ลูกา 24:1-49

ลูกา 24:1-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

ตอน​เช้าตรู่​ของ​วันอาทิตย์ พวกผู้หญิง​ก็​พา​กัน​เอา​เครื่อง​หอม​ที่​ได้​เตรียม​ไว้​ไป​ที่​อุโมงค์ แล้ว​พบ​ว่า​หิน​ที่​ปิด​ปาก​อุโมงค์​นั้น​ถูก​กลิ้ง​เปิด​ออก​แล้ว พวกนาง​จึง​เข้า​ไป​ใน​อุโมงค์ แต่​ก็​ไม่​พบ​ศพ​องค์​เจ้า​ชีวิต พวกนาง​ก็​งง​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น ทันใดนั้น​ก็​มี​ชาย​สอง​คน​ใส่​เสื้อผ้า​สีขาว​เป็น​ประกาย​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ พวกนาง​ก็​ตกใจกลัว​ซบหน้า​ลง​กับ​พื้นดิน ชาย​ทั้ง​สอง​ก็​พูด​ว่า “พวก​เธอ​มาหา​คน​ที่​มี​ชีวิต​ใน​ที่​ของ​คน​ตาย​ทำไม พระเยซู​ไม่​ได้​อยู่​ที่​นี่​แล้ว พระองค์​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว จำ​ได้​หรือ​เปล่า​ตอน​ที่​อยู่​แคว้น​กาลิลี พระองค์​บอก​ว่า บุตร​มนุษย์​จะ​ต้อง​ถูก​มอบ​ไป​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป และ​จะ​ถูก​ตรึง​ที่​ไม้​กางเขน แล้ว​พระองค์​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใหม่​ใน​วัน​ที่​สาม” พวกผู้หญิง​ก็​เลย​จำ​ได้​ว่า​พระองค์​เคย​พูด​ถึง​สิ่ง​เหล่านี้ พวก​นาง​รีบ​กลับ​ไป​เล่า​เรื่อง​ทั้งหมดนี้​ให้​พวก​ศิษย์​เอก​ทั้ง​สิบ​เอ็ด​คน​และ​พวก​ศิษย์​คน​อื่นๆ​ของ​พระเยซู​ฟัง พวก​ผู้หญิง​ที่​มา​เล่า​เรื่องนี้​ให้​ฟัง​ก็​มี มารีย์​ชาว​มักดาลา โยอันนา มารีย์​แม่​ของ​ยากอบ และ​รวม​ทั้ง​หญิง​คน​อื่นๆ แต่​พวก​ศิษย์​เอก​ไม่​เชื่อ และ​หา​ว่า​เป็น​เรื่อง​เหลวไหล แต่​เปโตร​วิ่ง​ไป​ดู​ที่​อุโมงค์ เมื่อ​เขา​ก้มลง​ไป​ดู​ก็​เห็น​แต่​ผ้าลินิน​ที่​ห่อ​ศพ​ของ​พระเยซู​วาง​อยู่ แล้ว​เขา​ก็​จาก​ไป​ด้วย​ความสงสัย​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น ใน​วัน​นั้น​ศิษย์​สอง​คน​ของ​พระเยซู​กำลัง​เดิน​ทาง​ไป​ที่​หมู่บ้าน​เอมมาอูส ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​เมือง​เยรูซาเล็ม​ราวๆ​สิบเอ็ด​กิโลเมตร พวก​เขา​พูด​คุย​กัน​ถึง​เรื่อง​ทั้งหมด​ที่​เกิด​ขึ้น พระเยซู​ก็​เข้า​มา​ใกล้ และ​เดิน​ไป​กับ​พวกเขา แต่​พระเจ้า​ทำ​ให้​พวกเขา จำ​พระองค์​ไม่​ได้ พระเยซู​จึง​ถาม​ว่า “พวกคุณ​กำลัง​เดิน​คุย​กัน​เรื่อง​อะไร​หรือ” พวก​เขา​ก็​หยุด​เดิน ทำ​หน้าตา​เศร้า​หมอง ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เคลโอปัส​ก็​ตอบ​ว่า “ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม สงสัย​จะ​มี​แต่​คุณ​เท่านั้น ที่​ไม่​รู้เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ที่​นั่น​เมื่อ​สอง​สาม​วัน​มา​นี้” พระเยซู​ตอบ​ว่า “เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ” พวกเขา​ตอบ​ว่า “ก็​เรื่อง​ที่​เกิด​กับ​เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​ไง เขา​เป็น​ผู้พูดแทนพระเจ้า ใน​สายตา​ของ​พระเจ้า​และ​คน​ทั้งปวง​เห็น​ว่า​เยซู​เป็น​คน​ที่​มี​ฤทธิ์เดช​มาก ทั้ง​ใน​ด้าน​คำพูด​และ​การกระทำ แต่​พวก​หัวหน้านักบวช​และ​พวกผู้นำของเรา ส่ง​เขา​ไป​ให้​ผู้​มี​อำนาจ​ของ​โรม​ตัดสิน​ประหารชีวิต แล้ว​เขา​ก็​ถูก​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน พวก​เรา​เคย​หวัง​ไว้​ว่า เขา​จะมา​ปลดปล่อย​ชนชาติ​อิสราเอล​ให้​เป็น​อิสระ เรื่องนี้​ก็​ได้​เกิด​ขึ้น​สาม​วัน​มา​แล้ว แต่​เมื่อ​เช้าตรู่​วันนี้​เอง มี​ผู้หญิง​บางคน​ใน​พวก​เรา​ไป​ที่​อุโมงค์ แล้ว​มา​พูด​ให้​เรา​ประหลาดใจ​ว่า พวกนาง​หา​เขา​ไม่​เจอ และ​ยัง​บอก​อีก​ว่า​ได้​เห็น​ทูตสวรรค์​สอง​องค์​ใน​นิมิต​มา​บอก​ว่า เยซู​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ พวกเรา​บางคน​วิ่ง​ไป​ดู​ที่​อุโมงค์ ก็​ไม่​พบ​ศพ​จริงๆ​เหมือน​กับ​ที่​ผู้หญิง​กลุ่ม​นั้น​บอก” แล้ว​พระเยซู​ก็​พูด​ว่า “ทำไม​พวก​คุณ​ถึง​ได้​โง่​อย่างนี้ ไม่​ยอม​เชื่อ​สิ่ง​ที่​พวก​ผู้พูดแทนพระเจ้า​บอก ก่อน​ที่​พระคริสต์​จะ​ได้รับ​สง่าราศี​นั้น พระองค์​จะ​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​ก่อน​ไม่​ใช่​หรือ” แล้ว​พระเยซู​ก็​เริ่ม​อธิบาย​ข้อ​พระคัมภีร์​ต่างๆ​ที่​พูด​ถึง​พระองค์​จน​หมด​เกลี้ยง เริ่ม​ตั้งแต่​โมเสส​ตลอด​ไป​จน​ถึง​ผู้พูดแทนพระเจ้า​ทุก​คน เมื่อ​เกือบ​จะ​ถึง​หมู่บ้าน​เอมมาอูส พระเยซู​ทำ​ท่า​เหมือน​จะ​เดิน​เลย​ไป พวกเขา​ก็​คะยั้นคะยอ​ให้​พระองค์​อยู่ และ​บอก​ว่า “นี่​ก็​เย็น​มาก​แล้ว ใกล้​มืด​แล้ว​ด้วย ไป​พัก​กับ​พวก​เรา​ก่อน​เถอะ” พระเยซู​จึง​เข้า​ไป​พัก​อยู่​กับ​พวกเขา เมื่อ​พวกเขา​อยู่​ที่​โต๊ะ​อาหาร​นั้น พระองค์​หยิบ​ขนมปัง​ขึ้น​มา​ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​ก็​หัก​ขนมปัง​แบ่ง​ให้​กับ​พวก​เขา แล้ว​ตา​ของ​พวก​เขา​ก็​สว่าง​ขึ้น จำ​พระเยซู​ได้ แล้ว​พระองค์​ก็​หาย​วับ​ไป​กับ​ตา พวก​เขา​จึง​พูด​กัน​ว่า “มิ​น่า​ล่ะ ใจ​ของ​เรา​ถึง​ได้​ร้อนรุ่ม​น่า​ดู​เลย ใน​ระหว่าง​ทาง​ที่​พระองค์​พูด​และ​อธิบาย​ข้อพระคัมภีร์​ให้​ฟัง” ทั้ง​สอง​จึง​รีบ​ลุก​ขึ้น​กลับ​ไป​เมือง​เยรูซาเล็ม​ทันที และ​พบ​กับ​พวกศิษย์เอก​ทั้ง​สิบเอ็ด​คน​ที่​ชุมนุม​กัน​อยู่​กับ​ศิษย์​คน​อื่นๆ กลุ่ม​ที่​ชุมนุม​นั้น​ก็​บอก​กับ​สอง​คนนี้​ว่า “องค์​เจ้า​ชีวิต ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว​จริงๆ​พระองค์​มา​ปรากฏ​ตัว​ให้​ซีโมน​เห็น” แล้ว​ทั้ง​สอง ก็​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ระหว่าง​ทาง และ​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​พวก​เขา​จำ​พระเยซู​ได้​ตอน​ที่​พระองค์​หัก​ขนมปัง​ให้ ขณะ​ที่​ทั้งสอง​ยัง​เล่า​เรื่องนี้​อยู่​นั้น พระเยซู​มา​ยืน​อยู่​กับ​พวก​เขา และ​พูด​ว่า “ขอ​ให้​อยู่​เย็น​เป็น​สุข” พวก​เขา​ก็​สะดุ้ง​ตกใจกลัว คิด​ว่า​เจอ​ผี พระเยซู​จึง​พูด​ว่า “ตกใจ​ทำไม ทำไม​ถึง​ขี้สงสัย​อย่างนี้ ดู​มือ​และ​เท้า​ของ​เรา​สิ นี่​เป็น​ตัว​เรา​จริงๆ ไม่​เชื่อ​ลอง​จับ​ดู จะ​ได้​รู้​ว่า​ไม่​ใช่​ผี เพราะ​ผี​ไม่​มี​เนื้อ​ไม่​มี​กระดูก​อย่าง​ที่​คุณ​เห็น​เรา​มี​หรอก” เมื่อ​พูด​เสร็จ พระองค์​ก็​ยื่น​มือ​และ​เท้า​ให้​พวก​เขา​ดู พวกศิษย์​ดีใจ​และ​แปลกใจ​มาก ไม่​อยาก​เชื่อ​ว่า​เป็น​จริง แล้ว​พระเยซู​ก็​ถาม​ขึ้น​ว่า “มี​อะไร​กิน​บ้าง” พวก​เขา​จึง​เอา​ปลา​ย่าง​ชิ้น​หนึ่ง​มา​ให้​พระองค์ พระองค์​ก็​เอา​มา​กิน​ต่อ​หน้า​พวก​เขา แล้ว​พระองค์​ก็​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า “เมื่อ​ก่อน​ตอน​ที่​เรา​อยู่​กับ​พวก​คุณ เรา​ได้​บอก​แล้ว​ว่า ทุก​เรื่อง​ที่​ได้​เขียน​ไว้​เกี่ยวกับ​เรา​ใน​กฎปฏิบัติ​ของ​โมเสส ใน​หนังสือ​ของ​พวกผู้พูดแทนพระเจ้า และ​ใน​หนังสือ​สดุดี จะ​ต้อง​เกิด​ขึ้น​ตาม​นั้น” แล้ว​พระองค์​เปิดใจ​พวก​เขา​ให้​เข้าใจ​พระคัมภีร์ พระองค์​บอก​พวก​เขา​ว่า “พระคัมภีร์​เขียน​ไว้​ว่า พระคริสต์​จะ​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน และ​จะ​ฟื้นขึ้นมา​จาก​ความตาย​ใน​วันที่​สาม แล้ว​เรื่อง​การกลับตัว​กลับใจ​เพื่อ​จะ​ได้รับ​การอภัยโทษ​จาก​บาป​จะ​ต้อง​ถูกประกาศ​ไป​ใน​นาม​ของ​เรา​ให้​คน​ทุก​ชาติ​รู้ เริ่ม​จาก​เมือง​เยรูซาเล็ม​ก่อน พวก​คุณ​จะ​ต้อง​เป็น​พยาน​เล่า​เรื่อง​ทั้งหมดนี้​ที่​คุณ​เห็น แล้ว​เรา​จะ​ส่ง​พระวิญญาณ​มา​ให้ เป็น​พระวิญญาณ​ที่​พระบิดา​ของ​เรา​ได้​สัญญา​ว่า​จะ​ให้​กับ​พวก​คุณ แต่​พวก​คุณ​ต้อง​คอย​อยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม​ก่อน จน​กว่า​จะ​ได้รับ​ฤทธิ์​อำนาจ​นั้น​จาก​สวรรค์”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 24

ลูกา 24:1-49 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์ พวกผู้หญิงก็นำเครื่องหอมที่จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์ พวกนางพบว่าก้อนหินกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว และเมื่อเข้าไปหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะกำลังฉงนสนเท่ห์เพราะเหตุการณ์นั้น นี่แน่ะ มีชายสองคนยืนอยู่ใกล้พวกนาง เครื่องนุ่งห่มแพรวพราวจนพร่าตา ผู้หญิงเหล่านั้นก็หวาดกลัวและซบหน้าลงถึงดิน ชายสองคนนั้นจึงพูดกับพวกนางว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไม? [พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว] จงระลึกถึงคำที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านขณะที่พระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี ว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป และจะต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’” พวกนางจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ เมื่อกลับจากอุโมงค์แล้ว พวกนางก็เล่าเหตุการณ์นี้ทั้งหมดแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ด้วย คนที่เล่าเหตุการณ์เหล่านั้นแก่พวกอัครทูตคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่กับพวกนาง แต่พวกอัครทูตไม่เชื่อ เห็นว่าเป็นคำเหลวไหล [แต่เปโตรลุกขึ้น วิ่งไปที่อุโมงค์ เมื่อก้มลงมองดูก็เห็นแต่ผ้าป่านเท่านั้น จึงกลับไปด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น] ในวันนั้นเองมีสาวกสองคนเดินทางไปหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร เขาสนทนากันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่กำลังสนทนาซักถามกันอยู่ พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินด้วยกัน แต่ตาของเขาทั้งสองถูกปิดกั้นทำให้จำพระองค์ไม่ได้ พระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ระหว่างทางที่เดินมานี่ท่านโต้ตอบกันเรื่องอะไร?” เขาก็หยุดยืน หน้าตาโศกเศร้า คนที่ชื่อเคลโอปัสทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นแขกเมืองในกรุงเยรูซาเล็มเพียงคนเดียวหรือที่ไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้?” พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เหตุการณ์อะไร?” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เผยพระวจนะที่มีฤทธิ์เดชในกิจการและถ้อยคำต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชน พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกผู้นำของเรามอบตัวท่านไว้ให้ถูกลงโทษถึงตาย และตรึงท่านที่กางเขน แต่เรามีความหวังว่าท่านจะเป็นผู้นั้นที่มาไถ่ชนชาติอิสราเอล ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น มีผู้หญิงบางคนในพวกเราที่ทำให้เราประหลาดใจ พวกนางไปที่อุโมงค์เมื่อเวลาเช้ามืด แต่ไม่พบศพของท่าน จึงมาเล่าว่าเห็นนิมิตเป็นทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์นั้นบอกว่าท่านผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ บางคนในเราจึงไปที่อุโมงค์ และพบเหมือนที่ผู้หญิงเหล่านั้นบอก แต่เขาไม่เห็นท่านเยซู” พระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “โอ คนโง่เขลาและมีใจเฉื่อยช้าในการเชื่อถ้อยคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้นั้น พระคริสต์จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างนั้นแล้วจึงเข้าในพระสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด เมื่อมาใกล้หมู่บ้านที่จะไปนั้น พระองค์ทรงทำทีว่าจะเสด็จเลยไป เขาทั้งสองจึงคะยั้นคะยอพระองค์ว่า “เชิญท่านมาพักด้วยกันเถิด เพราะจวนจะค่ำและใกล้จะหมดวันอยู่แล้ว” พระองค์จึงเสด็จเข้าไปพักอยู่กับเขา เมื่อประทับที่โต๊ะอาหารกับพวกเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอพระพร แล้วทรงหักส่งให้เขา ตาของเขาทั้งสองก็เปิดออกและเขาก็จำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็อันตรธานไปจากเขา เขาจึงพูดกันว่า “ใจเรารุ่มร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสตามทาง และเมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังไม่ใช่หรือ?” เขาทั้งสองก็ลุกขึ้นในเวลานั้น แล้วกลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม และพบว่าพวกสาวกสิบเอ็ดคนชุมนุมกันอยู่พร้อมกับพรรคพวก กำลังพูดกันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้วจริงๆ และทรงปรากฏแก่ซีโมน” สองคนนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทาง และเรื่องที่เขารู้จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้น ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดเรื่องนี้อยู่ พระองค์เสด็จมาและทรงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา และตรัสกับเขาว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” พวกเขาต่างตื่นตกใจหวาดกลัวคิดว่าเห็นผี พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม? เพราะอะไรท่านถึงเกิดความคิดสงสัยขึ้นในใจ? จงดูที่มือและเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนอย่างที่พวกท่านเห็นว่าเรามี” เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น เมื่อพวกเขายังไม่ค่อยเชื่อเพราะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่นั้น พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ที่นี่มีอะไรกินบ้างไหม?” พวกเขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งมาให้พระองค์ พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าพวกเขา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “นี่เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราบอกไว้กับท่านทั้งหลายขณะที่เรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาถ้อยคำที่เขียนไว้ในหมวดธรรมบัญญัติของโมเสส ในหมวดผู้เผยพระวจนะ และในหมวดเพลงสดุดีที่กล่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ” แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีถ้อยคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกท่านเองก็เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ นี่แน่ะ เราจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญานั้นลงมาเหนือท่าน แต่ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุง จนกว่าท่านจะสวมด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 24

ลูกา 24:1-49 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

แต่​เช้ามืดในวันต้นสัปดาห์ ผู้​หญิงเหล่านั้นจึงนำเครื่องหอมที่เขาได้จัดเตรียมไว้มาถึ​งอ​ุโมงค์ และคนอื่​นก​็มาพร้อมกับเขา เขาเหล่านั้นเห็​นก​้อนหินกลิ้งออกพ้นจากปากอุโมงค์​แล้ว และเมื่อเข้าไปมิ​ได้​เห​็นพระศพของพระเยซู​เจ้า ต่อมาเมื่อเขากำลังคิดฉงนด้วยเหตุ​การณ์​นั้น ดู​เถิด มี​ชายสองคนยืนอยู่​ใกล้​เขา เครื่องนุ่งห่มแพรวพราว ฝ่ายผู้หญิงเหล่านั้นกลัวและซบหน้าลงถึ​งด​ิน ชายสองคนนั้นจึงพู​ดก​ับเขาว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไมเล่า พระองค์​ไม่อยู่​ที่นี่ แต่​ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว จงระลึกถึงคำที่​พระองค์​ได้​ตรัสกั​บท​่านทั้งหลายเมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี ว่า ‘​บุ​ตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของคนบาป และต้องถูกตรึงที่​กางเขน และวั​นที​่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’ ” เขาจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์​ได้ และกลับไปจากอุโมงค์ แล​้วบอกเหตุ​การณ์​ทั้งปวงนั้นแก่สาวกสิบเอ็ดคน และคนอื่นๆทั้งหมดด้วย ผู้​ที่​ได้​บอกเหตุ​การณ์​นั้นแก่​อัครสาวก คือมารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มาร​ีย์มารดาของยากอบ และหญิ​งอ​ื่นๆที่​อยู่​กับเขา ฝ่ายอัครสาวกไม่​เชื่อ ถือว่าเป็นคำเหลวไหล แต่​เปโตรลุกขึ้​นว​ิ่งไปถึ​งอ​ุโมงค์ ก้มลงมองดู​ก็​เห​็นแต่ผ้าป่านวางอยู่​ต่างหาก แล​้วกลับไปคิดพิศวงถึงเหตุ​การณ์​ซึ่งได้เป็นไปนั้น ดู​เถิด วันนั้นเองมีสาวกสองคนไปยังหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็​ดก​ิโลเมตร เขาสนทนากันถึงเหตุ​การณ์​ซึ่งได้เป็นไปนั้น และต่อมาเมื่อเขากำลังพูดปรึกษากันอยู่ พระเยซู​เองก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินไปกับเขา แต่​ตาเขาฟางไปและจำพระองค์​ไม่ได้ พระองค์​ตรัสกับเขาว่า “เมื่อเดินมานี่ด้วยหน้าโศกเศร้า ท่านโต้ตอบกันถึงเรื่องอะไร” คนหนึ่งชื่อเคลโอปัสจึงทูลถามพระองค์​ว่า “ท่านเป็นเพียงแต่คนต่างด้าวในกรุงเยรูซาเล็มหรือ ที่​ไม่รู้​เหตุการณ์​ทั้งปวงซึ่งเป็นไปในวันเหล่านี้” พระองค์​ตรัสถามเขาว่า “​เหตุการณ์​อะไร​” เขาจึงตอบพระองค์​ว่า “​เหตุการณ์​เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้​เป็นศาสดาพยากรณ์ ประกอบด้วยฤทธิ์เดชในการงานและในถ้อยคำจำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า และต่อหน้าประชาชนทั้งหลาย และพวกปุโรหิตใหญ่กับขุนนางทั้งหลายของเรา ได้​มอบพระองค์​ไว้​ให้​ปรับโทษถึงตาย และตรึงพระองค์​ที่​กางเขน แต่​เราทั้งหลายได้หวังใจว่าจะเป็นพระองค์​ผู้​นั้​นที​่จะไถ่​ชนชาติ​อิสราเอล ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก วันนี้​เป็​นว​ั​นที​่สามตั้งแต่​เหตุการณ์​นั้นเกิดขึ้น และยั​งม​ี​ผู้​หญิงบางคนในพวกเราที่​ได้​ทำให้​เราประหลาดใจ นางได้ไปที่​อุโมงค์​เมื่อเวลาเช้ามืด แต่​เมื่อไม่พบพระศพของพระองค์ จึงมาเล่าว่านางได้​เห​็นนิ​มิ​ตเป็นทูตสวรรค์ และทู​ตน​ั้นบอกว่าพระองค์ทรงพระชนม์​อยู่ บางคนที่​อยู่​กับเราก็ไปจนถึ​งอ​ุโมงค์ และได้พบเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้​บอก แต่​เขาหาได้​เห​็นพระองค์​ไม่​” พระองค์​ตรัสแก่สองคนนั้​นว​่า “​โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกศาสดาพยากรณ์​ได้​กล​่าวไว้​นั้น จำเป็นซึ่งพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนั้น แล​้วเข้าในสง่าราศีของพระองค์​มิใช่​หรือ​” พระองค์​จึงทรงเริ่มอธิบายพระคัมภีร์​ที่​เล็งถึงพระองค์​ทุ​กข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาศาสดาพยากรณ์ เมื่อเขามาใกล้​หมู่​บ้านที่จะไปนั้น พระองค์​ทรงกระทำเหมือนจะทรงดำเนินเลยไป เขาจึงพูดหน่วงเหนี่ยวพระองค์​ว่า “เชิญหยุดพั​กก​ับเรา เพราะว่าจวนเย็นแล้ว และวั​นก​็ล่วงไปมาก” พระองค์​จึงเสด็จเข้าไปเพื่อพักอยู่กับเขา ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงเอนพระกายลงเสวยกับเขา พระองค์​ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณ แล​้วหักส่งให้​เขา ตาของเขาก็หายฟางและเขาก็​รู้​จักพระองค์ แล​้วพระองค์​ก็​อันตรธานไปจากเขา เขาจึงพู​ดก​ั​นว​่า “ใจเราเร่าร้อนภายใน เมื่อพระองค์ตรัสกับเราตามทาง เมื่อพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์​ให้​เราฟั​งม​ิ​ใช่​หรือ​” แล​้วคนทั้งสองนั้​นก​็​ลุ​กขึ้นในโมงนั้นเองกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพบพวกสาวกสิบเอ็ดคนชุ​มนุ​มกันอยู่​พร​้อมทั้งพรรคพวก กำลังพู​ดก​ั​นว​่า “​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้วจริงๆ และได้ปรากฏแก่​ซี​โมน​” ฝ่ายสองคนนั้นจึงเล่าความซึ่งเกิดขึ้​นที​่​กลางทาง และที่เขาได้​รู้​จักพระองค์โดยการหักขนมปังนั้น เมื่อเขาทั้งสองกำลังเล่าเหตุ​การณ์​เหล่านั้น พระเยซู​เองทรงยืนอยู่​ที่​ท่ามกลางเขา และตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด” ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี พระองค์​จึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม เหตุ​ไฉนความคิดสนเท่ห์จึ​งบ​ังเกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลายเล่า จงดู​มือของเราและเท้าของเราว่า เป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผี​ไม่มี​เนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามี​อยู่​นั้น​” เมื่อตรั​สอย​่างนั้นแล้ว พระองค์​ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น เมื่อเขาทั้งหลายยังไม่ปลงใจเชื่อ เพราะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างเหลือเชื่อ และกำลังประหลาดใจอยู่ พระองค์​จึงตรัสถามเขาว่า “พวกท่านมีอาหารกิ​นที​่​นี่​บ้างไหม” เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่​งก​ับรวงผึ้งชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์ พระองค์​ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย พระองค์​ตรัสกับเขาว่า “​นี่​เป็นถ้อยคำของเรา ซึ่งเราได้บอกไว้​แก่​ท่านทั้งหลายเมื่อเรายังอยู่กั​บท​่านว่า บรรดาคำที่​เข​ียนไว้ในพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสส และในคัมภีร์​ศาสดาพยากรณ์ และในหนังสือสดุ​ดี​กล​่าวถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ” ครั้งนั้น พระองค์​ทรงบันดาลให้ใจเขาทั้งหลายเกิดความสว่างขึ้นเพื่อจะได้​เข​้าใจพระคัมภีร์ พระองค์​ตรัสกับเขาว่า “​มี​คำเขียนไว้อย่างนั้​นว​่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์​ทรมาน และเป็นขึ้นมาจากความตายในวั​นที​่​สาม และจะต้องประกาศในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ และเรื่องยกบาปทั่​วท​ุกประเทศ ตั้งต้​นที​่​กรุ​งเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานด้วยข้อความเหล่านั้น และดู​เถิด เราจะส่งซึ่งพระบิดาของเราทรงสัญญานั้นมาเหนือท่านทั้งหลาย แต่​ท่านทั้งหลายจงคอยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม กว่าท่านจะได้ประกอบด้วยฤทธิ์เดชที่มาจากเบื้องบน”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 24

ลูกา 24:1-49 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เช้ามืดวันต้นสัปดาห์ พวกผู้หญิงนำเครื่องหอมที่เตรียมไว้มาที่อุโมงค์ พวกนางพบว่าก้อนหินถูกกลิ้งออกจากปากอุโมงค์แล้ว แต่เมื่อเข้าไป พวกนางก็ไม่พบพระศพขององค์พระเยซูเจ้า ขณะที่กำลังแปลกใจในเรื่องนี้ ทันใดนั้นชายสองคนสวมเสื้อผ้าซึ่งส่องประกายเหมือนฟ้าแลบมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา พวกผู้หญิงน้อมกายซบหน้าลงกับพื้นด้วยความตกใจ แต่ชายทั้งสองพูดกับพวกนางว่า “เหตุใดพวกท่านมามองหาคนเป็นในหมู่คนตาย? พระองค์ไม่ได้ทรงอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! จงระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงบอกพวกท่านไว้ขณะที่ยังอยู่ในแคว้นกาลิลีที่ว่า ‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของคนบาป ถูกตรึงตายที่ไม้กางเขน และในวันที่สามจะทรงให้เป็นขึ้นมาใหม่’ ” แล้วพวกเขาจึงระลึกถึงพระดำรัสของพระองค์ เมื่อพวกนางกลับมาจากอุโมงค์แล้วพวกนางก็เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ทั้งปวงฟัง ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ให้เหล่าอัครทูตฟังคือ มารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่กับพวกเขา แต่พวกเขาไม่เชื่อผู้หญิงเหล่านี้ เพราะฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่เปโตรลุกขึ้นวิ่งไปที่อุโมงค์แล้วก้มลงมอง เขาเห็นแต่แถบผ้าลินินกองอยู่ จึงกลับไปครุ่นคิดด้วยความประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ในวันนั้นสาวกสองคนกำลังจะไปหมู่บ้านเอมมาอูสซึ่งห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 11 กิโลเมตร ทั้งสองสนทนากันเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่เขากำลังพูดคุยเรื่องต่างๆ กันอยู่นั้น พระเยซูเองได้เสด็จมาและทรงดำเนินไปกับพวกเขา แต่ทรงบันดาลให้ทั้งคู่จำพระองค์ไม่ได้ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ระหว่างเดินมาตามทาง พวกท่านถกเถียงเรื่องอะไรกันอยู่หรือ?” ทั้งสองยืนนิ่งหน้าตาโศกเศร้า คนหนึ่งชื่อเคลโอปัสทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นเพียงแขกเมืองมากรุงเยรูซาเล็มหรือ จึงไม่รู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่นในช่วงนี้?” “เรื่องอะไรหรือ?” พระองค์ตรัสถาม ทั้งสองจึงทูลว่า “เรื่องพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ พระองค์ทรงเป็นผู้เผยพระวจนะ ทรงฤทธิ์อำนาจในวาจาและการกระทำทั้งต่อหน้าพระเจ้า และต่อหน้าประชาชนทั้งปวง พวกหัวหน้าปุโรหิตกับผู้นำของเรามอบพระองค์ให้รับโทษประหาร พวกเขาตรึงพระองค์ที่ไม้กางเขน แต่พวกเราหวังไว้ว่าพระองค์คือผู้ที่จะมาไถ่ชนชาติอิสราเอล และยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวันที่สามนับตั้งแต่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้น นอกจากนั้นผู้หญิงบางคนในพวกเรายังทำให้เราประหลาดใจ คือเช้ามืดวันนี้พวกนางไปที่อุโมงค์ แต่ไม่พบพระศพของพระองค์ พวกนางกลับมาบอกเราว่าเห็นนิมิตมีทูตสวรรค์มาบอกว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ แล้วเพื่อนของเราบางคนไปที่อุโมงค์และได้พบเหมือนอย่างที่พวกผู้หญิงบอกไว้แต่ไม่เห็นพระองค์” พระเยซูตรัสกับทั้งสองว่า “พวกท่านช่างเขลาจริงหนอ และจิตใจช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อสิ่งทั้งปวงซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้! พระคริสต์ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยสิ่งเหล่านั้น แล้วเข้าสู่พระเกียรติสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” จากนั้นพระองค์ทรงอธิบายทุกอย่างที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระองค์เองให้เขาทั้งสองฟังตั้งแต่โมเสสตลอดจนผู้เผยพระวจนะทั้งปวง เมื่อเข้ามาใกล้หมู่บ้านที่เขาทั้งสองจะไปนั้น พระเยซูทรงทำทีว่าจะเลยไป แต่ทั้งคู่ทูลคะยั้นคะยอว่า “แวะอยู่กับเราก่อนเถิด เพราะใกล้ค่ำจวนจะหมดวันแล้ว” ดังนั้นพระองค์จึงทรงพักอยู่กับพวกเขา เมื่อพระองค์ทรงร่วมโต๊ะกับพวกเขา ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณพระเจ้าและหักส่งให้พวกเขา แล้วตาของพวกเขาก็สว่างและจำพระองค์ได้ แล้วพระองค์ทรงหายไปจากสายตาของพวกเขา พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใจของเราเร่าร้อนอยู่ภายในไม่ใช่หรือขณะพระองค์ตรัสกับเรากลางทางและยกพระคัมภีร์มาอธิบายให้เราฟัง?” ทั้งสองลุกขึ้นกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มทันที พวกเขาพบสาวกสิบเอ็ดคนกับพวกชุมนุมกันอยู่ และกำลังพูดกันว่า “เป็นความจริง! องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นแล้ว ทรงปรากฏแก่ซีโมน” ทั้งสองจึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลางทางและที่พวกเขาจำพระเยซูได้เมื่อทรงหักขนมปัง ขณะพวกเขากำลังพูดเรื่องนี้อยู่ พระเยซูเองทรงมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย” พวกเขาสะดุ้งตกใจกลัว คิดว่าเห็นผี พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เหตุใดพวกท่านจึงวุ่นวายใจ? ทำไมเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจ? จงดูมือและเท้าของเรา นี่เราเอง! มาจับต้องเราดู ผีไม่มีเนื้อและกระดูกอย่างที่ท่านเห็นอยู่ว่าเรามี” เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงให้พวกเขาดูพระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ และขณะที่พวกเขายังไม่เชื่อเพราะความตื่นเต้นยินดีและประหลาดใจ พระองค์ก็ตรัสถามพวกเขาว่า “ที่นี่มีอะไรให้กินไหม?” พวกเขาก็นำปลาย่างชิ้นหนึ่งมาถวาย และพระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขาทั้งหลาย พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่เราบอกไว้เมื่อยังอยู่กับท่านทั้งหลาย คือทุกสิ่งต้องสำเร็จตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในหนังสือบัญญัติของโมเสส หนังสือผู้เผยพระวจนะ และในหนังสือสดุดี” จากนั้นพระองค์ทรงเปิดใจเขาเพื่อพวกเขาจะสามารถเข้าใจพระคัมภีร์ พระองค์ตรัสบอกพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ คือพระคริสต์ต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม และให้ประกาศการกลับใจใหม่และการอภัยบาปในพระนามของพระองค์แก่มวลประชาชาติเริ่มตั้งแต่ที่เยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายคือพยานของสิ่งเหล่านี้ เรากำลังจะส่งสิ่งที่พระบิดาของเราทรงสัญญาไว้มาให้พวกท่าน แต่จงคอยอยู่ในกรุงนี้จนกว่าท่านจะได้รับฤทธิ์อำนาจจากเบื้องบน”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 24

ลูกา 24:1-49 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

รุ่ง​อรุณ​วัน​แรก​ของ​สัปดาห์ พวก​ผู้​หญิง​ก็​นำ​เครื่อง​หอม​ที่​ได้​เตรียม​ไว้​ไป​ยัง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ พวก​นาง​พบ​ว่า หิน​ได้​กลิ้ง​พ้น​จาก​ทาง​เข้า​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​แล้ว แต่​เมื่อ​ได้​เข้า​ไป​ข้าง​ใน​ก็​ไม่​พบ​ร่าง​ของ​พระ​เยซู องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ขณะ​ที่​กำลัง​ฉงน​ใจ​อยู่ ใน​ทันใด​นั้น​ก็​มี​ชาย 2 คน​ยืน​อยู่​ข้างๆ มี​เสื้อ​ผ้า​อัน​เป็น​ประกาย​เจิดจ้า นาง​เหล่า​นั้น​ตกใจ​และ​ก้ม​หน้า​ลง​ซบ​พื้น ชาย​ทั้ง​สอง​พูด​ขึ้น​ว่า “ทำไม​พวก​ท่าน​จึง​แสวงหา​คน​เป็น​ใน​เหล่า​คนตาย พระ​องค์​ไม่​อยู่​ที่​นี่ เพราะ​ได้​ฟื้น​คืน​ชีวิต​แล้ว จง​ระลึก​ถึง​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​กล่าว​ไว้​กับ​ท่าน​ขณะ​ที่​ยัง​อยู่​กับ​ท่าน​ใน​แคว้น​กาลิลี ‘บุตรมนุษย์​จะ​ต้อง​ตก​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวก​คน​บาป จะ​ถูก​ตรึง​บน​ไม้​กางเขน และ​ใน​วัน​ที่​สาม​จะ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​อีก’” หญิง​เหล่า​นั้น​จึง​ระลึก​ถึง​คำ​พูด​ของ​พระ​องค์​ได้ เมื่อ​พวก​เขา​กลับ​จาก​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ก็​ได้​เล่า​ให้​อัครทูต​ทั้ง​สิบ​เอ็ด​และ​ผู้​ติดตาม​ทั้ง​ปวง​ฟัง​ด้วย ผู้​ที่​บอก​เหตุการณ์​นี้​กับ​พวก​อัครทูต​คือ มารีย์​ชาว​มักดาลา โยอันนา มารีย์​มารดา​ของ​ยากอบ และ​หญิง​อื่นๆ ที่​อยู่​กับ​พวก​เขา แต่​พวก​เขา​ไม่​เชื่อ​และ​คิด​ว่า​เป็น​เรื่อง​เหลวไหล อย่างไร​ก็​ตาม เปโตร​ได้​ลุก​ขึ้น​วิ่ง​ไป​ยัง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ และ​ขณะ​ที่​ก้ม​มองดู​ข้าง​ใน เขา​ก็​เห็น​ริ้ว​ผ้าป่าน​วาง​แยก​ไว้ แล้ว​เปโตร​ก็​เดิน​จาก​ไป คิด​ฉงน​ถึง​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น ใน​วัน​เดียว​กัน​นั้น​เอง​สาวก 2 คน​ได้​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​หมู่บ้าน ชื่อ​เอมมาอูส​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​เมือง​เยรูซาเล็ม 11 กิโลเมตร เขา​ทั้ง​สอง​กำลัง​คุย​กัน​เกี่ยว​กับ​ทุก​สิ่ง​ที่​ได้​เกิด​ขึ้น ขณะ​ที่​คุย​โต้ตอบ​กัน​อยู่ พระ​เยซู​เอง​เดิน​เข้า​มา​ใกล้​และ​ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​ด้วย​กัน แต่​ด้วย​เหตุผล​อย่างใด​อย่าง​หนึ่ง เขา​ทั้ง​สอง​จำ​พระ​องค์​ไม่​ได้ พระ​องค์​ถาม​ว่า “ท่าน​เดิน​คุย​อะไร​กัน​อยู่” เขา​ทั้ง​สอง​หยุด​ยืน​นิ่ง​หน้า​สลด คน​ที่​ชื่อ​เคลโอปัส​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เป็น​ผู้​เยี่ยม​เยียน​เมือง​เยรูซาเล็ม​เพียง​ผู้​เดียว​เท่า​นั้น​หรือ​ที่​ไม่​ทราบ​ถึง​สิ่ง​ที่​ได้​เกิด​ขึ้น​ที่​นั่น” พระ​องค์​ถาม​ว่า “สิ่ง​ใด” เขา​ตอบ​ว่า “เกี่ยว​กับ​พระ​เยซู​แห่ง​เมือง​นาซาเร็ธ พระ​องค์​เป็น​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​มี​อานุภาพ​ทั้ง​วาจา​และ​การ​กระทำ​ต่อ​หน้า​พระ​เจ้า​และ​คน​ทั่ว​ไป พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ที่​อยู่​ใน​ระดับ​ปกครอง​ของ​เรา​ได้​มอบ​พระ​องค์​ไป​ให้​ประหาร แล้ว​เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​ตรึง​พระ​องค์​บน​ไม้​กางเขน พวก​เรา​ได้​แต่​หวัง​ว่า​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ที่​จะ​ไถ่​อิสราเอล และ​ยิ่ง​ไป​กว่า​นั้น นี่​ก็​เป็น​วัน​ที่​สาม​ตั้งแต่​สิ่ง​เหล่า​นี้​ได้​เกิด​ขึ้น อีก​อย่าง​คือ​พวก​ผู้​หญิง​บาง​คน​ใน​หมู่​เรา​ทำ​ให้​เรา​แปลกใจ​ที่​วัน​นี้​เขา​ไป​ยัง​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​กัน​แต่​เช้าตรู่ แต่​ก็​ไม่​พบ​ร่าง​ของ​พระ​องค์ แล้ว​ยัง​มา​บอก​พวก​เรา​ว่า ได้​เห็น​เหล่า​ทูต​สวรรค์​ใน​ภาพ​นิมิต แจ้ง​การ​คืน​ชีวิต​ของ​พระ​เยซู เพื่อน​ของ​เรา​บาง​คน​ได้​ไป​ที่​ถ้ำ​เก็บ​ศพ​ก็​เห็น​ว่า​เป็น​จริง​ตาม​ที่​พวก​ผู้​หญิง​ได้​พูด​ไว้ คือ​ไม่​เห็น​พระ​องค์” พระ​เยซู​กล่าว​กับ​เขา​ทั้ง​สอง​ว่า “เจ้า​คน​เขลา เจ้า​ช่าง​เชื่อ​ยาก​นัก​กับ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​บรรดา​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ได้​พูด​ไว้ จำเป็น​ไม่​ใช่​หรือ ที่​พระ​คริสต์​จะ​ต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​กับ​สิ่ง​เหล่า​นี้ แล้ว​จึง​เข้า​สู่​พระ​บารมี​ของ​พระ​องค์” พระ​องค์​จึง​ได้​อธิบาย​ให้​พวก​เขา​ฟัง​สิ่ง​ที่​พระ​คัมภีร์​ระบุ​ไว้​เกี่ยว​กับ​พระ​องค์​โดย​ทั่ว โดย​เริ่ม​จาก​ฉบับ​ที่​โมเสส​บันทึก​ไว้ อีก​ทั้ง​ฉบับ​ของ​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า​ทุก​ท่าน เมื่อ​จวน​จะ​ถึง​หมู่บ้าน​ที่​กำลัง​จะ​ไป พระ​เยซู​แสดง​ทีท่า​ว่า​จะ​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​อีก แต่​เขา​ได้​คะยั้น​คะยอ​พระ​องค์​ว่า “อยู่​กับ​พวก​เรา​เถิด นี่​ก็​จวน​ค่ำ​แล้ว ตะวัน​จวน​จะ​ตก​แล้ว” พระ​องค์​จึง​เข้า​ไป​พัก​อยู่​กับ​พวก​เขา เมื่อ​พระ​เยซู​เอนกาย​ลง​รับประทาน​กับ​เขา​ทั้ง​สอง พระ​องค์​ได้​หยิบ​ขนมปัง แล้ว​กล่าว​ขอบคุณ​พระ​เจ้า บิ​และ​ยื่น​ให้​แก่​เขา เขา​ก็​รู้​แจ้ง​และ​จำ​พระ​องค์​ได้ แล้ว​พระ​องค์​ก็​หาย​ร่าง​ไป​จาก​สายตา​ของ​เขา พวก​เขา​ต่าง​ก็​ถาม​กัน​และ​กัน​ว่า “ใจ​ของ​พวก​เรา​ไม่​เร่าร้อน​กัน​บ้าง​หรือ ขณะ​ที่​พระ​องค์​พูด​กับ​เรา​ที่​ถนน และ​อธิบาย​ความ​หมาย​ใน​พระ​คัมภีร์​ให้​เรา​ฟัง” เขา​ทั้ง​สอง​ลุก​ขึ้น แล้ว​ก็​กลับ​ไป​ยัง​เมือง​เยรูซาเล็ม​ทันที และ​ได้​พบ​กับ​อัครทูต​ทั้ง​สิบ​เอ็ด​และ​คน​อื่นๆ ร่วม​ประชุม​อยู่​ด้วย​ที่​นั่น พวก​เขา​พูด​กัน​ว่า “พระ​เยซู​เจ้า​ฟื้น​คืน​ชีวิต​แล้ว​จริงๆ และ​ได้​ปรากฏ​แก่​ซีโมน” แล้ว 2 คน​นั้น​ก็​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง ว่า​พวก​เขา​จำ​พระ​องค์​ได้ ก็​ตอน​ที่​พระ​องค์​บิ​ขนมปัง​นั่น​เอง ขณะ​ที่​เขา​เหล่า​นั้น​กำลัง​พูด​กัน​อยู่ พระ​เยซู​ก็​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​พวก​เขา​และ​กล่าว​ว่า “สันติสุข​จง​อยู่​กับ​เจ้า” พวก​เขา​ตกใจ​กลัว​คิด​ว่า​เป็น​ผี พระ​องค์​กล่าว​ขึ้น​ว่า “ทำไม​พวก​เจ้า​จึง​คิด​กังวล​และ​มี​ความ​สงสัย​อยู่​ใน​ใจ ดู​มือ​และ​เท้า​ของ​เรา​สิ นี่​เป็น​ตัว​เรา​เอง แตะต้อง​ตัว​เรา​ดู ผี​ไม่​มี​เนื้อหนัง​และ​กระดูก​เหมือน​ที่​เห็น” พระ​องค์​กล่าว​จบ​แล้ว​ก็​ให้​พวก​เขา​ดู​มือ​และ​เท้า​ของ​พระ​องค์ เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ยัง​ไม่​เชื่อ แต่​ก็​ยัง​รู้สึก​ยินดี อีก​ทั้ง​ประหลาดใจ​อยู่ พระ​องค์​ก็​ถาม​เขา​ว่า “เจ้า​มี​อะไร​รับประทาน​ที่​นี่​บ้าง​ไหม” เขา​ทั้ง​หลาย​ให้​ปลาย่าง​ชิ้น​หนึ่ง​แก่​พระ​องค์ พระ​องค์​ก็​รับประทาน​ต่อ​หน้า​พวก​เขา พระ​เยซู​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “สิ่ง​ที่​เรา​ได้​บอก​เจ้า​ไว้​ขณะ​ที่​เรา​ยัง​อยู่​กับ​เจ้า​ก็​คือ ทุก​สิ่ง​ที่​เขียน​ไว้​เกี่ยว​กับ​เรา​ใน​หมวด​กฎ​บัญญัติ​ของ​โมเสส หมวด​ผู้เผย​คำกล่าว​ของ​พระ​เจ้า และ​หมวด​สดุดี จะ​เกิด​ขึ้น​สำเร็จ​ตาม​นั้น” ครั้น​แล้ว​พระ​องค์​ก็​ทำ​ให้​เขา​เหล่า​นั้น​เข้าใจ​ถึง​พระ​คัมภีร์ และ​พระ​องค์​กล่าว​ว่า “นี่​คือ​สิ่ง​ที่​บันทึก​ไว้ พระ​คริสต์​จะ​ทน​ทุกข์​ทรมาน​และ​ฟื้น​คืน​ชีวิต​จาก​ความ​ตาย​ใน​วัน​ที่​สาม การ​กลับใจ​และ​การ​ยกโทษ​บาป​จะ​ถูก​ประกาศ​แก่​ชน​ทุก​ชาติ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์ เริ่ม​จาก​เมือง​เยรูซาเล็ม พวก​เจ้า​เป็น​พยาน​ของ​สิ่ง​เหล่า​นี้ เรา​กำลัง​จะ​ส่ง​คำมั่น​สัญญา​ซึ่ง​พระ​บิดา​ของ​เรา​ได้​ให้​ไว้​สำหรับ​พวก​เจ้า แต่​จง​อยู่​ใน​ตัว​เมือง​จน​กว่า​เจ้า​จะ​พร้อม​ด้วย​อานุภาพ​จาก​เบื้อง​บน”

แบ่งปัน
อ่าน ลูกา 24