เลวีนิติ 13:4-11

เลวีนิติ 13:4-11 ฉบับมาตรฐาน (THSV11)

ถ้าผิวหนังตรงจุดนั้นขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง และขนในบริเวณนั้นก็ไม่หงอก ให้ปุโรหิตกักตัวผู้ป่วยไว้เจ็ดวัน และให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกในวันที่เจ็ด ถ้าตามสายตาของปุโรหิตเห็นว่า โรคนั้นทรงอยู่ไม่ลามออกไปตามผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตกักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าบริเวณที่เป็นโรคนั้นจางลง และโรคไม่ได้ลามออกไปตามผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาดแล้ว เขาเป็นผื่นเท่านั้น ให้เขาซักเสื้อผ้า แล้วเขาก็จะสะอาด แต่ถ้าหลังจากเขาแสดงตัวแก่ปุโรหิตเพื่อรับการชำระแล้วนั้น ปรากฏว่า บริเวณที่เป็นผื่นลามออกไปตามผิวหนัง ให้เขากลับไปหาปุโรหิตอีก ให้ปุโรหิตตรวจ ถ้าบริเวณที่เป็นผื่นลามออกไปตามผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน “ถ้าผู้ใดมีอาการของโรคเรื้อนก็ให้พาเขามาหาปุโรหิต และให้ปุโรหิตตรวจดูตัวเขา ถ้ามีบริเวณบวมสีขาวที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้ขนที่นั่นหงอก และมีเนื้อแผลสดในที่ที่บวมนั้น แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนเรื้อรังที่ผิวหนัง ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน ห้ามกักตัวเขาไว้ เพราะว่าเขาเป็นมลทิน

เลวีนิติ 13:4-11 พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971 (TH1971)

ถ้าผิวหนังตรงที่ป่วยนั้นขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่า ผิวหนังและขนในบริเวณนั้นก็ไม่หงอก ให้ปุโรหิตกักตัวผู้ป่วยไว้เจ็ดวัน และให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกในวันที่เจ็ด ถ้าตามสายตาของเขาเห็นว่า โรคนั้นทรงอยู่ไม่ลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตกักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าบริเวณที่ป่วยนั้นจางลง และโรคมิได้ลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาดแล้ว เขาเป็นโรคพุเท่านั้น ให้เขาซักเสื้อผ้าแล้วเขาก็จะสะอาดได้ แต่ถ้าหากว่าภายหลังจากที่เขาสำแดง ตัวแก่ปุโรหิตเพื่อรับการชำระแล้วนั้น ปรากฏว่าบริเวณที่พุลามออกไปในผิวหนัง เขาต้องกลับไปหาปุโรหิตอีก ให้ปุโรหิตทำการตรวจ ถ้าบริเวณพุลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน <<ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อนก็ให้พาเขามาหาปุโรหิต และให้ปุโรหิตตรวจดูตัวเขา ถ้ามีบริเวณบวมสีขาวเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้ขนที่นั่นหงอก และมีเนื้อแผลสดในที่ที่บวมนั้น แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนเรื้อรังที่ผิวหนัง ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขามลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะว่าเขาเป็นมลทิน

เลวีนิติ 13:4-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (THA-ERV)

แต่​ถ้า​ผิวหนัง​ตาม​ร่างกาย​ของ​คนๆนั้น​เป็น​จุดขาวๆ​แต่​ไม่มี​แผล​ที่​กิน​ลึก​เข้าไป​ใน​เนื้อ และ​ขน​ก็​ไม่​เปลี่ยน​เป็น​สีขาว นักบวช​จะ​ต้อง​แยก​คนๆนั้น​ออก​จาก​ประชาชน​เป็น​เวลา​เจ็ดวัน ใน​วัน​ที่เจ็ด​นักบวช​ต้อง​กลับ​มา​ตรวจดู​คนๆนั้น​อีกครั้ง ถ้า​รอยแผล​นั้น​ไม่​เปลี่ยน​แปลง​และ​ไม่​ลุกลาม​ไป​บน​ผิวหนัง นักบวช​ต้อง​แยก​คนๆนั้น​ออก​จาก​ประชาชน​อีก​เจ็ดวัน ใน​วัน​ที่เจ็ด​กลับ​มา​ตรวจ​ดู​อีกครั้ง ถ้า​รอยแผล​จางลง​และ​แผล​ไม่​กระจาย​ลุกลาม​บน​ผิวหนัง นักบวช​ต้อง​ประกาศ​ให้​คนๆนั้น​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์ รอยแผล​นั้น​เป็น​เพียง​สะเก็ด​แผล คนๆนั้น​ต้อง​ซัก​ล้าง​เสื้อผ้า​ของเขา หลัง​จากนั้น​เขา​ก็​จะ​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์ แต่​ถ้า​สะเก็ด​แผล​นั้น​เกิด​ลุกลาม​ไป​บน​ผิวหนัง หลังจาก​ที่​นักบวช​ป่าว​ประกาศ​ให้​คนๆนั้น​บริสุทธิ์​แล้ว เขา​ต้อง​กลับ​ไป​พบ​นักบวช​อีกครั้ง ถ้า​นักบวช​ตรวจดู​แล้ว​พบ​ว่า​แผล​ลุกลาม​จริง นักบวช​ต้อง​ประกาศ​ใหม่​ว่า​คนๆนั้น​เป็น​คน​ไม่​บริสุทธิ์ เพราะ​มัน​คือ​โรค​ผิวหนัง​เรื้อรัง เมื่อ​คนๆหนึ่ง​เป็น​โรค​ผิวหนัง​เรื้อรัง คนๆนั้น​จะ​ถูก​นำตัว​มา​พบ​นักบวช ถ้า​นักบวช​ตรวจดู​และ​พบ​แผล​พุพอง​สีขาว​บน​ผิวหนัง ขน​บางส่วน​รอบๆ​กลาย​เป็น​สีขาว​และ​มี​แผ่นเนื้อ​สด​อยู่​ใน​แผล​พุพอง​นั้น มัน​คือ​โรค​ผิวหนัง​ชนิด​เรื้อรัง นักบวช​จะ​ต้อง​ประกาศ​ว่า​คนๆ​นั้น​ไม่​บริสุทธิ์ โดย​ไม่​ต้อง​แยก​ออก​มา​คอย​ดู​อาการ เพราะ​เขา​เป็น​คน​ที่​ไม่​บริสุทธิ์​อยู่​แล้ว

เลวีนิติ 13:4-11 พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV (KJV)

ถ้าผิวหนังตรงที่ด่างขึ้นนั้นขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง และขนในบริเวณนั้​นก​็​ไม่​เปล​ี่ยนเป็นสี​ขาว ให้​ปุ​โรหิ​ตก​ักตัวผู้ป่วยไว้​เจ​็ดวัน และให้​ปุ​โรหิตตรวจเขาอีกในวั​นที​่​เจ็ด ดู​เถิด ถ้าตามสายตาของเขาเห็​นว​่าโรคนั้นทรงอยู่​ไม่​ลามออกไปในผิวหนัง ก็​ให้​ปุ​โรหิ​ตก​ักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน พอถึงวั​นที​่​เจ​็ดให้​ปุ​โรหิตตรวจเขาอีกครั้งหนึ่ง ดู​เถิด ถ้าบริเวณที่ป่วยนั้นจางลง และโรคมิ​ได้​ลามออกไปในผิวหนัง ก็​ให้​ปุ​โรหิตประกาศว่า เขาสะอาดแล้ว เขาเป็นโรคพุ​เท่านั้น ให้​เขาซักเสื้อผ้าแล้วเขาก็จะสะอาดได้ แต่​ถ้าหากว่าภายหลังจากที่เขาสำแดงตัวแก่​ปุ​โรหิตเพื่อรับการชำระแล้​วน​ั้นปรากฏว่า บริเวณที่​พุ​ลามออกไปในผิวหนัง เขาต้องกลับไปหาปุโรหิ​ตอ​ีก ให้​ปุ​โรหิตทำการตรวจ ดู​เถิด ถ้าบริเวณพุนั้นลามออกไปในผิวหนัง ก็​ให้​ปุ​โรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อนก็​ให้​พาเขามาหาปุโรหิต และให้​ปุ​โรหิตตรวจดูตัวเขา ดู​เถิด ถ้ามีบริเวณบวมสีขาวเกิดขึ้​นที​่​ผิวหนัง ซึ่งทำให้ขนที่นั่นเปลี่ยนเป็นสี​ขาว และมีเนื้อแผลสดในที่​ที่​บวมนั้น แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนเรื้อรังที่​ผิวหนัง ให้​ปุ​โรหิตประกาศว่าเขามลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะว่าเขาเป็นมลทิน

เลวีนิติ 13:4-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

แต่หากผิวหนังบริเวณนี้เป็นด่างแต่ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง และขนในบริเวณดังกล่าวก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะต้องกักตัวเขาไว้ดูอาการเป็นเวลาเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจผู้นั้นอีกครั้ง หากบริเวณที่บวมดังกล่าวยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตก็จะกักตัวเขาไว้อีกเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจผู้นั้นอีกครั้ง หากรอยโรคดีขึ้น ไม่ได้ลามลึกลงไป ปุโรหิตก็จะประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน เป็นเพียงผื่นธรรมดา ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตน แล้วเขาก็จะสะอาด แต่หากผื่นนั้นเห่อลามไปหลังจากที่เขาให้ปุโรหิตตรวจดูหนหนึ่งแล้ว เขาจะต้องกลับมาหาปุโรหิตอีก ปุโรหิตจะตรวจเขาใหม่ หากเห็นว่าผื่นนั้นเห่อลามตามผิวหนังก็จะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคติดต่อ “หากผู้ใดเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ต้องนำเขาไปพบปุโรหิต แล้วปุโรหิตจะตรวจผู้นั้น หากเขามีอาการบวมซีดที่ผิวหนัง ขนบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว และรอยบวมนั้นปริแตกเป็นแผล เขาก็เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทินโดยไม่ต้องกักตัวไว้ดูอาการอีก เพราะเขาเป็นมลทินแล้ว

เลวีนิติ 13:4-11 พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ (NTV) (NTV)

แต่​ถ้า​แผล​เป็น​รอย​ด่าง​สี​ขาว​อยู่​ไม่​ลึก​กว่า​ผิว​หนัง และ​ขน​บริเวณ​นั้น​ไม่​ได้​เปลี่ยน​เป็น​สี​ขาว ปุโรหิต​จะ​ต้อง​กัก​ตัว​คน​เป็น​โรค​ไว้ 7 วัน ใน​วัน​ที่​เจ็ด​ปุโรหิต​จะ​ตรวจ​ดู​เขา​อีก และ​ตาม​ความ​เห็น​ของ​ปุโรหิต ถ้า​โรค​ไม่​ได้​ลาม​มาก​ขึ้น​เขา​จะ​ต้อง​กัก​ตัว​ผู้​นั้น​ไว้​อีก 7 วัน เพื่อ​จะ​ตรวจ​อีก​หลัง​จาก​นั้น 7 วัน ถ้า​เห็น​ว่า​แผล​บริเวณ​นั้น​จาง​ลง​และ​ไม่​มี​การ​ลาม​บน​ผิว​หนัง ปุโรหิต​จึง​จะ​ประกาศ​ว่า​เขา​สะอาด มัน​เป็น​เพียง​ผื่น​ธรรมดา ให้​เขา​ซัก​เครื่อง​แต่ง​กาย แล้ว​จึง​จะ​ถือ​ว่า​เขา​สะอาด แต่​ถ้า​ผื่น​ลาม​ไป​ตาม​ผิว​หนัง​แม้ว่า​หลัง​จาก​ที่​ให้​ปุโรหิต​ตรวจ​ดู​แล้ว​ว่า​เขา​สะอาด เขา​ก็​ยัง​จะ​ต้อง​ไป​หา​ปุโรหิต​อีก ปุโรหิต​ต้อง​ตรวจ​เขา​อีก​ครั้ง ถ้า​ผื่น​นั้น​ลาม​บน​ผิว​หนัง ปุโรหิต​ต้อง​ประกาศ​ว่า​เขา​เป็น​มลทิน เพราะ​เป็น​โรค​เรื้อน ถ้า​ผู้​ใด​เป็น​โรค​เรื้อน ให้​คน​พา​เขา​ไป​หา​ปุโรหิต และ​ปุโรหิต​จะ​ตรวจ​ดู​ตัว​เขา ถ้า​แผล​ที่​ผิว​หนัง​ของ​เขา​บวม​เป็น​สี​ขาว ขน​ก็​เป็น​สี​ขาว และ​ผิว​ที่​บวม​นั้น​อักเสบ จึง​นับ​ว่า​ผิว​หนัง​ของ​เขา​เป็น​โรค​เรื้อน​ขั้น​เรื้อรัง ปุโรหิต​จะ​ต้อง​ประกาศ​ว่า​เขา​เป็น​มลทิน อย่า​กัก​ตัว​เขา​ไว้ เพราะ​เขา​เป็น​มลทิน​แล้ว