเขาเห็นพระองค์ เขาก็หมอบซบหน้าลงกับพื้นทูลวิงวอนพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หายได้ถ้าพระองค์เต็มใจ” พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องเขาและตรัสว่า “เราเต็มใจจะรักษา จงหายโรคเถิด!” ทันใดนั้นโรคเรื้อนที่เขาเป็นอยู่ก็หายไป แล้วพระเยซูทรงกำชับเขาว่า “อย่าบอกผู้ใดเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาสำหรับการที่เจ้าหายจากโรคเรื้อนตามที่โมเสสสั่งไว้ เพื่อเป็นพยานแก่คนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว” ถึงกระนั้นกิตติศัพท์ของพระองค์กลับเลื่องลือออกไปมากยิ่งขึ้นจนฝูงชนมากมายพากันมาฟังพระองค์และรับการรักษาโรค แต่พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิษฐาน วันหนึ่งขณะพระองค์ทรงสอนอยู่ พวกฟาริสีกับธรรมจารย์จากทุกหมู่บ้านแถบกาลิลี และจากแคว้นยูเดีย และกรุงเยรูซาเล็มมานั่งอยู่ที่นั่นด้วย ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพระองค์เพื่อรักษาผู้ป่วย มีผู้หามคนเป็นอัมพาตมาบนที่นอน พยายามจะเข้ามาในบ้านเพื่อวางเขาลงต่อหน้าพระเยซู แต่เมื่อหมดช่องทางเพราะคนแน่นมาก พวกเขาจึงขึ้นไปบนหลังคาบ้านแล้วหย่อนที่นอนซึ่งคนเป็นอัมพาตนอนอยู่ผ่านช่องหลังคาลงมากลางฝูงชน ตรงหน้าพระเยซูพอดี เมื่อพระเยซูทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาก็ตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” พวกฟาริสีกับธรรมาจารย์คิดในใจว่า “คนที่พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าคนนี้เป็นใครกัน? นอกจากพระเจ้าแล้วใครจะอภัยบาปได้?” พระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่และตรัสถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดในใจเช่นนั้น? ที่จะพูดว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับ ‘จงลุกขึ้นเดินไป’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? แต่ทั้งนี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาป” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “เราสั่งเจ้าว่าลุกขึ้น จงแบกที่นอนของเจ้าและกลับบ้านไปเถิด” ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวงแล้วแบกที่นอนและเดินร้องสรรเสริญพระเจ้ากลับบ้านไป ทุกคนพากันตื่นเต้นและสรรเสริญพระเจ้า พวกเขาเกรงกลัวจนกล่าวว่า “วันนี้เราได้เห็นเรื่องเหลือเชื่อ” จากนั้นพระเยซูเสด็จออกไปและทรงเห็นคนเก็บภาษีชื่อเลวีนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” เลวีก็ลุกขึ้นและละทิ้งทุกสิ่งแล้วติดตามพระองค์ไป แล้วเลวีก็จัดงานเลี้ยงใหญ่ถวายพระเยซูที่บ้านของเขา มีคนเก็บภาษีกลุ่มใหญ่และคนอื่นๆ มาร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา ฝ่ายพวกฟาริสีกับธรรมาจารย์ของพวกเขาบ่นติเตียนกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมท่านจึงกินและดื่มกับคนเก็บภาษีและ ‘คนบาป’?” พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ แต่คนป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “ศิษย์ของยอห์นมักถืออดอาหารและอธิษฐานอยู่เสมอ ศิษย์ของพวกฟาริสีก็เช่นกัน แต่ศิษย์ของท่านทั้งกินทั้งดื่ม” พระเยซูทรงตอบว่า “ท่านจะให้แขกของเจ้าบ่าวอดอาหารขณะเจ้าบ่าวอยู่ด้วยได้หรือ? แต่สักวันหนึ่งเจ้าบ่าวจะถูกนำตัวไปจากเขาและในวันนั้นพวกเขาจะอดอาหาร” พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ให้เขาฟังว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเขาจะทำให้เสื้อใหม่ฉีกขาด ทั้งเศษผ้าใหม่ก็เข้ากับเสื้อเก่าไม่ได้ และไม่มีใครเทเหล้าองุ่นใหม่ใส่ถุงหนังเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงนั้นปริขาด เหล้าองุ่นจะไหลออกมาและถุงหนังก็จะเสียหาย ไม่หรอก เหล้าองุ่นใหม่จะต้องใส่ในถุงหนังใหม่ และไม่มีใครดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากได้เหล้าหมักใหม่เพราะเขากล่าวว่า ‘ของเก่าดีกว่า’ ”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5

ลูกา 5:12-39 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

ขณะ​ที่​พระ​เยซู​พัก​อยู่​ที่​เมือง​หนึ่ง มี​ชาย​ผู้​หนึ่ง​เป็น​โรค​เรื้อน​เต็ม​ทั้ง​ตัว เมื่อ​เขา​เห็น​พระ​องค์ จึง​มา​ซบ​หน้า​ลง​กับ​พื้น​อ้อนวอน​พระ​เยซู​ว่า “พระ​องค์​ท่าน ถ้า​พระ​องค์​ต้องการ พระ​องค์​สามารถ​รักษา​ข้าพเจ้า​ให้​หายขาด​จาก​โรค​ได้” พระ​เยซู​จึง​ยื่น​มือ​ออกไป​สัมผัส​ตัว​เขา พลาง​กล่าว​ว่า “เรา​ต้องการ​อย่าง​นั้น จง​หาย​เถิด” ใน​ทันใด​นั้น โรค​เรื้อน​ก็​หาย​ไป พระ​องค์​รับสั่ง​ขึ้น​ว่า “อย่า​บอก​ผู้​ใด แต่​ขอ​ให้​ไป​แสดง​ตน​ต่อ​ปุโรหิต และ​มอบ​เครื่อง​สักการะ​เป็น​การ​ชำระ​ตัว​ให้​สะอาด ตาม​ที่​โมเสส​ได้​สั่ง​ไว้ เพื่อ​ยืนยัน​แก่​คน​ทั่วไป” ข่าว​เกี่ยว​กับ​พระ​องค์​ได้​แพร่​ไป​ไกล​ยิ่ง​ขึ้น มหาชน​จึง​ได้​มา​ฟัง​พระ​องค์ บ้าง​มา​เพื่อ​รับ​การ​รักษา​โรค​ต่างๆ ทว่า​พระ​เยซู​มัก​จะ​ผละ​ออก​ไป​ยัง​ที่​ร้าง​เพื่อ​อธิษฐาน วัน​หนึ่ง ขณะ​ที่​พระ​องค์​กำลัง​สั่งสอน​อยู่ พวก​ฟาริสี​และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ก็​นั่ง​อยู่​ด้วย ณ ที่​นั้น พวก​เขา​เหล่า​นั้น​มา​จาก​หมู่​บ้าน​ต่างๆ ของ​แคว้น​กาลิลี แคว้น​ยูเดีย และ​เมือง​เยรูซาเล็ม และ​อานุภาพ​ของ​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​อยู่​กับ​พระ​องค์​เพื่อ​รักษา​โรค​ให้​หาย มี​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ยก​เปล​หาม​ชาย​ง่อย​คน​หนึ่ง​เข้า​มา และ​พยายาม​นำ​เขา​เข้า​ไป​วาง​ไว้ ณ เบื้อง​หน้า​พระ​เยซู เมื่อ​ไม่​อาจ​ทำ​ได้​เพราะ​มี​ผู้​คน​หนาแน่น จึง​หาม​ขึ้น​หลังคา และ​หย่อน​ชาย​ง่อย​ทั้ง​เปล​หาม​ลง​ตาม​ช่อง​กระเบื้อง​มา​วาง​ตรง​กลาง​หมู่​คน​ต่อ​หน้า​พระ​เยซู พอ​พระ​เยซู​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา​จึง​กล่าว​ว่า “เพื่อน​เอ๋ย บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว” แต่​พวก​ฟาริสี​และ​พวก​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ​ก็​เริ่ม​ซักไซ้​ไล่เลียง​ว่า “ชาย​ผู้​นี้​คือ​ใคร​จึง​พูดจา​หมิ่นประมาท​พระ​เจ้า มี​ใคร​ที่​ไหน​จะ​ยกโทษ​บาป​ให้​ได้​เล่า นอกจาก​พระ​เจ้า​เพียง​พระ​องค์​เดียว” พระ​เยซู​ทราบ​ความ​คิด​ของ​เขา​เหล่า​นั้น​จึง​ถาม​ว่า “ทำไม​พวก​ท่าน​จึง​คิด​ใน​ใจ​กัน​เช่น​นี้ พูด​อย่างไร​จึง​จะ​ง่าย​กว่ากัน​ระหว่าง ‘บาป​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า​ได้​รับ​การ​ยกโทษ​แล้ว’ หรือ​จะ​พูด​ว่า ‘จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​เถิด’ แต่​เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า บุตรมนุษย์​มี​สิทธิ​อำนาจ​ใน​โลก​ที่​จะ​ยกโทษ​บาป​ทั้ง​หลาย” พระ​องค์​กล่าว​กับ​ชาย​ง่อย​ว่า “เรา​ขอ​บอก​เจ้า​ว่า จง​ลุก​ขึ้น แล้ว​เอา​เปลหาม​กลับ​ไป​บ้าน​เถิด” ใน​ทันใด​นั้น ชาย​ง่อย​ก็​ลุก​ขึ้น​ยืน​ต่อ​หน้า​คน​ทั้ง​ปวง และ​ยก​เปล​หาม​ที่​เขา​ใช้​นอน​กลับ​บ้าน​ไป พลาง​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ไป​ด้วย ทุกๆ คน​พา​กัน​แปลกใจ และ​กล่าว​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ทั้งๆ ที่​ตกใจ​กลัว​แล้ว​พูด​ว่า “วัน​นี้​เรา​ได้​เห็น​หลาย​สิ่ง​ซึ่ง​เป็น​ปรากฏการณ์​ที่​เหลือเชื่อ” หลัง​จาก​นั้น​พระ​องค์​ออก​ไป​เห็น​คน​เก็บ​ภาษี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เลวี​กำลัง​นั่ง​อยู่​ที่​ด่าน​เก็บ​ภาษี จึง​กล่าว​กับ​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” เลวี​ก็​ลุก​ขึ้น สละ​ทิ้ง​ทุก​สิ่ง​และ​ติดตาม​พระ​องค์​ไป เลวี​ได้​จัด​งาน​ใหญ่​เลี้ยง​ฉลอง​พระ​เยซู​ที่​บ้าน​ของ​เขา แขก​รับเชิญ​จำนวน​มาก​ซึ่ง​มี​ทั้ง​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​อื่นๆ ที่​ได้​มา​รับประทาน​ด้วย แต่​พวก​ฟาริสี​และ​อาจารย์​ฝ่าย​กฎ​บัญญัติ ซึ่ง​อยู่​ใน​พรรค​ฟาริสี​บ่น​พึมพำ​กับ​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​ท่าน​จึง​รับประทาน​และ​ดื่ม​กับ​พวก​คน​เก็บ​ภาษี​และ​คน​บาป” พระ​เยซู​ตอบ​ว่า “คน​ที่​มี​สุขภาพ​ดี​ไม่​จำเป็น​ต้อง​หา​แพทย์ ยกเว้น​แต่​ผู้ป่วย เรา​ไม่​ได้​มา​เพื่อ​เรียก​คน​ที่​คิด​ว่า​ตน​มี​ความ​ชอบธรรม แต่​มา​เพื่อ​เรียก​คน​บาป​ให้​กลับใจ” พวก​เขา​บอก​พระ​องค์​ว่า “บรรดา​สาวก​ของ​ยอห์น​และ​ของ​ฟาริสี​ได้​อด​อาหาร​และ​อธิษฐาน​บ่อยๆ แต่​สาวก​ของ​ท่าน​กลับ​รับประทาน​และ​ดื่ม​เรื่อย​ไป” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “ท่าน​จะ​ให้​แขก​ของ​เจ้าบ่าว​อด​อาหาร​ขณะ​ที่​เจ้าบ่าว​อยู่​กับ​เขา​หรือ แต่​เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เจ้าบ่าว​ถูก​พา​ตัว​ไป พวก​เขา​จึง​จะ​อด​อาหาร​ใน​เวลา​นั้น” พระ​องค์​จึง​เล่า​เรื่อง​เป็น​อุปมา​ให้​คน​เหล่า​นั้น​ฟัง​ว่า “ไม่​มี​ใคร​ฉีก​ผ้า​ชิ้น​หนึ่ง​จาก​เสื้อ​ใหม่​มา​เย็บ​ติด​กับ​เสื้อ​เก่า ถ้า​ทำ​เช่น​นั้น​เสื้อ​ใหม่​จะ​เสีย​ไป และ​ชิ้น​ผ้า​ที่​เอา​มา​จาก​เสื้อ​ใหม่​จะ​ไม่​เข้า​กับ​เสื้อ​เก่า​ด้วย และ​ไม่​มี​ใคร​เท​เหล้า​องุ่น​ใหม่​ลง​ใน​ถุง​หนัง​เก่า ถ้า​ทำ​เช่น​นั้น​เหล้า​องุ่น​ใหม่​จะ​ทำ​ให้​ถุง​หนัง​ขาด เหล้า​องุ่น​ใหม่​ก็​จะ​รั่ว ถุง​หนัง​จะ​เสีย​ด้วย เหล้า​องุ่น​ใหม่​จะ​ต้อง​เท​ลง​ใน​ถุงหนัง​ใหม่ และ​ไม่​มี​ใคร​ต้องการ​ดื่ม​เหล้า​องุ่น​ใหม่​หลัง​จาก​ที่​ได้​ดื่ม​ของ​เก่า​แล้ว เขา​จะ​พูด​ว่า ‘ของ​เก่า​ดี​อยู่​แล้ว’”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 5