ลูกา 4:15-37
ลูกา 4:15-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)
พระองค์สอนอยู่ตามที่ประชุมต่างๆ และทุกคนต่างยกย่องพระองค์ แล้วพระเยซูก็ไปเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์เติบโตมา เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พระองค์ก็ไปที่ประชุมเหมือนที่ทำเป็นประจำ พระองค์ยืนขึ้นเพื่ออ่านข้อความจากพระคัมภีร์ พระองค์ได้รับม้วนหนังสือมา เป็นหนังสืออิสยาห์ซึ่งเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง แล้วคลี่ม้วนหนังสือนั้นออกเพื่อหาข้อความที่เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิตอยู่กับเรา เพราะพระองค์แต่งตั้งให้เราประกาศข่าวดีกับคนจน พระองค์ส่งเรามาบอกนักโทษว่าจะได้เป็นอิสระ บอกคนตาบอดว่าจะมองเห็น บอกคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่าจะได้เป็นอิสระ และบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะมาช่วยคนของพระองค์” จากนั้นพระองค์ม้วนหนังสือส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล แล้วนั่งลง แล้วทุกสายตาในที่นั้นก็จ้องเขม็งมาที่พระองค์ พระองค์เริ่มพูดกับพวกเขาว่า “ในวันนี้เรื่องในพระคัมภีร์ที่คุณเพิ่งได้ยินเราอ่านไปนั้นได้เป็นจริงแล้ว” ทุกคนก็ได้พูดเยินยอพระองค์ และแปลกใจในคำพูดน่าทึ่งที่ออกมาจากปากพระองค์ พวกเขาถามกันว่า “นี่ลูกโยเซฟไม่ใช่หรือ” แล้วพระองค์พูดว่า “พวกคุณจะต้องยกคำสุภาษิตนี้มาอ้างกับเราแน่ ที่ว่า ‘หมอเอ๋ย รักษาตัวเองเสียก่อนเถอะ’ แล้วพวกคุณคงอยากจะพูดว่า ‘ทำเรื่องอัศจรรย์ที่นี่ในบ้านเมืองของเจ้าสิ อย่างที่เราได้ยินว่าเจ้าทำที่เมืองคาเปอรนาอุม’ แต่เราจะบอกให้รู้นะว่า ไม่มีผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนที่ได้รับการยอมรับในบ้านเมืองของตัวเองหรอก ดูอย่างสมัยของเอลียาห์สิ เมื่อเกิดฝนแล้งเป็นเวลาถึงสามปีครึ่ง จนเกิดความอดอยากไปทั่ว มีแม่ม่ายมากมายในหมู่ชาวอิสราเอล แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ส่งเอลียาห์ไปหาแม่ม่ายชาวอิสราเอลพวกนั้น แต่กลับส่งไปหาแม่ม่ายคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนยิวที่เมืองศาเรฟัทในเขตแดนไซดอน ก็เหมือนกับในสมัยของเอลีชา ที่เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า มีคนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงมากมายในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการชำระให้สะอาดเลย ยกเว้นแต่คนที่ชื่อนาอามานเพียงคนเดียว และเขาเป็นคนซีเรียไม่ใช่คนยิว” เมื่อทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมชาวยิวได้ยินอย่างนั้น ก็โกรธแค้นมาก เขาลุกฮือกันขึ้น บังคับให้พระเยซูออกไปนอกเมือง ไปที่หน้าผาบนเขาที่เมืองนั้นตั้งอยู่ หวังจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ก็ฝ่าวงล้อมของพวกเขาไปได้ พระเยซูไปเมืองคาเปอรนาอุมในแคว้นกาลิลี และพระองค์สั่งสอนประชาชนในวันหยุดทางศาสนา พวกเขาต่างก็ทึ่งในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สอนอย่างคนที่มีสิทธิอำนาจ ในที่ประชุมนั้นมีชายคนหนึ่งถูกผีชั่วสิงอยู่ร้องตะโกนว่า “อย่ามายุ่งกับเราเยซูชาวนาซาเร็ธ มายุ่งกับพวกเราทำไม จะมาทำลายพวกเราหรือ เรารู้นะว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูจึงด่ามันว่า “หุบปาก ออกมาซะเดี๋ยวนี้” แล้วผีชั่วก็ทำให้ชายคนนั้นล้มลงต่อหน้าคนทั้งปวง และมันก็ออกจากร่างไป ไม่ได้ทำอันตรายอะไรเขาเลย ทุกคนประหลาดใจมาก พูดกันว่า “นี่เป็นคำสอนแบบไหนกัน เขาสั่งผีชั่วด้วยฤทธิ์เดช แล้วมันก็ออกไป” แล้วข่าวเกี่ยวกับพระเยซูก็แพร่กระจายออกไปจนทั่วแถบนั้น
ลูกา 4:15-37 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา และได้รับการสรรเสริญจากคนทั้งหลาย แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตเช่นเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม เขาจึงส่งคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ทรงพบข้อที่เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วประทับลง และตาของทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาก็จ้องดูพระองค์ พระองค์จึงเริ่มต้นตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พระคัมภีร์ตอนนี้ที่พวกท่านได้ยินกับหูก็สำเร็จแล้วในวันนี้” ทุกคนก็กล่าวชมเชยพระองค์ และประหลาดใจในถ้อยคำที่ประกอบด้วยพระคุณซึ่งพระองค์ตรัส และกล่าวว่า “คนนี้เป็นลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ?” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านคงอยากจะกล่าวภาษิตข้อนี้แก่เราเป็นแน่ คือ ‘หมอจงรักษาตัวเองเถิด’ และพวกท่านคงอยากจะพูดว่า ‘สิ่งต่างๆ ที่เราได้ยินว่าท่านทำในเมืองคาเปอรนาอุม จงทำในเมืองของตัวเองที่นี่ด้วยซิ’ ” พระองค์ตรัสต่อไปว่า “เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการยอมรับในบ้านเกิดของตัวเอง และเราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า มีหญิงม่ายอยู่มากมายท่ามกลางพวกอิสราเอลในสมัยของเอลียาห์ เมื่อท้องฟ้าปิดถึงสามปีหกเดือนจนเกิดการกันดารอาหารอย่างมากทั่วทั้งแผ่นดิน พระเจ้าไม่ทรงใช้เอลียาห์ให้ไปหาหญิงม่ายคนใดในพวกนั้นเลย เว้นแต่หญิงม่ายในบ้านศาเรฟัทแขวงเมืองไซดอน และมีคนโรคเรื้อนอยู่มากมายท่ามกลางพวกอิสราเอลในสมัยของเอลีชาผู้เผยพระวจนะด้วย แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายเว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย” เมื่อทุกคนในธรรมศาลาได้ยินอย่างนั้นก็ฉุนเฉียวอย่างยิ่ง จึงลุกขึ้นผลักไสพระองค์ออกจากเมือง และพาพระองค์ไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองนั้นตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักให้พระองค์ตกลงไป แต่พระองค์ทรงฝ่าพ้นพวกเขาและเสด็จจากไป แล้วพระองค์เสด็จไปถึงเมืองคาเปอรนาอุมแคว้นกาลิลี และทรงสั่งสอนพวกเขาในวันสะบาโต เขาก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสอนของพระองค์ เพราะพระดำรัสของพระองค์ประกอบด้วยสิทธิอำนาจ มีคนหนึ่งในธรรมศาลาที่มีผีโสโครกเข้าสิง ร้องเสียงดังว่า “พระเยซูชาวนาซาเร็ธ พระองค์มายุ่งกับเราทำไม? พระองค์มาทำลายเราหรือ? ข้ารู้ว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์คือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า “นิ่งเสีย จงออกมาจากตัวเขา” ผีนั้นก็ทำให้เขาล้มลงท่ามกลางฝูงชน แล้วก็ออกจากตัวเขา แต่ไม่ได้ทำอันตรายเขาเลย ทุกคนก็ประหลาดใจพูดกันว่า “ถ้อยคำของคนนี้มีอะไรพิเศษนะ เพราะท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช และพวกมันก็ออก” กิตติศัพท์ของพระองค์จึงเลื่องลือไปทุกตำบลที่อยู่รอบนั้น
ลูกา 4:15-37 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)
พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาต่างๆของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระคัมภีร์ เขาจึงส่งพระคัมภีร์อิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ค้นพบข้อที่เขียนไว้ว่า ‘พระวิญญาณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่บนข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ฟกช้ำเป็นอิสระ และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วทรงนั่งลงและตาของคนทั้งปวงในธรรมศาลาก็เพ่งดูพระองค์ พระองค์จึงเริ่มตรัสแก่เขาว่า “คัมภีร์ตอนนี้ที่ท่านได้ยินกับหูของท่านก็สำเร็จในวันนี้แล้ว” คนทั้งปวงก็เป็นพยานรับรองคำของพระองค์ และประหลาดใจด้วยถ้อยคำอันประกอบด้วยคุณซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และว่า “คนนี้เป็นบุตรชายของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายจะกล่าวคำสุภาษิตข้อนี้แก่เราเป็นแน่ คือว่า ‘หมอจงรักษาตัวเองเถิด คือบรรดาการซึ่งเราได้ยินว่า ท่านได้กระทำในเมืองคาเปอรนาอุม จงกระทำในเมืองของตนที่นี่ด้วย’” พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีศาสดาพยากรณ์คนใดได้รับการต้อนรับในบ้านเมืองของตน แต่เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีหญิงม่ายหลายคนในพวกอิสราเอลคราวเอลียาห์ เมื่อท้องฟ้าปิดเสียถึงสามปีกับหกเดือนจึงเกิดกันดารอาหารมากทั่วแผ่นดิน และเอลียาห์มิได้รับใช้ให้ไปหาหญิงม่ายคนใด เว้นแต่หญิงม่ายคนหนึ่งในบ้านศาเรฟัทแคว้นเมืองไซดอน และมีคนโรคเรื้อนหลายคนในพวกอิสราเอลคราวเอลีชาศาสดาพยากรณ์ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับการรักษาให้หายโรคนั้นเลย เว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย” เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก จึงลุกขึ้นผลักพระองค์ออกจากเมือง พาไปยังแง่ของเงื้อมเขาที่เมืองของเขา ซึ่งตั้งอยู่บนเนินนั้น หมายจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ทรงดำเนินผ่านท่ามกลางเขาพ้นไป พระองค์เสด็จลงไปถึงเมืองคาเปอรนาอุมแคว้นกาลิลี และได้สั่งสอนเขาทั้งหลายทุกวันสะบาโต คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยการสอนของพระองค์ เพราะคำของพระองค์ประกอบด้วยอำนาจ มีชายคนหนึ่งในธรรมศาลาที่มีผีโสโครกเข้าสิง เขาร้องเสียงดัง กล่าวว่า “ไฮ้ พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ปล่อยเราไว้ เราเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า ท่านมาเพื่อจะทำลายเราหรือ เรารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด ท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า “จงนิ่งเสีย ออกมาจากเขาซิ” เมื่อผีนั้นได้ทำให้เขาล้มลงท่ามกลางประชาชนแล้ว ก็ออกมาจากเขา แต่มิได้ทำอันตรายเขาเลย คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักพูดกันว่า “คำนี้เป็นอย่างไรหนอ เพราะว่าท่านได้สั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและด้วยฤทธิ์เดช มันก็ออกมา” กิตติศัพท์ของพระองค์จึงได้เลื่องลือไปทุกตำบลที่อยู่รอบนั้น
ลูกา 4:15-37 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)
พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา และได้รับความสรรเสริญจากคนทั้งปวง แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคย และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม เขาจึงส่งพระคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ค้นพบข้อที่เขียนไว้ว่า พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วทรงนั่งลง และตาของคนทั้งปวงในธรรมศาลาก็เพ่งดูพระองค์ พระองค์จึงเริ่มตรัสแก่เขาว่า <<คัมภีร์ตอนนี้ที่ท่านได้ยินกับหูของท่านก็สำเร็จในวันนี้แล้ว>> คนทั้งปวงก็กล่าวชมเชยพระองค์ และประหลาดใจด้วยถ้อยคำอันประกอบด้วยคุณ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และว่า <<คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ>> พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า <<ท่านทั้งหลายคงจะกล่าวคำสุภาษิตข้อนี้แก่เราเป็นแน่ คือว่า <หมอจงรักษาตัวเองเถิด คือบรรดาการซึ่งเราได้ยินว่า ท่านได้กระทำในเมืองคาเปอรนาอุมจงกระทำในเมืองของตนที่นี่ด้วย> >> พระองค์ตรัสอีกว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดได้รับการต้อนรับในเมืองของตน แต่เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีหญิงม่ายหลายคนในพวกอิสราเอล ในคราวเอลียาห์เมื่อท้องฟ้าปิดเสียถึงสามปีกับหกเดือน จึงเกิดกันดารอาหารมากทั่วแผ่นดิน และเอลียาห์มิได้รับใช้ให้ไปหาหญิงม่ายคนใด เว้นแต่หญิงม่ายคนหนึ่งในบ้านศาเรฟัทแขวงเมืองไซดอน และมีคนโรคเรื้อนหลายคนในพวกอิสราเอลในคราวเอลีชาผู้เผยพระวจนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับการรักษาให้หายโรคนั้นเลย เว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย>> เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก จึงลุกขึ้นผลักพระองค์ออกจากเมือง พาไปยังแง่ของเงื้อมเขาที่เมืองของเขาซึ่งตั้งอยู่บนเนินนั้น หมายจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ทรงดำเนินผ่านท่ามกลางเขาพ้นไป พระองค์เสด็จลงไปถึงเมืองคาเปอรนาอุมแคว้นกาลิลี และได้ทรงสั่งสอนเขาทั้งหลายในวันสะบาโต คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจด้วยการสอนของพระองค์ เพราะคำของพระองค์ประกอบด้วยสิทธิอำนาจ มีคนหนึ่งในธรรมศาลาที่มีผีโสโครกเข้าสิง เขาร้องเสียงดังว่า <<ไฮ้ พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาทำลายพวกเราหรือ เรารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด ท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า>> พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า <<จงนิ่งเสีย ออกมาจากเขาซี>> เมื่อผีนั้นได้ทำให้เขาล้มลงท่ามกลางประชุมชน แล้วก็ออกมาจากเขาแต่มิได้ทำอันตรายเขาเลย คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนัก พูดกันว่า <<คนนี้เป็นอย่างไรหนอ เพราะว่าท่านได้สั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและด้วยฤทธิ์เดช พวกมันก็ออกมา>> กิตติศัพท์ของพระองค์จึงได้เลื่องลือไปทุกตำบลที่อยู่รอบนั้น
ลูกา 4:15-37 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)
พระองค์ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาต่างๆ ของเขา ทุกคนพากันสรรเสริญพระองค์ พระองค์เสด็จมายังเมืองนาซาเร็ธที่ซึ่งทรงเติบโตขึ้น และในวันสะบาโตพระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาอย่างที่ปฏิบัติเป็นประจำและทรงยืนขึ้นอ่านพระธรรม เขาส่งม้วนพระคัมภีร์อิสยาห์ให้พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่ออกมาก็พบข้อความที่เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากไร้ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่ผู้ถูกจองจำ และให้คนตาบอดมองเห็น ให้ปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่ ให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” จากนั้นพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนแก่เจ้าหน้าที่แล้วประทับนั่งลง สายตาทุกคู่ในธรรมศาลาก็จ้องมองมาที่พระองค์ พระเยซูทรงเอ่ยขึ้นว่า “ในวันนี้พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นจริงแล้วตามที่ท่านได้ฟัง” คนทั้งปวงกล่าวยกย่องพระองค์และประหลาดใจในพระดำรัสอันทรงพระคุณจากพระโอษฐ์ของพระองค์ พวกเขาถามกันว่า “คนนี้เป็นลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ?” พระเยซูตรัสแก่พวกเขาว่า “แน่นอน ท่านคงจะยกภาษิตนี้กล่าวกับเราว่า ‘หมอจงรักษาตัวเองเถิด! สิ่งที่เราได้ยินว่าท่านทำที่เมืองคาเปอรนาอุมจงทำในเมืองของตนที่นี่ด้วย’ ” พระองค์ตรัสต่อไปว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะสักคนที่ได้รับการยอมรับในบ้านเกิดของตน เรายืนยันกับท่านว่ามีหญิงม่ายมากมายในอิสราเอลสมัยเอลียาห์เมื่อฟ้าถูกปิดไม่ให้ฝนตกเป็นเวลาสามปีครึ่งและเกิดการกันดารอาหารอย่างหนักทั่วแผ่นดิน กระนั้นเอลียาห์ก็ไม่ได้ถูกส่งไปหาใครยกเว้นหญิงม่ายที่ศาเรฟัทในเขตไซดอน และในสมัยผู้เผยพระวจนะเอลีชาก็มีคนโรคเรื้อนมากมายในอิสราเอล แต่ไม่มีคนไหนหายจากโรคยกเว้นนาอามานคนซีเรีย” เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินเช่นนี้ก็โกรธจัด เขาจึงลุกขึ้นผลักไสพระองค์ออกจากเมืองมาถึงชะง่อนเขาที่ตั้งเมืองเพื่อจะผลักพระองค์ลงไปจากหน้าผา แต่พระองค์ทรงดำเนินฝ่าฝูงชนออกไปและเสด็จไปตามทางของพระองค์ จากนั้นพระองค์เสด็จมายังเมืองคาเปอรนาอุมซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี และพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนประชาชนในวันสะบาโต พวกเขาเลื่อมใสในคำสอนของพระองค์เพราะถ้อยคำของพระองค์มีสิทธิอำนาจ ชายคนหนึ่งในธรรมศาลามีวิญญาณชั่วเข้าสิง เขาร้องสุดเสียงว่า “พระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ท่านต้องการอะไรจากพวกเรา? ท่านมาเพื่อทำลายพวกเราหรือ? ข้ารู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า!” พระเยซูตรัสสั่งอย่างเฉียบขาดว่า “เงียบ! ออกมาจากเขาเดี๋ยวนี้!” แล้วผีก็ทำให้คนนั้นล้มลงต่อหน้าคนทั้งปวงและออกมาโดยไม่ได้ทำอันตรายเขาแต่อย่างใด ประชาชนล้วนประหลาดใจและพูดกันว่า “คำสอนอะไรกันนี่? ท่านผู้นี้สั่งวิญญาณชั่วด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช มันก็ออกมา!” กิตติศัพท์ของพระองค์จึงเลื่องลือไปทั่วแถบนั้น
ลูกา 4:15-37 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)
พระองค์เริ่มสอนในศาลาที่ประชุมต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการสรรเสริญจากคนทั่วไป พระองค์มายังเมืองนาซาเร็ธ อันเป็นสถานที่ซึ่งเจริญวัยมา พระองค์เข้าไปในศาลาที่ประชุมในวันสะบาโตตามปกติวิสัย และก็ยืนขึ้นอ่าน พระคัมภีร์ที่ยื่นให้แก่พระองค์คือฉบับที่อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าบันทึกไว้ พระองค์จึงคลี่พระคัมภีร์ออก พบตอนที่เขียนว่า “พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเรา เพราะว่าพระองค์เจิมเรา เพื่อประกาศข่าวประเสริฐให้แก่ผู้ยากไร้ พระองค์ส่งเรามาประกาศกับนักโทษ เพื่อให้ได้รับการปลดปล่อย คนตาบอดจะมองเห็น และเพื่อปลดปล่อยผู้ที่ถูกบีบบังคับไปสู่อิสระ เพื่อประกาศปีที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า” แล้วพระเยซูก็ม้วนพระคัมภีร์ ก่อนจะคืนให้กับผู้ที่เก็บรักษา จากนั้นก็นั่งลงขณะที่อยู่ในเป้าสายตาของผู้คนทั้งหลายในศาลาที่ประชุม พระองค์ได้เริ่มกล่าวกับพวกเขาว่า “สิ่งที่พระคัมภีร์ระบุไว้ในตอนนี้ได้บรรลุผลแล้วขณะที่ท่านกำลังฟังกันในวันนี้” ผู้คนทั้งปวงก็พากันสรรเสริญพระองค์ แต่ก็ประหลาดใจในคำกล่าวอันเป็นพระคุณซึ่งออกมาจากปากของพระองค์ เขาทั้งหลายจึงพูดกันว่า “นี่เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ” พระเยซูได้กล่าวขึ้นว่า “พวกท่านคงจะต้องกล่าวสุภาษิตนี้กับเราอย่างแน่นอน ‘เป็นแพทย์ก็ต้องรักษาตนเอง’ อะไรก็ตามที่พวกเราได้ยินว่าท่านแสดงในเมืองคาเปอร์นาอุม ก็เชิญแสดงในเมืองที่ท่านเติบโตมานี้ด้วย” พระองค์พูดต่อไปอีกว่า “เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้ใดเป็นที่ยอมรับในเมืองที่ตนเติบโตมา แต่เราจะย้ำความจริงกับท่านว่า ในสมัยของเอลียาห์ มีหญิงม่ายจำนวนมากในอิสราเอล ขณะที่ท้องฟ้าไม่เอื้อฝนถึงสามปีครึ่ง ความอดอยากแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าก็ไม่ได้ส่งเอลียาห์ไปช่วยหญิงม่ายเหล่านั้น แต่ไปเพื่อช่วยหญิงม่ายเพียงคนเดียวในเมืองศาเรฟัทแขวงไซดอน และในสมัยเอลีชาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า มีผู้เป็นโรคเรื้อนจำนวนมากในอิสราเอล และไม่มีใครสักคนที่ได้รับการรักษาให้หาย ยกเว้นนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น” เมื่อทุกคนในศาลาที่ประชุมฟังแล้วก็เกิดโทสะขึ้น จึงลุกขึ้นไล่พระองค์ไปจากเมือง และนำไปยังหน้าผาที่เมืองนั้นตั้งอยู่ เพื่อจะโยนพระองค์ลงมา แต่พระองค์ฝ่าหมู่คนเหล่านั้นไปได้ และไปตามทางของพระองค์ พระเยซูมายังเมืองคาเปอร์นาอุมในแคว้นกาลิลี และสั่งสอนประชาชนในวันสะบาโต ผู้คนพากันอัศจรรย์ใจกับการสั่งสอนของพระองค์ เพราะคำพูดของพระองค์มีสิทธิอำนาจ มีชายคนหนึ่งในศาลาที่ประชุมถูกวิญญาณร้ายของมารเข้าสิง เขาได้ร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “อ้าว ท่านมายุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเรา พระเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ ท่านมาเพื่อทำลายเราหรือ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านคือใคร องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูได้กล่าวห้ามว่า “จงเงียบเสีย และออกมาจากตัวเขา” มารได้ออกจากร่างของชายนั้นโดยมิได้ทำอันตรายแต่ประการใด เขาเพียงแต่ล้มลงต่อหน้าคนทั้งหลายเท่านั้น และผู้คนก็พากันแปลกใจนักจึงเริ่มพูดโต้ตอบกันว่า “ช่างเป็นคำพูดที่มีสิทธิอำนาจและอานุภาพยิ่งนักจึงทำให้พวกวิญญาณร้ายออกมาได้” จากนั้นเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วดินแดนใกล้เคียง